Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

'เขมร' เคลมดื้อๆ!! บอกแท้จริงศึก U19 'ไทย-ญี่ปุ่น' คือ 'เขมร-ญี่ปุ่น' เพราะนักกีฬาหลายคนมาจากบุรีรัมย์ ต้องเหมาว่าเป็นคนเขมร

(11 ส.ค.66) หลังจากทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย รุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการชิงแชมป์โลก ที่ประเทศโครเอเชีย สามารถผ่านเข้าไปชิงอันดับ 5 กับเจ้าภาพได้สำเร็จ 

โดยแมตช์ล่าสุดทีมตบลูกยางสาวไทยล้างแค้นเอาชนะ บัลแกเรีย 3-1 เซต ในรอบจัดอันดับ 5-8 ทำให้พวกเธอผ่านเข้าไปชิงอันดับ 5 ในทัวร์นาเมนต์กับสาวโครเอเชียเจ้าภาพ 

อย่างไรก็ดีแมตช์ที่แฟนกีฬาตบลูกยางให้ความชื่นชมมากที่สุด เป็นเกมที่ ไทย พ่ายแพ้ให้กับ ญี่ปุ่น 2-3 เซต ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งไฮไลท์ในแมตช์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปชมผ่านช่องทางยูทูบของ Volleyball World มากกว่า 2 ล้านวิว 

กระนั้นก็มีชาวเน็ตจากกัมพูชา นามว่า 'pinbeeth6070' เข้ามาคอมเมนต์อ้างว่าแมตช์นี้เป็นการเจอกันของ กัมพูชา กับ ญี่ปุ่น ไม่ใช่ทีมชาติไทยแต่อย่างใด และอ้างเหตุผลที่ว่านักกีฬาหลายคนของทีมตบลูกยางสาวไทย U19 มาจากจังหวัดบุรีรัมย์ เลยถูกเหมารวมว่าเป็นคนเขมร 

'หมอเก่ง' ยอมรับคุย 'ไผ่ ลิกค์' ชวนโหวตจริง แต่ถามในบริบทเพื่อน ไม่ได้ดีลให้ร่วมรัฐบาล

จากกรณีที่ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยพาดพิงว่าพรรคก้าวไกล ก็เคยมาขอคะแนนจากพรรค พปชร.ให้โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกลเช่นกันนั้น

ซึ่งต่อมานายไผ่ ออกมาเปิดเผยว่าคนจากพรรคก้าวไกล ที่โทรมาขอคะแนนเสียงจากพรรค พปชร.คือ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งวันที่โทรมาขอนั้น มีมดดำ คชาภา ตันเจริญ อยู่ด้วย

ล่าสุด นพ.วาโย เปิดใจในรายการแฉของ มดดำ คชาภา ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ต้องตอบว่า จริง แต่ขอเล่าในบริบทวันนั้น ตนอยู่บ้านของมดดำ และเราก็นั่งคุยกันสบายๆ ซึ่งตนก็จำไม่ได้ว่าใครโทรหาใครก่อน เพราะตอนนั้นพรรคก้าวไกล สื่อสารกับ สส. ทุกพรรค เพื่อให้ช่วยกันโหวตนายพิธา เป็นนายกฯ เพราะว่าเราต้องการปิดสวิตช์ สว. โดยพฤติการณ์ตอนนั้น ยอมรับเลยว่า เราต้องการให้ช่วยโหวต นายพิธา เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่มาจากพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง และพรรคอันดับหนึ่งสามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของ สภาผู้แทนราษฎร เราก็เรียกร้องไปกับทุกฝ่ายทั้ง สส. และ สว. เราพยายามคุยกับทุกคนเท่าที่จะคุยได้

ซึ่งในส่วนของพรรค พปชร. คนที่จะพูดคุยด้วยได้มีไม่เยอะมาก หนึ่งในนั้นที่เราคุยเล่นได้ได้ คือ นายไผ่ วันนั้น เราคุยกันแบบเพื่อนคุยกัน แล้วมดดำก็อยู่ด้วย

มดดำถามว่า แต่ทางนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ออกมายืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่เคยขอให้ พรรค พปชร.โหวตให้ ด้าน นพ.วาโย กล่าวว่า "ถูกต้อง วันนั้นไม่ใช่การดีลกันเป็นกิจลักษณะเพื่อให้มาโหวตกัน และร่วมรัฐบาลกัน เรียกว่าขอลม ว่างั้นเถอะ เราขอแบบเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนกันทำงานร่วมกันมาที่มีความสนิทระดับหนึ่ง"

พระราชทรัพย์กษัตริย์แห่งอังกฤษมาจากไหน? จำนวนเท่าไร? ใช้ไปกับอะไร? เสียภาษีหรือไม่?

