Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

ญี่ปุ่น ประกาศยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ

วันนี้เมื่อ 78 ปีก่อน ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ส่งผลให้ ‘สงครามโลกครั้งที่ 2’ (World War II) ในแปซิฟิก-เอเชีย ยุติลงอย่างเป็นทางการ

14 สิงหาคม พ.ศ. 2488 สงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II) ในแปซิฟิก-เอเชีย ยุติลงอย่างเป็นทางการ (หากนับตามเวลาในญี่ปุ่นจะเป็นวันที่ 15) โดย พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโต (Emperor Hirohito) แห่งญี่ปุ่นทรงประกาศยอมแพ้ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรผ่านทางวิทยุกระจายเสียงทั่วญี่ปุ่น (นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกว่าพันปีที่คนญี่ปุ่นได้ยินเสียงจักรพรรดิของตน) ภายหลังจากที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูสองลูกเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคมที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ส่งผลให้ฝ่ายญี่ปุ่นบาดเจ็บและเสียชีวิตนับล้านคน บ้านเมืองเสียหายยับเยิน

พระจักรพรรดิ ฮิโรฮิโต ทรงเรียกร้องให้คณะรัฐบาลญี่ปุ่นยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อรักษาชาติพันธุ์ญี่ปุ่น ให้ยอมรับ ‘ข้อตกลงพอตสดัม’ (Potsdam Declairation) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ มาโมรุ ชิเกะมึทซึ (Mamoru Shigemitsu) กับ นายพล โยชิจิโร คุเมซุ (Yoshijiro Umezu) ลงนามในสัญญาสงบศึก (Japanese Instrument of Surrender) กับ นายพล แมคอาเธอร์ (Douglas MacArthur) ท่ามกลางสักขีพยานจากประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรอื่น ๆ บนดาดฟ้าเรือประจัญบาน มิสซูรี (USS Missouri) เหนืออ่าวโตเกียวในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 ซึ่งได้มีการเผยแพร่ภาพไปทั่วโลกด้วย

‘พล.อ.ประวิตร’ นำคณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

(12 ส.ค. 66) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด นำคณะกรรมการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางพานพุ่มเฉลิมพระเกียรติ ถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคลหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า ทรงรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า แหล่งต้นน้ำลำธาร นำมาซึ่งความผาสุขร่มเย็นโดยถ้วนหน้า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ จึงทรงเป็นพระแม่แห่งแผ่นดินที่สถิตย์สถาพรอยู่กลางใจพสกนิกรทั่วทั้งแผ่นดิน

พร้อมกันนี้พล.อ.ประวิตร ยังเปิดให้ข้าราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชามอบกระเช้าดอกไม้ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ 78 ปี ย้อนหลัง 11 สิงหาคม 2566 เช่น  คณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ตัวแทนกรมป่าไม้ และหน่วยบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

‘ชัยวุฒิ’ เผย ‘ลุงป้อม’ ให้ความมั่นใจยังอยู่กับ พปชร. ลั่น!! ไม่เคยมีใครพูดว่าลุงป้อมไม่รับตำแหน่งรัฐบาล พท.

(12 ส.ค. 66) ที่สนามหลวง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้ความมั่นใจกับสมาชิกว่าจะทำงานร่วมกับพรรค เพื่อให้พรรคเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป

เมื่อถามว่า มีข่าวว่ามีการขอให้ซื่อสัตย์กับลุงป้อม นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็คงมีบางคนพูด แต่ก็เป็นแนวทางของเราอยู่แล้วที่จะต้องมีความจริงใจต่อกันในการทำงาน ตั้งใจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพรรคและทำนโยบายของพรรคต่อไปในอนาคต

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรได้กำชับสมาชิกในพรรคเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไปหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร บอกจะยกทั้ง 40 สส. โหวตนายกฯ ให้เพื่อไทย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มีคุยกันเรื่องนี้ งานวันเกิดไม่ใช่การประชุมพรรค เดี๋ยวคงจะมีการประชุมพรรคเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงแนวคิดของ สส.บางกลุ่ม แต่มันจะเป็นทางการก็ต่อเมื่อมีการประชุมพรรค เป็นมติพรรค และแถลงข่าวร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้สมาชิกในพรรคยังไม่มีการพูดคุยกันว่าแนวทางการโหวตจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนว่านักการเมืองตอนนี้คุยกันในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นวาระสำคัญของสภาฯ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมาคิดว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องรอติดตามดูอีกที ตนก็รู้จากนักข่าวนี่แหละว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นข่าวจากหลายพรรคหลายที่ตนก็รู้แต่เรื่องในพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อถามว่าในส่วนของ พล.อ.ประวิตร ชัดเจนหรือไม่จะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีกระแสข่าวว่าจะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ รับตำแหน่งแทน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้คุยกัน

