Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

วปอ. รวมพลัง สถาบันพระปกเกล้า บอก ”รักเมืองไทย“ กระหึ่มสนามศุภฯ ผ่านการแสดงสะท้อนสังคม รักความเป็นชาติไทย

วันที่ 26 สิงหาคม ที่ สนามศุภชลาศัย พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน เปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า ภายใต้แนวคิด “รักเมืองไทย” ชิงถ้วยรางวัลสภากาชาดไทย และ ชิงถ้วยรางวัลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์  ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก 

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้ง คณาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้า ประกอบด้วย หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างล้นหลาม

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พล.ท.ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อํานวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ททบ.5 พล.อ.วิชัย ชูเชิด ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า  ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า ดร.ธิติมา หล่อพิพัฒน์ นายกสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกวุฒิสภา ร่วมงาน

โดยกิจกรรมเริ่มขึ้นด้วยการแสดงวงดุริยางค์ ของกองบัญชาการกองทัพไทย จากนั้นเป็นการร่วมแสดงของศิษย์ทั้งสองสถาบัน โดยเนื้อหาแสดงถึงความเสียสละ ความรัก ความสามัคคี นำมาซึ่งการรักษาความเป็นไทย มาถึงปัจจุบัน ต่อด้วยขบวนพาเหรด 

สิ่งที่น่าสนใจต้องยกให้การเดินขบวนพาเหรดที่ทั้ง 2 สถาบันได้สะท้อนสังคม รักความเป็นชาติไทย ที่ทั้งสองฝั่ง วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า ทำออกมาได้รับเสียงปรบมือสนั่นสเตเดียมเลยทีเดียว รวมไปถึงการเชียร์ของทั้งสองทีม แบบจัดเต็มจัดหนัก เสียงดังสนั่นทั่วทั้งสนามศุภชลาศัย 

ไฮไลต์เป็นการแสดงชุด "รักเมืองไทย" ด้วยการใช้โทนสีแดง ขาว น้ำเงิน ที่แสดงถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉากแรกเริ่มต้น การแสดงกล่าวถึงความเสียสละของคนไทยสมัยก่อน ที่ร่วมกันปกป้องผืนแผ่นดินไทย

ฉากที่สองกล่าวถึงความหลากหลายของศาสนาในประเทศไทย ถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ 

ฉากที่สามกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ ความสามัคคีของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนของไทย ก็ร่วมกันสามัคคี เพื่อถวายแด่พ่อหลวงของปวงไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ฉากที่สี่กล่าวถึงประเพณีสี่ภาค การแสดง ศิลปะและประเพณีของแต่ละภาค เริ่มต้นจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง 

ฉากที่ห้ากล่าวถึงความแตกต่างของเอกลักษณ์และประเพณีของแต่ละภาค ถึงแม้จะแตกต่างกันแต่ทุกความแตกต่างล้วนแสดงถึงความเป็นไทยอย่างลงตัว

ส่วนขบวนพาเหรด "ผสานใจ รักษ์เมืองไทยยั่งยืน" ได้สื่อถึงความสมานฉันท์ของคนไทยที่มีความเทิดทูนจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผ่านการแสดงพลังของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของทั้ง 2 สถาบัน กว่า 200 คน ร่วมขบวนพาเหรดเชิญถ้วยรางวัล และแสดงถึงพลังแห่งความสามัคคี ปรองดอง และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอลคู่แรก ประเภท JUNIOR  ผลการแข่งขันสถาบันพระปกเกล้า ชนะไป 2:0 

ส่วนคู่สองประเภท SENIOR ผลการแข่งขัน วปอ.ชนะไป 1:0 โดยมีนักเตะกิตติมศักดิ์ร่วมแข่งขันด้วย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายธนกร วังบุญคงชนะ 

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการ ”รักเมืองไทย” ว่า ประเทศเหมือนครอบครัว การรวมพลังของคนในชาติเหมือนสมาชิกในครอบครัวร่วมกันสร้างครอบครัว หากมีครอบครัวที่อบอุ่นทุกคนในครอบครัวก็มีแต่เติบโตแข็งแรงไปพร้อมกัน ส่วนการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ เกมส์ฟุตบอลในสนามแพ้ชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญ กิจกรรมและความร่วมมือสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพและความเสียสละเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะเป็นภาพที่งดงามและประทับใจมากกว่า หากทุกท่านเข้าใจและเสียสละในทรัพยากรที่ตัวเองมี บางท่านลงเงิน บางท่านลงแรงตามกำลังที่จะทำได้ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ด้วยความรักและเข้าใจ มิตรภาพก็จะยั่งยืน

