Tuesday, 17 June 2025
TheStatesTimes

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ โทษ ‘เนทันยาฮู’ จุดชนวนสงครามอิหร่าน เตือนวอชิงตันอย่าตกหลุมพรางอิสราเอล

(17 มิ.ย. 68) เบอร์นี แซนเดอร์ส (Bernie Sanders) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ออกมาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ระบุว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เป็นผู้เริ่มต้นความขัดแย้งกับอิหร่านในครั้งนี้ พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ ไม่ควรถูกลากเข้าไปมีส่วนร่วมทั้งทางการทหารและทางการเงิน

แซนเดอร์สโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า “เนทันยาฮูเป็นคนเปิดฉากสงครามนี้ด้วยการโจมตีอิหร่าน” พร้อมระบุว่าเนทันยาฮูมีส่วนในการลอบสังหารอาลี ชามคานี หัวหน้าคณะเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นการจงใจบ่อนทำลายการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน

เขายังกล่าวเสริมว่า “สหรัฐฯ ต้องไม่ถูกลากเข้าไปในสงครามที่ผิดกฎหมายของเนทันยาฮูอีก ไม่ว่าจะเป็นในเชิงทหารหรือการสนับสนุนทางการเงิน” โดยแซนเดอร์สเป็นหนึ่งในนักการเมืองสหรัฐฯ ที่วิจารณ์นโยบายทางทหารของเนทันยาฮูในฉนวนกาซาอย่างสม่ำเสมอ

ขณะที่ สถานการณ์ความตึงเครียดเริ่มปะทุขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและโดรนถล่มหลายพื้นที่ทั่วอิหร่าน รวมถึงเป้าหมายด้านการทหารและนิวเคลียร์ ส่งผลให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธกลับอย่างหนักหน่วง

ทางการอิสราเอลระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนจากการโจมตีของอิหร่าน ขณะที่ฝ่ายอิหร่านเผยว่าการถล่มของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 224 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน

‘ฮุนเซน’ เดือด! ประกาศ ‘สนธิ’ คือศัตรูกัมพูชา ลั่นอย่ามาเย่อหยิ่ง ตนยังมีอำนาจ พร้อมเตือน ‘จตุพร’ เจียมตัวหน่อย เพราะเคยหนีมาหลบภัย

เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.68) สำนักข่าว Fresh News ของกัมพูชา รายงานว่า สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ส่งสารทางการเมืองถึงชาวกัมพูชา ไม่ให้หัวรุนแรงเหมือนกลุ่มคนไทยในกรุงเทพฯ ที่ถูกยุยงโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มเสื้อเหลือง และได้แนะนำให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตสมาชิกกลุ่มเสื้อแดงที่เข้าร่วมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้ใจเย็นกว่านี้หน่อย เพราะเคยไปขอหลบภัยกับสมเด็จฮุนเซนมาก่อน

สมเด็จฮุนเซนแถลงในสารพิเศษเมื่อเช้าวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ในการประชุมวุฒิสภาว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นศัตรูกับชาติกัมพูชา โดยมองว่าเขมรเป็นศัตรูตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน

สมเด็จฮุนเซนเตือนว่า “สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่รู้เลยหรือ ตอนนี้แม้ฮุนเซนพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ฮุนเซนยังคงกุมอำนาจในกัมพูชาอย่างมั่นคง โปรดอย่าเข้าใจผิด ฮุนเซนยังไม่สูญเสียอำนาจ คุณต้องรู้จักตำแหน่งเดโชที่กษัตริย์มอบให้ อย่าเย่อหยิ่งกับกัมพูชาและดูถูกกัมพูชา”

สมเด็จฮุนเซน กล่าวว่าเขาปกครองและมีส่วนสนับสนุนการปกครองกัมพูชามาเป็นเวลา 47 ปี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ควรจะรู้ว่าเขาเป็นใครจริง ๆ