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ได้มีการบอกหรือไม่ว่าจะวางมือในรอบนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็เห็นยังฟิตทำงานอยู่ตลอดจะวางมือตอนไหน พลังประชารัฐทุกคนก็ยังคงทำงานร่วมกันโดยมี พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค และดูจากวันเกิดก็จะเห็นว่ามีลุงก็มีเรา อย่าคิดมาก

เมื่อถามว่า มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่รับตำแหน่งในรอบนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ใครบอกว่าไม่รับตำแหน่ง ท่านไม่เคยพูดสักหน่อย ตนยังไม่เคยได้ยินเลย ลุงป้อมเคยพูดที่ไหน ถ้าท่านทำงานได้ท่านก็ทำอยู่แล้ว และตอนนี้ พล.อ.ประวิตรยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ ดังนั้น จะมาบอกว่าท่านจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลนี้ได้อย่างไร แต่ว่าโอเคอาจจะไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ทำไมสื่อชอบไปยุให้ท่านถอนตัวหรือวางมือ

เมื่อถามว่า มีกระแสคัดค้านลุงก่อนหน้านี้ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มีลุงมีเราอย่าไปคิดมาก ส่วนที่มีสื่อบางสำนักไปลงว่ามีลุงไม่มีแรงนั้นไม่ทราบ แต่ยืนยันว่ามีลุงก็มีเรา ยังอยู่ๆ อย่าคิดว่าลุงไม่อยู่ เพราะท่านก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ยังไม่ได้วางมือทางการเมือง สื่อต้องลงข่าวให้มีข้อเท็จจริงด้วย เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

‘ม.ขอนแก่น’ ผนึก ‘ม.จีน’ ผุดหลักสูตรวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง สร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม-ศก.

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผนึกมหาวิทยาลัยจากจีน ผุดหลักสูตรวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง พร้อมจัดตั้งสถาบันแลกเปลี่ยนการศึกษารูปแบบใหม่ระหว่างไทย-จีน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม

เมื่อไม่นานนี้ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยว่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. ร่วมกับมหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ลงนามความร่วมมือการจัดตั้งสถาบัน ‘The KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute’ เพื่อร่วมมือทางวิชาการ และวิจัยระดับประเทศด้านรถไฟความเร็วสูง หรือ ‘High Speed Train’ เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การคมนาคมในภูมิภาค

เนื่องจากเล็งเห็นว่าไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอินโดจีน สามารถเชื่อมโยงไปสู่ประเทศต่างๆ ในอาเซียน และจีน อีกทั้ง High Speed Train ยังเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจตามนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลไทยด้วย

“มข.ตระหนักถึงความสำคัญของพันธกิจ และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สำคัญของชาติด้านรถไฟความเร็วสูง จึงกำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมศาสตร์รถไฟความเร็วสูงร่วมกับมหาวิทยาลัย SWJTU ภายใต้ชื่อหลักสูตรวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูง เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และก่อตั้งสถาบัน KKU-SWJTU Tianyou Railway Institute ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. เพื่อจัดฝึกอบรม ให้ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านรถไฟความเร็วสูง”

ด้าน Prof. Yao Faming รองอธิการบดี SWJTU กล่าวว่า ระบบรางรถไฟไทย-จีน เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของนโยบาย ‘หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง’ (one belt one road) เป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในแถบคาบสมุทรอินโดจีน โดยเฉพาะระหว่างไทยและจีน ถือเป็นถนนสายหลัก และกุญแจสำคัญ ด้วยความก้าวหน้าของนโยบาย one belt one road ส่งผลให้ไทยและจีนมีโอกาสมากขึ้นในการผลักดันและพัฒนาการขนส่งระบบราง

การก่อตั้งสถาบันระบบรางเทียนโย่ว โดยความร่วมมือระหว่าง มข. และมหาวิทยาลัยเซาท์เวสต์เจียวทง จะก่อเกิดคุณประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย นำเอาจุดเด่นของแต่ละมหาวิทยาลัย หลอมรวมเป็นการแลกเปลี่ยนทางการศึกษารูปแบบใหม่ระหว่างจีน-ไทย

