Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

ทีม “ก้าวไกล-ก้าวหน้า-ส้มจี๊ด” ระดมกำลังแจกถุงยังชีพ เยียวยาน้ำท่วมใต้ - ชี้ น้ำท่วมครั้งนี้ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำ - เตรียมทำหนังสือผ่าน “ลุงชวน” ถึงความรับผิดชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เกิดเหตุอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลันจากเขื่องบางลาง นอกจากนี้นายประเสริฐพงษ์ เป็นยังผู้ประสานทั้ง 3 หน่วยงาน คือ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และบริษัทส้มจี๊ดเอ็นเตอร์ไพรส์ ในการช่วยเหลือผู้สบภัยโดยการแจกถุงยังชีพ ช่วยเหลือเยียวยาให้กับประชาชนผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ไปให้ได้

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันทั้งสิ้น 4 จังหวัด คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวม 32 อำเภอ 193 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 70,000 ครัวเรือน ซึ่งวันนี้ตนอยู่ในพื้นที่ ต.ปะกาฮะรัง จ.ปัตตานี แม้ระดับน้ำจะลดลงแต่ยังคงต้องใช้เรือในการสัญจรและเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ซึ่งประชาชนยังคงอยู่ในพื้นที่สูงอย่างเช่นบนสะพาน ส่วนความเสียหายของชาวบ้านคือกระชังปลา และวัวที่ล้มตายจากเหตุน้ำท่วม ส่วนวานนี้ตนได้ลงพื้นที่ ต.ยุโป อ.เมือง ยะลา โดยมีผู้นำชุมชนเป็นผู้ประสานในการแจกถุงยังชีพ จากสิ่งที่ตนเห็นนั้นสังเกตได้ว่า ประชาชนที่อาศัยเป็นบ้านชั้นเดียวนั้นขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทัน ส่วนคนที่อยู่บ้านสองชั้นขนย้ายสิ่งของทันเป็นบางส่วน

“การลงพื้นที่ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของ 3 หน่วยงาน คือ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และบริษัทส้มจี๊ดเอ็นเตอร์ไพรส์ โดยเป็นการเข้าไปรับฟังปัญหาและแจกถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วย ชุดข้าวสารอาหารแห้ง และนมแพะ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าของบริษัทส้มจี๊ด และจากการรับฟังปัญหามานั้น ชาวบ้านได้ตั้งคำถามกับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ เนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากการบริหารจัดการน้ำผิดพลาดจากเขื่อนบางลาง ซึ่งปัญหาทั้งหมดผมจะนำเข้าสู่การประชุมสภาในวาระต่อไป”

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์น้ำท่วมลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วก็เกิดเหตุการน้ำท่วมในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น น้ำท่วมในครั้งนี้คือความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลาง ตนเชื่อว่าในเมื่อเรามีเทคโนโลยีที่ดีที่ทันสมัย เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมในลักษณะแบบนี้ได้ ทั้งนี้ตนจะใช้ช่องทางการประชุมสภาในช่วงปรึกษาหารือในวาระต่อไป ผ่านท่านประธานสภาให้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้บริหารเขื่อนบางลางที่อยู่ในการดูแลของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แสดงความรับผิดชอบ และให้ความชัดเจน เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ยังคงมีความกังวล ว่าเขื่อนบางลางจะปล่อยน้ำเป็นระลอกที่ 2 หรือไม่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ยังไม่กล้าขนย้ายสิ่งของกลับเข้าบ้านของตนเอง

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ดีขึ้น ระดับน้ำลดลง เครือข่ายของคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลจะระดมกำลังเข้ามาช่วยเหลือประชาชน ในการซ่อมแซม เยียวยาและฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

ไมค์ ภาณุพงศ์ แกนนำม็อบคณะราษฎร ปลุกสาวกสามนิ้ว แบน ‘ดอยคำ’ โครงการหลวง ตัดทางทำมาหากินของชาวดอยผู้ด้อยโอกาส

จากกรณีที่พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือพิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์และยูทูปเบอร์ชื่อดัง ได้เดินทางไปที่ หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและเด็กๆ ซึ่ง พิมรี่พาย ก็ได้ทุ่มเงินของตัวเองกว่า 5 แสนบาท ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และซื้ออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสนั้น

ต่อมาก็ได้เกิดประเด็นร้อนแรง โดยมีสาวกปลดแอก ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีของพิมรี่พาย และขยายผลเชื่อมโยงไปโจมตีสถาบัน โดยเฉพาะโครงการหลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริตั้งโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวเขา ที่อยู่ในถิ่นทุรกันการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้

