Monday, 7 July 2025
TheStatesTimes

‘เยอรมัน’ และ ‘อังกฤษ’ คู้แท้ฟุตบอลที่ดวลกันมาแล้ว 32 ครั้ง

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ถึงกับต้องร้องซี้ดดด! ไม่ได้มีใครเหยียบเท้า แต่พอเห็นการประกบคู่ของทีมในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็ถึงกับต้องลูบริมฝีปาก โดยเฉพาะการโคจรมาเจอกันอีกครั้งของ ‘เยอรมัน’ และ ‘อังกฤษ’

ย้อนไปสักนิด อังกฤษ จบรอบแรกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม D ส่วนเยอรมันเอาตัวรอดเสมอกับฮังการีในนัดสุดท้ายมาได้ ทำให้ได้เป็นรองแชมป์กลุ่มเอฟ ตามเส้นทางจึงทำให้ทั้งคู่ ต้องมาเจอกัน

คู่นี้พบกันทีไร รับประกันความมันส์แบบ 5 ดาว แต่เมื่อลองสืบย้อนประวัติศาสตร์กลับไปดู ทั้งคู่ผูกพันกันมาเนิ่นนาน ถ้านับการพบกันอย่างเป็นทางการ เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 ผ่านมาจนถึงวันนี้ ทั้งคู่ดวลฝีเกือกกันมาแล้วกว่า 32 ครั้ง

โดยเป็นอังกฤษชนะไป 13 ครั้ง และเยอรมันก็ชนะ 13 ครั้งเท่ากัน ที่เหลือเสมอกัน 6 ครั้ง ลงลึกไปในรายละเอียดอีกสักหน่อย ทั้งคู่พบกันในรายการฟุตบอลระดับเมเจอร์ ทั้งฟุตบอลยูโร และฟุตบอลโลก รวมกันทั้งสิ้น 11 นัด (นับรวมตั้งแต่รอบคัดเลือก) เป็นอังกฤษเอาชนะไปได้ 3 ครั้ง ส่วนเยอรมันชนะไป 4 ครั้ง ที่เหลือเสมอกัน 4 ครั้ง แต่ในการเสมอกัน 2 ครั้งที่มีการดวลจุดโทษหาผลแพ้ชนะ เป็นเยอรมันทำได้ดีกว่า เอาชนะไปได้ทั้งหมด

ถ้าใครยังจำกันได้ แมทซ์เสมอกันแล้วต้องยิงจุดโทษ ครั้งแรกเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก ปี 1990 ในรอบรองชนะเลิศ เยอรมันเอาชนะอังกฤษในการดวลจุดโทษ ก่อนจะผ่านเข้าไปคว้าแชมป์โลกมาครอง และอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลยูโร ปี 1996 เยอรมันก็สามารถเอาชนะจุดโทษอังกฤษไปได้ และผ่านเข้าไปสู่รอบชิง ก่อนจะคว้าแชมป์ยูโรมาครองได้ในที่สุด

ดูจากประวัติศาสตร์แล้วหนาวแทนอังกฤษ แถมการพบกันครั้งที่ 33 หนล่าสุดนี้ แม้อังกฤษจะได้เล่นในสนามเวมบลี่ย์ บ้านของตัวเอง แต่จากสถิติอีกเช่นกัน ทั้งคู่ลงเล่นในสนามแห่งนี้มาแล้ว 12 ครั้ง อังกฤษเอาชนะไปได้แค่ 4 ครั้ง เป็นเยอรมันที่ทำได้ดีกว่า เอาชนะไปได้ถึง 6 ครั้ง ที่เหลือเสมอกัน 2 ครั้ง

เขียนมาถึงตรงนี้ ไม่ได้บอกว่าอังกฤษจะแพ้ แต่เยอรมันมีสถิติที่ดูดีกว่า แต่เอาเข้าจริง หากดูฟอร์มโดยรวมจากในรอบแรก อังกฤษดูดีกว่านิดๆ แต่คงประมาทเยอรมันทีมสายพันธุ์เครื่องดีเซลไม่ได้ เป็นพวกประเภทเครื่องร้อนช้า มักจะทำผลงานได้ดีขึ้นเป็นลำดับในรอบลึกๆ

สรุปคือ ไม่ควรพลาดแมทซ์ 5 ดาวนี้ด้วยประการทั้งปวง คืนวันอังคารที่ 29 มิถุนายน เวลา 5 ทุ่ม สองทีมคู่แค้นแสนรักนี้จะลงทำศึกกันอีกครั้ง และงานนี้จะต้องมีทีมที่มีสถิติชนะมากกว่า เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไขปม!! Moderna ไม่ได้ล่าช้า แต่ต้องรอตามคิว หลังวัคซีนมีจำกัด ประเทศอื่นก็กระทบ

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค.โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Warat Karuchit’ ระบุถึง...