รศ.ดร.รัชพล สันติวรากร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มข.กล่าวว่า ความร่วมมือจัดหลักสูตรวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูงระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2566-2571) เพื่อรองรับกับเศรษฐกิจ การพัฒนาอุตสาหกรรม และรวมถึงการนำความเจริญสู่ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ จึงต้องพัฒนาบัณฑิตที่มีความรู้ มีคุณภาพ และศักยภาพพร้อมรองรับในตลาดแรงงานในอนาคตตามนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลไทย

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. มีความพร้อมในด้านทรัพยากรบุคลากร มีผู้เชี่ยวชาญ ประกอบกับมีความร่วมมือ และความสัมพันธ์อันดีที่แน่นแฟ้นกับ SWJTU โดยได้แลกเปลี่ยน เยี่ยมเยือน ประชุมหารือในการจัดทำหลักสูตรร่วมกัน ตลอดจนได้รับสนับสนุนจากกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ณ จังหวัดขอนแก่น หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ช่วยคณะวิศวกรรมศาสตร์ขับเคลื่อนการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพในด้านวิศวกรรมรถไฟความเร็วสูงในยุคดิจิทัล ให้เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้บัณฑิต

วิจารณ์สนั่น!! ‘สส.กทม.ก้าวไกล’ ต่อยคู่กรณีกลางร้านอาหาร ก่อนมีคลิปเผยความจริงอีกแง่ จุดเริ่มต้นของเหตุทะเลาะวิวาท

(12 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​กล่าว​ถึง​กรณี​มีคลิปการก่อเหตุ​ทำร้ายร่างกาย​ประชาชน​ของ สส.กทม.เขต 3 ยานนาวา-บางคอแหลม คือ นายจรยุทธ์​ จตุรพรประสิทธิ์​ และอาจมีอดีต สส.คนดัง อย่างนายปิยะบุตร​ แสงกนกกุล ร่วมในที่เกิดเหตุ​โดยไม่ห้ามปรามด้วยหรือไม่ เป็น​การแสดงให้เห็น​ถึงความด้อย​คุณ​ภาพในการคัดสรรคนมาเป็น​ สส.ของพรรคก้าวไกลที่ผลิตซ้ำเรื่อง​เลวร้าย​ผิดกฎหมาย​ผิดจริยธรรม​อย่างต่อเนื่อง​ไม่ว่างเว้นความกร่าง ก้าวร้าว​ ที่ทำให้สังคมเอือมระอา ทั้งที่กระทำโดยผู้มีตำแหน่ง​ทางการเมือง​และเครือข่ายกลุ่มการเมือง ที่เป็นแขนขาในการเคลื่อนไหว​ ใช้ความรุนแรง​ในต่างกรรมต่างวาระ ยิ่งสะท้อนภาพความตกต่ำของการเมืองไทยที่เน้นการสร้างภาพโดยใช้การตลาดนำการเมือง หลอกลวงเชิงนโยบาย​ ประดิษฐ์​วาทกรรมสวยหรูให้ความหวังประชาชน​ว่า เป็น​คนรุ่นใหม่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง​ให้ประเทศไทย​ไม่เหมือนเดิม แต่เนื้อในเน่าเฟะ

เพิ่มเติมคือ คนเหล่านี้​เต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลน​ด้อยค่าผู้อื่นอย่างไร้หลักการเคารพในสิทธิ​เสรีภาพ​ของคนเห็นต่างและเมื่อกระทำความผิดและกลับนิ่งเฉยไม่มีการแสดง​ความรับผิดชอบ​ใดๆต่อสาธารณชน​เสมือน​หนึ่ง​ประชาชน​เป็นของตาย ไม่ต้องเห็นหัวไม่มีความหมายใดๆ ทั้งกรณีการใช้เด็กเยาวชนเป็น​เครื่องมือ​ทางการเมือง สส.ทำร้ายร่างกายผู้หญิง การปล่อยให้มีคนกระทำผิดติดคุกมาสมัคร สส.