ด้านพันเอก ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ ประธานฝ่ายกีฬา วปอ.65 กล่าวว่า ความรัก ทำให้เราสามารถเสียสละและทำทุกอย่างให้ได้ เรามีคนรัก เราสามารถเสียสละทุกอย่างและทำทุกอย่างให้คนรักได้ เรามีครอบครัว เราก็สามารถเสียสละและทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวได้ ดังนั้นเมื่อเราเกิดและอาศัยในผืนแผ่นดินไทย เราจึงต้อง “รักเมืองไทย” เสียสละทุกอย่างและทำทุกอย่างเพื่อผืนแผ่นดินไทยของเรา ศิษย์ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้าทุกคน “รักเมืองไทย” จึงขอเชิญชวนทุกคนมารักเมืองไทยด้วยกัน

‘ตร.’ ตามรวบ ‘คู่รัก’ สุดแสบ!! ตระเวนล้วงกระเป๋าทั่วกรุงเทพฯ เผย ใช้แผนเบี่ยงเบนความสนใจ พบก่อเหตุมาแล้วนับร้อยครั้ง

(27 ส.ค. 66) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระรองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. จับกุมนายบูย หรือ ‘บอย ยางฮา’ อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา และ น.ส.แมรี่ หรือ ‘ส้มจีน’ อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา ข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต

พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ลักทรัพย์มา และชุดที่ใช้ในการก่อเหตุรวมกว่า 36 รายการ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้องพักเลขที่ 310 อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ

สืบเนื่องจากปัญหาการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์สินของชาวบ้านในปัจจุบัน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้วางแนวทางการป้องกันและปราบปราม พร้อมอีกทั้งได้ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจของ บก.สส.บช.น. เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว

ต่อมาได้สืบสวนจนพบกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกลาดตระเวนวิ่งราวทรัพย์ล้วงกระเป๋า จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวน จนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้คือ ผู้ก่อเหตุจะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าตามห้างสรรพสินค้า และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมาก ทั่ว กทม. โดยมีวิธีการก่อเหตุคือจะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน

โดยคนหนึ่งจะทำการประชิดตัวผู้เสียหายเพื่อทำการเบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนที่อีกคนหนึ่งจะทำการล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินไปก่อนจะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถพบได้ว่ากลุ่มของผู้ก่อเหตุได้โดยสารรถประจำทางมาจากบริเวณห้างอิมพีเรียล สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ต่อมาวันที่ 26 ส.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวได้พักอาศัยที่ อพาร์ทเม้นทรัพย์เอเชีย ซอยสุขุมวิท 111 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทราบชื่อภายหลังคือ นายบูย หรือบอย ยางฮา อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา และ น.ส.แมรี่ หรือส้ม จีน อายุ 27 ปี สัญชาติกัมพูชา

โดยระหว่างสืบสวนได้พบว่า ทั้งสองคนนั้นได้เดินเข้า-ออกบริเวณห้องพักของตนจำนวนหลายครั้ง อีกทั้งมีการเก็บเสื้อผ้าคล้ายจะเตรียมทำการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง

จากการสอบสวผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2565 ตนทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จึงได้วางแผนร่วมกันก่อเหตุล้วงกระเป๋า โดยได้มีการซักซ้อมกันจนชำนาญ ก่อนที่จะออกก่อเหตุตามบริเวณห้างสรรพสินค้า

และแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเป็นจำนวนมากในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยได้ก่อเหตุรวมมากกว่า 100 ครั้ง หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้นำตัว นายบูย และ น.ส.แมรี่ เบื้องต้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'นัท-เขตต์' 2 นายทหารสัญญาบัตรสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ  'มุ่งมั่นทำงานรับใช้ชาติ - พร้อมเป็นเสาหลักและที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว'