เรื่อง Moderna ผมเข้าใจแบบนี้นะครับ

เรื่องมันไม่ได้มีอะไรมาก คือ วัคซีนจะนำเข้าโดย บ.ซิลลิก ตัวแทนของโมเดิร์นน่า ซึ่งก็มีการให้ข่าวไปแล้ว ว่าของจะมาใน Q4 คือเริ่มเดือนต.ค. จากนั้นซิลลิกก็จะขายต่อให้องค์การเภสัช แล้วก็ขายต่อให้กับร.พ.เอกชนอีกที ตามกฎหมาย และนโยบายของโมเดิร์นน่า ที่จะดีลกับหน่วยงานรัฐโดยตรง เนื่องจากต้องมีข้อยกเว้นเรื่องการรับผิดชอบกรณีเกิดผลข้างเคียง

ซึ่งในระหว่างที่รอนี้ ทาง ร.พ.เอกชน ก็เลยเปิดให้ลงทะเบียนจอง เพื่อให้ทราบจำนวนว่าควรจะสั่งซื้อเท่าไหร่ ส่วนทาง อภ. (องค์กรการเภสัชกรรม) กับซิลลิก ก็จัดการเรื่องระเบียบ เรื่องเอกสาร เรื่องกฎหมายต่างๆ ให้ถูกต้อง (ซึ่งตามข่าวว่า ส.ค. นี้ก็เสร็จแล้ว) พอวัคซีนมาก็จะได้เดินหน้าจัดสรรต่อเลย

มันไม่ใช่ว่าวัคซีนรออยู่ที่สนามบินแล้ว เอาเข้ามาไม่ได้ เพราะเรื่องยังไม่เรียบร้อย ไม่เกี่ยวกับการรอให้ทาง อภ. ดำเนินการอะไร

คนที่คิดว่าช้าที่ อภ.!!

ไม่สงสัยเหรอครับว่าทำไม ทำเอกสารเสร็จเดือนส.ค. แต่เริ่มจัดสรรวัคซีนได้เดือนต.ค. เดือนก.ย. อยู่เฉยๆ ทำอะไร?

ซึ่งเรื่องที่ Moderna “ของขาด” นี้ ไม่ได้เป็นเฉพาะที่ไทย แต่ก็น่าจะคล้ายกันสำหรับหลายๆ ประเทศที่สั่งซื้อ

ถ้าใครจำได้ ผมเคยโพสต์เรื่องรัฐต่างๆ ในอินเดียพยายามสั่งซื้อไฟเซอร์กับโมเดิร์นน่า เพราะโรงงาน AZ ต้องปิดไป แต่ติดที่ต้องซื้อกับรัฐบาลกลางเหมือนกัน แล้วก็เจอปัญหาเดียวกันคือกว่าจะได้ก็อีกนาน ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ Times of India อัพเดตว่า ไฟเซอร์น่าจะได้ปลายเดือนก.ค. นี้แล้ว แต่โมเดิร์นน่า น่าจะได้ปลายปีเลย ซึ่งถ้าไทยได้เดือนต.ค. อาจจะได้เร็วกว่าอินเดียด้วยซ้ำ

สรุปอีกทีว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับความล่าช้าของไทย แต่เป็นเพราะวัคซีนมีจำกัด และต้องรอตามคิวนั่นเอง ไม่รู้ว่ากลายเป็นดราม่าได้อย่างไรเหมือนกัน เพราะข้อมูลก็เป็นข่าวไปนานแล้ว คนที่ติดตามข่าว โดยเฉพาะสื่อเองน่าจะทราบดีกว่าคนอื่นนะครับ

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4709196802429255&id=100000169455098

อ้างอิง : https://www.hfocus.org/content/2021/06/21967

https://timesofindia.indiatimes.com/life-style/health-fitness/health-news/coronavirus