ฮุนเซนกล่าวอีกว่า “และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเคยลี้ภัยในกัมพูชาและตอนนี้ร่วมมือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล โปรดนอบน้อมกว่านี้หน่อยน้อง ตอนแรกคุณซึ่งเป็นคนเสื้อแดงวิ่งมาลี้ภัยที่นี่ ตอนนี้คุณเริ่มโจมตีกัมพูชา โปรดนอบน้อมกว่านี้หน่อย คุณรู้ถึงความสามารถของฮุนเซน คุณเคยลี้ภัยกับผม ผมให้คุณกิน ผมเคยเลี้ยงดูคุณ”

สมเด็จฮุนเซนยังตอบโต้ข้อเรียกร้องของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ว่าประเทศไทยควรโจมตีกัมพูชาและยึดนครวัดและแลกเปลี่ยนกับปราสาทพระวิหาร โดยบอกว่า “กัมพูชาไม่ใช่ของบริโภคง่าย ๆ คุณกำลังมองกัมพูชาผิด”

อิหร่านเตือนด่วน! สั่งอพยพประชาชน จ่อถล่มเป้าหมายในดินแดนที่อิสราเอลยึดครอง

หน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) ออกแถลงการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ (17 มิ.ย.) ประกาศเตรียมเปิดฉากโจมตีทางอากาศ 'อย่างแม่นยำ' ต่อเป้าหมายในดินแดนที่ถูกอิสราเอลยึดครอง พร้อมเตือนให้ประชาชนอพยพออกจากเมืองต่าง ๆ ทันที

คำเตือนระบุว่า “สิ่งอำนวยความสะดวก เมือง หรือศูนย์กลางใด ๆ ในดินแดนยึดครองจะถือเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรม” พร้อมระบุว่าเหตุโจมตีจะเริ่มขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ในรายงานเพิ่มเติม มีการเปิดเผยว่าหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของอิหร่านคือเมืองไฮฟา (Haifa) ซึ่งมีถังเก็บแอมโมเนียมไนเตรทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หากถูกโจมตี อาจเกิดแรงระเบิดรุนแรงเทียบเท่ากับระเบิด TNT จำนวนกว่า 3,500 ลูก

‘ลุงตู่’ ผู้เคยถูกปรามาสเป็นเพียง ‘รปภ.ขับเครื่องบิน’ แต่การตัดสินใจในวันนั้นทำให้ ‘การบินไทย’ ได้ฟื้นอีกครั้ง

(17 มิ.ย. 68) ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยส่งให้เข้าสู่ กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง เพื่อให้การบินไทยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของศาล เพื่อฟื้นฟูกิจการ

ทั้งนี้ การตัดสินใจให้การบินไทย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยไม่เข้าสู่สถานะล้มละลายที่จะทำให้พนักงาน 20,000 คน ถูกลอยแพ ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการให้การบินไทยดำเนินการต่อได้ จึงให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองของศาลและเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ โดยศาลจะแต่งตั้งมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการการบินไทย

ในครั้งนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่า “ผมคาดหวังว่าเมื่อมีอาชีพเข้ามาบริหารจัดการแล้วการบินไทยจะกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติ เป็นวิธีการเดียวที่การบินไทยจะประกอบกิจการต่อได้ พนักงานการบินไทยจะได้มีงานทำ การปรับโครงสร้างการบินไทยที่ควรสำเร็จมานานก็จะเกิดขึ้นได้ในการการเข้าสู่ระบบ นั่นคือการตัดสินใจของผมและเป็นสิ่งที่รัฐบาลยึดมั่นปฏิบัติกับการบินไทย”

หลังระยะเวลาผ่านไป 5 ปี ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ภายหลังประสบความสำเร็จในการดำเนินการตามเงื่อนไขของแผนฟื้นฟูกิจการครบทั้ง 4 ข้อ ได้แก่ 
(1) การจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน 
(2) การดำเนินการตามแผนฟื้นฟู โดยไม่เกิดเหตุผิดนัด 
(3) การมี EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบินตามงบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือนประมาณ 40,308 ล้านบาท (เดือน เมษายน ปี 2567 ถึง มีนาคม ปี 2568) ซึ่งสูงกว่าที่กำหนดไว้ที่ 20,000 ล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ  และมีส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ เป็นบวกจากการปรับโครงสร้างทุน 
(4) ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568  โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าขออนุญาตหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้

