Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

ตม.จว.กาญจนบุรี บุกรวบต่างด้าวชาวเมียนมา แอบเปิดร้านเสริมสวย แย่งอาชีพคนไทย

(9 มิ.ย. 68) ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่เพื่อก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

วันนี้ (8 มิ.ย.68 ) เวลา 14.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเณย์ ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี, ว่าที่ พ.ต.ต.ธนพงษ์ พลายเพชร สว.ตม.จว.กาญจนบุรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.กาญจนบุรี ตรวจสอบร้านเสริมสวยบริเวณ ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนทางโซเชียล พบร้านเสริมสวย ภายในร้านมีบุคคลสัญชาติเมียนมากำลังทำผมให้ลูกค้า จึงได้แสดงตัวจับกุม Mr.HTAT MUANG อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ Mrs.MA THAN อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ถูกจับกุมที่ 2 จากนั้นได้ไปตรวจสอบร้านเสริมสวยอีกร้านซึ่งอยู่ใกล้กัน มีชื่อร้านเป็นภาษาเมียนมา มีบุคคลสัญชาติเมียนมากำลังสระผมให้ลูกค้า จึงได้แสดงตัวจับกุม Mr.THET PAING อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางสมุดจดบันทึกรายรับ สถานที่จับกุม ร้านเสริมสวย บริเวณ ม.4 ต.อุโลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จว.กาญจนบุรี โดยกล่าวหาว่าเป็นบุคคลต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ (งานตัดผม/เสริมสวย)

ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้นำตัวไปยัง ตม.จว.กาญจนบุรี ทำบันทึกจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

‘รัฐบาลกัมพูชา’ ปัดข้อกล่าวหา..เป็นภัยคุกคามโลก ยันไม่เกี่ยวขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ

(9 มิ.ย. 68) รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากรายงานของสื่อตะวันตกที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน พร้อมยืนยันว่าไม่มีนโยบายสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมาย และถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่มีแรงจูงใจทางการเมือง

รายงานจาก Humanity Research Consultancy (HRC) และหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษ อ้างว่ามีเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชาซึ่งสร้างรายได้มหาศาล คิดเป็นกว่า 60% ของ GDP โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล รวมถึงผู้ใกล้ชิดพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) มีบทบาทเอื้อประโยชน์ให้เครือข่ายเหล่านี้ดำเนินกิจการอย่างเปิดเผย โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองสีหนุวิลล์

กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาระบุว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่มีมูลความจริง และไม่สอดคล้องกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวนมาก รวมถึงมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและองค์กรนานาชาติในการสืบสวนและกวาดล้างเครือข่ายผิดกฎหมาย

กัมพูชายืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน ไม่เคยสนับสนุนหรือละเลยต่อการกระทำผิด และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายเพื่อยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเรียกร้องให้สื่อระหว่างประเทศรายงานข่าวอย่างเป็นธรรมและอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง

The Restaurant of Mistaken Orders เมื่อการเสิร์ฟอาหารไม่ซ้ำ-จำเมนูไม่ได้ คือ ‘จุดขาย’

ลองนึกดูนะครับ หากคุณเดินเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งมีพนักงานในร้านเป็นผู้สูงอายุทั้งหมด แล้วสั่งราดหน้า แต่พนักงานกลับเดินกระย่องกระแย่ง ค่อย ๆ เอาข้าวผัดมาวางให้คุณบนโต๊ะแทนที่ราดหน้าที่คุณอยากทาน สั่งชาเย็น แต่ได้โค้กมาแทน สั่งคิดเงิน แต่กลับได้เมนูอาหารมาอีกรอบ (ซึ่งพอคุณสั่งอาหารจานใหม่ไป มันก็จะมาแบบผิดๆอีกนั่นแหละ) หรือพูดง่าย ๆ ว่า อาหารทุกอย่างที่คุณสั่งไปมีโอกาสที่คุณจะได้รับอาหารไม่ตรงตามที่คุณต้องการถึงกว่า 35% คุณจะหงุดหงิดหัวเสีย หรือโกรธพนักงานในร้านรวมไปถึงเจ้าของร้านด้วยหรือไม่ ลูกค้าบางคนอาจถึงขั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเขียนคอมเม้นต์ด่าในหน้าโซเชียลมีเดียของทางร้าน หรือเขียนรีวิวให้คะแนนแย่ ๆ เลยด้วยซ้ำ 