เมื่อหลายสิบปีมาแล้วมีรายงานข่าวว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษ ทรงเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุดพระองค์หนึ่งของโลก ด้วยทรงมีพระราชทรัพย์อันเป็นที่ดิน, พระราชวัง, ภาพวาดหายาก, เครื่องเพชรและยังรวมถึงฟคอกม้าอีกด้วย ซึ่งถ้าจะตีความแบบเหมารวมเช่นนั้นสมเด็จพระราชินีก็อาจจะทรงร่ำรวยจริง

แต่ต่อมาก็มีการอธิบายขยายความว่า ที่จริงแล้วต้องมีการแยกแยะให้ชัดเจนในพระราชทรัพย์ที่ทรงมีอยู่ เพราะว่าบางอย่างไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของแผ่นดินอังกฤษที่ตกทอดกันมาตามสายของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงครองราชย์สมบัติ และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงมีอยู่หรือได้มาโดยจะทรงซื้อขายได้ตามพระประสงค์

เรื่องความร่ำรวยของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินของประเทศต่าง ๆ มักจะเป็นข่าวที่คนชอบอ่านเพราะคนใคร่รู้ว่าท่านมีเงินมากน้อยแค่ไหนและได้มาจากไหนบ้าง บางคนอ่านแล้วก็พลอยยินดีปรีดากับทรัพย์ศฤงคารที่มากมายเหล่านั้นและอาจจะเคลิ้มว่าน่าจะเป็นของตนบ้างในชีวิตชาติหน้า

เร็วๆ นี้ผู้เขียนได้อ่านข่าวชิ้นหนึ่งของบีบีซีภาษาอังกฤษชื่อข่าวว่า Royal finance: Where does the king get his money? เขียนโดย Tom Edgington and Jennifer Clarke ผู้เขียนทั้งสองเริ่มด้วยข่าวที่รัฐบาลอังกฤษจะถวายเงินอุดหนุนประจำปีที่เรียกว่า Sovereign Grant หรือเดิมเรียกว่า Civil List เท่ากับปีงบประมาณ ค.ศ. 2021-2022 คือจำนวน 86.3 ล้านปอนด์ (คูณด้วย 44 บาทก็ตกราว 3,800 ล้านบาท)

ข่าวชิ้นนี้ทำให้รู้เกี่ยวกับพระฐานะการเงินของราชวงศ์อังกฤษ ว่ามีอะไรบ้าง และจำนวนเท่าใด เมื่อรู้แล้ว ก็ทำให้รู้ว่าท่านร่ำรวยอยู่ไม่น้อย 

เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ๆ ผู้เขียนขอสรุปว่าพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษจะมีรายได้อยู่ 2 ส่วนหลักคือ...

1. จากรัฐบาลอังกฤษถวายที่เรียกว่าเงินอุดหนุนและเงินจากที่ดินส่วนพระองค์ Private Estate โดยการให้เช่า

>> ลองมาดูกันว่าในส่วนเงินอุดหนุนประจำปีที่รัฐบาลอังกฤษถวายนี้มีที่มาอย่างไร?

รายได้ส่วนนี้ จะมาจากเงินงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนที่รัฐบาลตั้งขึ้น โดยเดิมทีเรียกกันว่า Civil List หรือเงินปี ซึ่งแต่เดิมจะกำหนดยอดเงินตายตัวว่ารัฐบาลจะถวายทุกปีจำนวนนี้ 

แต่ต่อมาในปี ค.ศ. 2012 มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเปลี่ยนชื่อเงินปี เป็น Sovereign Grant หรือเรียกว่าเงินอุดหนุน โดยมีการพิจารณาหรือคำนวณยอดเงินที่จะถวายแต่ละปีเสียใหม่คือ คำนวณจากผลกำไรของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (The Crown Estate คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษแต่ว่าดำเนินการอิสระ มีองค์กรที่ตั้งขึ้นมาดูแล) กำไรที่ได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นี้ จะส่งตรงให้กระทรวงการคลังและรัฐบาลอังกฤษ โดยจะใช้ยอดเงินที่เป็นกำไรนี้ มาเป็นบรรทัดฐานในการคำนวนเงินที่รัฐบาลจะถวายแก่พระราชวงศ์อังกฤษ

ยิ่งไปกว่านั้น The Crown Estate หรือทรัพย์สินพระมหากษัตริย์นี้ ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนพระองค์ของพระเจ้าแผ่นดินแต่จะเป็นการตกทอดจากแผ่นดินสู่แผ่นดินเท่านั้น จะทรงซื้อขายไม่ได้

อย่างไรก็ดีจากรายงานล่าสุดของข่าวบีบีซีชิ้นนี้บอกว่า รัฐบาลอังกฤษได้พิจารณาทบทวนจำนวนเงินอุดหนุนที่จะถวายเสียใหม่อีกครั้ง โดยจะเริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คือ รัฐบาลจะถวายเงินอุดหนุนเป็นจำนวน 12% จากผลกำไรของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ The Crown Estate และจะยืน 12% นี้ไปจนถึงปี ค.ศ. 2527 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการซ่อมแซมพระราชวังบักกิงแฮม อันเป็นโครงการซ่อมแซม 10 ปี (ใช้เงินราว 379 ล้านปอนด์) หลังจากปีนั้นแล้วก็มาพิจารณากันใหม่อีกที

>> ท่านผู้อ่านคงอยากทราบแล้วว่า ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์อังกฤษนั้น ท่านมีอยู่มากน้อยเท่าใด? 