ล่าสุด นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำกลุ่มคณะราษฎร กลายเป็นอีกคนที่ออกมาโพสต์โจมตีเกี่ยวกับโครงการหลวง โดยได้โพสต์ข้อความถึงโครงการหลวงโครงการหนึ่งอย่าง ‘ดอยคำ’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่แปรรูปผ่านโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 โดยระบุข้อความว่า

“ผลิตภัณฑ์ #ดอยคำ

ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ‘ดอยคำ’ มาจากการพัฒนาของ ‘มูลนิธิโครงการหลวง’ ที่ #ได้งบประมาณจากรัฐปีละหกร้อยกว่าล้านบาท สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ใช้งบประมาณที่ว่านี้ คือการแปรรูปและพัฒนาสินค้าเกษตร ก่อนจะถูกนำไปผลิตและจำหน่ายโดย ‘#บริษัทดอยคําผลิตภัณฑ์อาหาร จํากัด’ ภายใต้แบรนด์ ‘ดอยคำ’

ที่หลายคนอาจจะเข้าใจว่า “#บริษัทดอยคำฯ” เป็นของมูลนิธิโครงการหลวง แต่ข้อเท็จจริงคือมูลนิธิฯ ถือหุ้นเพียง 2.94% ส่วนที่เหลืออีก 97.06% นั้นถือหุ้นโดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อันนี้ว่าตามข้อมูลปี 2560 เพราะปัจจุบันหุ้นในส่วนนี้ #ถือตรงโดยพระนามของในหลวง ร.10 ของเรา

งบประมาณจากเงินภาษี -> อุดหนุนมูลนิธิโครงการหลวง -> ม.โครงการหลวงใช้งบประมาณรัฐพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ปั้นโปรดักส์) ก่อนจะให้ บจก.ดอยคำ ซึ่งมีฐานะเป็น ‘บริษัทเอกชน’ (และถือหุ้นใหญ่โดยในหลวง ร.10) ผลิตและจำหน่าย”

สำหรับ ดอยคำ ก่อตั้งขึ้นจากแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของราษฎรบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย ทรงก่อตั้งโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปขึ้นในพื้นที่การเกษตร เมื่อปี พ.ศ.2515 ดำเนินการส่งเสริม รับซื้อ พัฒนา และแปรรูปผลผลิต เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพที่มีคุณภาพ ในราคาเป็นธรรม โดยเริ่มต้นเพียง 10 รายการ ใน 2 กลุ่มสินค้า ต่อมาในปี พ.ศ.2537 ได้จัดตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม ตามศาสตร์พระราชา พัฒนาสร้างสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพจากชุมชนและผลผลิตของเกษตรกรไทย ส่งเสริม รับซื้อ พัฒนา และแปรรูปผลผลิต พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรปลอดภัย พลังงานทดแทน เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชน ให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างยั่งยืน จวบจนปัจจุบัน


ที่มา: The Truth

1 ปีกับโควิด-19 มีเหล่านักรบเสื้อกาวน์มากมาย และนี่คือ ‘5 แนวรบหมอสู้โควิด’ ที่คนไทยทั้งประเทศสุดคุ้นเคย!!

เป็นเวลากว่า 1 ปีมาแล้ว ที่โควิด-19 เข้ามาในประเทศไทยแล้วไม่ยอมจากไปไหนเสียที โดยเรื่องหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือการมีคุณหมอออกมาแถลงสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงอีกหลาย ๆ ท่านที่ออกไปสู้รบกับเจ้าเชื้อไวรัสชนิดนี้ ในบรรดาคุณหมอเหล่านี้ มี 5 นักรบเสื้อกาวน์ ที่เรามักจะได้เจอกันอยู่บ่อย ๆ ถึงตรงนี้ คงไม่มีคำไหนจะเอ่ยได้ดีเท่า ’ขอบคุณ’

ขอบคุณคุณหมอทั้ง 5 และมากไปกว่านั้น ขอบคุณ ‘เหล่าคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน’ ที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ขอเป็นกำลังใจให้เหล่าคุณหมอ สู้ต่อไป แล้วพวกเราจะตอบแทนด้วยการดูแลตัวเองอย่างดีเช่นกัน!!

