Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย 6 แอปพลิเคชันปลอมควบคุมมือถือระบาดหนัก พบผู้เสียหายจำนวนมาก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากการตรวจสอบในระบบศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ พบว่าในช่วงที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลายรายได้รับข้อความสั้น (SMS) และได้รับสายโทรศัพท์จากมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชน โดยให้ทำการเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ของหน่วยงานปลอมนั้นๆ จากนั้นจะสอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายก่อนที่จะส่งลิงก์เว็บไซต์ปลอมให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพปลอมขึ้นมาแล้วหลอกลวงให้ทำตามขั้นตอน ตั้งค่าให้สิทธิการเข้าถึง และให้สิทธิควบคุมโทรศัพท์มือถือที่ผู้เสียหายใช้งาน หลอกลวงให้กรอกรหัส PIN 6 หลัก จำนวนหลายครั้ง หรือหลอกลวงให้โอนเงินค่าธรรมเนียมในจำนวนเล็กน้อย เช่น โอนเงินจำนวน 10 บาท เพื่อดูรหัสการทำธุรกรรมธนาคารของผู้เสียหาย แล้วเข้าควบคุมโทรศัพท์ของผู้เสียหายแล้วโอนเงินออกจากบัญชี จำนวนกว่า 6 หน่วยงาน ดังนี้

1.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยได้รับข้อความสั้น (SMS) หรือได้รับสายโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า แจ้งผู้เสียหายว่าจะได้รับเงินค่าชดเชยหม้อแปลงไฟฟ้า หรือคำนวณเงินค่า FT ผิดพลาด หรือได้รับเงินคืนค่าประกันไฟฟ้า เป็นต้น

2.กรมที่ดิน โดยได้รับสายโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน แจ้งผู้เสียหายให้อัปเดตข้อมูลสถานะที่ดิน หรือให้ยืนยันการไม่ต้องชำระภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน สำรวจประเภทการใช้งานที่ดิน หรือชำระภาษีที่ดินไว้เกินจะคืนให้ เป็นต้น

3.สำนักงานประกันสังคม ได้รับข้อความสั้น (SMS) หรือได้รับสายโทรศัพท์แจ้งว่า เตือนเลขบัตรลงท้ายด้วยเลข XXXX  กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่ออัปเดตข้อมูลอย่างเร่งด่วน หรือให้ชำระค่าประกันสังคม หรือจะโอนเงินค่าประกันโควิคให้ เป็นต้น

4.บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express) ได้รับข้อความสั้น (SMS) แจ้งว่า พัสดุของท่านเสียหาย กรุณายื่นเคลมค่าเสียหาย

5.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้รับสายโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ให้ทำการยกเลิกโครงการคนละครึ่ง ให้ยกเลิกโครงการประชารัฐที่ผูกไว้กับร้านค้า หรือให้อัปเดตข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน เป็นต้น

6.กรมบัญชีกลาง ได้รับสายโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามข้อมูล เพื่อทำเรื่องค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.66 – 31 ก.ค.66 การหลอกลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบฯ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 4 มีจำนวนกว่า 1,105 เรื่อง หรือคิดเป็น 7.03% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ในเดือน ก.ค. 66 และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 165 ล้านบาท

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ส่งข้อความสั้น หรือโทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า การหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าวยังคงเป็นการหลอกลวงในรูปแบบเดิมๆ เพียงแต่มิจฉาชีพจะเปลี่ยนชื่อหน่วยงาน และเปลี่ยนเนื้อหาไปตามวันเวลา และสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งว่าได้รับสิทธิ หรือได้รับเงินคืน หรืออัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน โดยในขั้นตอนสุดท้ายจะหลอกลวงให้เหยื่อกดลิงก์ผ่านเว็บไซต์ปลอมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นให้กดติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมของหน่วยงานที่แอบอ้าง โดยมิจฉาชีพจะอาศัยความไม่รู้ และความโลภ ของประชาชนเป็นเครื่องมือ ใช้ความสมัครใจของเหยื่อให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม มีการใช้สัญลักษณ์ของหน่วยงาน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันหลายหน่วยงานได้ประกาศยกเลิกการส่งข้อความสั้น (SMS) หรือส่งอีเมลไปยังประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงิน หรือธนาคารต่างๆ ทั้งนี้ฝากย้ำเตือนไปยังประชาชน ไม่ว่ามิจฉาชีพจะมาในรูปแบบใดๆ ก็ตาม ให้ระมัดระวังและมีสติอยู่เสมอ โดยหากพบเห็นข้อความสั้น (SMS) หรือลิงก์ ในลักษณะดังกล่าวให้แจ้งเตือนไปยังบุคคลใกล้ชิด และหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานนั้นๆ ให้ช่วยตรวจสอบทันที เพื่อลดการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

​ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกัน ดังนี้
1.ไม่กดลิงก์ที่เเนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือที่ส่งมาทางสื่อสังคมออนไลน์ ไม่กดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ เพราะอาจเป็นการดักรับข้อมูล หรือการฝังมัลแวร์ของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับข้อความในลักษณะการให้สิทธิพิเศษ ให้รางวัล หรือโปรโมชันต่างๆ หรือข้อความที่ทำให้ตกใจกลัว
2.หากได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย และมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ให้ขอชื่อนามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับของเจ้าหน้าที่ โดยให้แจ้งว่าจะติดต่อกลับไปภายหลัง
3.ตรวจก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ โดยการโทรศัพท์ไปสอบถามผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ หรือผ่านเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานนั้น โดยตรง รวมถึงตรวจสอบว่ามีการประกาศแจ้งเตือนการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวหรือไม่
4.ระวังการให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ปลอม โดย LINE Official Account จริงที่ผ่านการรับรองจะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียว หรือโล่สีน้ำเงิน หากเป็นโล่สีเทาหรือไม่มีจะเป็นบัญชีทั่วไปยังไม่ได้ผ่านการรับรอง ต้องตรวจสอบยืนยันให้ดีเสียก่อน
5.ไม่ติดตั้งโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันผ่านเว็บไซต์ที่ผู้อื่นส่งมาให้โดยเด็ดขาด แม้จะเป็นโปรแกรมที่รู้จักก็ตาม เพราะอาจเป็นแอปพลิเคชันปลอม โดยหากต้องการใช้งานให้ทำการติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น