(28 ส.ค. 66) พลเรือโท ประวุฒิ รอดมณี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทแสดงความยินดีและรับรายงานตัวนายทหารสัญญาบัตร ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ จำนวน 2 นาย ได้แก่ ว่าที่เรือโท ณัฐวุฒิ อุทรส พร้อมกับ ว่าที่เรือตรี สุรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ ณ ห้องรับรอง2 กองบัญชาการโรงเรียนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

โดยว่าที่เรือโท ณัฐวุฒิ หรือ น้องนัท เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 58 นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 115 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสเปน โดยเข้าการศึกษาตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2560 ถึง 21 กรกฎาคม 2566 เป็นระยะเวลา 5 ปี

แรงบันดาลใจของน้องนัทในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากที่ต้องการจะแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยในระหว่างที่ศึกษาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น น้องนัทจะได้รับเงินเดือน ซึ่งสามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องลำบากผู้ปกครอง เนื่องจากครอบครัวมีฐานะปานกลาง จึงไม่อยากรบกวนผู้ปกครอง และการที่ได้เข้ามาเป็นทหารเรือนั้น สามารถมอบประสบการณ์ในการพบเห็นโลกกว้างทั้งจากการไปฝึกทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากอาชีพอื่น ดังคำกล่าวที่ว่า Join Navy to see the world ซึ่งการที่มีหลักสูตรไปศึกษาต่อในต่างประเทศนั้น ได้มอบโอกาสในการเห็นมุมมองของคนต่างประเทศจากภายในและได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว

อีกทั้งในการไปราชอาณาจักรสเปนยังได้ภาษาที่ 3 ซึ่งภาษาสเปนถูกใช้มากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองมากจากภาษาจีน และเรือลำใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือไทยก็มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปนด้วย จึงเป็นเหตุผลที่น้องนัทเลือกศึกษาในประเทศนี้

สำหรับประสบการณ์ที่ได้จากการไปศึกษาที่ราชอาณาจักรสเปน ด้วยการเรียนที่โรงเรียนนายเรือสเปนจะใช้ภาษาสเปนในการสื่อสาร ดังนั้นจึงต้องมีการเรียนภาษาก่อน 1 ปี แล้วจากนั้นจึงเข้าศึกษาหลักสูตรในโรงเรียนนายเรืออีก 5 ปี รวมเป็น 6 ปี การศึกษาในโรงเรียนเป็นการศึกษาวิชาทางทหาร ทั้งยุทธวิธีและการปฏิบัติทางเรือควมคู่ไปกับหลักสูตรปริญญาสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยบีโก้ ที่มีความเข้มข้นในหลักสูตร โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเรือ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับบริษัท Navantia ที่เป็นบริษัทที่ผลิตเรือทั้งเรือสินค้าและเรือรบ

โดยปัจจุบันทางสเปนกำลังผลิตเรือฟริเกตเป็นคลาส F-110 เป็นของตัวเอง คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2568 ในช่วงที่นัทศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายเรือฯ ได้มีโอกาสไปฝึกเดินทางรอบโลกที่จะมีในรอบ 100 ปี ด้วยเรือใบฝึก A-71 Juan Sebastian Elcano เนื่องในโอกาสครบรอบ 500 ปีในการเดินทางรอบโลกครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือน และได้มีโอกาสไปฝึกปฏิบัติงานที่เรือยกพล LPD L-51 Galicia เรือน้ำมัน A-14 Patiño และเรือฟริเกต F-105 Cristobal Colón

ด้าน ว่าที่เรือตรี สุรศักดิ์ หรือ เขตต์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 59 นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 116 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา สาขา Electrical Engineering โดยเข้าศึกษาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2562 ถึง 31 พฤษภาคม 2566 เป็นระยะเวลา 5 ปี แรงบันดาลใจของน้องเขตต์ ในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากที่ความตั้งใจของน้องเขตต์ที่ต้องการมีหน้าที่การงานที่มั่นคงเพื่อที่จะเป็นเสาหลักและเป็นที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว

