Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 19 – 23 ธ.ค. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 26 – 30 ธ.ค. 65

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 19 – 23 ธ.ค. 65 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้ แนวโน้ม 26 – 30 ธ.ค. 65

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นกว่า 1-2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มตึงตัว โดยรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นาย Alexander Novak ประกาศจะลดการผลิตน้ำมันดิบลง 5-7% (ประมาณ 500,000-700,000 บาร์เรลต่อวัน) จากระดับการผลิตในปี 2565 ภายในต้นปี 2566 เพื่อตอบโต้สหภาพยุโรป (EU), กลุ่มประเทศ G7 และออสเตรเลีย ซึ่งกำหนดเพดานราคา (Price Cap) น้ำมันดิบรัสเซีย ตั้งแต่ 5 ธ.ค. 65 ทั้งนี้คาดว่ารัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสท ในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 220,000 บาร์เรลต่อวัน) อย่างไรก็ตามในช่วงปลายสัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบลดลง จากความกังวลต่อจีน ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้น และสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจถดถอย กดดันอุปสงค์พลังงาน 

National Weather Service (NWS) ของสหรัฐฯ ประกาศประชาชนกว่า 200 ล้านคน (ประมาณ 60% ของประชากรทั้งหมด) กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ Bomb Cyclone เกิดพายุหนาวจัดพัดรุนแรงหลายพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิลดลงฉับพลัน โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 ราย และเตือนประชาชนอาจเผชิญวันคริสต์มาสที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 40 ปี ท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ (Denver International Airport) ในรัฐ Colorado ทางตะวันตก อุณหภูมิลดลงจาก 5.56 องศาเซลเซียส สู่ -15 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ทั้งนี้เว็บไซต์ข้อมูลการเดินทาง FlightAware.com ระบุเที่ยวบินในสหรัฐฯ ในช่วง 21-23 ธ.ค. 65 ถูกยกเลิกกว่า 2,000 เที่ยว เนื่องจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวน

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 23 ธ.ค. 65 โรงกลั่นบริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ กำลังรวมกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หยุดดำเนินการ จาการกลั่นปกติที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้การผลิตน้ำมันดิบในรัฐ North Dakota ทางเหนือ ลดลงประมาณ 300,000-350,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของระดับปกติที่ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

'ชัยวุฒิ' ชี้!! ตัดคะแนนกันเป็นเรื่องปกติ หาก 2 ป. แยกเดิน เปรย!! ไม่มีคำว่าพันธมิตรในสนามเลือกตั้งอยู่แล้ว

'ชัยวุฒิ' มอง 2 ป.แยกกันเดิน ตัดคะแนนกันถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีคำว่าพันธมิตรในสนามเลือกตั้ง กั๊กตอบจะอยู่กับ 'บิ๊กตู่' หรือ 'บิ๊กป้อม' ย้ำ!! นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไม่มีหาเสียง เพียงแค่ติดตามงานเท่านั้น

(27 ธ.ค. 65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึง กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมเมื่อวานนี้ ว่า เป็นการติดตามงาน สร้างการรับรู้ให้ประชาชน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับนัยยะทางการเมือง อย่างที่ท่านไปเชียงราย ก็ไปติดตามงานของรัฐบาล เป็นงานในหน้าที่ ไม่มีเรื่องการเมืองเลย ไม่มีเกี่ยวกับเรื่องการรับสมัครเลือกตั้งใดๆ ทั้งสิ้น "เท่าที่ผมดูท่านนายกฯก็ไปทำงาน" ชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ในความหมายของการหาเสียง ต้องมีผู้สมัคร ส.ส. มีการปราศรัย "แต่นี่ไม่มี'  

ส่วนนายกฯ จะเริ่มหาเสียงได้เมื่อไหร่นั้น นายชัยวุฒิระบุว่า ตนไม่ทราบ 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายชัยวุฒิจะตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับป.ไหน นายชัยวุฒิ ตอบว่า ตนตัดสินใจไปแล้ว ว่าจะทำงานอย่างที่เห็นนี่แหละ 