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ศักดิ์สยาม" เผย คมนาคม พร้อมรับมือ เปิด ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ทั้ง 3 มิติ เชื่อเป็นผลดี ต่อเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ผ่านทาง สวท.กทม. ยืนยัน พร้อมรับนโยบายการเปิดประเทศ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยให้ความมั่นใจด้านขนส่งคมนาคม ทั้งทางบก น้ำ และอากาศคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 เตรียมความพร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใน 120 วัน นำร่องจังหวัดภูเก็ต หรือ Phuket Sandbox 1 ก.ค.นี้ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ นำร่องจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกของไทยที่มีการดำเนินการตามแผนของโครงการ "แซนด์บ็อกซ์"  

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านคมนาคม เพื่อรองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ดังกล่าวครบถ้วนทุกด้าน เพื่อรองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ทั้ง 3 มิติ ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ  

โดยมิติทางอากาศ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมตรวจการจราจรทางอากาศ และมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐาน ICAO ซึ่งขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมีการจองมาแล้วกว่า 300 เที่ยวบิน ทางหน่วยงานได้มีการจัดการบริหาร SLOT การบิน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวไว้แล้ว 

ด้านสนามบินท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ต มีการเตรียมความพร้อมให้กับกระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งศูนย์คัดกรองโควิด-19 จะมีการตรวจหาเชื้อแบบ Swab ซึ่งจะทราบผลภายใน 2-3 ชั่วโมง พร้อมเตรียมแผนฉุกเฉิน หากมีการตรวจพบเชื้อ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะนำตัวไปรักษาในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ 

มิติทางน้ำ กรมเจ้าท่า ได้ดำเนินการบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จัดเตรียมเจ้าหน้าที่คอยดูแลนักท่องเที่ยว เฝ้าระวังไม่ให้นักเที่ยวเดินทางไปสถานที่อื่น 

ส่วนมิติทางบก ได้มีการปรับปรุงเส้นทางคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัย ในการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้เส้นทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ทางจังหวัดได้มีการตั้งด่านจุดคัดกรอง ทั้งขาเข้า-ออก และได้มีการประสานกับภาคเอกชนในบูรณาการเรื่องมาตรการการป้องกันการแพร่เชื้อระบาด

"หากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ทำสำเร็จ จะสามารถขยายไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นได้ ทั้งจังหวัด กระบี่ พังงาเชียงใหม่ พัทยา บุรีรัมย์ จะเกิดการเชื่อมั่นจากประชาชน เกิดการฟื้นฟูการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศได้" นายศักดิ์สยาม กล่าว 

“ผบ.ทบ.” สั่งสอบกรณีทหารคลั่ง อ้างถูกทำร้ายช่วงเป็นพลอาสาจู่โจม ด้านครูฝึกยันไม่เคยทำร้ายร่างกาย เปิดประวัติ หน่วยก้านดี เป็นผู้บังคับหมวด ชอบปืน-ดูหนังสงคราม มารดาเผยลูกเคยรักษาอาการป่วย 

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอดีตทหารเกณฑ์ยิงผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามและพนักงานร้านสะดวกซื้อเสียชีวิต 2 รายอ้างถูกกดดันจากอดีตผู้บังคับบัญชา โดย ข้อมูลเบื้องต้นในการสอบย้อนประวัติอดีตทหารเกณฑ์ดังกล่าว พบว่าเข้ามาเป็นพลอาสา (ทหารเกณฑ์) ระหว่างเดือน พ.ย. 2560 ปลดประจำการเดือน พ.ย.2562 โดยเจ้าตัวไม่ได้สมัครอยู่ต่อ สำหรับบุคลิกลักษณะเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ชอบปืน และ ชอบดูหนังสงคราม

ทั้งนี้ พ.ท.มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ (รพศ.3 รอ.) ได้เรียก จ.ส.อ.ยงยุทธ สุขเกษม ครูฝึก มาสอบถามข้อเท็จจริงหลังจากมีการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของผู้ก่อเหตุว่าไม่พอใจที่ถูกครูฝึกทำร้ายเมื่อช่วงที่อยู่ในค่ายทหาร ซึ่งทางครูฝึกได้ยืนยันว่าไม่เคยทำร้ายร่างกาย ปฏิบัติตามกรอบของการฝึกทหารใหม่ 10 สัปดาห์ 