6.ไม่อนุญาตให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก หรือไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย ไฟล์นามสกุล .Apk
7.ไม่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ และควบคุมอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด
8.ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินใดๆ ลงในลิงก์ หรือแอปพลิเคชันในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรหัสผ่าน 6 หลัก ที่ซ้ำกับรหัสแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ รวมถึงไม่โอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ ตามคำบอกของผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เพราะเสี่ยงถูกนำรหัสการทำธุรกรรมธนาคารไปใช้
9.หากท่านติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบทำการ Force Reset หรือการบังคับให้อุปกรณ์นั้นรีสตาร์ต (ส่วนใหญ่เป็นการกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มปรับเสียงค้างไว้) ในกรณีเกิดอาการค้างไม่ตอบสนอง หรือเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) หรือปิดเครื่องเพื่อตัดสัญญาณไม่ให้โทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ออก หรือทำการปิด Wi-fi Router
10.อัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

เตือน!! 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง เตรียมความพร้อม รับมือสถานการณ์ ‘น้ำ-ฝนตกหนัก’ 10-15 ส.ค.นี้

(9 ส.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ เน้นย้ำให้เจ้าหน้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำ เพื่อลดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง พบว่ามีปริมาณฝนตกหนักสะสมในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และบริเวณแขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศจีนตอนใต้ ทำให้ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่แม่น้ำโขงตอนล่าง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงวันที่ 10-15 สิงหาคม 2566 โดย กอนช. ได้คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ดังนี้

1.สถานีเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันมีระดับน้ำ 5.42 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 7.38 เมตร เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.40 - 0.60 เมตร

2. สถานีเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบันมีระดับน้ำ 12.26 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 3.74 เมตร คาดการณ์ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 2.0 - 2.50 เมตร คาดการณ์ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 2.50 - 3.50 เมตร

3. สถานีหนองคาย จังหวัดหนองคาย ปัจจุบันมีระดับน้ำ 8.35 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 5.05 เมตร

4. สถานีนครพนม จังหวัดนครพนม ปัจจุบันมีระดับน้ำ 9.46 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 2.54 เมตรคาดการณ์ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 2.5 - 3.5เมตร และคาดการณ์ระดับน้ำจะมีแนวโน้มล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 11 - 15 สิงหาคม 2566

5. สถานีมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ปัจจุบันมีระดับน้ำ 8.98 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 3.52 เมตร คาดการณ์ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 2.00 - 2.50 เมตร

6. สถานีโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันมีระดับน้ำ 10.60 เมตร ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 3.50 เมตร คาดการณ์ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 1.00 - 1.50 เมตร

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว และกำชับจังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี เร่งประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง รวมทั้งผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขง

'พลอย' แฉยับอดีตชีวิตเหมือน 'หยก' ถูก 'บุ้ง' ลากตัวใช้หาผลประโยชน์  ยอมคาย!! 'โดนบังคับบุกวัง-กระทำรุนแรงให้กลัว-ฮุบเงินทุนไว้กับตัว'

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในช่วงเวลานี้ เพื่อต่อต้านการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย สังคมวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังล่าสุดบุกไปป่วนพรรคเพื่อไทย ที่แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย แม้กระทั่งฝ่ายที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว ยังรับพฤติกรรมของกลุ่มทะลุวังไม่ได้

การเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในเวลานี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ๆ ได้แก่ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง, ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน, นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ, ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก, บังเอิญ ศุทธวีร์ สร้อยคำ มือพ่นกำแพงวัดพระแก้ว โดยผู้ที่เป็นหัวโจกคือ 'บุ้ง เนติพร'

ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการแฉข้อมูลจากกลุ่มทะลุวังด้วยว่า สมาชิกในกลุ่มไม่ค่อยมีความลงรอยเช่นกัน และชี้เป้าไปที่ 'บุ้ง เนติพร' ว่ามีพฤติกรรมไม่ต่างจากพวกเผด็จการนั้น

ล่าสุด 'พลอย' บุคคลที่เคยอยู่กับกลุ่มทะลุวัง ออกมาทวีตแฉข้อมูลเกี่ยวกับ 'บุ้ง เนติพร' หรือ 'บุ้ง ทะลุวัง' ระบุว่า...