แน่นอนว่า ความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ในครั้งนี้ส่วนสำคัญย่อมมาจากความร่วมแรงร่วมใจด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท อดทน และเสียสละของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า อดีตพนักงาน และพนักงานปัจจุบันของบริษัทฯ ทุกคน ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ในปัจจุบัน ตลอดจนพัฒนาการต่างๆ ที่บริษัทฯ ดำเนินการผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา

แต่อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกปรามาสว่าเป็น ‘รปภ.ขับเครื่องบิน’ ไม่ยืนกรานที่จะนำการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในวันนั้น การบินไทยก็คงกลายเป็นบริษัทที่ล้มละลายไปแล้ว และคงเป็นเรื่องยากที่จะมีโอกาสได้เชิดหัวเทคออฟอีกครั้ง...

ยูเครนเริ่มขายทรัพยากรชาติภายในประเทศ เปิดทางสหรัฐฯ ถือสิทธิ์ พัฒนาแหล่งแร่ Dobra

(17 มิ.ย. 68) รัฐบาลยูเครนเริ่มเดินหน้าเปิดประมูลพัฒนาแหล่งแร่ลิเทียม Dobra หนึ่งในแหล่งทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในเขตโนโวยูเครนกา (Novo Ukrainskii) ภูมิภาคคิรอโวห์ราด (Kirovohrad) ห่างจากกรุงเคียฟราว 300 กิโลเมตร การดำเนินการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ลงนามกับสหรัฐฯ เมื่อ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนระหว่างสงคราม

ภายใต้ข้อตกลงนี้ รายได้จากการขุดแร่จะถูกแบ่งเท่า ๆ กันระหว่างรัฐบาลยูเครนและกองทุนร่วมทุนที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุน โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจยูเครนหลังสงคราม พร้อมกับลดการพึ่งพาจีนในแร่ลิเทียมและแร่กลุ่มวิกฤตในตลาดโลก

ผู้ประมูลที่น่าจับตาได้แก่บริษัท TechMet ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ถือหุ้นบางส่วน และ โรนัลด์ ลอเดอร์ (Ronald S. Lauder) มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่เตรียมยื่นข้อเสนอในรูปแบบสัญญาแบ่งผลผลิตระยะยาว ซึ่งจะมอบสิทธิ์การพัฒนาและปันผลให้แก่ทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าการเร่งเปิดทรัพยากรธรรมชาติอาจเสี่ยงต่อปัญหาความโปร่งใส ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย และต้องอาศัยเวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้จริง เนื่องจากยูเครนยังต้องอัปเดตข้อมูลทางธรณีวิทยาและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากสงคราม

เรียกร้องประชาคมโลก จัดการรัฐบาล-ตระกูลผู้นำกัมพูชา หลังรายงานชี้ชัดมีเอี่ยวฟอกเงิน - อาชญากรรมข้ามชาติ

แถลงการณ์ในนามประชาชนไทย
ถึงประชาคมโลก

(17 มิ.ย. 68) เรื่อง การเรียกร้องให้ดำเนินมาตรการต่อรัฐบาลกัมพูชาและตระกูลผู้นำที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ

ข้าพเจ้าในฐานะประชาชนไทยผู้ตระหนักถึงศักดิ์ศรีของมนุษยชาติ ความยุติธรรม และความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขอใช้โอกาสนี้ในการส่งสารไปยังสหประชาชาติ รัฐบาลประเทศต่าง ๆ องค์กรสิทธิมนุษยชน และประชาคมโลก เพื่อแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อพฤติกรรมของรัฐบาลกัมพูชาและเครือข่ายอำนาจที่ปกครองประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ และการบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า รัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของตระกูลฮุน เซน และผู้ใกล้ชิด ได้สร้างเครือข่ายผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกับอาชญากรรมระดับโลก ทั้งในรูปของการฟอกเงินและสนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมายผ่านบริษัทอย่าง Huione Group ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นศูนย์กลางเครือข่ายฟอกเงินระดับโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามรายงานของสื่อสหรัฐฯ และบริษัท Elliptic ที่วิเคราะห์บล็อกเชน พบว่า Huione Group และแอปพลิเคชัน Huione Pay ถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการโอนเงินผิดกฎหมายจากขบวนการ แฮกเกอร์, กลุ่มสแกมเมอร์ รวมถึง การค้ามนุษย์ โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ใน Telegram ซึ่งเป็นแหล่งหลักของการโฆษณาและติดต่อของเครือข่าย Huione มีการพบกลุ่มนายหน้าหลายร้อยกลุ่มที่เสนอ “บริการจัดหาแรงงาน” ซึ่งแท้จริงแล้วคือการบังคับคนจากจีน เวียดนาม มาเลเซีย ให้ทำงานเป็น สแกมเมอร์ในสภาพบังคับ และยังมีผู้หญิงจำนวนมากถูกนำไป Human Trafficking  เช่น ค้าประเวณี หรือ บังคับถ่ายทำภาพยนตร์ลามก

ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดมาจากกลุ่มทุน(จีนเทาโพ้นทะเล) ที่หนีการปราบปรามในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะภายใต้นโยบายเข้มงวดของสี จิ้นผิง พวกเขาเลือกย้ายฐานมายังประเทศกัมพูชา ที่เปิดรับการลงทุนจีนโดยแทบไม่มีเงื่อนไข เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้จึงกลายเป็นแหล่งตั้งรกรากใหม่ของกิจกรรมผิดกฎหมาย ทั้งสแกม ฟอกเงิน และค้ามนุษย์ โดยรัฐบาลกัมพูชาแห่งยอมผ่อนปรนเพื่อแลกกับรายได้ เหมือนภาพซ้ำของจีนโพ้นทะเลในอดีตที่ตั้งอั๊งยี่และค้าฝิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยุคนี้ซับซ้อนและอันตรายกว่าหลายเท่า

จากสถิติของ United Nations Inter-Agency Project on Human Trafficking (UNIAP) พบว่า การค้ามนุษย์จากต่างประเทศในกัมพูชา เพิ่มขึ้นในอัตรากว่าร้อยละ 400 เลยทีเดียว

งานวิจัย Behind Closed Doors: Debt-Bonded Sex Workers in Sihanoukville, Cambodia โดย ลาริสซา แซนดี (Larissa Sandy) ระบุว่า อาชญากรรมด้าน "กามารมณ์" คือรูปแบบการค้ามนุษย์อันดับ 1 ที่เกิดขึ้นใน เมืองสีหนุวิลล์

หญิงขายบริการจำนวนมากเป็น “โสเภณีขัดดอก” ที่ต้องใช้ร่างกายชดใช้หนี้แทนตนเองหรือสมาชิกในครอบครัว โดยไม่มีเสรีภาพหรือทางเลือกใดในการหลีกหนี

ระบบดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้สายตาของรัฐ ด้วยการเอื้อพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เครือข่ายนายทุนและอิทธิพลดำเนินการโดยไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง

นอกจากนี้ บุคคลที่อยู่ในเครือบริษัทดังกล่าว เช่น ฮุน โต ลูกพี่ลูกน้องของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ระดับภูมิภาค

ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลกัมพูชากลับไม่เพียงละเลย แต่ยังมีพฤติกรรมส่อว่าให้ ความคุ้มครองทางอ้อม แก่เครือข่ายเหล่านี้ โดยเฉพาะการที่ธนาคารแห่งชาติกัมพูชาเพิกถอนใบอนุญาตของ Huione Group ในลักษณะที่เป็นการ “ปลดเปลื้องภาระทางกฎหมาย” มากกว่าการเอาผิด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นเพียงการเตรียมการ “ควบรวมบริษัท” มากกว่าการยุติกิจกรรมอาชญากรรม

ความไม่โปร่งใสของรัฐบาลกัมพูชาไม่เพียงจำกัดอยู่ในระดับภายในประเทศ หากแต่ได้ขยายตัวเป็นพฤติกรรมของรัฐที่เอื้ออำนวยต่อการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะในกรณี การลอบสังหารนายลิม กิมยา อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัยทางการเมืองและถือสัญชาติกัมพูชา-ฝรั่งเศส ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตกลางกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 กรณีนี้ชี้ชัดถึงการใช้ความรุนแรงเพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้าม แม้จะอยู่ในต่างแดน ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ คนร้ายได้หลบหนีเข้ากัมพูชา แต่รัฐบาลกัมพูชากลับไม่ดำเนินการส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างจริงจัง สะท้อนท่าทีที่ไม่เพียงละเลยต่อหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นการสนับสนุนมือปืนและการก่อการร้ายทางการเมืองข้ามชาติอย่างชัดเจน