โดยอดีตทหารเกณฑ์ดังกล่าวมีผลการฝึกค่อนข้างดี ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับหมวดบรรจุที่กองร้อยที่ 2 ซึ่งครูฝึกก็อยู่กองร้อยดังกล่าวด้วย แต่อดีตทหารเกณฑ์ผู้นี้ก็อยู่ไม่นาน และหมุนไปอยู่กองร้อยที่ 3 เกือบสองปี ส่วนรุ่นพี่ที่ถูกระบุว่าทำร้ายร่างกายปลดออกไปก่อน 1 ปี และเมื่อย้อนดูประวัติการป่วยทางจิตเวชพบว่าก่อนการเข้ามาเป็นพลทหารไม่มีการแจ้งประวัติดังกล่าว แต่มารดาเคยให้ข้อมูลในช่วงที่เข้ามาประจำการแล้วว่าเคยรักษาอาการและหายเป็นปกติแล้ว จนกระทั่งเมื่อปลดประจำการก็เข้ารับการรักษาอาการอีกครั้ง 

แหล่งข่าว จากกองทัพบก ระบุอีกว่า ทางหน่วยต้นสังกัดกำลังรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดจากการสอบครูฝึก เพื่อนในรุ่นและรุ่พี่ เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมา 2 ปี และรุ่นพี่พลทหารอาสาก็ปลดประจำการไปแล้ว แต่ครูฝึกยืนยันว่าไม่มีการซ้อมหรือทำร้ายร่างกาย แต่ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปว่าในช่วงการฝึกปรับพื้นฐานกองพันจู่โจม ซึ่งมีฝึกหนักทดสอบความอดทนทางร่างกาย และจิตใจ มีรายละเอียดอย่างไร เพราะหากมีการทำเกินกว่าเหตุ มีการร้องเรียนและสอบสวนพบว่าผิดจริงก็ต้องลงโทษ อีกทั้งนโยบายของกองทัพบกในปัจจุบันเคร่งครัดในเรื่องดังกล่าว และกำชับไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงกับทหารใหม่  แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ผ่านมา 2 ปีแล้วทำไมถึงนำมาอ้างเป็นเหตุหลังยิงผู้อื่นเสียชีวิตและยังนำชุดทหารมาใส่เพื่อยิงผู้อื่นต่อไป

“โฆษกรัฐบาล” เผย ปชช.แจ้งเบาะแส ร้องทุกข์จากโควิด-19 กว่า5 เดือน ยุติเรื่องได้กว่า 2.4 แสนเรื่อง 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้ประชาชนรับแจ้งเบาะแส ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 ผ่าน 5 ช่องทาง 1111 ของรัฐบาล ว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. - 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการแจ้งข้อมูลทั้งหมด 249,448 เรื่อง แบ่งเป็น

1.) แจ้งเบาะแสบ่อนการพนัน จำนวน 652 เรื่อง  

2.) แจ้งเบาะแสไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน  432 เรื่อง และ 3.ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ สอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 จำนวน 248,364 เรื่อง 

ขณะนี้สามารถยุติเรื่องได้แล้ว จำนวน 248,166 เรื่อง และรอผลการพิจารณาอีก 1,282 เรื่อง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวที่เห็นผลเป็นรูปธรรม เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการสนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ โดยเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ แจ้งเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย และเสนอข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะและคำติชมด้วยตนเอง หรือผ่านทางจดหมาย โทรศัพท์ โทรสาร และทางเว็บไซต์ www.1111.go.th ซึ่งเป็นช่องทางการให้บริการประชาชน ที่มีความสะดวกและรวดเร็ว สามารถให้บริการได้ตลอดเวลา

“สมาคมภัตตาคารไทย” ชง “รัฐ” จัดเงินช่วยร้านอาหารประคองตัวรอดจากโควิด

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้เข้าหารือกับนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากกไวรัสโควิด-19 โดยยอมรับว่า ตั้งแต่ต้นปี 63 ที่ประเทศไทยเกิดการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด 19 ร้านอาหารเป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ ถูกสั่งล็อคดาวน์ ลดพื้นที่การขาย จำกัดเวลา ปิด เปิด ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน 

