Thursday, 19 June 2025
TheStatesTimes

หลังจากมีโอกาสกวาดสายตาไปอ่านความคิดเห็นในทวิตเตอร์ของคนญี่ปุ่นบางส่วน ที่กำลังเผชิญกับภาวะโควิด-19 หนักหนากว่าไทยเรามากนักนั้น

ก็ทำให้แอบตกใจในความคิดของคนในประเทศเขา เพราะถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศเพื่อยกระดับป้องกันโควิด-19 ไประดับหนึ่ง แต่วิถีการใช้ชีวิต สภาพการเดินทางในขนส่งสาธารณะก็ยังเหมือนเดิม ซึ่งพฤติกรรมต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึง ‘การ์ดตก’ จากตัวเองล้วน ๆ

คำตอบของการแพร่ระบาดแบบไม่ลด มันเลยถูกชำแหละออกว่าทำไมหลายๆ​ ประเทศถึงไม่สามารถคุมเชื้ออยู่ และไม่มีโอกาสใดๆ เลยที่จะทำให้เกิดการหยุดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลาอันใกล้ได้

ว่าแล้ว!! ดีดออกจากรั้วชาวบ้าน แล้วมาดูรั้วบ้านเราบ้าง​ เพราะรั้วบ้านเราก็มีวิธีคิดไม่ได้ยิ่งหย่อนไปจากประเทศเขานัก

จากโพสต์เฟซบุ๊กของ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ศิษย์เก่าสงขลานครินทร์ ผู้จัดระบบและวางยุทธศาสตร์รับมือโควิด-19 ที่ได้เคยโพสต์เนื้อหาเชิง ‘ถาม-ตอบ’ เกี่ยวกับมุมคิดของคนไทยที่เริ่ม ‘การ์ดตก’ จนเกิดความหย่อนยานในการระวังตัวให้อ่าน

ในเนื้อหา ถาม - ตอบ ของ นพ.ธนรักษ์ มันทำให้รู้สึกถึงความน่ากังวล เพราะระหว่างที่คนกลุ่มหนึ่งกลัวและหาทางระวัง แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งพร้อมจะไม่สนใจ!!

หมอถาม: คนไทยรู้มั้ยว่าเรามีโอกาสที่โควิด จะกลับมาระบาดอีก?

ไทยตอบ: รู้

หมอถาม: คนไทยกลัวมั้ย ถ้าโควิด จะกลับมาระบาดอีก?

ไทยตอบ: รู้สึกว่าคนไทยจะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่นะ สังเกตได้จากการปฏิบัติตัว

หมอถาม: สังเกตจากอะไร?

ไทยตอบ: จากการที่คนไทยบางคนเริ่มไม่ระมัดระวัง

- ร้านค้าไม่คัดกรอง

- ร้านค้าให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าการป้องกัน

- ร้านค้าไม่ใส่ใจที่จะไม่ยอมให้คนไม่ใส่หน้ากากเข้าร้าน

- ร้านค้าไม่ยอมบอกให้ลูกค้าใส่หน้ากาก

- ลูกค้าก็มีความสุขที่จะไม่ต้องใส่หน้ากาก

***เห็นแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้แอบ ‘เบ้ปากมองบน’ ได้เหมือนกัน เพราะหากคนไทยมีมุมคิดแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โควิดจะไหลไปแบบ Super Spread และยากเกินคุม จาก ‘พฤติกรรมของคนไทย’ ล้วน ๆ

แต่อันที่จริง ลองหันมามองมุมกลับและให้ความเป็นธรรมกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นมาบ้าง ซึ่งหากวิเคราะห์กันแบบฉาบฉวย เรื่องมันก็มาจาก ‘ความอัดอั้น’ ของคนนั่นแหละ!!

...แล้วอะไรคือ ‘ความอัดอั้น’?