เราเคยเป็นหนึ่งในเด็กที่บุ้งเอามาดูแลเหมือนหยก รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่นักเรียนเลว ตอนนั้นที่บ้านเรามีปัญหาทำให้ไม่มีบ้านอยู่+โดนคดีมันต้องมีผู้ปกครอง บุ้งมาเป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่ที่ดูแลเราไม่ได้ บุ้งก็รับปากเรากับแม่เราว่าจะดูแลเราอย่างดี

บุ้งดูแลเราอย่างดีในช่วงแรกที่อยู่ด้วยกัน เรายังคงอยู่กับบุ้งเพราะไม่รู้จะไปอยู่ไหน บ้านก็ไม่มีให้กลับ ตอนนั้นเราเริ่มสัมผัสได้ถึงความรุนแรงในบ้านที่อยู่กับบุ้ง การถูก Child Grooming การโดนมินิพูเลท และการขูดรีดผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในฐานะเยาวชนเพราะเราอายุแค่ 16

ตัวบุ้งมักจะชอบดูแลเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านหรือมีปัญหาในชีวิตและมีแสง บุ้งจะรับเด็กมาดูแล อาสาเป็นผู้ปกครอง และค่อยๆ ใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้น เรากับเพื่อนโดนเอาผลงานการเคลื่อนไหวไปขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเรา เพื่อนหลายคน และไม่สามารถตรวจสอบบัญชีของบุ้งได้

เรื่องการใช้ความรุนแรงของบุ้งกับเราและเพื่อนๆ เขาทำเหมือนที่ทำกับยามหน้าเพื่อไทย ตอนโมโห เขาจะใช้อารมณ์ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ด้อยค่า ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ตามสไตล์มินิพูเลท ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราโดนมินิพูเลทจนทุกวันนี้ยังกลับมาใช้ชีวิตยาก

บุ้งชอบให้เด็กออกมาเคลื่อนไหว เทคแอคชั่นแรงๆ โดยบุ้งบอกกับเราว่า เรายังเด็ก ต่อให้โดนคดีก็ยังไม่โดนหนักเพราะยังมีศาลเยาวชน และเด็กถ้าเจอความรุนแรงเช่น ตำรวจจับ บลาๆ จะเป็นข่าวง่าย ขอทุนง่าย ไวรัลง่ายกว่า แล้วบุ้งอ้างว่าจะซัพพอร์ตน้องๆ อยู่ข้างหลังแทน

จนเริ่มทำ #ทะลุวัง เราโดนหนักมากขึ้น บังคับให้เราออกไปทำไรเเรงๆ แรงสุดคือ เคยโดนให้ไปบุกคุกวังทวี แต่ตอนนั้นเราบอบช้ำจากการเคลื่อนไหวมามากแล้ว เหนื่อยโดนคดี เราบอกว่าสภาพจิตใจเราไม่ไหว ไม่อยากทำ ก็โดนปิดประตูใส่หน้า อยากจะหนีก็ไม่ได้ เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว

เราลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหว เงินก็ไม่มี ครอบครัวก็ทิ้ง ตอนนั้นเราคิดว่าเราต้องพึ่งพาแค่บุ้งเท่านั้น สุดท้ายหลุดออกมาได้ เพราะเพื่อนรอบตัวให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้ปกครองให้แทน จนปัจจุบันเราเป็นผู้ลี้ภัย 112 อยู่ ตปท. เราก็ยังโดนเขาโจมตีในขบวนเสียๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ

ทั้งกล่าวหาว่าเรายักยอกเงิน หนีคดี ขโมยของ ตอแหล โดนแช่งให้ตายระหว่างลี้ภัย บางคนก็เกลียดเราจริงๆ ไปแล้วก็มี เรารู้มาเสมอว่าเรามีปัญหากับหลายฝ่ายในขบวน เรื่องหลายๆ เรื่องที่เราอยากคุยเพื่อคลี่คลาย ขอโทษ ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะเรายังโดนโจมตีอยู่ตลอดเวลา

ควรมีการถกกันเรื่องนี้สักที เด็กกับการออกมาเคลื่อนไหวเนี่ย เด็กไม่ได้เจอแค่การคุกคามจากรัฐ ครอบครัว สังคม แต่อาจจะโดนขบวน เห้ๆ ทำร้าย โดนขูดรีด ความเป็นเด็กโดนมินิพูเลท คนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวเด็กเอง มันส่งผลกับการใช้ชีวิตของเด็กระยะยาวมาก นี่ยังเป็นซึมเศร้าอยู่เลย

เลิกด่าหยก เด็กเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนโดนมินิพูเลทมันไม่รู้ตัวหรอก หยกเจอความรุนแรงมามากตั้งแต่ติดคุก ทั้ง Cyber Bullying โดนคดี สังคมเฮงซวย ต้องมาเจอกลุ่ม #ทะลุวัง หยกเหมือนกระจกสะท้อนตัวบุ้ง หยุดโจมตีเด็กได้ หันมาสนใจ Abuser กันเยอะๆ ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่

ช่วยเหลือและรับฟังความต้องการของหยก หยุดให้แสงหรือโทษคนที่กำลังโดนมินิพูเลทก่อน มันละเอียดอ่อนทั้งตัวของเหยื่อและคนมินิพูเลทเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละวันเหยื่อเจอคำพูด ถูกปฏิบัติแบบไหนมาบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง หัวมันปั่นป่วนไปหมดเพราะการมินิพูเลท ใช้ความรุนแรงและแก๊สไล้

เราพยายามสรุปเรื่องราวตลอด 2 ปีที่อยู่กับบุ้ง จริงๆมันมีมากกว่านั้น แต่กลัวทวิตยาวเกิน แต่อย่างนึงที่เพื่อนเราเคยถูกมินิพูเลทบอก การที่ผู้ถูกกระทำหรือตัวเด็กยังอยู่ในวังวนความรุนแรง โดนมินิพูเลท แปลว่า Abuser ประสบความสำเร็จ #ทะลุวัง

ตำรวจ ปส. ลุยล้าง 5 เครือข่ายยาเสพติดก่อนลงใต้ ยึดยาบ้า 13.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 520 กก. และคีตามีน 850 กก. เร่งตามล่าผู้ร่วมขบวนการ

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,       พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิตพุ่มวารี ผบก.ขส., พล.ต.ต.พรศักดิ์  สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 พร้อมด้วยนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 5 เครือข่าย ผู้ต้องหา 8 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 13.7 ล้านเม็ด, ไอซ์ 520 กก. และคีตามีน 850 กก.