เมื่อปีที่แล้ว ค.ศ. 2022 มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินพระมหากษัตริย์อังกฤษว่ามีอยู่ราว (16.5 bn ปอนด์) กว่าหนึ่งหมื่นหกพันล้านปอนด์ โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอน, รวมทั้ง Regent Street, อันเป็นย่านช้อปปิ้งชื่อดังของอังกฤษ และที่ดินชายฝั่งอังกฤษอีกเกือบครึ่งหนึ่ง, ในเวลส์ และไอแลนด์เหนือ (ที่ดินเหล่านี้มีมูลค่าราวแปดพันล้านปอนด์)

>> นั่นก็เป็นเงินที่รัฐบาลจัดถวาย แต่เมื่อถวายแล้วเงินจำนวนนี้จะมีการใช้จ่ายอย่างไร?

พระราชวังจะใช้ไปในงานราชพิธีที่เสด็จออกสมาคมให้ประชาชนเฝ้าเช่นงานเลี้ยงรับรอง, งานพระราชทานรางวัลและงานสมาคมในสวน Garden Party เช่น Garden Party ในพระราชวังบักกิงแฮมอันเป็นงานที่ประชาชนที่ได้รับคัดเลือกจากการทำงานเพื่อสังคม หรือประกอบคุณงามความดีต่าง ๆ จะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ โดยมีการนับว่าในรอบปีที่ผ่านมาพระราชวงศ์จะเสด็จออกงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจำนวน 2,700 ครั้ง มีงานที่จัดขึ้นตามวังหรือตำหนักที่ประทับของพระราชวงศ์อีก 330 ครั้ง มีแขกที่ได้รับเชิญเกือบหนึ่งแสนคน และนอกจากเงินที่ใช้ไปในการจัดงานแล้ว ก็จะเป็นค่าจ้างพนักงานและดูแลอาคารที่ประทับ สรุปคือ เงินอุดหนุนที่รัฐบาลถวายจะเป็นค่าใช้จ่ายในการทรงงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนนั่นเอง

2. ในส่วนรายได้หรือพระราชทรัพย์หลักอีกทางหนึ่งและมากโขอยู่ของพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษก็คือการเป็นเจ้าของที่ดินส่วนพระองค์ในตำแหน่ง Duchy of Lancaster และ Duchy of Cornwall

พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษในฐานะที่เป็น 'ดัชชีแห่งแลงคาสเตอร์' จะทรงเป็นเจ้าของที่ดินกว่า 18,000 เฮกตาร์ กินพื้นที่ในแลงคาสเตอร์และยอร์กเชอร์ รวมถึงที่ดินในกลางกรุงลอนดอนด้วย ที่ดินเหล่านี้มีมูลค่า 654 ล้านปอนด์และทำเงินในการให้เช่าปีละประมาณ 20 ล้านปอนด์

สำหรับผลประโยชน์อีกตำแหน่งหนึ่งคือ 'ดัชชีแห่งคอนวอลล์' นั้น กำหนดว่า ผู้ใดที่ดำรงตำแหน่ง ดยุคแห่งคอนวอลล์ ซึ่งปัจจุบันคือ เจ้าชายวิลเลียมจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากตำแหน่งนี้ โดยเป็นผู้ถือครองที่ดินทางตะวันตกฉียงใต้ของอังกฤษอันมีมูลค่า 1,000 ล้านปอนด์และทำรายได้สุทธิในปีนี้ 24 ล้านปอนด์

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าชายวิลเลียมจะทรงได้รับเงินรายได้จากที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวโดยตรงและสามารถใช้ตามที่มีพระประสงค์ เพราะเป็นเงินจากที่ดินที่เป็นสิทธิ์ตามฐานะของท่าน ไม่ใช่เงินจากภาษีของประชาชน แต่ไม่สามารถที่จะขายที่ดินเหล่านี้ได้

***นอกจากเงินจากทั้ง 2 แห่งนี้แล้ว พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษและพระราชวงศ์ ก็จะมีทรัพย์ส่วนพระองค์ เช่นพระราชวังบ้าง ภาพวาดบ้าง เครื่องเพชรและของมีค่ามีราคาอื่น ๆ ซึ่งได้มาจากการซื้อด้วยเงินส่วนพระองค์

แน่นอนจะเห็นได้ว่าพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษทรงมีฐานะทางการเงินดีไม่น้อย

และเพื่อให้ประชาชนคนอังกฤษเห็นว่า ท่านไม่เอาเปรียบ...ในปี ค.ศ. 1992 สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสมัครพระทัยที่จะเสียภาษีเงินได้ที่เกิดจากรายได้ส่วนพระองค์ เช่นเดียวกับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าชายวิลเลียม

เรื่อง: อนุดี เซียสกุล อดีต Radio Journalist, วิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย

อ้างอิง: BBC news, Royal finances: Where does the King get his money?