อย่างไรก็ตามตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน มีการสำรวจพบว่า จำนวนร้านอาหารพื้นที่ 200 ตร.ม.ขึ้นไปที่มีจำนวน 150,000 ราย ปิดกิจการ ประมาณ 2 หมื่นราย ร้านขนาดพื้นที่ไม่ถึง 200 ตร.ม. ปิดกิจการประมาณ 3 หมื่นราย และหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที อาจจะต้องปิดกิจการอีกประมาณ 5 หมื่นรายในไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างงานของแรงงานประมาณ 1 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อห่วงใช่อีกจํานวนมากในกระบวนการผลิต อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการขนาดย่อมอีก3 แสนราย ที่เป็นสตรีทฟู้ดด้วย 

ทั้งนี้ สมาคมภัตตาคารไทยในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการร้านอาหารขอเสนอมาตรการเร่งด่วนที่ขอให้สภาพัฒน์ พิจารณาเพื่อนำข้อเสนอนี้ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถประคองธุรกิจผ่านภาวะ เศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในขณะนี้ไปได้ โดยขอนำเสนอดังนี้

1.) ขอตั้งวงเงินเป็นโครงการพิเศษจำนวน 30,000 ล้านบาท โดยใช้บสย. 100 % รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท พิจารณาจากรายได้ในปี 2561-2562 โดยมีนิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) จำนวน 15,000 ราย ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ การค้า กระทรวงพาณิชย์ และการจ่ายภ.ง.ด.90 ประเภทบุคคล จำนวน 100,000 ราย 

2.) ตั้งคณะทํางานร่วมแก้ปัญหาธุรกิจอาหารเพื่อเสนอแนวทางฟื้นฟูทั้งวงจรธุรกิจอาหาร เนื่องจากธุรกิจอาหารมีความ แตกต่างที่หลากหลาย รัฐบาลสามารถติดตามให้การช่วยเหลือและพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งยังไม่เคยมี คณะทํางานชุดนี้เกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย โดยสภาพัฒน์เป็นผู้ดําเนินการหลัก เชิญทุกภาคส่วนร่วมเป็นคณะทํางาน 

3.) ในระยะเวลาอันเร่งด่วน ขอเสนอให้ใช้ศูนย์ บสย.FA Center ภายใต้การกํากับของกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นที่ ปรึกษาแก่ร้านอาหาร ทําบัญชี ภาษีให้ถูกต้อง และมีโอกาสยกระดับจากบุคคลเป็นนิติบุคคลต่อไป

‘พงศ์พรหม ยามะรัต’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat เผยสาเหตุทำไมยอดการติดเชื้อโควิด-19 ถึงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า…

ไม่นานมานี้ ‘พงศ์พรหม ยามะรัต’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat เผยสาเหตุทำไมยอดการติดเชื้อโควิด-19 ถึงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า…

ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมยอดติดเชื้อถึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเริ่มด้วยการโทษใครซักคนไปมา ผมว่ามันไม่จบ!!

>> ลองมาดูทีละฝั่ง…

วันก่อนเข้าร้านกาแฟ ประชุม ตกเย็นไปเดินสวนสาธารณะ

ร้านกาแฟนี่หน้าเปลือยกัน 30% แบบกินกาแฟหมดแล้วนะ แต่จะคุยต่อ น้ำลายฟ่องร้าน

คิวแท็กซี่นี่อีกตัวดีครับ ยืนจับกลุ่มแบบหน้ากากใต้คางหมด

ในสวนนี่โหดมาก ขออธิบายละเอียดหน่อย

ร้านขายน้ำสวนรถไฟ ยังใช้การเอาขวดน้ำรวมกันในถัง 100 ขวด แล้วเทน้ำแข็งใส่ให้น้ำเย็นอยู่เลย

ทุกคนที่ซื้อน้ำ เหงื่อท่วม ไอ จามผสม เอามือสกปรกนั่นใส่ลงไปในถังนี้ทั้งหมด มีเชื้ออะไรบ้างก็ปนกันอยู่ในนั้น น้ำเย็นๆ ที่แช่ขวดอยู่นี่เชื้อชอบมาก นอนโคตรสบาย

1 ร้านขายซัก 200 ขวด ติดกันทั่วแน่ อันนี้ฝากกองสวน กทม. ด่วน!!

 

>> สวน ‘คนวิ่ง’ กับ ‘เดิน’!!