รายแรก ตำรวจ บก.สกส. ได้สืบสวนทราบว่า นายไพโรจน์ กับพวก มีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ และจะนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีนายทุนผู้ค้ายาเสพติดชาวเมียนมาร์ เป็นผู้ว่าจ้าง จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 27 ก.ค.66 ได้ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมตัวนายไพโรจน์ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวนประมาณ 400,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในช่องตู้ลำโพงแบบดัดแปลงด้านหลังเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลัง และซุกซ่อน  ในช่องตัวถังรถในส่วนช่องเก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ทะเบียน ขอ 41XX เชียงใหม่ ในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลดำเนินคดี และออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจับกุมนายธนพัฒน์ หรือเฟส พร้อมยาเสพติดไอซ์ น้ำหนักประมาณ 120 กก. ที่ จ.ชัยภูมิ พบความเคลื่อนไหวของ น.ส.นิติยา ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกัน จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่แนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถยนต์กระบะ ทะเบียน กต-2xxx เลย เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ร่วมกันวางแผนการจับกุมตามเส้นทางที่ น.ส.นิติยา ใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด จนกระทั่ง เวลาประมาณ 22.00 น. พบรถยนต์ทะเบียน กต-2xxx เลย ในเขตพื้นที่ อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ขับมุ่งหน้าไป จ.สกลนคร เมื่อรถยนต์ขับมาถึงสะพานแม่น้ำยาม ต.อากาศ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบ น.ส.นิติยา เป็นคนขับ ตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน 3 กระสอบ ประมาณ 1,300,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในที่นั่งด้านหลังรถยนต์คันดังกล่าว จึงยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พงส.บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 3 ตำรวจ ปส. โดยตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ จนทราบว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่าย จะลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ จ.ระนอง ไปส่งที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งวันที่ 3 ส.ค.66 พบรถยนต์ทะเบียน 3 ฒฌ 6xxx กทม. มีนายมูสเล็ม เป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียนสงขลา ทำหน้าที่ขับนำทางสำรวจเส้นทาง ขับมุ่งหน้าขาออก สายเอเชีย 41 ผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี เข้าพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจ ปส. จึงได้สกัดจับกุม ผลการตรวจค้นพบ คีตามีน จำนวน 850 ถุง น้ำหนักประมาณ 850 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบท้ายรถยนต์กระบะดังกล่าว จากการสอบถามนายมูสเล็ม ผู้ขับขี่ รับว่าขนยาเสพติดมาจาก จ.ระนอง เพื่อนำไปส่งที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.บก.ปส.4 ดำเนินคดี เพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 4 ตำรวจ ปส.4 ได้สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคใต้เดินทางขึ้นไปรับยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อนำมาส่งมอบให้กับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 เวลาประมาณ 13.45 น. พบรถยนต์กลุ่มเป้าหมาย รถยนต์ทะเบียน 3ฒม 3xxx กทม. เป็นรถบรรทุกขนาดเล็กมีลักษณะเป็นตู้ทึบสำหรับบรรทุกสินค้า มีนายโสมนัส เป็นผู้ขับขี่, รถยนต์ทะเบียน 3 ขผ 3xxx กทม. ทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง (คันที่ 1)  มีนายยงยุทธ เป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์หมายเลขทะเบียน  กย 4xxx กาญจนบุรี  ทำหน้าที่คุ้มกัน/สำรวจเส้นทาง(คันที่2) มีนายอำนาจ เป็นผู้ขับขี่, นายอาลียัส นั่งคู่คนขับ วิ่งผ่านถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงใต้ เข้าเขตพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมารถยนต์ทั้งสามคันทยอยเข้ามาจอด ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจจึงได้จับกุม ตรวจค้นพบของกลางยาบ้า จำนวน 12 ล้านเม็ด, ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 320 กิโลกรัม จากการค้นตัวนายอำนาจ และนายอาลียัส พบอาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก และกระสุนขนาด .38 จำนวน 28 นัดจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.บก.ปส.4  เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป

รายที่ 5 ตำรวจ สกส. ได้สืบสวนทราบว่าขบวนการขนยาเสพติดของ นายวีระเดช ซึ่งลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ จะนำไปส่งให้ลูกค้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงวางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 8 ส.ค.66 เวลาประมาณ 23.40 น. ได้พบรถกระบะ MITSUBISHI TRITON สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒฐ 28XX กรุงเทพมหานคร, รถกระบะ TOYOTA HILUX REVO สีขาว หมายเลขทะเบียน บพ 39XX พะเยา และรถกระบะ TOYOTA Hilux Revo สีขาวหมายเลขทะเบียน บบ 87XX พะเยา ขับขี่ไปติดไฟแดง บริเวณ ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น พบยาเสพติดไอซ์ จำนวน 10 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกองผักท้ายกระบะรถ หมายเลขทะเบียน บพ 3983 พะเยา มีนายวีระเดช เป็นผู้ขับขี่ จึงยึดเป็นของกลาง  ตำรวจ ปส.จึงจับกุมตัวนายวีระเดช พร้อมของกลางนำส่ง พงส. บช.ปส.ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

สำหรับเดือน ก.ค.66 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 20 คดี  ผู้ต้องหา 36 คน ของกลาง ยาบ้า 18.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 310 กก. และ เฮโรอีน 14 กก.