และล่าสุดการเมากร่างทำร้ายประชาชน​บาดเจ็บ​อีก โดยหากเชื่อมโยง​พฤติกรรม​ต่างๆ ตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลนี้ย่อมเห็น​ได้ชัดว่า ไม่ได้​มีคุณงามความดีใดๆ ต่อสังคม สร้างความแตกแยกและวุ่นวาย​อย่างต่อเนื่อง มุ่งบ่อนเซาะทำลายวัฒนธรรม​ประเพณี​อันดีงามของสังคม​ไทย​ทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเคารพ​ความกตัญญู​ต่อบุพการี​ผู้มีพระคุณ​ และการรับผิด​ชอบทางการเมือง​เห็นได้จากกรณีแกนนำพรรคบางคนออกมาปฏิเสธ​ไม่รู้จักไม่เกี่ยว​ข้องกับกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหว​ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปช่วยเหลือ​สนับสนุน​อยู่​ตลอด

จึงอยากขอเตือนประชาชน​และเยาวชน​ไทยให้ระวังอย่าหลงเชื่อ​ เสพติดและเลียนแบบพฤติ​กรรมความรุนแรง​จากพรรคการเมืองดังกล่าว​เพราะถึงเวลาถูกดำเนินคดี​พวกเขาจะตัดหางปล่อยพวกคุณติดคุกตามลำพังอย่างแน่นอน​ โดยตนจะนำเรื่องดังกล่าว​ไปร้องสอบจริยธรรม​ต่อ ป.ป.ช.ต่อไป

อย่างไรก็ตามจากคลิปที่เป็นประเด็นดังกล่าว ยังมีข้อเท็จจริงอีกด้าน โดยได้มีช่องติ๊กต็อก ชื่อ ‘sparkupdate’ ออกมาบอกเล่าถึงสาเหตุและจุดเริ่มต้นของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ โดยระบุว่า…

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 66 เวลาประมาณตี 2 มีเหตุรับแจ้งว่าการทำร้ายร่างกายกัน ภายในร้านอาหารย่านเอกมัย 12 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อตํารวจไปถึงที่เกิดเหตุ ก็พบคู่กรณี 2 ฝ่ายยืนเคลียร์กันอยู่บริเวณหน้าร้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ หรือ ‘ต้นกล้า’ สส.ของพรรคก้าวไกล พร้อมกับคู่กรณี โดยทางตํารวจได้เข้าไปพูดคุยทําความเข้าใจ และทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการขอโทษกัน โดยไม่ได้ติดใจเอาความ หลังจากนั้นก็ได้แยกย้ายกันไป ไม่ได้เกิดการแจ้งความกันเกิดขึ้นแต่อย่างใด

โดยสาเหตุของเรื่องราวการทะเลาะวิวาททั้งหมด เกิดจากการที่ชายคู่กรณี ได้ใช้เข่ามาโดนที่หลัง และได้เข้ามาบีบที่ต้นคอทางด้านหลังของผู้หญิงที่เป็นเพื่อนของ สส.ต้นกล้า โดยคู่กรณีได้ใช้เข่ามาโดนที่หลังของผู้หญิงอย่างแรง จนทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวทรุดไปที่โต๊ะ ซึ่ง สส.ต้นกล้า ก็พยายามพูดดีๆ และได้ทำการว่ากล่าวตักเตือนไป แต่จากนั้น สส.ต้นกล้าได้ถูกคู่กรณีตบเข้าที่ใบหน้า หลังจากนั้นจึงเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้น โดยที่สาเหตุคือ สส.ต้นกล้าได้ออกมาปกป้องเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน จนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้น หลังจากนั้น ก็ได้มีการพูดคุย ปรับความเข้าใจกันจนลงตัว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงต้องรอความจริงจากปากผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่อไป ส่วนประชาชนจะตัดสินใจเช่นไร ก็ขอให้อยู่บนหลักฐานที่รอบด้านด้วย

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย มิจฉาชีพจัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ในช่วงวันแม่แห่งชาติ หลอกขายสินค้าและบริการออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าได้รับรายงานจากการตรวจสอบสถิติการรับแจ้งความผ่านศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์พบว่า ในช่วงที่ผ่านมายังคงมีผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าและบริการออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันแม่แห่งชาตินั้น มิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสใช้วันสำคัญดังกล่าวจัดโปรโมชันต่างๆ เพื่อหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการให้แก่ประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพจร้านค้าปลอม หรือเพจที่พักปลอม หรือสร้างเพจปลอมเลียนแบบเพจจริง โดยจะมีการขายสินค้า หรือบริการในราคาต่ำกว่าปกติ เมื่อหลอกลวงได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายแล้ว ก็จะปิดเพจหรือบล็อคบัญชีของผู้เสียหายทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ยกตัวอย่างกรณีของปีที่ผ่านๆ มา เช่น การปลอมเพจหลอกลวงขายผลไม้ในช่วงเวลาดังกล่าว, ผู้เสียหายซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อเป็นของขวัญให้แม่จากเพจร้านค้าปลอม, ผู้เสียหายสำรองห้องพักโปรโมชันวันแม่จากเพจที่พักปลอม เป็นต้น