แต่……
ถ้าคุณรู้ว่าพนักงานเสิร์ฟอาหารสูงอายุในร้านทุกคนเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมทั้งหมดคุณยังจะหงุดหงิดหัวเสียอยู่รึเปล่า?? 
ร้านอาหารแบบนี้มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่นครับ 

ใดๆ digest ep.นี้ชวนคุณผู้อ่านทุกท่านมาทำความรู้จัก 'Restaurant of Mistaken Orders' ร้านอาหารในญี่ปุ่นที่มีพนักงานเสิร์ฟทั้งหมดไม่เพียงแต่เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งชายหญิงแล้ว แต่คุณตาคุณยายทุกท่านที่ทำงานในร้านยังเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมกันทุกคนอีกด้วยครับ 

ร้านอาหาร concept แปลกๆ นี้ก่อตั้งขึ้นโดยคุณ ชิโระ โอกุนิ ผู้กำกับรายการโทรทัศน์ชาวญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนมุมมองการรับรู้และสร้างความเข้าใจของผู้คนทั่วไปที่มีต่อผู้สูงอายุและความบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งเป็นสภาวะเสื่อมถอยของสมอง ส่งผลให้ความจำ การเรียนรู้ และทักษะในการสื่อสารลดลง คุณโอกุนิได้เกิดปิ๊งไอเดียนี้มาจากตอนที่เขาได้ไปเยี่ยมบ้านพักคนชรา แล้วได้รับ 'เกี๊ยว' ทั้งที่เขาสั่ง 'เบอร์เกอร์' จากพนักงานที่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งในตอนแรกเขาตั้งใจจะเปลี่ยนอาหารที่ได้รับให้ถูกต้องตรงกับที่ตัวเองสั่ง แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าแท้จริงแล้วนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และเขายังรู้สึกนับถือพนักงานเสิร์ฟที่ยังสามารถทำงานได้อยู่ แม้จะมีข้อบกพร่องทางร่างกาย พอคิดได้แบบนั้น คุณโอกุนิจึงรับอาหารจานนั้นไว้และทานจนหมดเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณ จากนั้นเขาจึงได้มีความคิดที่จะเปิดร้านอาหารที่พนักงานเสิร์ฟทั้งหมดเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมขึ้นมา

แต่กว่าร้านอาหารจะเกิดขึ้นและเป็นรูปเป็นร่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะจำเป็นต้องมีการวางแผนและขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านร้านอาหาร การออกแบบภายใน การดูแลด้านสวัสดิการสังคม และความร่วมมือขององค์กรต่าง ๆ สำหรับการช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม แต่ในที่สุดร้านก็ได้เปิดขึ้นครั้งแรกได้สำเร็จเมื่อปี 2560 ด้วยเงินระดมทุนประมาณ 115,000 ดอลลาร์ ซึ่งไอเดียที่แปลกใหม่ทำให้ใคร ๆ ก็พร้อมจะร่วมลงทุนด้วย และเปิดมาจนถึงปัจจุบัน โดยชูแนวคิดสำคัญเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคทางสมองนี้ และสร้างภาพจำใหม่ว่าผู้ป่วยไม่ได้เศร้า หดหู่แบบที่หลายคนเข้าใจ และอันที่จริงแล้วลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการในร้านนี้ต่างก็อยากจะมาเพื่อรับประสบการณ์ประหลาดใจ และอยากรู้ว่าตนเองจะได้รับเมนูอะไรจากพนักงานเสิร์ฟจนกลายเป็นจุดขายของร้าน มากกว่าการได้มาลองรสชาติอาหารในร้านเสียอีก 

จากการเก็บข้อมูลของร้านพบว่า มีรายการอาหารที่เกิดข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะจดเมนูผิด หรือ เสิร์ฟผิดประมาณ 37% แต่เมื่อสำรวจความพึงพอใจของแขกที่มาทานอาหารกลับพบว่าผู้ได้รับบริการถึง 99% รู้สึกพอใจกับมื้ออาหารของพวกเขา แม้ว่าบางครั้งพนักงานจะนั่งพูดคุยกับลูกค้าจนลืมให้บริการ หรือไหว้วานให้ลูกค้าจดเมนูให้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอเหตุการณ์อะไรบ้าง จึงเข้าใจข้อจำกัดของพนักงานเป็นอย่างดีจนกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  จนในหลาย ๆ ครั้งทำให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษที่อบอุ่นหัวใจที่พนักงานในร้านและลูกค้าที่มารับประทานอาหารเกิดการสลับบทบาทกัน กลายเป็นลูกค้าให้ความสำคัญและดูแลเอาใจใส่พนักงานไปเสียแทน สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า นอกจากอาหารที่เป็นบริการสำคัญของร้านแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับลูกค้าถือเป็น 'จุดขาย' ของ Restaurant of Mistaken Orders เพราะจุดประสงค์ของลูกค้าที่มาร้านอาหารแห่งนี้ก็เพื่อสนับสนุนและให้โอกาสเหล่าผู้มีความบกพร่องทางสมอง 