แม้ประเทศไทยจะได้รับคำยกย่องชมเชยในการจัดการโควิดระยะแรกเมื่อปีก่อน (2563) ได้ดี แต่อย่าลืมว่าต้นตอของการแพร่ระบาดในแต่ละครั้ง มักมีปมมาจาก ‘รอบรั้วรัฐบาล’ เข้ามาเอี่ยวเกือบทั้งสิ้น

- สนามมวย คนของใคร?

- บ่อนระยอง คนจากที่ไหน?

- และไหนจะย่านสถานบันเทิงที่เปิดกันแบบไม่เกรง พรก.

แค่จั่วหัวแบบนี้ขึ้นมา วงเป้าของการ์ดที่ตกลง ก็คงจะไม่ใช่แค่ ‘พฤติกรรมคน’ อย่างเดียว

แต่มันเกิดขึ้นจาก ‘แรงเหวี่ยง’ ของความไร้สำนึกจากคนแค่บางกลุ่มที่เร่งกระตุ้นพฤติกรรมให้คนที่เคย​ 'ใส่ใจ'​ เริ่ม​ 'หมดใจ'​ ลุกลามจนคิดสั้นแบบชาติตะวันตกที่ว่าโควิดมันก็แค่เชื้อหวัดอย่างหนึ่ง​ แล้วก็​ 'ปลดการ์ด' ตนเองลง​ แม้จะมีภัยมาเยือนถึงตัวแบบ​ 'จ่อคอหอย'​

จนเชื่อได้ว่าวันนี้น่าจะมี​ 'คนไทย'​ บางกลุ่มเริ่มอยากตั้งคำถาม 'กันเอง' ที่อาจจะดูย้อนแย้งกับสิ่งที่ นพ.ธนรักษ์ โพสต์ไว้!!

ไทยถาม: คิดว่าทหาร ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ เขาจะรู้ไหมว่าโควิดมีโอกาสที่จะกลับมาระบาดอีกครั้ง?

ไทยตอบ: รู้

ไทยถาม: แล้วคิดว่าหน่วยงานเหล่านี้เกรงกลัวหรือไม่ หากโควิดจะกลับมาระบาดอีกรอบ?

ไทยตอบ: อาจจะไม่ค่อยกลัวเท่าไรนะ เพราะเคยคุมอยู่แล้วครั้งหนึ่ง รอบนี้ก็คงเอาอยู่ ลองสังเกตดูได้จากการปฏิบัติตัวก็รู้แล้ว?

ไทยถาม: สังเกตจากอะไร?

ไทยตอบ: ก็จากการที่หน่วยงานของรัฐ ทหาร ตำรวจและอื่นๆ เริ่มไม่ค่อยระมัดระวังแล้วน่ะสิ

- เอาจากเรื่องคนเข้าประเทศแล้วไม่ต้องคัดกรองในบางกลุ่ม

- หน่วยงานของรัฐเริ่มไม่ใส่ใจ และยอมให้คนไม่ตรวจคัดกรองสามารถวางแผนเดินทางเข้าประเทศได้

- แถมหน่วยงานของรัฐอนุมัติให้เข้ามาไม่ควบคุมให้ผู้มาเยือนปฏิบัติตัวตามระเบียบ

- ยิ่งไปกว่าไอผู้มาเยือนก็มีความสุขที่จะไม่ต้องคัดกรอง ไม่ต้องอยู่ในที่จัดไว้ให้ โดยเจ้าหน้าที่ก็ยินยอมให้เป็นไปตามนั้น

- และยิ่งของยิ่งไปกว่านั้น ตอนเกิดเหตุแพร่ระบาดสถานที่ต่างๆ ที่เป็นตัวระบาด ก็มาจากความหละหลวมของรัฐที่ยังปล่อยให้ไปรวมตัวกันเหมือนครั้งสนามมวยรอบแรกเกือบทั้งสิ้น

หน่วยงานของรัฐบางหน่วยไม่มีสติ ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน และต่อให้บางหน่วยอยากทักท้วง ก็ไม่กล้าพอที่จะพูดอะไร

