Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

ราชบุรี  - เกือบวุ่น พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด EOD ทำลายพบเป็นชุดวัดแรงสั่นสะเทือน

เกือบวุ่นทั้งเมือง!! พบกล่องและวัตถุที่มีการต่อสายไฟต้องสงสัยวางที่พื้นติดฐานโบราณสถานเจดีย์หัก ต.เจดีย์ อ.เมือง จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตรวจสอบใช้วอเตอร์บอมจุดทำลาย ตรวจสอบแล้วเป็นเครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งหน่วยงานใดเป็นเจ้าของให้ไปติดต่อได้ที่ สภ.ราชบุรี

(8 พ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนผู้ที่อยู่อาศัยใกล้ โบราณสถานเจดีย์หัก ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้โพสต์ข้อความพร้อมด้วยคลิป รายผ่านสื่อออนไลน์ขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เป็นกล่องและมีกรวยตั้งอยู่จำนวน 1 คู่ และมีสายกั้นขึ้งไว้ ซึ่งเกรงกลัวว่าจะเป็นวัตถุระเบิด เนื่องจากมีผู้ที่เข้ามาออกกำลังกายและพบเห็นตั้งแต่ช่วงเช้าโดยที่ไม่มีหน่วยงานใดประกาศแจ้ง

จนเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD 2 นาย ด.ต.เอก วรัตน์ ประทุมนันท์ และ ด.ต.เอก เปรมจิตร์ ฝ่ายเก็บกู้ วัตถุระเบิด ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี ได้มาทำการเก็บกู้ พร้อมทั้งประสารกำลังเจ้าหน้าที่ มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี นำกำลังมาดูแลและปิดกันการจราจร พร้อมห้ามให้รถสัญจรไปมา

จากนั้น ด.ต.เอก วรัตน์ ประทุมนันท์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว พร้อมทั้งนำเชือกคล้องที่กรวยทางด้านขวามือ และกันให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ออกห่างรัศมี 50 เมตร ก่อนจะให้สัญญาณดึงเชือกจนกรวยดังกล่าวล้มลง ต่อมาเจ้าหน้าที่ EOD ได้เดินเข้าไปตรวจสอบ โดยใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพวัตถุต้องสงสัย และนำมาประเมินสถานการณ์ โดยวัตถุที่พบมี 3 ชิ้น โดยชิ้นแรกมีลักษณะเป็นแท่งทรงกลมสูงประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ชิ้นที่ 2 เป็นห่อสีขาว โดยทั้ง 2 วัตถุมีสายต่อเข้าไปยังกล่องซึ่งมีแบตเตอรี่ เจ้าห้าที่ประเมินสถานการณ์แล้ว แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะประกอบ วอเตอร์บอมส์ เพื่อทำลายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำวอเตอร์บอมส์ เข้าไปติดตั้งที่วัตถุต้องสงสัย โดยลากสายไฟห่างมาประมาณ 30 เมตร พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการปิดเส้นทางการจราจร และ กันให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่ ออกห่างจากพื้นที่ดังกล่าว ก่อนจะให้สัญญาณและกดสวิทช์ยิงวอเตอร์บอมส์ทำลายวัตถุต้องสงสัย จนแตกกระจายเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อสิ้นเสียงระเบิดจากวอเตอร์บอมส์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้เข้าไปตรวจสอบโดยไม่ให้ประชาชนหรือสื่อมวลชนเข้าใกล้ เพื่อทำการตรวจสอบอย่างระเอียด เมื่อตรวจสอบเสร็จส่งสัญญาณเคลียร์ พร้อมทั้งแจ้ง รตท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐาน เพื่อติดตามหาเจ้าของชุดอุปกรณ์ดังกล่าวว่าเป็นของใคร

จากการตรวจสอบพบว่าวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว เป็นชุดอุปกรณ์ตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน ซึ่งจะมีกล่องภายในบรรจุแบตเตอรี่ และเดินสายไปที่กรวย 1 มีชุดแท่งเหล็กทรงกลม และ ถุงทราย และต่อสายมายังชุดตรวจวัดแรงสั่นสะเทือน โดยที่กรวยที่ 2 ภายในกรวยมีโซ่ 1 เส้นต่อสายไฟเช่นเดียวกัน โดยไม่ใช่วัตถุระเบิด หรือ สร้างเป็นการสถานการณ์แต่อย่างไร

เบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจจะได้เก็บชุดอุปกรณ์ดังกล่าวไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี และจะทำการตรวจสอบหาหน่วยงาน หรือ บริษัทเจ้าของชุดอุปกรณ์วัดแรงสั่นสะเทือนว่าเป็นของใคร


ภาพ/ข่าว  ตาเป้

 

ปราจีนบุรี – หนุ่มใหญ่เมืองพิษณุโลก พนักงานปั๊มน้ำมัน เข้าห้องน้ำนานเป็นชั่วโมงเพื่อนร่วมงานสงสัยเคาะไม่ขานตัดสินใจพังประตูเข้าไปพบว่ากำลังนอนแน่นิ่ง

เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น วันที่ 7 พ.ค. 2564 พ.ต.ท.กฤชฐา  ปทุมแก้ว สารวัตรเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งจาก ทีมกู้ชีพ มูลนิธิสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทย กบินทร์บุรี ว่า มีผู้เสียชีวิตในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ หน้านิคมอุตสาหกรรมบ้าน โคก หมู่ 9 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี  หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์เวร จาก รพ.กบินทร์บุรี เข้าร่วมชันสูตร ก่อนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบศพผู้ตาย ทราบชื่อ นายสมพร แจ่มศรี อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน อยู่บ้านเลขที่ 160 หมู่ 6 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นพนักงานทั่วไปของปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ เสียชีวิตมาไม่นาน สอบถามนายเชาวลิต  แต่เจริญ ทีมอาสากู้ชีพ มูลนิธิสัจจะพุทธธรรม ฯ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ว่ามีผู้ป่วยช็อกหมดสติในห้องน้ำปั๊มน้ำมันจึงรีบเดินทางมาช่วยเหลือ ด้วยการทำ CPR แต่ผู้เสียชีวิตไม่มีชีพจรแล้วจึงประสานไปทาง สภ.กบินทร์บุรี เบื้องต้นแพทย์ จาก รพ.กบินทร์บุรี ลงความเห็นผู้ตายเสียชีวิตจากโรคประจำตัวเนื่องเมื่อวาน

ผู้เสียชีวิตได้ไปพบแพทย์ตามปกติเนื่องจากผู้เสียชีวิตป่วยมีโรคประจำตัวทั้งความดันและเบาหวานซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตน๊อกเบาหวานเพราะขาดน้ำตาล หรือความดันสูง เนื่องจากตรวจแล้วตามร่างกายไม่พบบาดแผลจากการถูกทำร้ายแต่อย่างใด หลังการชันสูตรได้ให้ อาสาสมัครกู้ภัย ฯ นำร่างผู้เสียชีวิตส่ง รพ.กบินทร์บุรี เพื่อชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้ง


ภาพ/ข่าว ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

'พรรคกล้า-ชุมพร' ทวงเงินเยียวยาพระสงฆ์ 60 บาทต่อวัน-ส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟ ช่วยวัดสู้วิกฤตโควิด-19

พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง จ.ชุมพร พรรคกล้า กล่าวระหว่างลงพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิค-19 ที่วัดดอนทรายแก้ว ต.นาทุ่ง ว่า ได้สนทนาธรรมกับพระมหาศิลป์ชัย ชยโชติ ป.ธ.๙ ถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อวัด เช่นกัน งดบิณฑบาตในบางวันที่มีข่าวการแพร่ระบาดในเมือง ทำให้ขาดแคลนอาหาร ซึ่งทางกรมการศาสนาเคยจะให้เงินเยียวยา 60 บาทต่อวัน ต่อพระ 1 รูป แต่ขณะนี้ทางวัดยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ซึ่งทางพระมหาศิลป์ชัย ระบุว่าไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ซึ่งทางพรรคกล้าจะช่วยติดตามเรื่องต่อให้กับทางวัดอีกที

"ในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ วัดขนาดใหญ่ยังพอดูแลตัวเองได้ ต่างกับวัดขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีเงินบริจาคน้อย ยิ่งพบเจอกับวิกฤต ก็ยิ่งลำบากไปใหญ่ ญาติโยมมาทำบุญที่ก็วัดน้อยลง หายไป ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ วัดขาดรายได้ ไม่มีเงินในการบริหารรายจ่ายในวัด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุง ต่าง ๆ ที่ทางวัดยังคงจ่ายราคาปกติ" พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

พ.ต.อ.ทศพล กล่าวด้วยว่า วัดเป็นศาสนาสถานซึ่งไม่ได้หวังผลกำไร ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทางการไฟฟ้า หรือการประปา มีมาตรการให้ส่วนลด ค่าน้ำ ค่าไฟ ในช่วงที่เกิดปัญหาวิกฤตเช่นนี้กับทางวัด หรือศาสนสถานอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลต้องมีมาตรการเร่งด่วนเรื่องนี้

“เพื่อไทย” จี้ รัฐบาล ปรับแผนฉีดวัคซีน “โฆษกพรรค”เสนอ 4 ข้อเร่งฉีดวัคซีน ด้าน "วิชาญ" แนะควรให้อำนาจ ผอ.เขต บริหารจัดการทั้งฉีดวัคซีน-ล็อกดาวน์แต่ละเขต

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม. น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว โดยน.ส.อรุณี กล่าวว่า หลังรัฐบาลเปิดให้ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 7 โรคลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้ลงทะเบียน  เพียง 1.55 ล้านคน ซึ่งถือว่าน้อยมากจากที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 16 ล้านคน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลสอบตกในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการฉีดวัคซีน บกพร่องต่อการสื่อสารและทำความเข้าใจถึงประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงที่แท้จริงให้กับประชาชนอย่างเพียงพอ 

โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด  ควรเร่งดำเนินการดังนี้ 1.ปรับเปลี่ยนแผนการลงทะเบียนฉีดวัคซีน ให้บุคคลทั่วไปที่สมัครใจและมีความพร้อม 2.ปรับให้กลุ่มอาชีพบริการซึ่งต้องสัมพันธ์กับการพบปะผู้คนในเมืองได้ฉีดวัคซีนก่อน เช่น จักรยานยนต์รับจ้าง, คนขับรถตู้, ตุ๊กตุ๊ก , พนักงานส่งพัสดุอหรือส่งอาหารเดลิเวอรี่ ฯลฯ 3.เร่งสืบสวนหาสาเหตุอาการข้างเคียงของวัคซีน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลอย่างชัดเจน และ 4.สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน หากเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน รัฐบาลควรจ่ายเงินชดเชยที่สูง โดยนำกรณีของต่างประเทศมาปรับใช้ เช่น ในมาเลเซีย หากเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน รัฐบาลจ่ายชดเชย 3.7 ล้านบาท, สิงคโปร์จ่าย 5.25 ล้านบาท แต่ไทยจ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท


“ 1 ปีที่ผ่านมาของการระบาด รัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนประเทศได้ในทุกด้าน  ทั้งในมิติของการแก้ไขปัญหา การรับมือ หรือการป้องกันการระบาด จึงไม่แปลกใจหากจะมีประชาชนทยอยเดินทางไปต่างประเทศเพื่อฉีดวัคซีน เพราะต้องการเลือกยี่ห้อวัคซีนเอง แต่ประชาชนคนทั่วไปไม่ได้มีโอกาสเลือกแบบนั้นทุกคน จึงอยากให้รัฐบาลเร่งสร้าง ภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ไทยจะเป็นประเทศเดียวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง  ในขณะที่หลายประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว” น.ส.อรุณี กล่าว