'อันฮุย' ขุดพบ 'เครื่องมือหิน' ช่วยขุดเจาะหาหยกในอดีต ทึ่ง!! เป็นเทคนิคการเจาะขั้นสูงสมัยเกือบ 6 พันปีก่อน

เหอเฝย, 10 ส.ค. (ซินหัว) — เครื่องมือหินที่ขุดพบจากแหล่งโบราณวัตถุหลิงเจียทาน เมืองหม่าอันซาน ในมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน เผยเทคนิคการขุดเจาะขั้นสูงของจีนโบราณ โดยเชื่อว่าเคยถูกใช้เพื่อประดิษฐ์เครื่องหยก

เจี่ยเหล่ย ไกด์นำเที่ยวประจำแหล่งโบราณวัตถุฯ เผยว่าเครื่องมือหินดังกล่าวยาว 6.3 เซนติเมตร ทำมาจากหินกรวด มีชิ้นส่วนทรงเกลียวที่ปลายทั้งสองด้าน และยังพบร่องบนตัวเครื่องซึ่งเชื่อว่าใช้สำหรับรัดเชือกหรือสายคาดขณะทำเครื่องหยก

อนึ่ง แหล่งโบราณวัตถุหลิงเจียทาน เป็นที่ตั้งถิ่นฐานจากยุคหินใหม่ มีอายุราว 5,300-5,800 ปี ครอบคลุมพื้นที่ราว 1.6 ล้านตารางเมตร และมีชื่อเสียงจากเครื่องหยกที่ขุดพบในการขุดค้นหลายครั้งก่อน นับตั้งแต่มีการค้นพบสถานที่แห่งนี้ในปี 1985

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 91 พรรษา 12 สิงหาคม 2566

เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 91 พรรษา ด้วยความจงรักภักดีของข้าราชการตำรวจ พนักงานราชการ และลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันศุกร์ที่ 11 ส.ค.66 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งมีกำหนดการจัดงานพิธี ดังนี้

- เวลา 08.00 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล ณ ห้องสารสิน ชั้น 2  อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- เวลา 08.45 น. พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 92 รูป ณ ห้องศรียานนท์  ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- เวลา 10.15 น. พิธีถวายราชสักการะ พิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล  สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการตำรวจ ลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 ส.ค.66 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์  ระหว่างวันที่ 11-13 ส.ค. 66 https://wellwishes.royaloffice.th/

78 ปี 'บิ๊กป้อม' พร้อมหน้า '3ป.-นักการเมือง-ทหาร-ตำรวจ' ด้าน 'บิ๊กป๊อก' มอบโมเดลม้าหมุน ขอให้มีความสุขนิรันดร์

(11 ส.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ วันครบรอบวันคล้ายวันเกิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อายุครบ 78 ปี โดยมีคนสนิทใกล้ชิด ทั้งนายทหาร นักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ ทยอยมาเข้าร่วมอวยพร ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาในเวลา 08.00 น. โดยนำกระเช้าดอกไม้ พร้อมของขวัญมามอบให้

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย นำโมเดลม้าหมุน 8 ตัว สีฟ้ามรกต แบบไขลาน ซึ่งมีความหมายว่า ให้มีความสุขแบบไม่มีที่สิ้นสุดมามอบให้แก่ พล.อ.ประวิตร พร้อมร่วมรับประทานอาหารเช้า และพูดคุยเป็นการส่วนตัวภายในห้องรับรอง ประมาณ 30 นาที ซึ่งในห้องนั้น มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา อยู่ด้วย พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้เข้ามาอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร เท่านั้น 

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางกลับและผู้สื่อข่าวได้พยายามขอให้ถ่ายรูปร่วม 3ป. และได้อวยพรวันเกิด พล.อ.ประวิตร อย่างไรบ้าง แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้ม และไม่ตอบ 

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามพล.อ.อนุพงษ์ ที่เดินออกต่อกันมาถึงโมเดลม้าหมุน ที่มอบให้เป็นของขวัญ สื่อความหมายขอให้มีความสุขแบบไม่มีที่สิ้นสุด ใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ ได้พยักหน้ารับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกความหมายหนึ่งของโมเดลม้าหมุน 8 ตัว สีฟ้ามรกต แบบไขลาน คือ ชัยชนะ 8 ทิศ และเลื่อนหมุนตำแหน่ง 