คนวิ่ง 90% ไม่ใส่หน้ากาก ด้วยข้อแก้ตัวว่ามาวิ่งแล้วหายใจไม่ออก

คนเดิน 70% ไม่ใส่หน้ากาก มีทั้งเดินเล่น ถ่ายรูปกับเพื่อน ไม่ก็ Live อะไรกันอยู่นั่น

ทั้งที่สวนก็ประกาศปาวๆ ว่าให้ใส่

ตอนนี้วิกฤติโรคระบาด ถ้าวิ่งใส่หน้ากากแล้วหายใจไม่ออก ก็วิ่งให้ช้าลง

ผมก็วิ่งช้าๆ ใส่หน้ากาก ก็หายใจสะดวกดี

เรื่องนี้ รปภ.สวน เคยมาบ่นให้ฟังว่าเตือนแล้วเตือนอีก เมื่อวันก่อนผมเลยเดินไปด่าเอง เดินมาเป็นกลุ่ม ขำๆ กันอยู่ เดินขวางทั้งทางเดิน แต่ไม่ใส่หน้ากาก

 

>> คราวนี้มาฝั่งรัฐ!!

นอกจากงานลงชุมชนที่ทำกันแสนสาหัสแล้ว...(อันนี้ขอขอบคุณก่อน)

แต่ที่ละเลยมาก คือ ทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่จัดการวินัยคนตามจุดเสี่ยงแบบที่ทำปีที่แล้ว

คิวแท็กซี่ข้างป้อมตำรวจ ก็ต้องใช้อำนาจตำรวจไปบังคับการใส่หน้ากาก

เจ้าหน้าที่ตามสวน หรือที่สาธารณะ ก็อย่าไปกลัวประชาชน ใครฝืนก็ให้ออกไปที่อื่น

ตามพื้นที่แออัด ทั้งป้ายรถเมล์ ร้านอาหาร ต้องมีเจ้าหน้าที่กวดขันวินัยทุกจุด งานไม่ยาก แต่ต้องทำ

 

>> สุดท้ายเรื่องวัคซีน

อันนี้ไม่พูดเยอะ คนบ่นกันมากแล้ว

เราเจอวิกฤติกันอยู่ครับ

ด่ารัฐเสร็จ ก็ต้องหันมาปรับปรุงความรับผิดชอบของตัวเองด้วย

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4403770636299707&id=100000004424101


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘จุรินทร์’ ปลื้ม!! ส่งออกเดือนพฤษภาคม ตัวเลขดีดบวก 41.59% สูงสุดในรอบ 11 ปี ‘สินค้าเกษตร-อาหาร’ ยืนหนึ่ง พร้อมสั่งพาณิชย์ฯ ลุยต่อ ‘5 แผนบุกตลาด’

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยข่าวดีตัวเลขการส่งออกเดือนพฤษภาคมปีนี้ มีมูลค่า 23,057.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 714,885.27 ล้านบาท ขยายตัว 41.59% ซึ่งถือเป็นการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 11 ปี (หักน้ำมัน, ทองคำ ยุทธปัจจัยออกจะบวกถึง 45.87%) โดยหากคิดเป็นมูลค่ารวม 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค. 64) จะขยายตัวรวมกัน 10.78% (หักน้ำมัน ทองคำ ยุทธปัจจัยออกจะบวก 17.13%)

เหตุผลสำคัญ จุรินทร์ เผยว่ามี 2 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่

1.) เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะตลาดสำคัญ เช่น สหรัฐฯ, จีน, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น เป็นต้น และ

2.) เพราะแผนการส่งออกและภาคปฏิบัติจริงที่กระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนมาโดยต่อเนื่องในรูปแบบ กรอ.พาณิชย์ จึงทำให้สามารถแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ได้รวดเร็วทันท่วงที ขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดทำแผนเชิงรุกร่วมกันในปี 2564 ที่มีเป้าหมายและรายละเอียดชัดเจนแต่ต้น ทำให้ตัวเลขการส่งออกปีนี้ค่อยๆ เป็นบวกตามลำดับ

จุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของตลาดจีน, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น ,เกาหลี, ไต้หวัน และเอเชียใต้อาเซียนนั้น มีกลุ่มสินค้าที่สำคัญอย่างสินค้าเกษตรและอาหารเป็นแม่เหล็ก เฉกเช่นเดียวกันกับอาหารเฉพาะผักผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เร่งรัดแก้ไขปัญหาอุปสรรคบริเวณด่านชายแดนและด่านข้ามแดนเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกผักผลไม้แช่เย็นแช่แข็งเป็นบวกถึง 31.9% โดยเฉพาะทุเรียนบวกถึง 95% และสินค้า Work from Home เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันโควิด, เคมีภัณฑ์, เม็ดพลาสติก, อาหารสัตว์เลี้ยงและรถยนต์ เป็นต้น