ด้านนายวิชาญ กล่าวว่า จากการที่พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่พบชาวบ้านโดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. เห็นปัญหาต่างๆ เราได้แจกทั้งแมส และแอลกอฮอล์อย่างกว้างขวาง พร้อมประสานงานช่วยเหลือผู้ป่วยกว่า 76 ครั้ง ซึ่งสถิติที่ได้มาถือว่ายังเป็นตัวเลขที่สูง ทางพรรคจึงขอเสนอแนะให้รัฐบาล โดยเฉพาะกทม. ดำเนินการตามนี้ 1.รัฐควรนำผู้ป่วยออกไปอยู่ที่โรงพยาบาล หรือสถานที่รักษา ขณะที่กลุ่มเสี่ยงก็ควรคัดออกจากชุมชนไปเลย ให้ไปอยูในสถานที่ที่จัดให้ 14 วัน เพราะไม่เช่นนั้น เขาก็ยังต้องดำเนินชีวิต ออกไปทำงาน ฯลฯ 2.กทม. ควรให้อำนาจกับผู้อำนวยการเขตในการบูรณาการในแต่ละเขต แล้วประสานงานกับส่วนราชการต่างๆโดยมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการจะล็อกดาวน์ในเขตต่างๆ รวมถึงดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น อำนาจในการฉีดวัคซีน ฯลฯ ให้อำนาจเขาจัดการเลยโดยไม่ต้องรวมศูนย์อยู่ที่ กทม. เท่านั้น 3.รัฐ โดย กทม. ควรกำหนดการฉีดวัคซีน โดยแผนการดำเนินการต้องชัดเจน และ4.ถ้าพบเจอผู้ติดเชื้อในชุมชนใดควรปิดกั้นชุมชนไปเลย เช่น คลองเตย เมื่อเจอแล้วก็ห้ามบุคคลเดินทางเข้าออก แล้วคัดแยกผู้ป่วยให้รวดเร็ว และตอนนี้เขตราชเทวี ห้วยขวาง และวังทองหลาง มีเอกสารที่ชี้ให้เห็นว่าต้องการปิดชุมชน 

นายวิชาญ กล่าวอีกว่า สำหรับการติดตามการดำเนินการของภาครัฐ และกทม.ที่ทีม กทม. เราทำ เห็นว่า กทม.ยังดำเนินการน้อยมาก โดยวัดที่ทำการฌาปนกิจผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโควิดสะท้อนมาว่า ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใดๆ กลุ่มจิตอาสา อสส. และมูลนิธิก็เช่นกัน ตนจอแนะให้นำเงินกองทุน 500 ล้านบาทของสปสช.ที่อุดหนุน กทม. มาใช้ นอกจากนี้ ควรเร่งเข้าไปดูแลผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียงตามบ้านอย่างเร่งด่วน 

สภาพัฒน์ ยันเหลือเงินกู้เยียวยา-ฟื้นเศรษฐกิจอีก 2.37 แสนล.

นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้ตาม พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ว่า สถานะปัจจุบันของ พ.ร.ก.กู้เงินฯ ที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติโครงการที่เสนอขอใช้จ่ายเงินกู้แล้ว 283 โครงการ รวมกรอบวงเงินกู้ 762,902 ล้านบาท คงเหลือวงเงินกู้ 237,097 ล้านบาท 

นายวันฉัตร กล่าวว่า ตามกรอบวงเงินดังกล่าว ยังคงเพียงพอสำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-2019 ในระลอกเดือนเม.ย.64 ทั้งหมด 2 ระยะที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพ.ค.-ธ.ค.64 ทั้ง มาตรการระยะแรก เช่น มาตรการการเงิน มาตรการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า และน้ำประปา และโครงการเราชนะ กับ ม 33 เรารักกัน และมาตรการระยะที่ 2 เช่น การเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มเงินให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

สำหรับตามกรอบของ พ.ร.ก.กู้เงินฯ ในส่วนของแผนงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 3.55 แสนล้านบาท มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ฯ แล้ว 232 โครงการ วงเงินรวม 138,181 ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 110 โครงการ วงเงินรวม 69,117 ล้านบาท คิดเป็น 49.15% โดยสาเหตุที่ทำให้มีการเบิกจ่ายต่ำนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุและครุภัณฑ์ และความจำเป็นที่ต้องชะลอกิจกรรมที่ต้องลงพื้นที่ และฝึกอบรม เพราะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดตั้งแต่ต้นปี 64 จนถึงปัจจุบัน 