ดังนั้น ผู้ที่มารับประทานอาหารจึงไม่สนใจว่าพวกเขาจะได้รับอาหารตามที่สั่งหรือไม่ ตราบใดที่พวกเขามีโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์และได้รับรู้ถึงความแตกต่างของผู้สูงอายุที่มีอาการความบกพร่องทางสมอง และเมื่อลูกค้าเห็นรอยยิ้มและความร่าเริงของพนักงานที่เป็นโรคสมองเสื่อมซึ่งสร้างพลังงานเชิงบวกให้บรรดาลูกค้าได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตกลับไป บางคนสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมเหล่านี้ที่พยายามยืนหยัดทำงานเพื่อสร้างความรู้สึกมีคุณค่าให้กับตัวเอง บ่อยครั้งที่ลูกค้าก็ตื้นตันใจจนน้ำตาไหล นอกจากนี้ร้านอาหารแห่งนี้ยังเป็น 'พื้นที่ปลอดภัย' ให้ผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมสามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการชะลอการลุกลามของภาวะสมองเสื่อม 

จากกระแสตอบรับที่มีต่อร้าน แสดงให้เห็นว่า “สายสัมพันธ์ที่สวยงามระหว่างลูกค้าและพนักงานในร้านอาหารแห่งนี้ นับเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็เป็นการพิสูจน์ว่า ความสัมพันธ์ของมนุษย์ ความเมตตา และมิตรภาพ สามารถเป็นทั้งผลิตภัณฑ์และบริการ โดยที่ทั้งผู้ให้บริการและลูกค้า ได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้จิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ได้ถูกเติมเต็ม นำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของผู้คนที่มีความแตกต่างกันด้วยความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างซึ่งกันและกันนั่นเองครับ

ผบช.ภ.2 สั่งเข้ม! คุม 3 จังหวัดชายแดน “สระแก้ว-จันทบุรี-ตราด” ตรึงกำลัง คัดกรองทุกจุด ป้องกันเหตุ

(9 มิ.ย.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2) สั่งการด่วน! ถึงทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี และตราด หลังเกิดสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี โดยเน้นย้ำให้ “ตรึงกำลัง-คัดกรองเข้ม-บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด” เพื่อปกป้องอธิปไตย คุ้มครองประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในพื้นที่ชายแดน

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 2 ทุกพื้นที่ เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและสกัดกั้นเหตุร้าย โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศกัมพูชา กำหนดให้พื้นที่เหล่านี้เป็น “พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ” พร้อมสั่งระดมกำลังจากหน่วยต่าง ๆ ทั้งตำรวจทางหลวง ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ร่วมตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจสอบยานพาหนะ และบุคคลต้องสงสัยในเส้นทางหลัก เส้นทางรอง รวมถึงจุดพักคอยและที่พักอาศัยต้องสงสัย

“ต้องทำงานเชิงรุก สืบสวนหาข่าวในพื้นที่อย่างใกล้ชิด วางแผนเผชิญเหตุล่วงหน้า และสนับสนุนภารกิจของทุกหน่วยอย่างเป็นระบบ” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว

นอกจากนี้ ผบช.ภ.2 ยังสั่งให้จัดตั้ง “ชุดสืบสวน-เคลื่อนที่เร็ว-ยุทธวิธีพิเศษ” ปฏิบัติงานลงพื้นที่ทุกจุดสำคัญ อาทิ ตลาดนัด สถานีขนส่ง สถานที่ท่องเที่ยว และจุดที่มีประชาชนหนาแน่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และพนักงานรักษาความปลอดภัยในพื้นที่

โดยกำชับเจ้าหน้าที่สายตรวจและจราจรทุกนายให้ “เปิดสัญญาณไฟวับวาบ” ขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแสดงตัวตนชัดเจน พร้อมใช้ยุทธวิธี “Stop-Walk-Talk” พบปะ พูดคุย ทำความเข้าใจ สร้างความร่วมมือกับประชาชนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง  มาตรการครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความปลอดภัยเชิงรุก ป้องกันการลักลอบ กระทำผิด หรือก่อเหตุร้ายในพื้นที่อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในรูปแบบใดอีก โดย ผบช.ภ.2 ย้ำว่า “เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องปฏิบัติภารกิจด้วยความตั้งใจสูงสุด เพื่อประชาชนและประเทศชาติ”