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 – 31 ก.ค.66 การหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการออนไลน์ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 1 มีจำนวนกว่า 7,714 เรื่อง หรือคิดเป็น 49.09% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ในเดือนดังกล่าว และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 140 ล้านบาท

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งระดมปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาได้หลายรายมาลงโทษตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ พร้อมแนวทางการซื้อสินค้า หรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้
1.ระมัดระวังการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือวันสำคัญๆ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัท หรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง รวมถึงการจองที่พักควรจองผ่านช่องทางที่เป็นทางการ หรือผ่านผู้ให้บริการออนไลน์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น
2.ระมัดระวังการซื้อสินค้าหรือบริการที่ราคาถูกกว่าปกติ หรือมีการจัดโปรโมชันอ้างลดแลกแจกแถม
3.หากจะซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ต้องระมัดระวังเพจปลอม หรือเพจลอกเลียนแบบ โดยเพจจริงจะได้รับเครื่องหมายยืนยันตัวตน มีผู้ติดตามสูงกว่าเพจปลอม สร้างมาเป็นเวลานาน และมีรายละเอียดการติดต่อที่ชัดเจน อย่างน้อยต้องสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามข้อมูลได้
4.ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศหรือไม่
5.หากเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์ ควรตรวจสอบว่ามีสินค้าจริงหรือไม่ โดยขอดูภาพหลายๆ มุม สอบถามรายละเอียดสินค้าที่เกี่ยวข้อง ผลิตจากที่ใด เงื่อนไขการรับประกัน วิธีการใช้งาน เป็นต้น
6.ตรวจสอบการรีวิวสินค้าหรือบริการ จากผู้ที่เคยสั่งซื้อหรือรับบริการว่าเป็นอย่างไร
7.ก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า หรือบริการ ให้ตรวจสอบประวัติของร้าน ชื่อผู้รับโอนเงิน และหมายเลขบัญชีธนาคารปลายทาง ว่ามีประวัติการฉ้อโกงหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, Blacklistseller, chaladohn เป็นต้น
8.ที่พักส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายโอนเงินไปยังบัญชีส่วนตัว หรือบัญชีบุคคลธรรมดา บัญชีธนาคารปลายทางควรเป็นบัญชีชื่อที่พักหรือชื่อบริษัทเท่านั้น
9.กดรายงานบัญชี หรือเพจเฟซบุ๊กปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มหลอกลวงแชทเฟซบุ๊กสั่งของออนไลน์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์ ต่าง ๆ ที่สร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนให้ถึงต้นตอของขบวนการอย่างจริงจัง

สืบเนื่องจากมีผู้แจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ได้อ้างตนเป็นลูกค้า ทักแชทของทางร้านผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ชื่อ อิ’นู๋นุ่น เจ้าค่ะ มาว่าต้องการซื้อ ล้อแม็ก NMAX รุ่น Y811FD/Y811RD ราคา 4,000 บาท จำนวน 1 คู่ โดยคนร้ายแยกโอนเงิน 2 ครั้ง โดยอ้างว่า เงินในบัญชีไม่พอ มาจากบัญชี น.ส.อุษณิษา ยอดโอนเงิน 2,000 บาท และ จากบัญชี น.ส.ณัฐกานต์ ยอดโอนเงิน 2,000 บาท ซึ่งถูกโอนมายังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี นางสุพิน (กรรมการบริษัทเรซซิ่งบอย) ทางฝั่งผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าได้มีการชำระค่าสินค้าแล้ว 
ทางร้านจึงจัดส่งสินค้าส่งให้ปกติ เหมือนกับลูกค้าท่านอื่นที่มีการสั่งซื้อสินค้ากับทางบริษัทฯ

ต่อมาเมื่อประมาณวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ทางบริษัทพบว่า บัญชีบริษัทไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้ จึงตรวจสอบกับทางธนาคาร แจ้งว่า บัญชีถูกอายัดเนื่องจากมีการโทรแจ้งขออายัด 
เนื่องจากได้มีการสั่งซื้อสินค้าแล้วชำระเงินเข้าบัญชี แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับสินค้าตามที่ได้สั่งไว้ 
ชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.2 สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา ทราบว่า คนร้ายอ้างตนเป็นลูกค้าและหลอกให้ทางร้านค้าส่งสินค้าไปให้ โดยที่ทางร้านค้าไม่ทราบว่าคนร้ายรายนี้ได้ไปหลอกบุคคลอื่นให้โอนเงินมาให้ทางร้านค้าแทนตนเอง และคนร้ายก็ส่งที่อยู่ให้ทางร้านจัดส่งสินค้ามาให้ตน ทำให้ร้านค้าถูกอายัดบัญชีจากผู้เสียหายตัวจริง 