“สำหรับรถยนต์หลังจากที่ผมและกระทรวงพาณิชย์พยายามเจรจากับเวียดนามมาหลายครั้งตั้งแต่การประชุม RCEP และส่งผลให้ต่อมาเวียดนามปรับปรุงกฎระเบียบในการนำเข้ารถยนต์จากที่ต้องตรวจรถยนต์ที่นำเข้าจากไทยทุกล็อตที่ตรวจทั้งสองฝั่ง ทางเวียดนามยอมเปลี่ยนเป็นตรวจฝั่งใดฝั่งหนึ่งและสุ่มตรวจเท่านั้น ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์ของไทยไปเวียดนามขยายตัวถึง 922% และส่งออกไปทั่วโลกขยายตัวถึง 170%” นายจุรินทร์ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวต่อว่า แผนงานที่กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าต่อไปประกอบด้วย…

1.) เร่งรัดการเปิดตลาดใหม่ให้มีผลทางภาคปฏิบัติเป็นรูปธรรม โดยเร็วทั้งตลาดตะวันออกกลาง ตลาดกลุ่มประเทศรัสเซีย ตลาดกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ตลาดกลุ่มประเทศแอฟริกา

2.) รุกการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนต่อเนื่องต่อไป โดยจะเร่งเปิดด่านซึ่งมีอยู่ 97 ด่าน ที่ปัจจุบันเปิดได้แค่ 45 ด่าน ให้เปิดด่านเพิ่มขึ้นเป้าหมายระยะสั้นเร่งเปิดให้ได้อย่างน้อยเพิ่มอีก 11 ด่าน วันที่ 9-11 กรกฎาคมนี้ ตนจะเดินทางไปดูด่านบริเวณชายแดนลาวซึ่งถือเป็นด่านสำคัญที่จะทะลุไปเวียดนามและไปจีน เช่น ด่านปากแซง นาตาล ท่าเทียบเรือมุกดาหาร ท่าเทียบเรือนครพนม และท่าเทียบเรือหนองคาย เป็นต้น ที่จะเร่งรัดให้เปิดด่านเร็วขึ้น

3.) เร่งส่งเสริมการส่งออกและการเจรจาการค้ารวมทั้งการทำสัญญาส่งสินค้าออกด้วยระบบออนไลน์ต่อไป และเมื่อไหร่ที่ทำระบบออฟไลน์เพิ่มขึ้นได้จะเร่งดำเนินการให้ผสมผสานในรูปแบบไฮบริด

4.) เร่งรัดดำเนินการ MINI-FTA ทั้งกับไห่หนาน หรือมณฑลไหหลำของจีน รัฐเตลังคานาของอินเดีย เมืองคยองกีของเกาหลี หรือโคฟุของญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้สัญญาณล่าสุดอาจลงนามได้ในช่วงสิงหาคม

5.) เร่งสร้างแม่ทัพการค้าและแม่ทัพการส่งออกรุ่นใหม่ของไทย เพื่อเป็นอนาคตสำหรับการนำเงินเข้าประเทศต่อไปในเรื่องโครงการปั้น Gen Z เป็น CEO ซึ่งปีนี้มั่นใจว่าสร้างได้ครบ 12,000 คนทั่วประเทศแน่นอน

ด้านนายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า นโยบายกระทรวงพาณิชย์ผลักดันในทุกทางช่องทางสำคัญทำให้ตัวเลขการส่งออกเป็นรูปธรรมและจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและภาพรวมตลาดสำคัญมีการขยายตัวในหลายประเทศ ภาพรวมการส่งออกไปกลุ่มตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 39.9 โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ขยายตัวดีต่อเนื่องร้อยละ 44.9 ร้อยละ 25.5 ร้อยละ 27.4 ตามลำดับ