น้องเขตต์รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นข้าราชการคนแรกให้กับครอบครัวบรรดาศักดิ์ น้องเขตต์มีความสนใจในด้านภาษา เทคโนโลยี และชอบศึกษาความเป็นมาและความเป็นไปของวัฒนธรรม จึงจุดประกายความคิดที่อยากจะสมัครสอบเป็นนักเรียนทุนต่างประเทศ และน้องเขตต์ก็ทำได้สำเร็จ สอบชิงทุนได้ลำดับที่ 1 และเลือกที่จะไปศึกษาต่อประเทศสหรัฐอเมริกา น้องเขตต์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นตัวแทนไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนกองทัพเรือไทย ในการไปเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ เพื่อที่จะนำความรู้และวิทยาการที่ได้รับ มาปรับและประยุกต์ใช้กับกองทัพเรือไทย

โดยในระหว่างที่ศึกษาน้องเขตต์ได้รับประสบการณ์จากการไปศึกษาที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ด้วยความที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ เปิดรับนักเรียนด้วยระบบโควตาจากทุก ๆ รัฐ อีกทั้งยังมีนักเรียนต่างชาติอีก 13 ประเทศ จึงทำให้มีความหลากหลายทั้งทางด้านความคิด มุมมอง วัฒนธรรม สำเนียง หรือแม้จะเป็นวิธีการพูดที่ไม่เหมือนกัน ถึงจะพูดภาษาเดียวกันหมด คือภาษาอังกฤษ แต่ที่น่าสนใจคือทุกวัฒนธรรมอยู่รวมปนกันได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมจะเป็นการฝึกศึกษาทางทหาร และเป็นที่น่าชื่มชมที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการปลูกฝังทางความคิดทั้งทางด้านความเป็นผู้นำและทางสติปัญญาให้กับนักเรียนนายเรือ เช่น เรื่องแรกที่โรงเรียนปลูกฝังให้กับนักเรียนนายเรือคือ การมีทัศนคติความเป็นผู้ฟังที่ดี มีความเคารพในมุมมองที่ต่างจากตน และมีความกล้าที่จะคิดเห็นและแสดงออก จึงทำให้นักเรียนนายเรือทั้งมีการพัฒนาความคิดจากหลากหลายมุม แล้วยังเกิดการต่อยอดทางความคิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในภายภาคหน้าในฐานะนายทหารเรือซึ่งจะต้องไปนำหน่วยรบต่อไป

ทั้งนี้ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือได้กล่าวต้อนรับและให้โอวาทแก่นายทหารสัญญาบัตรที่จบใหม่ โดยขอให้ตั้งใจการทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อตอบสนองทุกภารกิจที่กองทัพเรือ ได้อย่างเต็มที่ เต็มขีดความสามารถ ธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

‘ศุภชัย-รัตนากร’ 2 แข้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ช่วยเหลือสาวติดอยู่ในรถ  หลังประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนทางด่วน โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 66) กลายเป็นที่ชื่นชมอย่างมากสำหรับ 2 นักเตะสโมสร ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง ‘อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด’ และ ‘เกม รัตนากร ใหม่คามิ’ ซึ่งเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตสาวผู้เคราะห์ร้ายที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ บนทางด่วน เมื่อคืนวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา

ศุภชัย ใจเด็ด และ รัตนากร ใหม่คามิ เพิ่งเสร็จสิ้นจากการลงเล่นให้กับต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ สุโขทัย เอฟซี 1-0 ในฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก 2023/24 นัดที่ 3 ของฤดูกาล โดยที่ ศุภชัย ใจเด็ด เป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมดังกล่าวอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา ศุภชัย ใจเด็ด และรัตนากร ใหม่คามิ ได้ลงไปช่วยสาวผู้ประสบเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบนทางด่วน หลังจบเกมกับสุโขทัย เอฟซีเมื่อคืน โดยมีรายงานว่า โชคดีที่สาวผู้ประสบเหตุไม่เป็นอะไรมาก และได้รับความช่วยเหลือปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

ต้องเรียกได้ว่า 2 แข้งปราสาทสายฟ้าทั้ง ศุภชัย ใจเด็ด และ รัตนากร ใหม่คามิ เป็นฮีโร่ทั้งในและนอกสนามอย่างแท้จริง