สำหรับบรรยากาศที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ในวันนี้มีแกนนำพรรคการเมือง และนายทหารเข้ามาอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดพล.อ.ประวิตร ต่อเนื่อง อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายพิชัย เตชะอุบล แกนนำพรรคพลังประชารัฐ, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.พรรคไทยศรีวิไลย์, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร, สมาชิก สว. และพล.อ.สนิธชนก สังฆจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม

จากนั้นในช่วง 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาอวยพรพลเอกประวิตรด้วย ขณะที่ในเวลา 11.00 น. พรรคพลังประชารัฐ และ สส.ทั้งหมดได้มาอวยพร นำโดยพรรคพลังประชารัฐ และสส.ทั้งหมด นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ แก็งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกให้นักเรียนนักศึกษาถ่ายคลิปตัวเองเรียกค่าไถ่จากพ่อแม่

สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. / หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน เนื่องจากในช่วงนี้ มีคดีนักเรียนนักศึกษาถูกคนร้ายหลอกให้เรียกค่าไถ่จากพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคดีจึงขอเตือนภัยพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังดูแลบุตรหลานของตนเอง และขอให้ครู บุคลากรทางการศึกษา ช่วยกันสอดส่องดูแลนักเรียน นักศึกษา มิให้ตกเป็นเหยื่อ ดังนี้

เมื่อวันที่ 11   ส.ค.2566  พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./ หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรทางเทคโนโลยี ได้แถลงว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565 มีคดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) จำนวน 20,000 กว่าเคส ข่มขู่ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 2,000 กว่าเคส ซึ่งเดิมเป็นการโทรศัพท์หลอกบุคคลทั่วไปให้โอนเงิน แต่ช่วงนี้มีเคสที่น่าสนใจ จำนวน 4 เคส ซึ่งทั้ง 4 เคส มีรูปแบบการกระทำผิดในลักษณะเดียวกัน กล่าวคือคนร้ายใช้วิธีการโทรศัพท์หาพ่อแม่แล้วส่งรูปบุตรหลานที่ถูกควบคุมตัวไว้มาให้ โดยที่พ่อแม่ไม่สามารถติดต่อบุตรหลานได้ จำต้องโอนเงินให้ไป ซึ่งหลังจากโอนเงินแล้ว บุตรหลานก็สามารถติดต่อกลับมาได้ ซึ่งเบื้องต้น พ่อแม่คาดว่า เป็นเรื่องการเรียกค่าไถ่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนลึกๆ พบว่า เป็นคดีที่บุตรหลานถูกแก็งค์คอลเซ็นเตอร์โทรมาข่มขู่บุตรหลานว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด และบังคับให้ถ่ายคลิป หรือ ภาพถ่าย ส่งให้กลุ่มคนร้ายนำไปเรียกค่าไถ่จากพ่อแม่อีกครั้ง โดยให้โอนเงินผ่านบัญชีบุตรหลานของตนเองหรือเข้าบัญชีม้า แล้วหลบหนีไป