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 นำโดย พ.ต.ท.สุกิจ เพชรนิล, พ.ต.ท.เอกรินทร์ สนนาค สว.กก.1 บก.สอท.2 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น ห้องพักเลขที่ P1-505 หอพักสินทิวา เลขที่ 399/11 ม.2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตามหมายค้นของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลขที่ ค.213/2566 ลงวันที่  9 สิงหาคม 2566 เข้าตรวจค้นและได้จับกุม นายพงษ์เพชร อายุ 28 ปี สัญชาติไทย ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน” พร้อมนี้ได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบและทำการจับกุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจไซเบอร์ขอเตือนพี่น้องประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อ ก่อนที่จะโอนเงินหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเป็นเฟซบุ๊กที่มีความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ หรือเป็นร้านค้าที่แท้จริงหรือไม่เพื่อจะไม่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพต่อไป

จอดป้าย 315 เสียง 10 สส.แลก 1 รมต. รทสช.ยึดพลังงาน/ดีอี ‘ป้อม’ ดัน ‘ป๊อด’

สถานการณ์ทางการเมือง… เดินทางมาถึงหลักกิโลเมตรสุดท้าย ของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 คาดว่าถ้าวันพุธที่ 16 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่รับพิจารณาเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นคำร้องไป การโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างช้าก็จะเกิดขึ้นในวันอังคารที่ 22 ส.ค.นี้

อย่างที่เคยวิเคราะห์ว่า… เวลาที่ทอดยาวออกไป ทำให้พรรคเพื่อไทยได้อย่างเสียอย่าง… ที่ได้คือ การเจรจาฟอร์มรัฐบาลที่รัดกุมรอบคอบมากขึ้น ส่วนที่เสียคือ ฝ่ายต่อต้านจะจัดทัพกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ ทั้งม็อบตัวเป็นๆ และไอโอ โรบอต ในโลกไซเบอร์-ออน์ไลน์… ซึ่งกรณีหลังทราบว่าคนแดนไกลสั่งให้พรรคเพื่อไทยเสริมอุปกรณ์เสริมคนสู้กับกองทัพด้อมส้มเต็มคาราเบลแล้ววววว

มาอัปเดทสูตรรัฐบาลกันดีกว่า… สรุปว่าหลังจากร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่า… พรรคเพื่อไทยก็ต้องยอมรับว่าอย่างไรเสียต้องมีพรรคลุงร่วมด้วยอย่างน้อยหนึ่งพรรค เอาไปเอามา… ได้มาทั้งสองพรรค… ถึงวันนี้ดีลลับดีลลึกของพรรคเพื่อไทยก็จบลงที่ 315 เสียง

ถ้าไม่พลิกกันอีก 315 เสียงจะประกอบด้วย

เพื่อไทย 141, ภูมิใจไทย 71, พลังประชารัฐ 40, รวมไทยร้างชาติ 36, ชาติไทยพัฒนา 10,ประชาชาติ 9, ชาติพัฒนากล้า 2, เพื่อไทรวมพลัง 2 และพรรคเล็ก 1 เสียงอีก 4 พรรค คือ เสรีรวมไทย, พลังสังคมใหม่, ท้องที่ไทย, ประชาธิปไตยใหม่...

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า… ที่สุดของที่สุดจะมีประชาธิปัตย์มุ้งใหญ่ของ ‘เฉลิมชัย – เดฃอิศม์’ ประมาณ 20 เสียงเข้าร่วมด้วยหรือไม่...หลังจากที่เดชอิศม์ ขาวทอง หรือ ‘นายกฯ ชาย’ อุตส่าห์ดั้นด้นไปพบทักษิณ ชินวัตร ถึงฮ่องกงเมื่อ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา… ถ้าให้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟันธง ก็คงต้องบอกว่าต่อให้ไม่มีมติพรรค ก็น่าจะมี สส.จำนวนหนึ่งยกมือหนุนนายกฯ พรรคเพื่อไทย ให้สัญญาณขอเกาะโบกี้รถไฟไปด้วยคน