‘มะปราง วิรากานต์’ แจ้งข่าวดี ตั้งครรภ์ลูกคนแรกแล้ว ‘เบลล่า ราณี - แต้ว ณฐพร’ ร่วมแสดงความยินดีด้วย

(9 ส.ค. 66) ออกมาประกาศข่าวดีครั้งยิ่งใหญ่อีกคนเเล้ว สำหรับ นักเเสดงสาวคนสวย ‘มะปราง - วิรากานต์’ หลังจากที่เธอเข้าประตูวิวาห์กับเเฟนหนุ่ม ‘พ.ต.ต.ดร.ชร พรประกฤต’ ล่าสุด มะปรางได้ออกมาโพสต์ภาพครอบครัวโชว์ผลอัลตร้าซาวด์ท้องลูกคนเเรกพร้อมทั้งเขียนเเคปชั่นว่า

“อุอิอุอิ หายหน้าหายตาไปนาน กลับมาพร้อมข่าวดีนะค้าบ! ขอบคุณทุกกำลังใจเบย ถ้าใครเห็นละสงสัยทำไมอ้วนจัง... เค้าท้องงงน้า เป็นแพ้ท้องที่ประหลาดมาก คือแพ้ละต้องกินไม่งั้นอ๋อก ลิ้นขมกินได้แต่หวาน ๆ แต่ได้ผ่านพ้นช่วงโหดไปแล้วพอแต่งหน้าไหว เลยเอาข่าวดีบอกทุกคนคับผม”

หลังจากเผยแพร่ดพสต์ออกไปแล้ว แฟนคลับและผู้ติดตามก็เข้ามาแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่มะปราง รวมถึงนักแสดงร่วมวงการอย่าง เบลล่า ราณี และ แต้ว ณฐพร ด้วย

โดยสาวเบลล่า ได้แสดงความคิดเห็นว่า “กรี๊ด ดีใจด้วยน๊า” ส่วนสาวแต้วคอมเมนต์ระบุว่า “ยินดีด้วยน้าค้าคนดีของหนู”

น.1 สั่งสืบทั่วกรุงไล่ล่ากว่า 14 วัน…รวบแจ๊คนักอนาจาร ลวนลามเด็กนักเรียนกว่า 7 ราย

หวาดผวาทั่วกรุงเทพฯแก่นักเรียนหญิง ครู และ ผู้ปกครองของเด็กเมื่อได้เกิดเหตุ “ไอ้หื่น” ไล่ตระเวน อนาจาร ลวงลามเหล่าเด็กหญิงที่อยู่ตามถนนสาธารณะโดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะคัดเลือกเหยื่อที่ “สวมชุดนักเรียน” และกำลังเดินทางไปโรงเรียน ก่อนทำทีถามทางเมื่อเหยื่อหยุดคุยเฟสทูเฟส จะทำทีเข้าใกล้แล้วใช้มือ “จ้วง” เข้าไปที่บริเวณอวัยวะเพศของเหยื่อ  พบก่อเหตุพื้นที่ นางเลิ้ง บางรัก  สำราญราษฏร์ และปทุมวัน พล.ต.ท.ธิติ  แสงสว่าง ผบช.น. สั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นำทัพ สืบนครบาล , สืบ บก น 1 , สืบ บก น.6 ไล่ล่าพลิกแผ่นดิน จนรวบนายแจ๊ค คนชาวนครปฐม อ้างทนต่อการสัมผัสเสียงและกลิ่นตัวของเด็กสาวในชุดนักเรียนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต.อัฎพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก.น.1 , พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 , พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6  พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.เอกยุทธ อดิสร สว.กก.สส.บก.น.1  บูรณาการกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจิรายุส  หรือแจ๊ค อายุ 35 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 38 หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ผู้ต้องหา

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"

ตามหมายจับดังนี้

1.หมายจับศาลอาญาที่ 2435/2566 ลงวันที่ 31 ก.ค.2566  โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
2.หมายจับศาลอาญา ที่ 2436/2566 ลงวันที่ 31 ก.ค.2566  โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม"
3.หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 706/2566 ลงวันที่ 7 ส.ค.2566 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่บุคคลกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้"
4.หมายจับศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ที่ จ.77/2564 ลงวันที่ 30 มิ.ย.64 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน "ยักยอกทรัพย์"
โดยจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 122 หมู่ 8 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

พบประวัติก่อเหตุอนาจารลักษณะเดียวกัน เบื้องต้น 7 ครั้ง คือ

1.พื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ วันที่ 6 ก.ค เวลา 06.25 น. บริเวณหลังสวนรมย์มณีนาท
2.พื้นที่ สน.บางรัก วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 06.45 บริเวณถนนนครไท
3.พื้นที่ สน.บางรัก วันที่ 6 ก.ค.66 เวลา 06.50 น. บริเวณถนนนครไท
4.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง วันที่ 18 ก.ค เวลา 07.20 น. บริเวณแยกวันชาติ หน้าร้านแพต คาเฟ่โบราณ
5.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง วันที่ 26 ก.ค. เวลา 07.41น. บริเวณแยกวันชาติ หน้าป้ายรถเมล์
6.พื้นที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 26 ก.ค. เวลา 09.15 น. บริเวณประตู รร.เตรียมอุดม
7.พื้นที่ สน.นางเลิ้ง 
 