📍ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือสายด่วน 191 ตลอด 24 ชั่วโมง

อัลคาราซ เผย ‘พรหมลิขิต’ พาเดินตามรอย ‘นาดาล’ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ 5 ในวัยเดียวกันเป๊ะ

(9 มิ.ย. 68) คาร์ลอส อัลคาราซ นักเทนนิสมือ 2 ของโลก ชาวสเปน พลิกสถานการณ์จากตามหลัง 0-2 เซต กลับมาเอาชนะ ยานนิก ซินเนอร์ มือ 1 ของโลก ชาวอิตาลี 3-2 เซต 4-6, 6-7(4), 6-4, 7-6(3), 7-6(10-2) คว้าแชมป์ชายเดี่ยว 'เฟร้นช์ โอเพ่น' 2025 ได้สำเร็จ พร้อมสร้างสถิติใหม่ เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์รายการ ด้วยเวลา 5 ชั่วโมง 29 นาที

สำหรับชัยชนะนี้นับเป็นแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 5 ของอัลคาราซ และเป็นเฟร้นช์ โอเพ่น สมัยที่ 2 หลังเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาก่อน รวมถึงแชมป์วิมเบิลดัน 2 สมัย และยูเอส โอเพ่นอีก 1 สมัย นอกจากนี้เขายังกลายเป็นผู้เล่นชายคนแรกในรอบหลายปีที่เซฟแมตช์พอยต์ในรอบชิงแล้วกลับมาคว้าแชมป์ได้

อัลคาราซเผยหลังจบแมตช์ว่า เขาไม่เคยหมดหวังแม้ถูกซินเนอร์กดดันจนใกล้พ่ายแพ้ โดยเฉพาะจังหวะที่ต้องเซฟถึง 3 แมตช์พอยต์ในเซต 4 พร้อมย้ำว่าชัยชนะครั้งนี้เกิดจากความเชื่อมั่นล้วน ๆ และเป็นแมตช์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเขา

นักหวดวัย 22 ปีจากสเปน กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงเวลาที่ยากที่สุดในแมตช์ เขามักนึกถึง 'ราฟาเอล นาดาล' ไอดอลของเขา ซึ่งเคยกลับมาชนะในสถานการณ์ที่ดูจะหมดหวังหลายครั้ง และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ช่วยให้เขาฮึดสู้จนพลิกกลับมาได้

สิ่งที่น่าทึ่งคือ อัลคาราซ ในวัย 22 ปี 1 เดือน 3 วัน เท่ากับตอนที่ ราฟาเอล นาดาล ตำนานเทนนิสชาวสเปน คว้าแกรนด์สแลมที่ 5 ของตัวเอง ด้วยชัยชนะเหนือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในรอบชิงวิมเบิลดัน ปี 2008 ซึ่งเป็นหนึ่งในแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการ “พูดตรงๆ เลยนะครับ การที่ผมคว้าแชมป์แกรนด์สแลมที่ 5 ในอายุเท่ากับนาดาล ผมว่า...นั่นคือพรหมลิขิต” อัลคาราซเผยหลังจบการแข่งขัน

ทั้งนี้ อัลคาราซยังพูดถึงคำสอนจากปู่ของเขาที่ยึดถือมาตลอดอาชีพ คือ 'สาม C' ในภาษาสเปน ได้แก่ Cabeza (ศีรษะ), Corazon (หัวใจ) และ Cojones (ความกล้าหาญ) ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นคุณสมบัติของแชมป์เปียน และเป็นสิ่งที่เขานำมาใช้ในการเอาตัวรอดจากแมตช์สุดโหดในครั้งนี้

(สุรินทร์) บรรยากาศเปิดด่านช่องจอมวันแรก มีชาวกัมพูชาที่ตกค้างฝั่งไทย และรถบรรทุกขนส่งสินค้า ทยอยจ่อคิวเพื่อข้ามฝั่งยาวเป็นกิโล

(9 มิ.ย.68) ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรด่านช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์  ซึ่งในช่วงก่อนเวลา 08.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร และเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้อยู่ประจำจุดที่ทำการเพื่อเตรียมรับชาวกัมพูชาที่จ้องกสรเดินทางเข้ามายังฝั่งไทย กระทั่งในเวลา 08.00 น.ตามกฏข้อบังคับ 