พปชร. เปิดตัวอีก 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ฮือ! ‘คิงก่อนบ่าย’ ลงชิง ประจวบฯ เขต 1

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ (27 ธ.ค. 65) ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.กระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ ร่วมกันแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ใน 5 จังหวัด จำนวน 10 คน ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี 5 คน ได้แก่ นายสุชาติ อินทรมณี เขต 1 นายธนโชติ ติณพันธ์ เขต 2 นายสุริญญา ยืนนาม เขต 3 นายณัฐวรันธร ทองคำ เขต 4 และนายมนู วณิชชานนท์ เขต 5, จ.หนองบัวลำภู 1 คนคือ นายทรงศักดิ์ ศิริสถิตย์ เขต 1, จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2 คน ได้แก่ นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ คิงก่อนบ่าย เขต 1 นายพิษณุ กล้าขาย เขต 2, จ.นครปฐม 1 คน คือ นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ เขต 2, จ.ปทุมธานี 1 คน คือ นายนพดล ลัดดาแย้ม 

นายสันติ กล่าวว่า คนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีอุดมการณ์และตั้งใจจะรับใช้ประชาชน การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 5 จังหวัดเป็นเครื่องมือยืนยันว่า พปชร.มีนโยบายที่เข้มแข็ง เหมือนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบ้านเมือง ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เพิ่มศักยภาพให้เยาวชน มีนโยบายเกี่ยวกับพัฒนาสตรี ดูแลผู้สูงอายุ ให้ พปชร.เป็นที่มุ่งหวังของประชาชน และเป็นแกนนำในการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์  

ผู้ชนะการประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ไม่ชำระเงินค่าประมูล จะต้องรับผิดชอบต่อกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ | รู้ LAW CASE STUDY EP.18

ผู้ชนะการประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ไม่ชำระเงินค่าประมูล
จะต้องรับผิดชอบต่อกรมการขนส่งทางบกหรือไม่

.

รู้ LAW CASE STUDY
รวมกรณีศึกษาในเรื่องกฎหมายสำหรับคนไทย

.

#THESTATESTIMES
#THESTATESTIMESPodcast
#Podcast
#รู้LAWCASESTUDY
#กรณีศึกษา
#กฎหมายน่ารู้

ลอยอังคารอัฐิ 3 กำลังพล รล. สุโขทัยอัปาง ที่อ่าวสัตหีบ

เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ 27 ธ.ค.65 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ( ผบ.กร.) พร้อมด้วยคุณกีรตา พันธุ์เอี่ยม ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ นำญาติของผู้เสียชีวิตจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ที่จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ ประกอบด้วย ว่าที่เรือเอก สามารถ แก้วผลึก ได้รับพระราชทานยศเป็น พลเรือตรี สามารถ แก้วผลึก พันจ่าเอก อำนาจ พิมที ได้รับพระราชทานยศเป็น นาวาตรี อำนาจ พิมที  และพันจ่าเอก อัชชา แก้วสุพรรณ์ ได้รับพระราชทานยศเป็นนาวาตรี อัชชา แก้วสุพรรณ์ หลังจากประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพแล้วเมื่อ 26 ธ.ค.65 ได้นำอัฐิของทั้ง 3 นายทหาร มาประกอบพิธีลอยอังคาร โดยเรือหลวงปัตตานี จากท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ นำอัฐิประกอบพิธีลอยอังคาร ณ อ่าวสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งญาติมีความเชื่อว่าเมื่อนำอัฐิลอยอังคาร จะทำให้ภพหน้าเกิดมาสุขสบายและร่มเย็น

กองทัพเรือ โดยผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ ได้จัดทำพิธีอย่างสมเกียรติ พร้อมพบปะพูดคุยให้กำลังใจเหมือนในฐานะครอบครัวเดียวกันและพร้อมที่ให้การสนับสนุนคนในครอบครัวของผู้วายชนม์ อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะไม่มีการทอดทิ้งอย่างเด็ดขาด 