สำหรับแผนประทุษกรรมคดีนี้ กลุ่มคนร้ายได้ใช้วิธีการโทรศัพท์ผ่านระบบ Voip (Voice Over Internet Protocol) หรือระบบ Internet โทรเข้าโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์พื้นฐานของผู้เสียหายหรือเหยื่อ โดยสุ่มหรือเลือกกลุ่มนักศึกษาในระดับชั้นอุดมศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ตั้งใจเรียนดี โดยคนร้ายได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่ธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วแต่จะอ้างเพื่อข่มขู่ทำให้เหยื่อตกใจกลัวว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีหมายจับต่างๆ และมีความผิดมูลฐานฟอกเงิน โดยทำทีอ้างว่าสามารถช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีได้ และเสนอให้ความช่วยเหลือ โดยให้ผู้เสียหายหรือเหยื่อโอนเงินมายังบัญชีธนาคาร(บัญชีม้า) ที่กลุ่มคนร้ายได้จัดเตรียมไว้และหลอกลวงเงินของผู้เสียหายไป หากนักศึกษาหรือเหยื่อไม่มีเงินกลุ่มคนร้ายก็แนะนำให้ผู้เสียหายหรือเหยื่อไปย้ายหรือออกจากห้องพักหรือที่พักปัจจุบันที่พักอยู่ใกล้กับสถานศึกษา และคนร้ายให้เหยื่อหรือผู้เสียหายไปเปิดซิมโทรศัพท์ใหม่ ซื้อเชือกมัด ผ้าเทปกาวจากร้านค้าเพื่อใช้พูดคุยโต้ตอบกับคนร้าย อีกทั้งคนร้ายยังสั่งการให้ผู้เสียหายหรือเหยื่อทำทีปิดโทรศัพท์ และสั่งการให้ผู้เสียหายหรือเหยื่อใช้ผ้าเทปและเชือกมัดมือมัดเท้าตัวเอง และถ่ายคลิปวีดิโอโดยใช้เครื่องของผู้เสียหายหรือเหยื่อเองเก็บเอาไว้ เพื่อสร้างสถานการณ์ว่าถูกลักพาตัวและส่งคลิปดังกล่าวให้คนร้ายทางแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์ จากนั้นคนร้ายจะส่งคลิปไปยังพ่อแม่หรือผู้ปกครอง เพื่อเรียกค่าไถ่จากพ่อแม่หรือผู้ปกครองของผู้เสียหายหรือเหยื่อ โดยการโอนเงินมีอยู่ 2 รูปแบบ 1.พ่อแม่โอนเงินไปให้เหยื่อแล้วเหยื่อโอนเงินต่อไปให้คนร้าย 2. พ่อแม่โอนเงินให้คนร้าย
ข้อสังเกตุ และข้อควรระวัง  
1. คนร้ายอาจจะหาข้อมูลหรือสุ่มคัดเลือกเหยื่อเป็นกลุ่มนักศึกษาระดับชั้นอุดมศึกษา ซึ่งพักอาศัยอยู่ตามหอพักหรือที่พักใกล้สถานศึกษาโดยเหยื่อเป็นบุคคลที่อยู่หอพักหรือที่พักเพียงคนเดียว ไม่ได้พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
2. คนร้ายได้วางแผน และมีสคริปต์เพื่อเตรียมการพูดหลอกลวง และใช้ถ้อยคำที่มีประสบการณ์มาก เพื่อข่มขู่และชักจูงให้เหยื่อตกใจกลัว (เช่น โทรมาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีพัสดุตกค้าง แจ้งว่ามีหมายจับ หรือมีคนเอาข้อมูลไปเปิดบัญชีธนาคารแล้วเอาบัญชีไปใช้ในการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน) ขู่ว่าถ้าถูกดำเนินคดีจะไม่ได้เรียนต่อ และคล้อยตามคำสั่งของคนร้าย
3. คนร้ายใช้โทรศัพท์ผ่านระบบ Internet (VOIP : Voice Over Internet Protocol) ซึ่งหมายเลขดังกล่าวจะมีหมายเลขไม่ถึง 10 หลักและมีเครื่องหมาย +697 +698 ซึ่งสังเกตุได้ว่าน่าจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรมาจากต่างประเทศหรือโทรผ่านระบบ Internet หากผู้เสียหายโทรย้อนกลับไปยังเบอร์ของคนร้าย จะไม่สามารถติดต่อได้ และหมายเลขดังกล่าวอาจจะไม่มีอยู่จริง เป็นการที่คนร้ายสร้างหมายเลขโทรศัพท์หรือปลอมเบอร์ (Fake)
4. คนร้ายได้มีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวง โดยผสมผสานระหว่างแผนประทุษกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับแผนประทุษกรรมการเรียกค่าไถ่ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักศึกษา เพื่อทดแทนปริมาณเหยื่อที่ปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยเชื่อถือของแผนประทุษกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม
5. คนร้ายเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มนักศึกษา เพราะนักศึกษาพักอยู่คนเดียวห่างจากครอบครัว มีการสั่งซื้อของ มีการหัดเริ่มลงทุนมีการยุ่งเกี่ยวกับการพนัน จึงทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าถึงได้ง่ายและข้อมูลที่ใช้ข่มขู่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นจริง ควรระวังไม่ให้เหยื่อที่อยู่หอพักตามลำพัง ควรจะมีบัดดี้อยู่ด้วย