โดยทหารฝ่ายไทยได้ทำการไขกุญแจและเปิดประตูด่านทั้ง 2 บาน โดยได้ปล่อยให้ประชาชนชาวกัมพูชาออกเพท่อกลับประเทศ แต่ทางฝ่ายกัมพูชา กลับไม่ยอมเปิดรั้วของทางฝั่งกัมพูชาเอง โดยยังรอท่าทีการเปิดรั้วเหล็ก โดยอ้างว่ารอคำสั่งจากผู้ว่าจังหวัดอุดรมีชัย ในเวลานี้  09.00 น. ถึงจะทำการเปิดกุญแจรั้วได้ ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์ของ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและฝ่ายปกครองของไทย ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ประชาชนชาวกัมพูชารอทางฝ่ายกัมพูชาเปิดประตูนั้น จะมีเคสนักเรียนของทางกัมพูชาต้องเข้าสอบ และประชาชนบางรายท้องแก่ คนป่วย ต้องนั่งตากแดดรอให้ฝั่งกัมพูชาเปิดประตู 

ทั้งนี้นักเรียนชาวกัมพูชา ที่ต้องการข้ามจากฝั่งไทย เพื่อไปสอบ ต่างโอดครวญกลัวไปสอบไม่ทัน เพราะเจ้าหน้าที่เขมร ที่ไม่ยอมเปิดประตู อ้างยังรอคำสั่งจาก นายเมียน ยาดา ผู้ว่าอุดรมีชัย กระทั่งเมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาทำการเปิดประตูรั้วเหล็กในเวลา 09.00 น. ท่ามกลางความอึดอัดของชาวกัมพูชา นักเรียน คนท้องใกล้คลอดที่รอการเปิดรั้วเหล็กซึ่งรอคำสั่งจาก นายเมียน ยาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย และพลโทโปเฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ก่อนทำการเปิดล็อคกุญแจรั้วและเปิดให้ชาวกัมพูชาเข้าไปได้ 

‘เอกนัฏ’ ส่ง มอก.วอทช์ AI ปราบสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เผย 5 เดือนตรวจพบทางออนไลน์นับ 1 แสนรายการ

(9 มิ.ย. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเปิดตัว "มอก.วอทช์" ระบบอัจฉริยะที่ใช้ AI ตรวจสอบสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทาง ครอบคลุมการตรวจสอบนับแสนรายการ พร้อมขยายภารกิจ "ทีมสุดซอย" สู่โลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อปกป้องผู้บริโภคและแก้ไขปัญหาสินค้าข้ามชาติทะลักไร้คุณภาพที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย

นายพงศ์พล ได้อ้างอิงรายงานสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติของสภาอุตสาหกรรมที่ระบุว่าสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนมากเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการและผู้ผลิตไทย ทั้งในเรื่องของการแข่งขันด้านราคา การละเมิดลิขสิทธิ์ และลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในการส่งออก ซึ่งปัจจุบันได้เกิดปัญหานี้ในสินค้าทุกชนิด เกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างรุนแรง

รัฐมนตรีเอกนัฏเล็งเห็นถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และด้วยข้อจำกัดของจำนวนเจ้าหน้าที่ จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม (INDX) นำโดยนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการปราบปรามและป้องกันสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

โดยคณะกรรมการ INDX ได้พิสูจน์ผลงานมาแล้วจากความสำเร็จของระบบ “แจ้งอุต” ช่องทางออนไลน์ ร้องเรียนภาคอุตสาหกรรมเพื่อประชาชนได้รับความนิยมอย่างสูงสุด และตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาคณะกรรมการINDX เดินหน้าพัฒนาระบบที่ป้องกันผู้บริโภคจากสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เรียกว่า “มอก.วอทช์” ซึ่งได้ใช้กลไกลในการพัฒนาเวอร์ชันแรกในการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้ มอก. โดยใช้ “บอทอัตโนมัติ” แทนมนุษย์ ในการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลสินค้าบนหน้าเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ ที่ใช้เทคโนโลยี Ai จับ Keyword หรือ รูปภาพ เปรียบเทียบข้อมูลในระบบของ มอก. พร้อมรวบรวมลิงค์ที่ผิด พรบ. มอก. ซึ่งในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา Ai “มอก.ว็อทช์” ได้ตรวจจับและรวบรวมรายการที่เข้าข่ายไม่ได้มาตรฐานแล้วกว่า 98,756 รายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบคัดกรองสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างชัดเจน