พฤติการณ์กล่าวคือ เป็นที่ “หวาดผวา” ให้กับเหล่าผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงในเมืองกรุง เมื่อได้เกิดเหตุ “ไอ้หื่น” ไล่ตระเวนอนาจาร และลวงลามเหล่าเด็กนักเรียนหญิงที่อยู่ตามท้องถนน โดยแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะคัดเลือกเหยื่อที่ “สวมชุดนักเรียน” และกำลังเดินทางไปโรงเรียน ก่อนทำทีถามทางเมื่อได้ เฟสทูเฟส จะทำทีเข้าใกล้เพื่อสัมผัสเสียงและกลิ่นตัวของเด็กสาว ก่อนใช้มือ “จ้วง” เข้าไปที่บริเวณอวัยวะเพศของเหล่าเด็กหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ก่อนใส่เกียร์หมาวิ่งหนีหายไป ทิ้งให้เหยื่อยืนอึ้งกับการกระทำสุดอุบาทว์ของคนร้ายรายนี้ ซึ่งจากข้อมูลในเบื้องต้นในห้วงเดือน ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ไอหื่นรายนี้ออกอาละวาดก่อเหตุไปแล้วไม่ต่ำกว่า “7 คดี” ในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ซึ่งยังมีเด็กสาวอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย ซึ่งต่อมาวีรกรรมระยำใจของไอหื่นรายนี้ได้มีการส่งต่อในโลกโซเชี่ยล ซึ่งก็ได้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ไม่รอช้าเร่งส่งชุด “สืบนครบาล” และ “สืบ1” สืบ 6 และ สืบ สน.นางเลิ้ง  สนธิกำลังสืบสวนหาตัวไอหื่นรายนี้ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  ส่ง พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 ,พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6 และทีมสืบสวนได้ทราบว่าคนร้ายคือ นายจิรายุส  ผมหอม อายุ 35 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครปฐม ซึ่งข้อมูลทางการสืบสวนทำให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนถึงกับอึ้ง เพราะที่พักของคนร้ายอยู่ที่ จ.นครปฐม แต่เจ้าตัวจะ “ดั้นด้น” มาที่ จ.กรุงเทพฯ ในทุกเช้าด้วยความหื่นกระหาย เพื่อมาก่อเหตุล้วงอนาจารเด็กนักเรียนหญิงลักษณะนี้เป็นประจำ ต่อมาชุดไล่ล่าตามรอยเท้าเบาะแสไปจนกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 122 หมู่ 8 ต.หนองดินแดง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

ในชั้นจับกุม นายจิรายุส ผมหอม ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองยอมรับว่าเกิดอารมณ์เวลาที่ขึ้นรถเมล์แล้วได้เบียดเสียดกับเหล่าเด็กนักเรียนหญิง และยิ่งชุดนักเรียนมีลักษณะรัดแน่นแนบเนื้อยิ่งเพิ่มความหื่นกระหายให้ตัวเอง โดยเมื่อได้สนทนากับเด็กหญิงนักเรียน ร่างกายใกล้กันสัมผัสถึงกลิ่นเด็กสาวยิ่งทำให้อารมณ์ถึงขีดสุด จึงลงมือล้วงไปที่อวัยวะเพศของเหล่าเด็กหญิงก่อนจะวิ่งหนี โดยอ้างว่าที่ตนทำไปนั้นเพราะป่วยทางจิตและไม่ได้รับการรักษา” หลังการจับกุมได้นำตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยในวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จะร่วมซักถามผู้ต้องหา และสังเกตการณ์กรณีนักเรียนหญิงผู้เสียหายจำนวนหลายคนชี้ยืนยันตัวคนร้าย ณ. สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง 

‘อ.ไชยันต์’ ชี้ ศาสดาทางการเมืองไม่ต่างจากพ่อค้ายา ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ตอบแทนแค่เศษเงิน

(9 ส.ค. 66) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Chaiyan Chaiyaporn’ ระบุว่า…

ผู้ที่ให้การสนับสนุน-อยู่เบื้องหลังเยาวชนที่ออกมาประท้วงด้วยอาการและอารมณ์ที่รุนแรง จนน่าเป็นห่วงสุขภาพจิตของพวกเยาวชนเหล่านั้น คือ ผู้ที่มีจิตใจอำมหิตมาก

ใช้ช่วงชีวิตและอนาคตของเด็กเป็นเครื่องมือไปสู่สิ่งที่พวกตนต้องการ โดยพวกตนเท่านั้น คือ ผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง

ส่วนเด็กเหล่านั้น ได้แค่เศษ ที่ไม่มีวันคุ้มค่ากับช่วงชีวิตและอนาคตที่จะต้องเสียไป ผู้ที่ให้การสนับสนุน-อยู่เบื้องหลังนี้ ไม่ต่างจากพวกค้ายาเสพติดที่ทำให้เด็กติดยา แล้วใช้เด็กวิ่งยา ขายยาฯ

เด็กเหล่านี้ถูกทำให้ไม่เชื่อว่า จะมีใครที่จะดีหรือหวังดีต่อพวกเขาจริง ๆ นอกจาก ‘ผู้ที่ให้การสนับสนุนเหล่านั้น’

เด็กจะทำทุกอย่างเพื่อได้รับคำชมและค่าขนมจาก ‘ศาสดา’ ผู้ที่ทำตัวเป็นศาสดาทางการเมือง-ผู้นำมาซึ่งแสงอันเจิดจรัส ที่ทำให้เยาวชนได้ตาสว่าง ปลดปล่อยพวกเขาจากการถูกกดทับกดขี่ พวกศาสดาเหล่านี้ไม่ต่างจากพวกค้ายาเสพติด

‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ ไม่ทำให้ผิดหวัง!! สร้างตำนานบทใหม่เพื่อแม่ แปลงกลายเป็นลิงน้อย แฟนคลับฮาลั่น หมดกันภาพลักษณ์นางเอก