แนวทางการป้องกัน
สำหรับนักศึกษา
1. สังเกตเบอร์ที่โทรเข้ามาก่อนรับสาย หากเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือเป็นเบอร์ที่มีเครื่องหมาย +697 +698 นำหน้าให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์
2. สังเกตความผิดปกติของปลายสายได้จากคำถาม เช่น การถามชื่อ และข้อมูลส่วนตัวโดยตรง หรือการใช้ข้อความอัตโนมัติในการตอบรับแล้วให้เรากดเบอร์เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ถ้ามีการสนทนาทาง Video call ให้มีสติและสังเกตปากกับเสียงตรงกันหรือไม่ หรือ ภาพและท่าทางมีความผิดปกติหรือไม่(คนร้ายสามารถใช้โปรแกรมปลอมใบหน้าขณะสนทนาได้)
3. หากคนร้ายข่มขู่ว่ากระทำผิด และต้องไปแจ้งความหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ ให้นัดหมายไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งความ สอบสวนปากคำ ชี้แจง หรือยื่นพยานเอกสารพยานวัตถุ ณ สถานที่เกิดเหตุหรือสถานที่ราชการด้วยตนเอง หากมั่นใจว่าปลายสายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือมิจฉาชีพ วางสายทันที แจ้งเบาะแส กับหน่วยงานที่ดูแล เช่น ตำรวจ ธนาคาร ค่ายมือถือ หรือ กสทช.
4. หากคนร้ายให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบ  ให้สันนิษฐานว่าเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากข้อมูลบัญชีมีเพียงธนาคารที่ตรวจสอบได้ห้ามบอกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงิน รวมถึงห้ามโอนเงินตามคำกล่าวอ้าง
5. โหลดแอปฯ Who’s call ซึ่งสามารถตรวจสอบหมายเลข และจะระบุหมายเลขที่ไม่รู้จัก ช่วยให้ทราบว่าใครโทรมาทันที      
​6. หากคนร้ายส่งเอกสารมาข่มขู่  ให้ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้นๆ โดยตรง หรือโทรหาตำรวจท้องที่ เบอร์ 191 หรือเบอร์ 1441 และเบอร์ 081-8663000 หรือเข้าพบพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ หรือปรึกษากับผู้ปกครอง 
​สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง นอกจากต้องรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวสำหรับศึกษาดังกล่าวข้างต้นแล้ว สิ่งที่ต้องรู้เพิ่มเติม มีดังนี้

1. หากคนร้ายข่มขู่ให้โอนเงินพร้อมส่งคลิปมาให้ดู  ให้รีบปรึกษาบุคคลที่ไว้วางใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ หรือ โทรสายด่วน  191 ,1441 และเบอร์ 081-8663000 เพื่อพิจารณาแยกแยะว่าเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์หรือมีการจับตัวเรียกค่าไถ่จริงๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ให้ความช่วยเหลือถูกวิธี
2. ก่อนโอนเงินให้ดูว่าเป็นบัญชีที่อยู่ในแบล็คลิสต์ที่ใช้กระทำความผิด หรือบัญชีม้าหรือไม่
ผศ.ดร.ศุภกร ปุญญฤทธิ์ ช่วยราชการสำนักงาน รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับทราบว่ามีคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้นักศึกษาจับตัวเองเรียกค่าไถ่จากผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองโอนเงินให้คนร้าย จึงมีความห่วงใยนักศึกษาและพ่อแม่ผู้ปกครอง และได้มอบหมายให้มาร่วมแถลงข่าวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องแผนประทุษกรรมของคนร้าย ไม่ว่าจะเป็นวิธีกลโกง จุดสังเกต และวิธีป้องกัน เพื่อจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปแจ้งเตือนนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบนี้ และไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว

พล.ต.อ.สมพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีนี้คนร้ายจะเลือกเหยื่อที่เป็นนักศึกษา ซึ่งอาจจะไม่รู้เท่าทันคนร้าย อีกทั้งเป็นจุดอ่อนไหวของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีความรักความห่วงใยบุตร - ธิดาของตนเองเป็นทุนเดิม โดยมีแผนประทุษกรรม ดังนี้ 

1. หลอกให้เหยื่อย้ายหรือเปลี่ยนที่พัก ไปหาเช่าที่พักใหม่ เพื่อไม่ให้พ่อแม่ผู้ปกครองตามหาตัวได้ และหลอกเหยื่อว่ามี
ตำรวจนอกเครื่องแบบสะกดรอยเฝ้าดูอยู่ห้ามออกไปจากห้องเช่าที่พักใหม่
2. หลอกให้เหยื่อ ลบแอปพลิเคชันที่เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารออกจากเครื่อง เช่น Line FB Twitter TikTok เป็นต้น
เพื่อไม่ให้เหยื่อติดต่อกับคนอื่น
3. หลอกให้เหยื่อปิดมือถือเบอร์เดิม เพื่อไม่ให้พ่อแม่ติดต่อได้ และหลอกให้เปิดเบอร์ใหม่ใช้ในการติดต่อกับคนร้าย  

รวมถึงให้สแกน QR Code เพื่อใช้และควบคุม Line เหยื่อ ผ่าน Pc-iPad ตลอดเวลา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง ที่อาจตกเป็นเหยื่อกลโกงของแก็งคอลเซ็นเตอร์ในรูปแบบนี้ ได้รู้เท่าทันรูปแบบกลโกงของคนร้ายที่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ  และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com  Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com 

‘BOI’ เผย ‘จีน’ นักลงทุนหลักในประเทศไทย ครึ่งแรกปี 66 ลงทุนแล้วกว่า 6.15 หมื่น ลบ.