***ฉะนั้นถ้าโควิดจะหนักจนเอาไม่อยู่ในรอบนี้ มันก็มีส่วนมาจากความหย่อนยานของหน่วยงานของรัฐด้วยเช่นกัน!!***

สรุปแล้ว ถ้ามองรอบด้าน มันคือความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะทั้งจาก ‘พฤติกรรมคน’ หรือแม้แต่ ‘พฤติกรรมรัฐ’

- มันจึงไม่น่าจะใช่แค่ใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ผิด

- เพราะมัน ‘ผิดทั้งคู่’

- แต่ผิดแล้ว ผิดอีก ไม่ว่าจะใครหรือใคร อันนี้แหละน่าเขกกะโหลก ทั้งนั้น!!

อยากให้คนไทยได้เที่ยวได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย และกลับมาช่วยกันดูแลธุรกิจ/เศรษฐกิจให้สามารถพอเดินไปได้

ก็อย่า ‘การ์ดตก’ จน ‘หย่อนยาน’

ทั้ง ‘คน’ ทั้ง ‘รัฐ’...นะจ๊ะ!!

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (9 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 212 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 10,053 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 67 ราย รักษาหายเพิ่ม 291 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 5,546 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4,440 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 212 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากเยอรมนี 4 ราย ,ตุรกี 3 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย ,ยูกันดา 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย

เดินทางมาจากต่างประเทศ ผ่านเส้นทางธรรมชาติ

เป็นคนไทย 4 ราย สัญชาติเมียนมา 1 ราย จากเมียนมา เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.แม่สอด

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 187 ราย

ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 6 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 173 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 387 ราย รักษาหายแล้ว 365 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.08 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.67 แสน เสียชีวิต 23,753 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.31 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.05 แสน ราย เสียชีวิต 537 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.29 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.13 ราย เสียชีวิต 2,812 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.84 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.49 แสน ราย เสียชีวิต 9,364 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,836 ราย รักษาหายแล้ว 58,850 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,512 ราย รักษาหายแล้ว1,357 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ไม่ใช่แค่เมืองไทย ประเทศบรูไนก็ใช้แอปฯ ติดตามการระบาดโควิด-19 แถมจัดเต็มตรวจทุกสถานที่

คอลัมน์ เสียงจากเกาะบอร์เนียวตอนเหนือ บรูไน

ประเทศไทยมีประเด็นข่าวเรื่องการโหลดแอปพลิเคชั่น ‘หมอชนะ’ เพื่อใช้ในการติดตามและป้องกันการระบาดโควิด-19 สำหรับที่ประเทศบรูไน มาตรการในการป้องกันโควิด-19 ก็ถือว่าเข้มงวดอย่างมาก โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศบรูไน ได้แจ้งว่า มาตรฐานการป้องกันโควิด-19 ของบรูไนถือว่าเข้มข้นที่สุด มีการปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงตอนนี้ และจะไม่เปิดประเทศจนกว่าจะมีวัคซีน

ฉะนั้น ใครจะเดินทางเข้าออกบรูไนในช่วงนี้ ต้องทำหนังสือขออนุญาต และทุกคนต้องกักตัว นอกจากนี้เวลาไปไหนก็จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชั่นที่ชื่อ bruhealth ด้วยทุกครั้ง ทุกที่ เนื่องจากจะมีการขอตรวจดูอยู่ตลอดเวลา หากใครที่ไม่สแกนผ่านแอปพลิเคชั่นตัวนี้ จะมีโทษปรับหนัก

เคยมีกรณีตัวอย่างมาแล้ว คนไทยในบรูไน เข้ามาใช้บริการร้านอาหาร จะด้วยความลืมหรือความขี้เกียจก็สุดแท้ ปรากฎว่าไม่ได้สแกนตอนเข้ามา ซึ่งตามกฎระเบียบคือ ต้องสแกนก่อนเข้าร้านทุกครั้ง ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาปิดประตูร้าน ขอเช็กมือถือทุกคน สุดท้ายลูกค้าคนไทยถูกปรับไป 100 เหรียญบรูไน