สำหรับตัวเต็งนายกฯ คนที่ 30 นาทีนี้ แม้ว่าจะมีแรงต้านพอประมาณจากแนวรบ สว. แต่โอกาสที่เศรษฐา ทวีสิน...จะฝ่าด่านมาได้ก็มีสูงขึ้น ตราบใดที่โครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาลยังมีพรรคสองลุง… คือพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติรวมอยู่ด้วย… ขอเพียงอย่างเดียวให้เศรษฐาพูดจาให้ไพเราะขึ้น จริงใจต่อคำพูดใหม่ จุดยืนใหม่มากขึ้น และพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องแสดงความชัดเจนว่าไม่แอบจับมือกับพรรคก้าวไกล… แต่ถ้าวันโหวตมีพรรคก้าวไกลโผล่มาโหวตเห็นชอบด้วย โอกาสที่เศรษฐาจะร่วงกลางงาน ก็มีสูง

และมากไปกว่านั้นที่พรรคเพื่อไทย ต้องเปล่งประกายความทุ่มเทที่จะแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ความจริงใจและคำมั่นสัญญาที่นำพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้ง แบ่งฝ่ายแบ่งสี ดังที่ประกาศไว้… จะต้องเข้มข้นมากกว่าการหมกมุ่นหมุนวนอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

สำหรับโผ ครม.งวดนี้… คาดว่าจะใช้สูตรคำนวณ 10 เสียงต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีเท่าที่ทราบพรรคเพื่อไทยพยายามไม่ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลลุงตู่นั่งอยู่ที่เดิม  แต่อาจจะมีข้อยกเว้นสำหรับเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน… โควตาน่าจะตกเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่รัฐมนตรีอาจจะเปลี่ยนจาก ‘รองพงษ์’ เป็น อดีตปลัดพลังงานที่ชื่อ ‘ณอคุณ’ ขณะที่กระทรวงดีอี… ก็จะตกเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ เช่นเดียวกัน

ถามว่าทำไมสองกระทรวงนี้เป็นของพรรคนี้… ตอบสั้นๆ ว่า น่าจะเพราะบารมีเจ้าสัวหนุ่มหล่อ คนนั้น!!

ส่วน ‘ลุงป้อม’ ที่เพิ่งฉลองวันเกิด 78 เมื่อวาน ย่าง 79 ในวันนี้… มีแนวโน้มว่าจะถูกสถานการณ์บีบรัดให้ปล่อยวางเก้าอี้เสนาบดี… วาระนี้จึงน่าจับตาไปที่น้องชายลุงป้อมคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บื๊กป๊อด’ ว่าจะนั่งกระทรวงไหน เช่นเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, สันติ  พร้อมพัฒน์, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ...

ครับ!! ก็สรุปสั้นๆ ได้ประมาณนี้ก่อน… ขออนุญาตไปตรวจโผแต่งตั้งทหาร-ตำรวจ เพื่อมาเล่าสู่กันฟังกลางสัปดาห์ครับ!!

‘อุเทน บุญยงค์’ อดีตพระเอกชื่อดัง เสียชีวิตแล้ว สิริอายุ 77 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย

(12 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ ได้เผยแพร่ข่าวเศร้าของวงการบันเทิง เมื่อ ‘อุเทน บุญยงค์’ พระเอกชื่อดัง ได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อเวลา 12.38 น. โดยมีเหล่าแฟนคลับ เข้าไปร่วมแสดงความอาลัยจำนวนมาก

ทั้งนี้ อุเทน บุญยงค์ เกิดที่จังหวัดชลบุรี หลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนวรพรตปัญญาจารย์ ก็ได้เป็นเซลส์ขายรถในจังหวัดชลบุรี เปิดร้านขายอาหาร ก่อนที่ ชนินทร์ นฤปกรณ์ อดีตดาราภาพยนตร์จะมาพบ จึงพาไปฝากกับ ‘ฉลวย ศรีรัตนา’ ผู้กำกับภาพยนตร์ ก่อนจะได้เป็นนายแบบเดินแฟชั่นโชว์ให้ร้านตัดเสื้อ เจ้าคุณ

กระทั่ง ‘เปี๊ยก’ โปสเตอร์มาเห็นและชวนไปเป็นพระเอกภาพยนตร์เรื่อง ‘นักเลงบ่อพลอย’ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘เขาสมิง’ แสดงคู่กับ ‘ภาวนา ชนะจิต’ เข้าฉายเมื่อปี 27 ตุลาคม 2516 ก่อนจะมีผลงานภาพยนตร์ดังอีกหลายเรื่อง อาทิ คำมั่นสัญญา, ข้าวนอกนา, ลุยแหลก, ลุย, 10 ยอดแสบ, เสือ สิงกระทิง แรด และ ละอองดาว ทั้งยังเคยไปเล่นหนังในต่างประเทศที่อิตาลีประกบกับพระเอกดังของอิตาลี