‘วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ พิชิตศึกขนไก่ ชนะญี่ปุ่น 2-1 คว้าแชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทยสำเร็จ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 66 ศึกแบดมินตันชิงแชมป์โลก ‘BWF World Championships 2023’ นัดชิงชนะเลิศชายเดี่ยว คู่ที่แฟนแบดมินตันไทยรอคอย นายกุลวุฒิ วิทิตศานต์ หรือ ‘วิว’ นักกีฬาแบดมินตันชาวไทยมือ 3 ของโลก ลงสนามชิงดำกับ ‘โคได นาราโอกะ’ มือ 4 ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น

เปิดฉากเกมแรก ทั้งคู่ดวลกันแบบสนุกสนาน ต่างคนต่างผลัดทำแต้มเบียดกัน ทว่าเมื่อถึง 2 เกมสุดท้าย เป็นโคไดที่เล่นได้เหนียวแน่นและแน่นอนกว่า ปิดเกมแรก ขึ้นนำวิวไปก่อน 19-21 แต่เซต 2 วิวฮึดสู้ ไล่เก็บแต้มจนตีเสมอสำเร็จ 21-18

และท้ายที่สุด ในเกมตัดสิน ‘วิว กุลวุฒิ’ ที่พลังกายและพลังใจกลับมาดี ทำให้สามารถเล่นได้ดีขึ้นกว่าช่วงแรกอย่างเห็นได้ชัด จนสามารถปิดเกมเอาชนะไป ด้วยคะแนน 19-21, 21-18, 21-7 คว้าแชมป์โลกสมัยแรกไปครอง และจารึกชื่อเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย ที่คว้าแชมป์แบดมินตันโลกได้สำเร็จ

สื่อจีน เล่นแรง!! ยก 24 ส.ค.2023 'วันภัยพิบัติจากนิวเคลียร์โลก' หลัง รบ.ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีสู่ทะเลเป็นครั้งแรก

(28 ส.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ สื่อที่อยู่ภายใต้การควบคุมจากรัฐของจีน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีของญี่ปุ่น โดยระบุว่า…

#สัตว์บาปเริ่มแก้แค้นทั่วโลก

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีลงสู่มหาสมุทรเป็นครั้งแรก โดยไม่นำพาการคัดค้านอย่างรุนแรงของประชาคมโลก โดยเฉพาะชาวจีนและเกาหลีใต้

นาย ‘ฮูเหอฉีหลิน’ (乌合麒麟) จิตรกรชื่อดังชาวจีน เสนอผลงานภาพการ์ตูนล่าสุดชื่อภาพ ‘สัตว์บาปเริ่มแก้แค้นทั่วโลก’ โดยมีคำบรรยายภาพ “มันจะทำให้ชาวโลกเสียชีวิตพร้อมกันหรือ” นับเป็นภาพที่แรงมาก แต่แสดงออกถึงอารมณ์โกรธและความกังวลอย่างยิ่งของชาวจีน

การวิจัยที่เกี่ยวข้องของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า น้ำเสียที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ปล่อยจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ จะไหลไปยังมหาสมุทรทั่วโลกใน 10 ปีนับจากนี้ ขณะที่โครงการปล่อยน้ำเสียนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นจะดำเนินการเป็นเวลา 50 ปี และสารกัมมันตรังสีส่วนหนึ่งจะอยู่ได้เป็นเวลาหมื่นปี

น้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์ดังกล่าวมีสารกัมมันตรังสีกว่า 60 ชนิด ทางการญี่ปุ่นบอกว่าเป็นน้ำที่ได้รับการบำบัดมาแล้ว เราเป็นชาวบ้าน ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ทำไมญี่ปุ่นไม่เก็บไว้ใช้เอง อย่างน้อยก็เอาไปใช้ในการเพาะปลูกพืชที่รับประทานได้ ปลูกหญ้าและปลูกป่าก็ได้  แต่จะมุ่งมั่นปล่อยลงสู่ทะเล น้ำเหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือ

สื่อจีนระบุ วันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 2023 เป็น ‘วันภัยพิบัติจากนิวเคลียร์โลก’

‘Free YOUTH’ เหน็บ!! ‘VAT’ คือภาษีที่สร้างความเหลื่อมล้ำ หากเพิ่มจาก 7% เป็น 10% คนรายได้น้อยแบกภาระเต็มๆ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 66 ภายหลังจากมีกระแสข่าวว่าสภาพัฒน์เสนอจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT จากเดิม 7% เพิ่มเป็น 10% ก็ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกออนไลน์ รวมถึงเพจ ‘เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH’ กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า…