แต่ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คือทางร้านก็โดนด้วย ถูกปรับไปถึง 200 เหรียญ! นี่คือตัวอย่างของการเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ที่ประเทศบรูไน ปฏิบัติงานกันอย่างแข็งขันมาก เพื่อไม่ให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง


อะมีนะห์

สาวไทยมุสลิม เกิดใจกลางกรุงเทพ ชีวิตผกผันแต่งงานกับหนุ่มบรูไน ตั้งรกรากปากกัดตีนถีบแต่มีความสุขดี ยังชีพกับการเผยแพร่อาหารไทย มีความรักผูกพันบ้านเกิดทุกลมหายใจ เลี้ยงลูกสองคน วันนึงจะพาลูกมารู้จักแผ่นดินที่เเม่เกิดให้มากขึ้น แนะนำเพื่อนบ้านบรูไนจากกรุงเสรีเบการ์วันให้คนไทยรู้จักมากขึ้น

10 จุดสะสมเชื้อโรค สัมผัสแล้วควรทำความสะอาดทันที

แม้จะเริ่ม work from home กันเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีผู้คนอีกไม่น้อย ที่ต้องออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน หรือยังต้องเดินทางมาทำงานอยู่ เรื่องป้องกันตัวเองพื้นฐานนั้น เราเชื่อว่าทุกคนพยายามตระหนักใส่ใจกันอยู่แล้ว แต่ในเมื่อชีวิตยังต้องออกมายังที่สาธารณะ

ยังไงก็หลีกไม่พ้นการสัมผัสกับสิ่งของมากมาย และนี่คือ 10 จุดตามที่สาธารณะ ที่อยากให้คุณตระหนักเอาไว้เสมอว่า หากสัมผัสเมื่อไร ควรล้างมือเพื่อความปลอดภัยทันที

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (10 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 245 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 10,298 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 67 ราย รักษาหายเพิ่ม 882 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 6,428 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,803 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 245 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากตุรกี 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 1 ราย ,อินเดีย 1 ราย ,เมียนมา 17 ราย ,ฮังการี 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 181 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 43 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 173 ราย รักษาหายแล้ว 153 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 391 ราย รักษาหายแล้ว 371 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.18 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.74 แสน เสียชีวิต 23,947 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.34 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.07 แสน ราย เสียชีวิต 542 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.3 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.14 ราย เสียชีวิต 2,826 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.86 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.5 แสน ราย เสียชีวิต 9,398 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,865 ราย รักษาหายแล้ว 58,611 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,513 ราย รักษาหายแล้ว1,361 ราย เสียชีวิต 35 ราย

สายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ถูกตรวจเจอในนักเดินทาง 4 คน ที่มาจากรัฐอามาโซนัสของบราซิล จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ (10 ม.ค.) ถือเป็นตัวกลายพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่พบ

เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นรายหนึ่ง เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อตัวกลายพันธุ์ใหม่ล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งต่างจากตัวกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักรและแอฟริกาใต้ ที่ผลักจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมันแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าตัวดั้งเดิมหลายเท่า

“ณ ตอนนี้ ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่พบในบุคคลที่เดินทางมาจากบราซิลนั้น แพร่กระจายเชื้อได้ง่าย” ทาคาจิ วาคิตะ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติกล่าว

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า ในบรรดานักเดินทาง 4 คน ที่เดินทางมาถึงสนามบินฮาเนดะของกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 2 มกราคม ชายคนหนึ่งอายุ 40 ปีเศษๆ มีปัญหาด้านการหายใจ ผู้หญิงในวัย 30 ปีเศษๆ ปวดศีรษะและเจ็บคอ ชายวัยรุ่นมีไข้ และคนสุดท้ายเป็นหญิงสาววัยรุ่น ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ

นักเดินทางทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรคที่สนามบินของกรุงโตเกียว ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขบราซิล

หลังจากพบเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมาก ญี่ปุ่นตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับกรุงโตเกียวและอีก 3 จังหวัดที่อยู่ติดกับเมืองหลวงเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.)

สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่า จนถึงตอนนี้ ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อ 289,000 คน ในนั้นเสียชีวิต 4,061 ราย


ที่มา: รอยเตอร์ / https://mgronline.com/around/detail/9640000002372

The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร : Ep 3

กลับมาอีกครั้ง กับเรื่องเล่าฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร สำหรับ Ep 3 นี้ เป็นเรื่องราวเข้าบรรยากาศช่วงปีใหม่ นั่นคือ การแก้ปีชง เนื่องจากขึ้นปีใหม่ทีไร ผู้คนมักจะมองหาตัวช่วยด้วยการทำนายดวง และรวมไปถึงการตรวจดวงชะตาว่าเป็น ‘ปีชง’ หรือไม่ ว่าแต่ยังมีบางคนไม่ค่อยเข้าใจคำว่า ‘ปีชง’ เท่าไรนัก ครั้งนี้คุณเจต จึงอาสามาเล่าถึงที่มาที่ไป พร้อมแนะนำการไหว้เทพเจ้าไท้ส่วนเอี๊ย เพื่อแก้ปีชงกัน จะเป็นที่ไหนอย่างไรบ้าง ต้องตามไปฟังกัน

พระราชวังบักกิงแฮม ของสหราชอาณาจักรรายงานว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร และดยุกแห่งเอดินบะระ ซึ่งเป็นพระราชสวามี ทรงเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

เมื่อวันเสาร์ (9 ม.ค. ) สื่อท้องถิ่นอ้างอิงแหล่งข่าวพระราชสำนักว่า แพทย์ประจำพระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นที่ประทับของทั้งสองพระองค์ในช่วงล็อกดาวน์ เป็นผู้ถวายการฉีดวัคซีน และพระราชินีนาถเป็นผู้ตัดสินพระทัยเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว เพื่อป้องกันการคาดเดาหรือสร้างข่าวลือ

ปัจจุบัน มีชาวสหราชอาณาจักรได้รับวัคซีนแล้วราว 1.5 ล้านคน ซึ่งรวมถึงพระราชินีนาถที่มีพระชนพรรษา 94 พรรษา และเจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีที่มีพระชนพรรษา 99 พรรษา โดยสหราชอาณาจักรจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มแรก

อย่างไรก็ดี ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าทั้งสองพระองค์เข้ารับการถวายการฉีดวัคซีนตัวใด

เมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) สหราชอาณาจักรอนุมัติวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ตัวที่ 3 ขณะยอดผู้ป่วยเสียชีวิตและยอดผู้ป่วยใหม่รายวันพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นในประเทศ โดยยอดผู้ป่วยสะสมของสหราชอาณาจักรพุ่งแตะ 3,017,409 ราย ในวันเสาร์ (9 ม.ค.)

(แฟ้มภาพซินหัว: สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร และดยุกแห่งเอดินบะระ ซึ่งเป็นพระราชสวามี ทรงประทับราชรถเนื่องในวโรกาสครบรอบพระชนมพรรษา 90 พรรษาของสมเด็จพระราชินีนาถ ณ พระราชวังบักกิงแฮม กรุงลอนดอน เมืองหลวงของสหราชอาณาจักร วันที่ 11 มิ.ย. 2016)


ที่มา : www.xinhuathai.com

กรมการจัดหางาน และสำนักบริการพัฒนาบุคลากรแห่งเกาหลี ขอเลื่อนการทดสอบภาษาเกาหลี และทักษะการทำงาน ครั้งที่ 9 ออกไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 และคำสั่งรัฐบาล ตามพรก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 16