ล่าสุด รัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลก (ICJ) เพื่อกล่าวโทษไทยในข้อพิพาทชายแดน โดยพยายามแสดงตนว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งที่ความจริงคือ ไทยไม่มีท่าทีคุกคามใด ๆ ตรงกันข้าม กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่เริ่มยั่วยุ เช่น การขุดแนวรบในพื้นที่พิพาทซึ่งเป็นต้นเหตุของการปะทะ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จึงน่ากังวลว่าเป็นแผนยั่วยุเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของโลกจากความเป็น “รัฐอาชญากรรม” ที่กัมพูชากำลังถูกมองว่าเป็นอยู่

ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อประชาคมโลกว่า แท้จริงแล้ว กัมพูชาควรอยู่ในฐานะ “โจทก์” หรือ “จำเลย” กันแน่
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องให้:

ประชาคมโลกตรวจสอบ และพิจารณาดำเนินคดีอาญาระหว่างประเทศ กับผู้นำและเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติจากกัมพูชา โดยเฉพาะในระดับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)

ประเทศสมาชิกสหประชาชาติพิจารณามาตรการทางการทูตและการเงิน ต่อหน่วยงานและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และการค้าประเวณี

องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเข้ามาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานกับภาคประชาสังคมในภูมิภาคเพื่อปกป้องผู้ลี้ภัย นักกิจกรรม และประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า หากละเลยพฤติกรรมเหล่านี้ให้ดำรงอยู่โดยไม่ถูกตรวจสอบและลงโทษ ย่อมเป็นการเปิดทางให้ ความชั่วร้ายแฝงเร้นในคราบของรัฐเผด็จการดำรงอยู่ต่อไป และอาจลุกลามกลายเป็นภัยคุกคามระดับโลกในที่สุด ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์
ประชาชนไทยผู้รักสันติภาพและยืนหยัดต่อความยุติธรรม

ก.พลังงาน เกาะติดสถานการณ์อิสราเอล - อิหร่าน เตรียมมาตรการรองรับทั้งด้านราคา - ปริมาณสำรอง

กระทรวงพลังงาน ได้ติดตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ โดยได้ดำเนินมาตรการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมทั้งเตรียมแผนเพิ่มปริมาณสำรองภายในประเทศ หากสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อประเทศไทย

(17 มิ.ย. 68) นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากที่เกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะมีรายงานข่าวเมื่อคืนวันจันทร์ว่า อิหร่านพร้อมกลับมาเจรจาเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์กับสหรัฐหลังจากที่อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจาไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์การสู้รบก็ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้หลายประเทศเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ โดยนักวิเคราะห์จากหลายหน่วยงานรายงานถึงการคาดการณ์หากการสู้รบขยายวงกว้างขึ้น จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมทั้งอาจจะมีการปิดกั้นเส้นทางในการขนส่งน้ำมันอย่างช่องแคบฮอร์มุช ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ

กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยในด้านราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 72.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากต้นเดือนมิถุนายนที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการดูแลด้านราคาขายปลีกภายในประเทศเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ได้มีมติเมื่อวานนี้ ให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยใช้กลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพ และพยุงราคาน้ำมันในประเทศ ไม่ให้กระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ในระยะยาว

ส่วนในด้านปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ ปัจจุบันมีน้ำมันดิบคงเหลือประมาณ 3,337 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 25 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง 2,457 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 19 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 1,874 ล้านลิตร เพียงพอต่อความต้องการใช้ 16 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จะมีการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศเพื่อลดผลกระทบด้านราคาให้มากที่สุด