“VAT คือภาษีที่สร้างความเหลื่อมล้ำ”

การที่ไม่นานมานี้สภาพัฒน์เสนอขึ้นภาษี VAT จาก 7% เป็น 10% นั้น โดยอ้างว่าต้องการเก็บเพื่อนำมาจัดสรรสวัสดิการให้คนสูงวัยในอนาคต คือการพยายามขูดรีดคนรากหญ้า แทนที่จะเป็นการลดงบกองทัพ หรืองบที่ไม่ได้มีความจำเป็นแก่การพัฒนาประเทศเพื่อนำมาสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าให้กับคนทุกวัย

VAT คือภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าหรือบริการ โดยอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินค้าหรือบริการนั้น สาเหตุที่ VAT ถูกวิจารณ์ว่าเป็นภาษีที่ไม่เป็นธรรม เพราะ ‘ผู้ที่มีรายได้ต่ำจะต้องจ่ายภาษีในอัตราสูงเท่ากับผู้ที่มีรายได้สูง’ ทำให้หากมีการขึ้นภาษี VAT ไปมากกว่าเดิม จะทำให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ เราจึงสามารถเรียกได้ว่า VAT คือ ‘ภาษีแห่งความเหลื่อมล้ำ’

หากยกกรณีตัวอย่าง 
คุณซื้อสินค้าหนึ่งในราคา 40 บาท
หาก VAT เป็น 10% คุณจะเสียอีก 4 บาท
จากอัตราปัจจุบันที่ 7% คุณจะจ่ายอีกประมาณ 2.8 บาท

ความต่างในด้านเงินจำนวนนี้ดู ๆ แล้วอาจไม่เยอะมาก แต่หากนึกถึงคนจนที่มีรายได้น้อยมาก ๆ หากสิ่งของหลายรายการ นั่นก็อาจเป็นเงินหลายบาทสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่ในวันหนึ่ง เขาอาจหาเงินได้ไม่กี่บาท

‘การเก็บภาษีขั้นบันได’ คือภาษีที่เรียกเก็บจากผู้มีรายได้โดยอ้างอิงตามช่วงของรายได้นั้น ๆ ผู้ที่มีรายได้ต่ำจะต้องจ่ายภาษีในอัตราต่ำ และผู้ที่มีรายได้สูงจะต้องจ่ายภาษีในอัตราสูง ทำให้เป็นกลไกหนึ่งที่สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ด้วยค่าครองชีพที่สูงเกินกว่าใครหลายคนจะรับไหว การเพิ่มภาษี VAT ให้มากไปกว่าเติม จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำความเหลื่อมล้ำให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก ‘ภาษีขั้นบันได’ จึงถือว่าเป็นคำตอบให้กับการแก้ไขความเหลื่อมล้ำที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนเพิ่มมากขึ้นทุกทีในสังคมไทย

‘เป้ย ปานวาด’ รับรางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี ขอยกรางวัลนี้ให้ 'แตงโม' หลังตนรับหน้าที่มาสานต่อ

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 66) ปรบมือรัวๆ ให้กับความสำเร็จของนางร้ายหน้าสวย ‘เป้ย-ปานวาด เหมมณี บุญยรัตกลิน’ ที่ขึ้นเวที นาคราชอวอร์ด ครั้งที่ 6 ประจำปี 2566 เพื่อรับรางวัลนักแสดงสมทบดีเด่นแห่งปี สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี จากละครเรื่อง ‘คุณชาย’ ทางช่องวัน 31 ผลิตโดย เดอะวันเอ็นเตอร์ไพร์ส