ส่วนวงเงินภายใต้แผนงานด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ผ่านการอนุมัติแล้ว 42 โครงการ วงเงิน 25,825 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายไปแล้ว 7,102 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27.50% สาเหตุที่ทำให้มีการเบิกจ่ายค่อนข้างต่ำ เป็นผลจากหน่วยงานรับผิดชอบโครงการยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข 

เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านโรคระบาดของสหรัฐฯ ยอมรับ ยอดผู้เสียชีวิต จาก ‘โควิด’ สูงกว่าที่รายงานออกมา ประเมินตัวเลขจริงสูงกว่า 9 แสนราย ขณะที่ตัวเลขรายงานอยู่ที่ประมาณ 5.8 แสนรายเท่านั้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคระบาดของสหรัฐ ยอมรับเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก นับจำนวนการเสียชีวิตเพราะโควิดต่ำกว่าความเป็นจริง "อย่างไม่ต้องสงสัย"

เอเอฟพีรายงานว่า ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 มีมากกว่า 581,000 คน แต่ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีประเมินยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐว่ามีมากกว่า 900,000 คน

ในคำให้สัมภาษณ์กับรายการ "Meet The Press" ของสถานีเอ็นบีซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม นายแพทย์เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า ตัวเลขประเมินนี้มากกว่าตัวเลขที่นับต่ำกว่าความจริงที่เขาคิด กระนั้น เขายอมรับว่าสหรัฐฯ นับยอดต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

จากตัวเลขที่รายงานอย่างเป็นทางการ ถึงขณะนี้สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 32.6 ล้านคน สหรัฐต่อสู้กับจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายหลังเทศกาลวันหยุดยาวช่วงปลายปีที่แล้ว แต่นับจากเดือนมกราคม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นมาก

เจฟฟรีย์ ไซเอนต์ส ผู้ประสานงานโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวกับรายการ "State of the Union" ของสถานีซีเอ็นเอ็นว่า สหรัฐฯ กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยมีชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ 58% ได้ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส และมีชาวอเมริกันรวมแล้วมากกว่า 110 ล้านคนที่ได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ 70% ในสหรัฐได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสก่อนเทศกาลวันหยุดยาวฉลองวันชาติ 4 กรกฎาคมนี้ แต่อัตราการฉีดวัคซีนที่พุ่งสูงสุดในเดือนเมษายนชะลอตัวลงแล้ว พลอยทำให้การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของประชากรชะลอตามไปด้วย

เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง, มลรัฐ และระดับท้องถิ่นกำลังร่วมมือกับบริษัทยา, ร้านอาหาร, ร้านเหล้า, ซูเปอร์มาร์เก็ต และทีมกีฬาต่าง ๆ หาวิธีชักจูงใจให้ผู้คนฉีดวัคซีน เช่นรัฐนิวเจอร์ซีย์ ผู้ว่าการรัฐฟิล เมอร์ฟี ทำโครงการ "ฉีดแลกเบียร์" ส่วนจิม จัสติซ ผู้ว่าการรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประกาศว่า รัฐจะให้พันธบัตรออมทรัพย์ 100 ดอลลาร์ แก่คนอายุ 16-35 ปีที่มาฉีดวัคซีน


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/571816

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เดือนเม.ย. 64 ต่ำสุดรอบ 8 เดือน เหตุผู้ประกอบการกังวลโควิดระบาดระลอกใหม่ วอนรัฐเร่งจัดหาและฉีดวัคซีน-ออกมาตรการเยียวยา

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 87.3 ในเดือนมีนาคม 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สาม ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้เข้มงวดมากขึ้น

แม้ว่าภาครัฐจะไม่ได้ประกาศมาตรการล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิวส์เหมือนกับการระบาดในระลอกแรก แต่วิกฤตโควิด-19 ระลอกที่สาม ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งการค้าการลงทุน การเดินทางท่องเที่ยว ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่มาตรการ Work From Home ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายนยังมีวันทำงานน้อยเนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้ภาคการผลิตส่วนใหญ่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.8 จากระดับ 94.0 ในเดือนมีนาคม 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ระลอกที่สาม ที่อาจยืดเยื้อและต้องใช้ระยะเวลานานในการควบคุม ขณะที่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยังมีความล่าช้า ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย รวมทั้งสถานการณ์การเมืองของประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ มี 4 ข้อเสนอด้วยกัน ประกอบด้วย