“ขอย้ำว่า กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านอย่างใกล้ชิด ได้เตรียมพร้อมในเรื่องของปริมาณสำรองพลังงาน ซึ่งมีข้อกำหนดและมาตรการในการสำรองปริมาณน้ำมันและก๊าซหุงต้มอยู่แล้ว รวมถึงการเตรียมแนวทางการบริหารจัดการด้านราคาหากการสู้รบรุนแรงขึ้นและยืดเยื้อ โดยไทยเองเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านราคาได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็ได้มีมติปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการหากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอีก  จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงพลังงานจะติดตามสถานการณ์และดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดการนำเข้า ก็จะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ด้วย” นายวีรพัฒน์ กล่าว

ศ.ดร.สุชัชวีร์ เปิดตัว CMKL University มหาวิทยาลัย AI แห่งแรกของไทย

เมื่อวันที่ (16 มิ.ย.68) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภามหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMTIL) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...

"ไทยจะตกขบวน เทคโนโลยี AI ไม่ได้อีกแล้ว"
ประเทศไทย เคยเป็น 'หัวขบวน' ของอาเซียน เคยเกือบเป็น 'เสือตัวที่ห้า' ของเอเชีย เคยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง 10 เปอร์เซนต์ แต่วันนี้ เรากำลังถอยลงมาเป็น 'หัวหน้าเต่า' ของประเทศท้ายตารางในอาเซียน

เพราะอะไร? ใครก็ตอบได้ว่า "เราไม่ทันโลก" โลกที่ก้าวใหม่ มุ่งสู่เทคโนโลยีอุตสาหกรรมไฮเทค มูลค่าสูง ที่ต้องใช้ 'ทรัพยากรมนุษย์' คุณภาพสูง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี AI

ปัญหาใครก็รู้ แต่รู้แล้ว เราจะทำอะไร ผมขอเป็นคนหนึ่งที่จะ 'ไม่ท้อ' และ 'ลงมือทำ' เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย

ผมก่อตั้ง 'CMKL University' เพื่อเป็น 'มหาวิทยาลัย AI' แห่งแรกของประเทศไทย ร่วมมือกับ Carnegie Mellon University มหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกด้าน AI และคอมพิวเตอร์ เพื่อ 'สร้างเด็กไทย' และ 'งานวิจัย AI' ระดับโลก ในแผ่นดินไทย

ผมภูมิใจที่สุด ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัย CMKL University ได้มอบปริญญาบัตรแก่ บัณฑิตปริญญาตรี และปริญญาโท ที่เรียนจบด้าน 'วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และ AI' และขอแสดงความยินดีกับน้องบัณฑิตใหม่ และครอบครัวทุกคนครับ

ทุกคนได้ทำงานระดับนานาชาติ และพร้อม 'ทุ่มเท' เพื่อเป็นผู้นำ AI รุ่นใหม่ของประเทศไทย

ผมขอขอบพระคุณ 'กรรมการสภามหาวิทยาลัย' ผู้เสียสละ สนับสนุนคนไทย ในรูปมีทั้ง นายแพทย์ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รศ.ดร.สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น อธิการบดี CMKL University ดร.วนัส แต้ไพสิษพงษ์ อดีตประธานบริหารเครือเบทาโกร และ ศ.ดร.โจเซ มูร่า อดีตประธาน IEEE สมาคมวิชาชีพวิศวกรรมไฟฟ้าระดับโลก และทีมอาจารย์ระดับโลก

ทุกท่าน คือ 'ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง' สร้างคนไทย ไปสร้างเศรษฐกิจ AI ไม่ให้ 'ตกขบวน' อุตสาหกรรมยุคดิสรัปชั่น ด้วยความเชื่อมั่น #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก

เราคนไทยต้องช่วยกัน ห้ามยอมแพ้เด็ดขาดนะครับ

‘ทรัมป์’ เตือน ‘อิหร่าน’ ไม่มีวันชนะสงครามนี้ แนะเปิดเจรจาก่อนจะสายเกินไป

(17 มิ.ย. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เตือนอิหร่านให้รีบเปิดการเจรจากับอิสราเอลโดยด่วน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ผมคิดว่าอิหร่านจะไม่ชนะสงครามนี้ พวกเขาควรพูดคุยกัน และควรพูดคุยทันที ก่อนที่จะสายเกินไป” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 ที่ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา

คำเตือนของทรัมป์มีขึ้นหลังการโจมตีล่าสุดของอิหร่านด้วยขีปนาวุธใส่เมืองต่าง ๆ ของอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 8 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมจากฝั่งอิสราเอลอยู่ที่ 24 คน ขณะที่ทางการอิหร่านรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 224 ราย และบาดเจ็บกว่า 1,000 คน นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มการโจมตีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อกองทัพอิสราเอลประกาศว่าได้ “ควบคุมท้องฟ้าเหนือกรุงเตหะรานอย่างสมบูรณ์” พร้อมทั้งทำลายฐานยิงขีปนาวุธของอิหร่านได้แล้วประมาณหนึ่งในสาม ด้านอิหร่านตอบโต้โดยขู่ว่าจะเปิดฉาก “การยิงขีปนาวุธที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” บนแผ่นดินอิสราเอล พร้อมกันนั้นยังมีรายงานว่าโรงพยาบาลพลเรือนในเมืองเคอร์มานชาห์ของอิหร่านถูกโจมตี จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

อีกด้านหนึ่ง องค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) แสดงความกังวลถึงการปนเปื้อนทางรังสีและสารเคมีจากการโจมตีของอิสราเอลที่โรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์ แม้ระดับรังสีภายนอกยังปกติ แต่ระบบจ่ายไฟหลักและเครื่องสำรองถูกทำลาย ทำให้การตรวจสอบและประเมินผลกระทบทำได้อย่างจำกัด

ขณะที่ภาพรวมในสนามรบจะตึงเครียดอย่างหนัก แต่เบื้องหลังมีรายงานว่าอิหร่านเริ่มส่งสัญญาณความต้องการเจรจา โดยผ่านตัวกลางจากชาติอาหรับ ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันโลกลดลงทันทีมากกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แสดงให้เห็นถึงความหวังเล็ก ๆ ในการคลี่คลายความขัดแย้ง หากคู่กรณียอมกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างจริงจังตามคำแนะนำของทรัมป์ก่อนที่จะสายเกินไป

‘ดีพร้อม’ ยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น-วิสาหกิจชุมชน หนุนใช้นวัตกรรมต่อยอดสร้างรายได้ ตามนโยบาย ‘รมว.เอกนัฏ‘

เมื่อวันที่ (11 มิ.ย. 68) นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเผยแพร่ผลสำเร็จของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้กิจกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารชุมชนประจำถิ่นโดยใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร นวัตกรรมที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ประจำถิ่น (ภาคตะวันออก) โครงการยกระดับศุนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย นางสาวศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี นายสุริวัฒน์ เริ่มกิจการ สภาชิกสภาเมืองพัทยา นายจิตรเทพ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมี นางสาวหนึ่งหทัย ธรรมพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ (DIPROM) ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา

การจัดงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการส่งเสริมวิสาหกิจให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแปรูปวัตถุดิบเป็นผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิด Soft Power ด้านอาหาร โดยการนำอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การตลาดเนื้อหา (Content Marketing) เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SME วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออกจำนวน 10 ราย ผ่านการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญตลอด 12 Man/day ซึ่งจะไม่ใช่เพียงการส่งเสริมและพัฒนาในตัวของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาคนในชุมชน ผ่านการฝึกฝนและสร้างอาชีพให้เกิดการสร้างรายได้ ผ่านการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาต่อยอด เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชนออกมาในผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมถึงการนำกลไก Soft Power มาใช้ในการสร้างเรื่องราว บอกต่อ และโน้มน้าวให้เกิดการเผยแพร่เข้าสู่ตลาด สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ในเกิดยอดขาย มีการกระจายรายได้ในชุมชน เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง

โดย “อธิบดีณัฏฐิญา” ได้ให้เกียรติมอบวุฒิบัตรและโล่รางวัลให้กับ 10 กิจการที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว พร้อมเยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนา ซึ่งนำมาจัดแสดงเพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จ รวมถึงเป็นการทดสอบตลาด จัดจำหน่าย และรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภค เพื่อนำไปพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจระดับชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top