โดย เป้ย เผยถึงรางวัลดังกล่าวว่า "ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณรางวัล นาคราช นะคะ ขอบคุณคณะกรรมการทุกๆ ท่าน แล้วก็ขอขอบคุณพี่บอย ถกลเกียรติ, พี่ป้อน, พี่ต๊ะ, พี่หวอผู้กำกับฯ นะคะ นักแสดงทุกๆ ท่านด้วย รวมถึงทีมงานที่อยู่เบื้องหลัง ทุกๆ คน ทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ ท่านเลยนะคะ สำหรับเรื่อง คุณชาย จริงๆ เป้ย อยากจะบอกว่ารางวัลนี้ เป็นรางวัลที่มีคุณค่าทางจิตใจของเป้ย มากๆ หลายๆ คน อาจจะพอทราบมาแล้วบ้างว่า จริงๆ เดิมทีบท จันทร์ เป็นของ แตงโม ภัทรธิดา แล้วเป้ยก็ได้รับหน้าที่มาสานต่อนะคะ ในระหว่างการถ่ายทำ เป้ยได้พบอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิด ความเครียด ความกดดันต่างๆ ที่มีเข้ามา แต่มันก็ผ่านไปได้ทุกๆ ครั้ง เพราะความตั้งใจที่อยากจะทำเป็นของขวัญให้กับโม รางวัลนี้จึงเป็นรางวัลที่มีผลต่อความรู้สึกของเป้ยมากๆ ขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านที่ได้เห็นถึงความตั้งใจของเป้ย และถ้าโมได้ยินอยู่ เป้ยก็อยากจะบอกโมว่า "เป้ยทำสำเร็จแล้วนะแล้วถ้าโมได้เห็น เป้ยอยากจะบอกโมว่า รางวัลนี้เป็นของ โม นะคะ" ขอบคุณทุกๆ ท่านมากค่ะ"

‘นครชัยแอร์’ ประกาศ พร้อมบริการยกกระเป๋าให้ผู้โดยสาร ด้านชาวเน็ตตั้งคำถาม โพสต์แบบนี้ต้องการแซะใครหรือไม่

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 66) จากกรณีเรื่องราวความวุ่นวายที่เป็นกระแสดังตอนนี้ โซเชียลมีเดียได้มีการแคปฯ ภาพข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เซ็นเซอร์ไว้ ระบุถึงความไม่พอใจในการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เหตุไม่ยอมช่วยยกกระเป๋า โว “กูบินมาแล้วทุกสายการบิน” ก่อนสุดท้ายโดนเชิญลงจากเครื่องยกแก๊ง

ต่อมาสาวเจ้าของเรื่องได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษเป็นที่เรียบร้อย พร้อมตัดพ้อ แค่รู้สึกแย่ที่แอร์ฯ ไม่มีน้ำใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ (27 ส.ค.) มีรายงานว่าเพจ ‘นครชัยแอร์’ บริษัทเดินรถชื่อดัง ออกมาโพสต์ข้อความ

“เรียน ผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ

หากท่านมีกระเป๋าสัมภาระ ต้องการเก็บบนเก๊ะเหนือศีรษะ สามารถแจ้งพนักงานต้อนรับบนรถได้เลยนะคะ

เราพร้อมบริการผู้โดยสารทุกท่านด้วยความเต็มใจ ทุกเที่ยว ทุกเส้นทาง ขอบคุณและสวัสดีค่ะ”

อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ตั้งคำถามถึงบริษัทเดินรถแห่งนี้ว่าต้องการแขวะใครหรือไม่

มีชาวเน็ตตั้งคำถามว่า "อยากรู้ว่าถ้าต้องยกกระเป๋า 7 กิโลฯ ขึ้นชั้นวางของเหนือศีรษะ หลักร้อยสองร้อยคนต่อเที่ยวนี่ จะยังยิ้มแบบนี้ไหมคะ" ซึ่งทางบริษัทเดินรถได้ตอบกลับว่า “หนัก 7 กิโลฯ ขึ้นไปแนะนำวางด้านข้างหรือไว้ใต้ท้องรถครับ ช่องวางใส่บนรถกว้างใหญ่ไม่พอครับ”

‘ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ มีแววนั่ง ‘รมช.มหาดไทย’ ประสบการณ์ สส. 5 สมัย ความรู้-ความสามารถพร้อม

การเมืองไทยหลังจากที่ได้นายกฯ ชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่ทุกวัน ประชาชนคอการเมืองต่างตั้งหน้าตั้งตารอว่า ‘ใคร’ จะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใด และหน้าตาครม. เศรษฐา 1 จะคล้ายคลึงของเดิมหรือเปลี่ยนไปมาน้อยเพียงใด

แน่นอนว่าพรรคการเมืองที่คนให้ความสนใจและจับตาดูก็เป็น ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ที่ได้ส่งรายชื่อผู้ที่จะได้เป็นรัฐมนตรีตามโควตาไปยังพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย

-นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
-นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม
-นางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย  
-นายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท มีชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์

ทั้งนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โควตารัฐมนตรี 4 ตำแหน่ง เป็นว่าการ 2 ช่วยว่าการ 2 มีปัญหาในการจัดสรรตำแหน่งกันในพรรคอยู่บ้าง อย่างสายใต้ มีหลายคนควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้ง ‘วิทยา แก้วภารดัย’ แต่ในช่วงเลือกตั้งได้นับมอบหมายให้ไปดูแลพื้นที่ภาคอิสาน

‘ชุมพล กาญจนะ’ ที่สุราษฎร์ธานีกวาดมาได้ถึง 6 เสียง แต่ในเชิงลึกพบว่า ใน 6 เสียง เป็นสายชุมพลเพียง 3 เสียง อีก 3 เสียงเป็นสายกำนันศักดิ์-พงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกฯ อบจ.สุราษฎร์ธานี ที่จับทีมกันกับ ‘ชุมพล จุลใส’ (ลูกหมี) แห่งเมืองชุมพร และวิสุทธิ์ ธรรมเพชร แห่งเมืองพัทลุง จึงทำให้ชุมพลชวดตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบกับชุมพลอายุมากแล้วด้วย

เก้าอี้รัฐมนตรีจึงถูกสับโยกไปให้ ‘สุพล จุลใส’ (ลูกช้าง) สส.สมัยสอง อดีตนายกฯ อบจ.ชุมพร แต่สุพลขอสละสิทธิ์ เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ การเป็นรัฐมนตรีต้องเสียสละ ทุ่มเท จึงไม่เหมาะ ขอสละให้คนอื่นเป็นแทน

หันซ้ายมองขวาก็เห็น ‘ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ ยืนโดนเด่นอยู่ ปุ้ยจึงได้รับการเคาะให้เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยแทนสุพล ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสม เพราะปุ้ยผ่านประสบการณ์มามาก เป็น สส.4 สมัย ย่างเข้าสมัยที่ 5 แล้ว ก็ถือว่าส้มหล่น เป็นคนที่ไม่เคยคาดหวัง ไม่เคยวิ่งเต้นอยากจะเป็นรัฐมนตรี แต่ถึงเวลา บุญนำพา วาสนาส่ง มันก็หล่นมาเอง

ทางด้าน ม.ล.ชโยทิต กฤดากร สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม แต่ล่าสุด ม.ล.ชโยทิต แจ้งไม่ขอรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ พรรคจึงเปลี่ยนชื่อเป็นนางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ นั่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมแทน

กล่าวสำหรับพิมพ์ภัทรา เป็นทายาททางการเมืองของมาโนช วิชัยกุล อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย ท่านเพิ่งจากไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา เมื่อมีชื่อ ปุ้ย-พิมพ์ภัทรา นั่งเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ในฐานะรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย คนนครศรีธรรมราชก็พากันเฮด้วยความดีใจ นอกจากความเหมาะสม ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์แล้ว คนนครศรีธรรมราชดีใจว่า สส.10 คน ควรจะได้มีรัฐมนตรีในจังหวัดนครศรีธรรมราชกับเขาบ้าง หลังจากเป็นจังหวัดที่ว่างเว้นรัฐมนตรีมานานกว่า 10 ปี (ไม่นับ ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ) ที่เป็นคนนครศรีธรรมราช แต่ไม่ได้เป็น สส.นครศรีธรรมราช เป็น สส.บัญชีรายชื่อ และเคยเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

คนที่ควรได้เป็นรัฐมนตรีในนามพรรครวมไทยสร้างชาติอีกคนคือ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ แต่คราวนี้กลับไม่มีชื่อ ช่วงแรก ๆ มีโผจะไปนั่งช่วยว่าการสาธารณสุข แต่วิทยาเคยนั่งว่าการมาก่อนแล้ว จึงไม่เหมาะที่จะไปนั่งช่วยว่าการ ประกอบกับโควตาที่ได้มาเพียง 4 เก้าอี้ จึงต้องเกลี่ยกันไป อีสาน กลาง กรุงเทพ และใต้ให้เท่า ๆ กัน ไม่เอนเอียงไปทางไหนให้คนกังขา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top