1.) ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามให้ได้โดยเร็ว โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง

2.) เร่งจัดซื้อและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน

3.) ออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่สามอย่างเร่งด่วน ให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มและผู้ประกอบการเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ

4.) เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก

โควิดระลอกใหม่ฉุดความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิ่งรอบ 8 เดือน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเม.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 87.3 ก่อน ถือเป็นการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 หลังจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ อีกทั้งภาครัฐยังยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้เข้มงวดมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งการค้าการลงทุน การเดินทางท่องเที่ยว ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น 

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.8 จากระดับ 94.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่อาจยืดเยื้อและต้องใช้ระยะเวลานาน ขณะที่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนยังมีความล่าช้าภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย รวมทั้งสถานการณ์การเมืองของประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย

อย่างไรก็ตามภาคเอกชนมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 4 ข้อ คือ 1. ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามให้ได้โดยเร็ว โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง 2. เร่งจัดซื้อและกระจายวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน

3. ออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่สามอย่างเร่งด่วน ให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มและผู้ประกอบการเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ และ 4. เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก

ประชาชน เฮ!! ก.แรงงาน จับมือ กทม. สปสช.ขยายตรวจโควิด-19 เชิงรุก ที่สนามไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง ต่อไปจนถึง 31 พ.ค.นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย ก.แรงงาน บูรณาการร่วมกับมหาดไทย กทม. สปสช. ขยายเวลาตรวจโควิด-19 เชิงรุก แก่ผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบและประชาชนทั่วไป เพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ที่สนามไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย ก.แรงงาน บูรณาการร่วมกับมหาดไทย กทม. สปสช. ขยายเวลาตรวจโควิด-19 เชิงรุก แก่ผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบและประชาชนทั่วไป เพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ที่สนามไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง ต่อไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงใยผู้ประกันตน แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระและพี่น้องประชาชนทั่วไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เนื่องจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

จึงได้มีดำริกำชับให้กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขยายระยะเวลาของศูนย์คัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ออกไปอีกจนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพื่อให้สามารถตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุกได้ครอบคลุมและเร่งคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดโดยเร็ว ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้ให้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม บูรณาการความร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการขยายระยะเวลาการตรวจโควิด – 19 เชิงรุก เพื่อผู้ประกันตนแรงงานนอกระบบ และพี่น้องประชาชนทั่วไปตามโครงการแรงงาน…เราสู้ด้วยกัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย – ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. โดยในแต่ละวันตรวจได้ไม่เกิน 3,000 คน รอบเช้า 1,500 คน และรอบบ่าย 1,500 คน ให้บริการตรวจไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ผู้ที่ต้องการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจได้ที่เว็บไซต์ https://sso.icntracking.com/icntracking/self_register.php จากนั้นผู้ประกันตนกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือเลขพาสปอร์ต กรอกข้อมูลประเมินความเสี่ยงตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หากผู้ประกันตนรายใดลงทะเบียนแล้วไม่มาตรวจตามนัดจะต้องลงทะเบียนใหม่ และเมื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 เรียบร้อยแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที เนื่องจากผลการตรวจจะส่งทาง SMS ให้ผู้ประกันตนทราบตามหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน ขอให้ผู้ที่มาตรวจนำบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องมาด้วย 

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถสอบถามได้ที่โทรศัพท์ 1506 กด 6 เพื่อหาสถานที่ตรวจและสถานพยาบาลเข้ารับการรักษาในกรณีติดเชื้อได้ โดยให้บริการทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการทั้งสิ้น 10 คู่สาย ช่วยเหลือผู้ประกันตนและแรงงานนอกระบบที่เดือดร้อนจากการตรวจโควิด-19 ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอีกทางหนึ่งด้วย กรณีตรวจพบเชื้อและมีอาการจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อแล้วไม่มีอาการหรืออยู่ในระดับสีเหลืองตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดจะถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ Hospitel ของประกันสังคม ซึ่งมีทีมแพทย์และพยาบาลดูแลเป็นอย่างดี