ไม่นานมานี้ บิณฑ์ ได้เข้าช่วยเหลืออุเทน ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ โดยเดินไม่ค่อยไหว และป่วยด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

สุดยอดคุณพ่อ!! แต่งหญิงร่วมงานวันแม่ที่โรงเรียนลูกสาว พร้อมโพสต์ภาพและข้อความสุดซึ้ง “แม่ ฉันก็เป็นให้แกได้”

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘นายโจ ลูกพลบดี’ โพสต์คลิปวิดีโอภายในงานวันแม่แห่งชาติ ปี 2566 ของโรงเรียนบ้านเนินกรอย ตำบลหนองทอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ระบุข้อความว่า…

“วันแม่ก็มา
‘แม่’ ฉันก็เป็นให้แกได้”

และโพสต์คลิปตัวเองใส่เดรสผู้หญิงลายสก๊อตสีดำขาว และสวมวิกผมยาว นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวหน้า ในกิจกรรมวันแม่ของทางโรงเรียน ซึ่งในคลิปยังมีลูกสาวสวมชุดนักเรียนนั่งคุกเข้าด้านหน้า จากนั้นได้มอบดอกมะลิ และโผเข้าสวมกอดกันด้วยรอยยิ้มที่ซาบซึ้ง โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมโพสต์นี้เป็นจำนวนมากนั้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายปรัชญา หรือ ‘ครูโจ’ อายุ 48 ปี ข้าราชการครูผู้สอนพละศึกษาและสุขศึกษา โรงเรียนบ้านเนินกรอย ต.พานทอง อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของ ด.ญ.ณัฐวดี ก้อนจันทร์ หรือ ‘น้องครีม’ นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกับผู้เป็นพ่อ

ครูโจ เปิดเผยว่า ได้รับน้องครีมมาอุปการะเลี้ยงดูเหมือนลูกสาวแท้ๆ ของตน เมื่อทางโรงเรียนจัดกิจกรรมวันแม่ ไม่อยากให้ลูกมีปมด้อยและต้องการให้ลูกมีความสุข โดยปกติตนกับลูกมักมีกิจกรรมสนุกสนานด้วยกันอยู่บ่อยๆ เมื่อลูกสาวถามว่าวันแม่ปีนี้จะทำอย่างไรดี จะเอาแม่ที่ไหนมาร่วมกิจกรรม จึงคิดว่าวันแม่ปีนี้จะขอร่วมงานในฐานะแม่ จึงได้หาชุดแม่มาใส่และหาวิกผมมาสวมด้วย

ซึ่งตนกับลูกสาวมีความสุขมาก ส่วนตัวไม่รู้จะอายไปทำไม เพราะรักลูกและเราทำกิจกรรมสนุกสนานเฮอาร่วมกันเป็นปกติอยู่แล้ว ที่สำคัญก็ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าวันแม่แต่ละปี ทำไมไม่มีแม่ไปร่วมงานเหมือนคนอื่นเค้า ก็เลยตัดสินใจร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ถึงจะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เป็นพ่อบุญธรรม จะบอกลูกเสมอ นี่คือลูก ลูกที่รู้สึกเหมือนลูกแท้ๆ ไม่ว่าวันไหนๆ ตนก็รักและทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ เพื่อดูแลลูกสาวอย่างดีที่สุด

ขณะที่น้องครีม บอกว่า รู้สึกดีใจที่คุณพ่อแต่งตัวเป็นแม่มาให้ตนไหว้ คุณพ่อสวยและน่ารักมาก หลังจากที่พ่อโพสต์คลิปไป ตนมองว่าน่ารักแล้วก็ตลกดี ไม่รู้สึกเขินหรืออายอะไรเลย ปีหน้าถ้าให้แต่งอีกได้ก็ดี วันแม่ปีนี้ อยากบอกรักพ่อ ขอบคุณพ่อที่นำหนูมาเลี้ยงดูแล้วทำให้หนูมีความสุข ชีวิตนี้ไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปเลย

ด้าน ครูโจ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า อะไรที่ทำให้ลูกทำได้หมด ตนให้ความสำคัญว่าน้องครีมคือลูก ไม่ใช่ลูกบุญธรรมแต่คือลูกแท้ๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top