ตลาดสหภาพยุโรป และ CLMV ขยายตัวเร่งขึ้น ร้อยละ 54.9 และร้อยละ 46.8 ตามลำดับ ส่วนตลาดอาเซียนกลับมาขยายตัวร้อยละ 51.0 โดยปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกนั้น คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประเทศคู่ค้าสำคัญจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายประเทศเริ่มมีอัตราลดลง ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวสูงขึ้น และสินค้าเกษตร-อุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว เช่น ยางพารา ผัก ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สิ่งปรุงอาหาร อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป รถยนต์อุปกรณ์กับส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์และทีม กรอ.พณ. จะได้กำหนดวันประชุมหารือร่วมภาครัฐกับเอกชน หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เนื่องจากต้องเดินหน้าผลักดันการส่งออกโดยแก้ไขปัญหาตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งเร่งรัดการเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติมและผลักดันการลงนามความตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์ MRA ของอาเซียนตามนโยบายต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รวมเคล็ดลับและความเชื่อ ของบรรดานักเตะในศึกยูโร 2020

จบการแข่งขันในรอบแรก ได้ตัวแทน 16 ทีมผ่านเข้าไปสู่รอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับศึกฟุตบอลยูโร 2020 งานนี้บรรดากองเชียร์ได้พักผ่อน นอนกันเต็ม ๆ 2 วัน ก่อนที่คืนวันเสาร์ที่ 26 มิ.ย.นี้ จะกลับมาอดนอน เอ้ย! กลับมาชมเกมการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกันอีกครั้ง

ไหน ๆ ก็เป็นช่วงพักเบรก เราเลยมีเรื่องราว ‘ความเชื่อ’ ของบรรดานักฟุตบอลมาฝากกัน เห็นว่ามีฝีเท้าสุดยอดกันอย่างนี้ เหล่านักฟุตบอลระดับโลกก็มีเคล็ดความเชื่อส่วนตัว บางคนทำเพื่อให้เกิดโชคดี บางคนทำเพื่อให้ตัวเองยิงประตูได้ หรือแม้แต่บางคนทำไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ

มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ของโลกคนไหน ที่พึ่งพาเรื่องความเชื่อกันบ้าง แล้วแต่ละคนทำไปเพื่อเคล็ดลับอะไร ลองไปดูกัน!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“คลัง” ขอเวลา 1-2 สัปดาห์ออกมาตรการแก้หนี้

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทุกแห่งเป็นการเร่งด่วน เพื่อสั่งการให้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งประชาชนรายย่อยและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้เสนอแผนงานกลับมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์ 

ทั้งนี้ในเบื้องต้นทุกธนาคารเห็นตรงกันว่าจะมีการพักชำระหนี้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบไปจนสิ้นปี 64 จากปัจจุบันที่ช่วงเวลาพักหนี้ของธนาคารแต่ละแห่งไม่เท่ากัน และมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยจะจัดทำเป็นมาตรการกลางแทน ซึ่งมีธนาคารของรัฐแห่งหนึ่งเสนอแผนช่วยเหลือลูกหนี้เป็นกรณีพิเศษ จากเดิมที่พักเงินต้นแต่ให้จ่ายดอกเบี้ยตามปกติหรือบางส่วน เป็นการพักชำระเงินต้นและ ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% หรือ คิดแค่ 0.01% ต่อปีเท่านั้น

“มาตรการดังกล่าวเพื่อบรรเทาผลกระทบผู้ได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น โดยมาตรการแต่ละธนาคารสามารถดำเนินการได้เลย ไม่ต้องมติจาก ครม. เพราะไม่ได้ขอรับการชดเชย ธนาคารยอมสูญเสียรายได้เพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ยืนยันว่าไม่กระทบกับฐานะโดยรวมของธนาคาร เนื่องจากมีการตั้งสำรองในระดับสูง มีการบริหารความเสี่ยง จึงมีฐานะแข็งแกร่ง”

สำหรับการลดเพดานดอกเบี้ยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนที่กระทรวงการคลังดำเนินการผ่าน พิโกไฟแนนซ์และนาโนไฟแนนซ์ ก็มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำพอสมควร ขณะที่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐก็ดอกเบี้ยต่ำอยู่แล้ว บางมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ก็มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อซอฟท์โลนด้วยซ้ำ 

ส่วนกรณีของธนาคารพาณิชย์ กระทรวงการคลังจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร็ว ๆ นี้ เพื่อพิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่ และทำได้มากน้อยแค่ไหน ในกลุ่มลูกค้าใดบ้าง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top