(9 ส.ค. 66) เคลียร์คิวได้ลงตัวก็ขอบินไปพักผ่อนเลยทันที สำหรับนางเอกสาว ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์’ ที่ได้แพ็คกระเป๋าใบโตพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวไปสูดอากาศที่ประเทศญี่ปุ่น

ล่าสุด ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ ก็ทำเอาหลายคนถึงกับต้องสำลักความฮากันยกใหญ่ เมื่อเจ้าตัวได้โพสต์คลิปนั่งชิล ๆ อยู่ริมสายธาร แต่กลับทำท่าคล้ายเจ้าลิงน้อย โดยได้เขียนแคปชันไว้ว่า "เมื่อแม่อยากดูลิง แล้วไม่มีลิง"

งานนี้นอกจากยอดไลก์จะพุ่งเพราะความตลกของ ‘ใบเฟิร์น’ แล้ว แฟน ๆ ต่างก็เข้ามาคอมเมนต์แซวกันอย่างรัว ๆ ว่า "55555 หมดกันนางเอกฉัน เธอสวย แต่เธอก็เอาฮาด้วย 5555 นี่แหละที่ทำให้ตกคนเข้าด้อม", "อยู่ไทยเป็นซุปตาร์ พอไปอยู่เจแปน เป็นลิงเฉยเลยย555 #เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว", "พี่เขาสวยแต่เขาแปลกกก555555 แล้วทำเหมือนมากนะ", "เธอคือนางเอก เบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย แสบจริง ๆ" เป็นต้น

‘หนุ่ม’ ไม่โทษ ‘ภูมิใจไทย’ หลังสูญเสียญาติ 2 คนจากโควิด ไม่มีชาติไหนรับมือได้สมบูรณ์ ขนาดสหรัฐฯ ยังเละไม่เป็นท่า

(9 ส.ค. 66) สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มทะลุวังได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านไม่ให้พรรคภูมิใจไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทําให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพรรคเพื่อไทยต่างเร่งรักษาความปลอดภัย ได้นําล้อเหล็กมากั้นไว้ที่บันไดหน้าทางขึ้น โดยแก๊งทะลุวัง นําโดยสายน้ำ บุ้งทะลุวัง หยก ตะวัน และแนวร่วมไม่ถึงสิบคนเดินทางมาถึงพรรคเพื่อไทย จากนั้นได้มีการตะโกนด่าพรรคภูมิใจไทยที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค ว่า ‘เป็นฆาตกร’ เนื่อจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน

ล่าสุด มีหนุ่มรายหนึ่งออกมาอัดคลิปผ่านช่อง TikTok บัญชี kittikarn_kotcharkarn โดยได้กล่าวถึงกลุ่มทะลุวัง ที่ได้แสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา และตราหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นฆาตกร โดยระบุว่า

“พอดีเมื่อเช้าผมได้เห็นข่าวกลุ่มทะลุวัง ได้เข้าไปพูดคุยกับตัวแทนของพรรคภูมิใจไทย แล้วไปบอกว่าเขาเป็นฆาตกร เป็นพรรคฆาตกร ผมจึงอยากจะเล่าว่า ผมได้สูญเสียญาติไป 2 คนจากโควิด-19 แต่ผมก็ไม่ได้โทษพรรคภูมิใจไทย ถึงแม้ว่าการปฏิบัติงานบริหารจัดการอะไรต่าง ๆ มันควรจะดีกว่านี้ เพราะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั่งเก้าอี้สาธารณสุขอยู่ แต่ผมก็เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าไม่มีชาติไหนรับมือได้เพอร์เฟคจริง ๆ สักชาติหนึ่ง ขนาดชาติที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกายังเละไม่เป็นท่า แถมหนักกว่าเราอีก เพราะบ้านเขาคือเอาความเสรี หน้ากากก็ไม่ใส่ อะไรก็ไม่ใส่ เละเลย…บ้านเรายังถือว่าประชาชนตื่นตัว ตื่นรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและน่ายินดี ก็เลยทำให้ผ่านมาได้” 

“แต่การที่ไปตราหน้าเขาว่าเป็นฆาตกร ซึ่งมันไม่ใช่ เขาไม่ใช่ฆาตกร ฆาตกรตัวจริงคือชาติที่คิดเชื้อนี้ขึ้นมา ผมไม่เชื่อว่าโควิด-19 จะเป็นไวรัสที่กลายพันธุ์ตามธรรมชาติ ผมเชื่อว่ามันคืออาวุธชีวภาพ ดังนั้นฆาตกรตัวจริงคือคนที่คิดมันขึ้นมา ก็ยังไม่เห็นว่าชาตินั้นน่ะจะต้องรับผิดชอบอะไร”

นอกจากนี้หนุ่มรายดังกล่าวยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางกลับกันขยันปล่อยให้ชาติอื่น ๆ กู้
ในช่วงเวลาที่ประเทศหลายประเทศประสบปัญหาเรื่องการเงินก็ต้องไปกู้ชาตินั้น มันกลายเป็นการช้อนซื้อประเทศแบบเลือดเย็น แล้วเรายิ่งมาเสียเวลาทะเลาะกันเองอีก ซึ่งไม่มีประโยชน์ เราควรจะร่วมมือกัน คนไทยทุกคนกินของไทย ใช้ของไทย สนับสนุนของไทย ที่เจ้าของเป็นคนไทยแท้ ๆ