นายพงศ์พล กล่าวต่อว่า จากข้อมูลและการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สินค้าไม่มี มอก. และถูกฝ่าฝืนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1.กลุ่มพลาสติกสัมผัสอาหาร 2.กลุ่มของเล่นเด็ก 3.กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้า 3 กลุ่มนี้ล้วนเป็นสินค้าที่ต้องมี มอก. บังคับใช้ตามกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ตอกย้ำความจำเป็นของระบบ “มอก. วอทช์” ในการเข้ามาจัดการปัญหานี้

ถึงแม้จะไม่มีงบประมาณสนับสนุนสำหรับระบบ “มอก.วอทช์” แต่ต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม นำโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ทุกท่านที่มุ่งมั่น ทุ่มเท และได้ร่วมกันผลักดันการทำงานอย่างไม่ย่อท้อ 

“ขณะนี้ระบบ มอก.วอทช์ กำลังเก็บรวบรวม URL ของผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนขายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โปรดติดตามผลการดำเนินงานของเราเร็วๆนี้ครับ” นายพงศ์พล ย้ำเตือนผู้ขายสินค้าไม่ได้ มอก. เตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมในตลาดต่อไป

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ชี้ ‘เซเลนสกี’ รู้ดีว่ากำลังแพ้ แต่พยายามดึง ‘นาโต้’ เข้าร่วมสงครามกับรัสเซีย

(9 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ตระหนักดีว่ากำลังพ่ายแพ้ในสงคราม และพยายามดึงนาโต้ (NATO) เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งกับรัสเซีย ตามคำกล่าวของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ทอมมี ทับเบอร์วิลล์ (Tommy Tubberville) 

ทับเบอร์วิลล์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานี WABC ว่า “ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีข้อสงสัย เซเลนสกีไม่สามารถชนะสงครามนี้ได้ด้วยตัวเอง เขารู้ดีว่าเขากำลังแพ้” พร้อมเสริมว่าการโจมตีสนามบินทหารรัสเซียในต้นเดือนมิถุนายนเป็นการยกระดับความขัดแย้งโดยเจตนา

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่าเคียฟได้ใช้โดรน FPV โจมตีสนามบินในภูมิภาคมูร์มันสค์, อีร์คุตสค์, อิวาโนโว, ริยาซาน และอามูร์ ซึ่งการโจมตีในบางพื้นที่ถูกต่อต้านไว้ได้ทั้งหมด

กระทรวงฯ ระบุว่า สนามบินในภูมิภาคมูร์มันสค์ และอีร์คุตสค์เกิดเพลิงไหม้แต่ได้ควบคุมไฟได้แล้ว และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในหมู่เจ้าหน้าที่จากการโจมตีครั้งนี้

แผนที่โบราณของฝรั่งเศส ยืนยันชัด ‘เกาะกูด’ เป็นของ ‘สยาม’ มานานแล้ว

(9 มิถุนายน 2568) มีรายงานว่า สำนักผู้ช่วยทูตทหารบกไทย ประจำกรุงปารีส ได้ค้นคว้าแผนที่กัมพูชา ที่ทำขึ้นโดยข้าราชการระดับสูงของฝรั่งเศส ที่ไปปกครองกัมพูชา อาณานิคม 'Le Résident Supérieur Baudoin au Cambodge pendant l'époque coloniale française'

ฟร็องซัวส์ มาริอุส โบดวง (1867–1957) เป็นข้าราชการอาณานิคมระดับสูงของฝรั่งเศส เขาดำรงตำแหน่งผู้แทนอาวุโสประจำกัมพูชา (Résident Supérieur) ระหว่างปี ค.ศ. 1914 - 1927 ซึ่งในช่วงเวลานั้น เขามีอิทธิพลอย่างมาก ต่อการบริหารราชการภายใต้ระบบรัฐอารักขา

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า เส้นเขตแดนทางทะเล เกาะกูด เป็นของไทย มายาวนาน ไม่ได้เป็นอย่างที่ ฝ่ายกัมพูชา เคลม แต่อย่างใด

พันเอก ประชา สมิทธ์สมบูรณ์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจำกรุงปารีส ซึ่งจบจาก รร.นายร้อย Saint-Cyr ฝรั่งเศส ค้นคว้า จากหอสมุดแห่งชาติ ฝรั่งเศส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

(9 มิ.ย. 68) เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6  จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ  ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า  โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top