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้ พิษโควิด ส่งผลกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 64 จะติดลบถึง 10% ขณะที่คาดการณ์ระดับแย่สุด ภาพรวมตลาดอาจลดลงถึง 20% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย ถึงทิศทางการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี 2564 ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่า หากไวรัสโควิดยังแพร่ระบาดยืดเยื้อ จะส่งผลถึงการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้ลดลงถึง 10,000 หน่วย เหลือเพียง 79,000 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าเดิมที่คาดว่าทั้งจะมีที่อยู่อาศัยเปิดตัว 89,000 หน่วย

“มีความเป็นไปได้ว่าปี 64 จะติดลบถึง 10% ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะปีนี้กำลังซื้อที่อั้นอยู่อาจมีไม่มากเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบในแง่ของรายได้ต่อเนื่องมานาน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ได้รับผลกระทบรุนแรง”

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้ประเมินผลผ่านการจำลองหลายสถานการณ์ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงภาพรวมแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับดีที่สุด คือ ตลาดจะโต 5-10% ระดับกลาง ตลาดทรงตัวบวกลบไม่เกิน 0.5 % และระดับแย่ที่สุด ติดลบ 10 % เท่ากับปี 2563 เท่ากับภาพรวมตลาดทั่วประเทศลดลงถึง 20% ซึ่งรุนแรงพอควร เพราะต่ำสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

“ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ย้อน”เสรีพิศุทธ์”สมัยรับราชการก็มีบ่อน แต่จัดการได้เด็ดขาดสักครึ่งที่นายกฯ กำลังทำหรือไม่ ยันรัฐบาลจัดการเด็ดขาดแน่ ไม่เว้นแม้มีจนท.เกี่ยวข้อง แจงข้อเสนอ”กรณ์”ทำบ่อนถูกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีเข้ารัฐ ต้องรับฟังทุกฝ่าย

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี กล่าวถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่ง

เพราะปราบบ่อนกระจอกยังไม่ได้ ว่าหลายคนที่นำคำพูดของนายกฯไปบิดเบือน ที่นายกฯบอกว่าไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ 100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่มีใครที่จะทำได้สำเร็จด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ถ้าทุกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ หากจะให้สำเร็จทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เช่นเดียวกับการทำงานให้กับประเทศ ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ประเทศจึงจะเดินหน้าไปได้ บ่อนการพนันก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าปราบไม่ได้ แต่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือด้วย เพื่อให้สิ่งเหล่านี้หมดไปอย่างแท้จริง

และอยากจะย้อนความจำว่าในสมัยที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังรับราชการอยู่ก็มีบ่อนผิดกฎหมายให้ตำรวจไล่จับกันมาตลอด เมื่อจับเสร็จสักพักคนก็แอบไปเล่นกันอีก ก็เป็นแบบนี้เช่นกันไม่ใช่หรือ อย่าทำเหมือนความจำสั้น เรื่องบ่อนนายกฯ กำชับสั่งการอย่างเด็ดขาดแล้วว่า หากมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ต้องลงโทษเด็ดขาด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดด้วย ถามว่าก่อนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะตำหนิหรือออกมาไล่นายกฯควรย้อนไปดูผลงานตัวเองในอดีตด้วยว่า เคยทำได้สำเร็จหรือกล้าลงโทษเด็ดขาดได้สักครึ่งหนึ่งอย่างที่นายกฯ ทำหรือไม่ ไม่ใช่พ่นน้ำลายไปวันๆ

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เสนอให้รัฐบาลเปิดบ่อนถูกต้องตามกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน แล้วนำภาษีมาเข้ารัฐนั้น การเสนอให้มีบ่อนถูกต้องตามกฎหมายมีการพูดคุยกันมาในทุกยุคทุกสมัย ทุกรัฐบาล มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

คนที่เห็นด้วยบอกว่าหากมีบ่อนถูกกฎหมายจะสามารถเก็บภาษีเพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศได้จำนวนมาก แก้ปัญหาส่วยต่างๆ ได้ ที่สำคัญ บ่อนกาสิโนแต่ละประเทศป้องกันไม่ให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าไปเล่น ไม่ใช่ว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าไปเล่นได้ และทุกประเทศรอบๆ เมืองไทยมีบ่อนถูกต้องตามกฎหมายกันหมดแล้ว มีคนไทยเดินทางไปเล่นจำนวนมาก เงินไหลออกนอกประเทศ จึงสมควรที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะที่คนที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผิดศีลธรรม ไม่ควรมี อาจจะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมาย ก็ต้องฟังเสียงทุกฝ่าย ทุกอย่างอยู่ที่สังคมว่าจะเอาอย่างไร ทุกปัญหา ทุกข้อเสนอแนะ รัฐบาลพร้อมรับฟัง วันนี้พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาให้กับประเทศสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง ส่วนบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง จึงจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นขอให้มองด้วยใจที่เป็นธรรมและขอให้มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เคาะจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท เพื่อใช้ในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว พร้อมบังคับซื้อประกันภัยรองรับกรณีเจ็บป่วย-อุบัติเหตุ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการจัดเก็บและการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท

เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำเรื่องนี้ประกาศลงในราชกิจกานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะมีการประกาศใช้โดยกำหนดค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขต่างๆ โดยจากนี้จะประสานทำตามขั้นตอนให้เสร็จในขณะที่ตอนนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพราะถ้าใช้ตอนที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาคงจะยุ่ง ซึ่งข้อดีของการจัดทำเรื่องนี้ จะสามารถดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรณีที่เขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

ส่วนวงเงินที่จัดเก็บมาแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำเงินไปซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อดูแลเขา ซึ่งเงินที่จะเอาไปซื้อประกันนั้นอาจจัดเก็บที่ประมาณ 34 บาท โดยจากนี้จะไปหารือกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกครั้ง”

สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยนำมาสมทบในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยจะจัดเก็บรูปแบบออนไลน์

เบื้องต้นในปี 64 นี้ หากเริ่มต้นเก็บคนละ 300 บาท ตามประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 10 ล้านคน จะทำให้กองทุนมีเงินถึง 3,000 ล้านบาท

'ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด' สตรีผู้ตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์' | Contributor EP.1

ญาศิณี (สุขศรี) ธงสิบเจ็ด สตรีผู้ถูกนิยามว่า 'โง่' และ 'บ้า' เพียงเพราะตั้งธงพิทักษ์สถาบัน 'พระมหากษัตริย์ จนสื่อออสเตรเลีย เอาไปตีข่าวครึกโครม

.

'ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ดำรงไว้ซึ่งแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย' กับ 'นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม' | Contributor EP.2

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี ถอดรหัส ‘อุดมการณ์’ การเมืองไทยแบบ ‘ชัดสุดขั้ว’ ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ดำรงไว้ซึ่งแก่นแท้ของวัฒนธรรมไทย

.

.

มาเลย์เตรียมยื่นจดลิขสิทธิ์เมนู ‘เสือร้องไห้’ แต่ถูกคัดค้านเพราะหลายฝ่ายรู้ว่ามาจากอาหารไทย

เมื่อไม่นานมานี้ มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ได้ทำการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “เสือร้องไห้” (ฮารีมาอู เมอนางิส) โดยอ้างเป็นมรดกทางภูมิปัญญา และกระทรวงวัฒนธรรมของชาวมาเลย์ รวมถึงชาวมาเลย์ไม่เห็นด้วย เพราะรู้ว่าเมนูนี้มีต้นกำเนิดในไทยมากกว่า

ล่าสุดจึงมีการชะลอรับรองคำขอจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสาเหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน


Cr. FB Ball Sathapat

@Cake_journey

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ‘โจ ไบเดน’ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรับมือวิกฤตด้านสาธารณสุข วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หวังช่วยครัวเรือน-ภาคธุรกิจรับมือโควิด-19

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า ‘American Rescue Plan’ ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ ในระหว่างการประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยมาตรการดังกล่าวประกอบไปด้วย:

• ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์

• เพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์

• เพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ และให้ขยายโครงการช่วยเหลือไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.

• ให้เงินช่วยเหลือรัฐต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่น จำนวน 3.50 แสนล้านดอลลาร์

• ให้เงินช่วยเหลือโรงเรียนและสถาบันการศึกษา จำนวน 1.70 แสนล้านดอลลาร์

• ให้เงินสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์

• ให้เงินช่วยเหลือในโครงการวัคซีนแห่งชาติภายใต้ความร่วมมือกับรัฐและองค์กรต่างๆ วงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์

นายไบเดนกล่าวว่า "การผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี"

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในสภาผู้แทนราษฎร แต่นายไบเดนอาจต้องใช้ความพยายามในการผลักดันให้ผ่านการรับรองในวุฒิสภา เนื่องจากขณะนี้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนเสียงเท่ากันที่ 50 - 50 และการผ่านมาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างต่ำ 60 เสียง ทำให้นายไบเดนจำเป็นต้องพึ่งพาสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 10 เสียงในการผ่านมาตรการดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top