“มันจะทําให้ประเทศไทยสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เรื่องพื้นฐานเลย คือไม่อยากจะด่า ไม่อยากจะใช้คําหยาบแล้ว เพราะว่าผมอยากจะเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ พูดในเรื่องที่มีคุณภาพมากกว่า”

อย่างที่ทราบกันดีกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทั่วโลกก็มีการสูญเสียกันเยอะมาก หากเราเทียบสถิติการเสียชีวิตกับประเทศอื่น รวมถึงการบริหารจัดการโควิด-19 ในประเทศไทย ถือว่าประเทศไทยนั้น รับมือเกี่ยวกับการบริหารจัดการโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง ถึงขนาดที่ทาง WHO ก็มีการชื่นชมในเรื่องของการบริหารจัดการโควิด-19 ของประเทศไทย ชื่นชมว่าเป็นแชมป์ทางด้านสาธารณสุขเลยก็ว่าได้

จีนเผยแพร่สารคดี ความพร้อมบุกโจมตีไต้หวัน ส่วนทหารประกาศกร้าว!! “พร้อมสละชีพ”

(9 ส.ค. 66) จีนเผยแพร่สารคดีใหม่ เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมของกองทัพในการโจมตีไต้หวัน ในนั้นเป็นภาพที่บรรดากำลังพลประกาศกร้าวว่าพร้อมเสียสละชีพตนเองถ้าจำเป็น ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ปักกิ่งเดินหน้าใช้โวหารดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ กับเกาะปกครองตนเองแห่งนี้

‘ไล่ล่าความฝัน’ เป็นซีรีย์ 8 ตอน ที่ออกอากาศโดยซีซีทีวี สื่อมวลชนแห่งรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในวาระครบรอบ 96 ปี ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) โดยในสารคดีดังกล่าวมีภาพของการซ้อมรบทางทหารและข้อความจากบรรดาทหารหลายสิบนาย ซึ่งหลายคนแสดงถึงความตั้งใจพลีชีพตนเอง ในความเป็นไปได้ที่จะลงมือโจมตีไต้หวัน

จีน อ้างว่าไต้หวัน เกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และจำเป็นต้องรวมชาติ ผ่านการใช้กำลัง ถ้ามีความจำเป็น

สำนักข่าวเอพี ระบุว่าบ่อยครั้งที่สื่อมวลชนแห่งรัฐและกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เผยแพร่เนื้อหาโฆษณาชวนเชื่อและคลิปวิดีโอการซ้อมรบทางทหาร พวกมันถูกใช้โหมกระพือความรักชาติในบรรดาชาวจีนและแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในกองทัพในการจัดการไต้หวัน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทเปกับสหรัฐฯ ทั้งนี้แม้อเมริกาไม่รับรองไต้หวันในฐานะประเทศอธิปไตยหนึ่งๆ แต่พวกเขาประกาศว่าจะช่วยเกาะแห่งนี้ปกป้องตนเอง ในกรณีที่ถูกรุกราน

เมื่อเดือนที่แล้ว ทำเนียบขาวแถลงจัดแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ไต้หวัน มูลค่า 345 ล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวที่พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นการถอดบทเรียนจากความช่วยเหลือด้านการทหารที่สหรัฐฯมอบให้แก่ยูเครน และก็เป็นไปตามคาดที่มันเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากจีน

ในสารคดี ‘ไล่ล่าความฝัน’ ยังมีภาพของเหตุการณ์อื่นๆ ในนั้นรวมถึงการซ้อมรบที่มีชื่อว่า ‘ดาบประสาน’ (Joint Sword) ซึ่งเป็นการจำลองการโจมตีที่แม่นยำใส่ไต้หวัน โดยการซ้อมรบดังกล่าวเกิดขึ้นรอบๆเกาะไต้หวันในเดือนเมษายน ตามหลังประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน เดินทางเยือนสหรัฐฯ

บางส่วนของสารคดีชุดใหม่นี้ มีคำพูดของบรรดากำลังพลของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนจากหน่วยต่างๆ ที่ประกาศกร้าวว่าพร้อมสละชีพตนเอง ในความเป็นไปได้ที่จะลงมือโจมตีไต้หวัน

“ถ้าสงครามระเบิดขึ้นและสภาพแวดล้อมยุ่งยากเกินไปที่จะปลดชนวนทุ่นะเบิดในทะเลระหว่างสู้รบจริง เราจะใช้ร่างกายของเรา เคลียร์เส้นทางที่ปลอดภัยแก่กองกำลังยกพลขึ้นบกของเรา” เจ้า เฝิง กำลังพลจากหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนกล่าว

หลี่ เผิง นักบินจากฝูงบินหนึ่งของกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน กล่าวว่าเครื่องบินของเขาจะสาดขีปนาวุธพุ่งเข้าหาศัตรูจนกระทั่งลูกสุดท้าย “ถ้าในการสู้รบจริง ผมจะใช้กระสุนทั้งหมดที่มี”

ในสารคดีดังกล่าวยังปรากฏภาพของซานตง หนึ่งในเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำขอจีน กำลังล่องแปรขบวนร่วมกับเรือรบอื่นๆหลายลำ

กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินซานตง ไปยังช่องแคบไต้หวัน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อข่มขวัญไต้หวัน นอกจากนี้แล้วฝูงบินของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ยังข้ามเส้นกลางของช่องแคบ ซึ่งใช้แบ่งเขตอย่างไม่เป็นทางการระหว่างจีนและไต้หวัน บ่อยครั้งขึ้นในช่วง 2 ปีหลังสุด โดยส่วนหนึ่งเป็นการตอบโต้การติดต่อประสานงานระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ซึ่งโหมกระพือความไม่พอใจแก่ปักกิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top