ศบค. พบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย Indian various เข้าไทยแล้ว เป็นหญิงไทย ชี้!! มาจากปากีสถาน ขณะนี้อยู่ในสถานกักกันโรค ยอมรับเป็นห่วงเชื้อกลายพันธุ์ สั่งกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดสูงสุด

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ การแพร่ระบาดภายในประเทศประจำวันที่ 10 พ.ค.ตอนหนึ่งว่าพบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 1,630 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อภายในประเทศ 1,622 ราย วันนี้ตัดระบบเฝ้าระวังบริการ 1321 ราย ในพื้นที่ชุมชน 301 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 8 ราย รักษาตัวอยู่ 29,376 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 19,948 ราย โรงพยาบาลสนาม 9,429 ราย อาการหนัก 1151 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 389 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 22 คน รวมเสียชีวิต 421 คน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เที่ยวบินจากอินเดียทั้งหมดเป็นการพาคนไทยกลับบ้าน เดินทางถึงไทยเวลา 16.40 น. วันที่ 8 พฤษภาคม โดยเที่ยวบินพิเศษ ผู้เดินทางคนไทยทั้งหมด 74 คน เป็นเพศชาย 54 คนเพศหญิง 20 คน อายุระหว่าง 14-64 ปี พักอาศัยในหลายเมืองของประเทศอินเดียเช่นเซนไน บังกาลอร์และมุมไบ เข้าพักใน State quarantine 38 คนและ Alternative State quarantine 36 คน

ทั้งนี้ หากเดินทางเข้าเมืองตามระบบเราไม่ห่วง แต่เราห่วงในการเดินทางลอบลอบเข้าเมือง มีการรายงานข้อมูลการสะกัดกั้นการเข้าเมืองไทย ภายใน 24 ชั่วโมง ถึง 104 ราย ทั้งลาว เมียนมา กัมพูชามาเลเซีย ศบค.ชุดเล็กเน้นย้ำฝ่ายครองให้เน้นย้ำป้องกันการลักลอบผ่านทางชายแดน และขอความร่วมมือคนไทยที่ต้องการกลับบ้านเข้าสู่ระบบของคัดกรองของรัฐบาล เพื่อที่จะดูแลให้ปลอดภัยไม่เกิดการแพร่เชื้อ และขอให้พี่น้องประชาชน ผู้นำชุมชน สื่อมวลชนท้องถิ่น ให้เน้นย้ำช่วยเป็นหูเป็นตาหากพบเห็นการขนส่งแรงงานต่างด้าวก็ขอให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้าตามแนวตะเข็บแนวชายแดน ซึ่งจะได้รับการจัดสรรวัคซีนโดยเร็ว

พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมได้รายงานว่า มีการพบสายพันธุ์ Indian various ครั้งแรกในประเทศไทย กรณีหญิงไทย อายุ 42 ปีตั้งครรภ์ 25 สัปดาห์มีภูมิลำเนาก่อนหน้านี้อยู่ที่ปากีสถาน เดินทางมาถึงไทยตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2554 โดยมีการแวะพักเครื่องที่มุมไบ อินเดีย เดินทางมาพร้อมบุตรชาย 3 คนอายุ 4 ปี 6 ปีและ 8 ปี เมื่อเดินทางมาตามระบบก็ถูกจัดสรรให้อยู่ใน state quarantine โดยอาศัยร่มกับบุตรชายอายุ 4 ขวบ พบว่า 26 เมษายนมีการตรวจภูมิประเทศที่ 1 และบุตรอายุ 4 ปียืนยันติดเชื้อ และลูกชายอีก 2 คนเป็นผลลบ

"ยอมรับว่า ที่ประชุมเป็นห่วงเรื่องเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่อาจมีการพัฒนากลายพันธุ์ในประเทศไทย แต่ที่ประชุมได้กำชับให้กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์จะต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดสูงสุด เรามีความเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายที่กลายพันธุ์ ที่ประชุมจึงได้กำชับกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ให้ทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังสูงสุดในส่วนเชื้อกลายพันธุ์"พญ.อภิสมัย กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/local/571886


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top