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เว็บไซต์ไชน่านิวส์ (Chinanews.com) รายงานโดยอ้างอิงรายงานที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของไทยไม่นานนี้ ว่าจีนได้กลายเป็นแหล่งการลงทุนหลักสำหรับไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2023

รายงานระบุว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ไทยดึงดูดโครงการลงทุนใหม่จากต่างประเทศ 507 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นโครงการจากจีน 132 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวม 6.15 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

การลงทุนส่วนใหญ่ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ได้แก่ การผลิตยางล้อและผลิตภัณฑ์ยาง การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ การผลิตเหล็ก อสังหาริมทรัพย์ การจัดหาและการจัดจำหน่ายพลังงาน

รายงานระบุว่าสืบเนื่องจากการลงทุนจากจีนที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของไทยจึงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนจากจีนได้ยื่นคำขอการลงทุนมากกว่า 900 โครงการ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 5.26 แสนล้านบาท

‘ภูมิธรรม’ เบรก รบ.รักษาการแต่งตั้ง-โยกย้าย ขรก. ชี้!! ควรรักษามารยาท ปล่อยให้เป็นหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่

(11 ส.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่อนแถลงการณ์ระบุว่า ในห้วงเวลานี้ เป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่จะมีรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง จะเข้ามาบริหารประเทศ 

• ข้อเสนอต่อรัฐบาลรักษาการ

รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลรักษาการมีอำนาจหน้าที่อันจำกัด เช่น ห้ามอนุมัติโครงการที่จะสร้างความผูกพันต่อรัฐบาลชุดต่อไป ห้ามแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ รวมถึง พนักงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ เพื่อรอให้รัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็มทั้งจากตัวบทกฎหมาย และอาณัติจากประชาชนเข้ามาบริหารตามแนวนโยบายที่ได้ประกาศไว้กับพี่น้องประชาชน

ดังนั้น รัฐบาลรักษาการควรรักษามารยาทตามธรรมเนียมปฏิบัติ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยการยุติการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงทุกตำแหน่ง ที่จะมีผลต่อการผลักดันนโยบายของรัฐบาลใหม่

การกล่าวอ้างว่าจะมีข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากยังไม่สิ้นปีงบประมาณ และกลไกระบบราชการยังสามารถดำเนินอยู่ได้

รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำนโยบายของรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศตามที่เสนอไว้ต่อพี่น้องประชาชน เพราะถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะต้องเข้ามาเร่งดำเนินการทันที ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน และต้องอาศัยข้าราชการเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้เพราะปัญหาวิกฤตของประเทศมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความจำเป็นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจทุกกลุ่ม และฟื้นฟูความกินดี อยู่ดีของพี่น้องประชาชน 

ดังนั้นรัฐบาลใหม่จึงต้องมีกลไกที่สามารถขจัดอุปสรรค และเร่งทำตามนโยบายให้ลุล่วงโดยเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นหมายถึงการมีข้าราชการอย่างเช่นระดับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง ที่สามารถปฏิบัติงานในการตอบสนองการบริหารงานของรัฐบาลใหม่ เพื่อร่วมสร้างผลสำเร็จต่อทุกนโยบายของรัฐบาลใหมให้สามารถแก้วิกฤตของประเทศและประชาชนได้

สิ่งที่เรานำเสนอ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และความชอบธรรมของรัฐบาลใหม่ในการเข้ามาบริหารประเทศ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลรักษาการไม่ควรกระทำอย่างยิ่งในช่วงรอยต่อที่รัฐบาลที่มีอำนาจเต็มจะเข้ามาบริหารประเทศ เพราะนอกจากจะผิดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังผิดต่อธรรมเนียมปฏิบัติ และมารยาททางการเมืองที่สำคัญยิ่ง

• ความคิดเห็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของปลัดกระทรวง ทุกกระทรวง

เนื่องจากท่านเป็นกลไกสำคัญในการตอบสนองการทำงานตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภา เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ สามารถบรรลุผลอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นที่ท่านควรจะต้องชะลอการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ระดับสำคัญ โดยรอรับนโยบายจากรัฐบาลใหม่ เพื่อให้การทำงานร่วมกันกับรัฐบาลใหม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงและสามารถแก้วิกฤตของประเทศ ให้หลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ที่สั่งสมกันมาโดยเร็ว

โดยหวังว่าท่านจะร่วมกับรัฐบาลใหม่ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนได้อย่างราบรื่น มาร่วมกันสร้างประเทศไทย ให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566

‘ประชาธิปไตย’ คือ ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ ไม่ใช่ ‘ประชาชนเป็นใหญ่’ ต้องให้ประชาชนได้รับประโยชน์เต็ม อย่างนั้น จึงจะเป็นประชาธิปไตย ไอ้ประชาชนเป็นใหญ่นั้น มันไม่แน่ ประชาชนบ้าบอก็ได้ 
ถ้าประชาชน ‘เห็นแก่ตัว’ แล้ว...ฉิบหายหมด!!!

-พุทธทาสภิกขุ-


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top