กรมการจัดหางาน และสำนักบริการพัฒนาบุคลากรแห่งเกาหลี (Human Resources Development Service of Korea: HRD Korea) ขอเลื่อนการทดสอบภาษาเกาหลี และทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 9 ออกไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 และคำสั่งรัฐบาล ตามพรก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 16 ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็น

นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 และรัฐบาลได้ประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 16) ลงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2564 กำหนดมาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) โดยให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็น มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 ทำให้กรมการจัดหางานและสำนักบริการพัฒนาบุคลากรแห่งเกาหลี (Human Resources Development Service of Korea: HRD Korea) ต้องขอให้ผู้มีสิทธิเข้ารับการทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 9 ประเภทกิจการเกษตร/ ปศุสัตว์ และก่อสร้าง  ที่มีกำหนดเข้ารับการทดสอบ ณ สนามทดสอบกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 – 28 มกราคม 2564 และสนามทดสอบ ณ จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 – 22 มกราคม 2564 เลื่อนการทดสอบตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2564 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 ออกไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง หรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งกรมการจัดหางานจะประกาศวัน เวลา และสถานที่ในการทดสอบตามความเหมาะสมกับสถานการณ์อีกครั้ง

“สำหรับการรับสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ครั้งที่ 9 นั้น มีโควตาผู้สอบผ่านทั้งหมด 2,691 คน  โดยกรมการจัดหางานได้เปิดรับสมัครคนงานประเภทงานเกษตร/ ปศุสัตว์ และงานก่อสร้าง ไปเมื่อวันที่ 28 – 31 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สมัครงานให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และผลการทดสอบความสามารถภาษาเกาหลี มีกำหนด  2 ปี ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 - 17 ธันวาคม 2564 กรณีไม่มีนายจ้างคัดเลือกภายใน 1 ปี กรมการจัดหางานจะต่ออายุบัญชีรายชื่อให้ปีที่ 2 โดยไม่ต้องสมัครทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) ใหม่

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจทดสอบภาษาเกาหลีและทักษะการทำงาน (Point System) เพื่อไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลี  สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โทร. 02-245-9429 02-245-6716 สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน  โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน “ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ‘ชัยชนะ เดชเดโช’ เรียกร้องรัฐบาลให้เลื่อนการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ทั้งเทศบาลและอบต. ออกไปอีก 1 ปี ดึงงบเลือกตั้งราว 1 หมื่นล้าน ช่วยเยียวยาประชาชนได้รับผลกระทบโควิด-19

นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทย ได้เผชิญกับวิกฤติปัญหาโควิด-19 รอบที่2 ซึ่งเป็นการระบาดติดเชื้อไปทั่วประเทศและจากการที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในแต่ละวันนั้นไม่มีท่าที ที่จะลดลงเพราะยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันและตัวเลขรวมทั้งประเทศขณะนี้ได้ทะลุหลักหมื่นแล้ว

ดังนั้น ตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เลื่อนการเลือกตั้งระดับเทศบาล-อบต. ออกไปก่อน 1 ปี เพื่อนำเงินงบประมาณที่เตรียมไว้เลือกตั้ง มาเยียวยาช่วยเหลือประชาชนก่อน เพราะต้องยอมรับว่าในการเลือกตั้งแต่ละท้องถิ่นนั้นใช้งบประมาณในการจัดการเลือกตั้งรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้าน

และในขณะเดียวกันตอนนี้แต่ละท้องถิ่นได้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ อยู่แล้วและไม่มีผลกระทบต่อการทำงานขับเคลื่อนบริหารในแต่ละท้องถิ่นเลยและที่สำคัญรัฐบาลก็ให้มีการเลือกตั้งระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัดไปแล้ว เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ก็สามารถทำงานขับเคลื่อนนโยบายจังหวัดได้โดยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

"ผมขอฝากรัฐบาลในวันพรุ่งที่จะมีการประชุม ครม. ขอให้หยิบยกเรื่องนี้มาหารือกันและเลื่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาล-อบต ออกไปก่อนเป็นเวลา 1 ปี" นายชัยชนะ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top