ด้านญาติของ 3 ทหารกล้าที่วายชนม์ ได้กล่าวขอบคุณกองทัพเรือ ที่ไม่ทอดทิ้งและให้การดูแลอย่างดีมาก ถึงแม้จะเสียใจแต่ก็มีความภาคภูมิใจมากๆ ที่กองทัพเรือดูแลและจัดพิธีการต่างๆ อย่างสมเกียรติชายชาติทหาร

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖

วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ โดยมี พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ๒๔๑ อาคาร ๒ ชั้น ๔ กองบัญชาการกองทัพบก 

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความพร้อมรองรับภัยคุกคามและรูปแบบการโจมตีที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยในวันนี้ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันนำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ ของหน่วย ดังนี้

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนากองทัพไทย ซึ่งมุ่งเน้นใน ๔ ระบบงาน ประกอบด้วย ระบบงานการปฏิบัติการร่วม เพื่อบูรณาการพลังอำนาจของชาติ ทรัพยากรทางทหาร และการบริหารจัดการการใช้กำลังทหารได้อย่างประสานสอดคล้อง รวมทั้งเสริมขีดความสามารถตามคุณลักษณะของแต่ละเหล่าทัพ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ระบบงานการฝึก เพื่อพัฒนาระบบการฝึกทุกระดับ ให้ทุกส่วนราชการมความพร้อมในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และแผนในการปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบงานการศึกษา เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาทรัพยากรบุคคลของกระทรวงกลาโหม ทั้งในด้านการศึกษา การฝึกอบรม และการจัดการเรียนการสอนให้สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจหน้าที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบงานส่งกำลังบำรุง เพื่อพัฒนาระบบการส่งกำลังบำรุงมุ่งไปสู่การพึ่งพาตนเองด้วยความร่วมมือกับมิตรประเทศและภาคเอกชน เพื่อให้งานด้านส่งกำลังบำรุงสามารถสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารพร้อมเผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่ และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม

กองทัพบก ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพบก เพื่อมุ่งสู่การปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทย ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในด้านการพัฒนากองทัพและการส่งเสริมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลในเรื่อง “การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้มีขนาดที่เหมาะสมกับภัยคุกคามทุกรูปแบบ ทุกมิติ และทุกระดับความรุนแรง มุ่งเน้นการปฏิบัติการร่วมที่มีความคล่องแคล่วและอำนาจกำลังรบสูง มียุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถปฏิบัติภารกิจที่มีความหลากหลาย” ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยแบบ “เบา ประหยัด มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ” การเสริมสร้างการพร้อมรบ การดำรงความต่อเนื่องในการรบ และการพัฒนาความทันสมัย

กองทัพเรือ ได้มีการเสริมสร้างกำลังกองทัพตามยุทธศาสตร์ และแนวทางการใช้กำลังของกองทัพเรือ เพื่อให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และสามารถปฏิบัติการยุทธ์ร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพตามสาขาปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การส่งผ่านกำลังทางบก และการยุทธ์บรรจบกับกำลังทางบก การป้องกันภัยทางอากาศของกองเรือ การบินลาดตระเวนรบ และการโจมตีเป้าหมายทางทะเลกับกำลังทางอากาศ

'สืบนครบาล' รวบเสี่ยณัฐพระโขนงหลอกนำทองปลอมหลอกขายพริตตี้สาว

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบที่กระทำความผิดสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก  ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMBได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนจากประชาชนอาชีพพริตตี้ถูกคนร้ายนำทองปลอม น.น. 2 บาท มาหลอกขาย เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายจำนวน 30,000 บาท  และจากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์คนร้ายที่ก่อเหตุเคยถูกจับกุมในคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และฉ้อโกงมาแล้ว 2 ครั้ง 

ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 18.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ  ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB และเจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯบก.สส.บช.น. ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัว 

นายณัฐอินทร์ทัช อายุ 34 ปี ที่อยู่ เลขที่ 7 ซอยวชิรธรรมสาธิต 74 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โดยกล่าวหาว่าฉ้อโกง ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 622/2565 ลงวันที่  2 กันยายน พ.ศ.2565 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณลานจอดตลาดรถวิน ภายในซอยศรีนครินทร์ 40 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

จากการซักถามปากคำในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าเมื่อ มิ.ย.65 ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะนำทองปลอมน้ำหนัก 2 บาท มาเสนอขายให้แก่พริตตี้สาวผู้เสียหาย แต่ทองดังกล่าวอ้างว่าตนได้มาจากการรับซื้อมาจากคนที่เล่นเสียพนัน โดยในวันเกิดเหตุเมื่อตนได้ทองมาจากผู้เล่นเสียพนันให้ตนแล้ว ตนได้นัดพริตตี้สาวให้มาพบ ต่อมาตนมีธุระที่จะต้องใช้เงินด่วนจึงได้เสนอให้พริตตี้โอนเงินเข้าบัญชีตนจำนวน 30,000 บาท เพื่อแลกกับสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนมิได้ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาเป็นคนที่มีความรู้ด้านการสั่งทำกรอบพระ สั่งทำเครื่องประดับ ที่ทำจากเงินและทองไม่บริสุทธิ์ โดยมีร้านรับทำกรอบพระย่านศรีนครินทร์เป็นของตนเอง จึงมีความรู้ในการสั่งซื้อสั่งทำเครื่องประดับ รวมทั้งรู้แหล่งซื้อทองปลอมราคาหลักพัน ประกอบกับเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์กระทำความผิดของผู้ต้องหาพบว่าก่อนหน้าที่จะมาถูกจับกุมในครั้งนี้ ผู้ต้องหาดังกล่าวเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง และ ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน มาแล้ว 2 ครั้ง คือ

ปปส กทม จับมือฝ่ายสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน เปิดรถของกลาง 11 คันในผับจินหลิง เก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ พบยังไม่เคยถูกตรวจสอบ จากที่ตรวจยึดไว้ทั้งหมด 35 คัน ผอ.ปปส. กทม. เผย ยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องในคดี 4,400 ล้านแล้ว

วันนี้ (27 ธ.ค.65) เวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พ.ต.อ.กู้เกียรติ เจริญบุญ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด  นายอุดมชัย โลหณุต. ผอ.สำนักงาน ปปส.​กทม. และกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปเปิดรถยนต์ของกลางจำนวน 11 คัน จากที่ตรวจยึดไว้ 35 คัน ในผับจินหลิง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 

โดยพบว่ารถทั้ง 11 คันยังไม่เคยถูกเปิดและเก็บลายนิ้วมือ รวมทั้งดีเอ็นเอและเอกสารภายในรถ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่เป็นรถของนายทุนจีนสีเทา ที่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว โดยเฉพาะรถยนต์ อัลพาร์ด สีดำทะเบียน 7 กภ 1234 ซึ่ง จากเอกสารภายในรถพบว่าเป็นของนายหยาง เฉิน ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของนายตู้ห่าว 

และอีกคันคือรถยนต์โรลสรอยส์  ซึ่งมีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปถึงคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านตากสิน โดยก่อนหน้านี้มีการตรวจค้นไปแล้วสองครั้งและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินไว้จำนวนมาก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นวันนี้เป็นการตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอภายในรถแต่ละคันซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้เปิดตรวจ จึงต้องทำให้ครบถ้วนนอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกหลายรายการที่ไม่ได้ถูกตรวจเช่นกันไม่ว่าจะเป็นชิปแลกเงินสำหรับเล่นการพนัน ถาดรองไม้ซึ่งน่าจะใช้เป็นถาดรองยาเสพติดสำหรับสูดดม และยังมีหลอดสำหรับเสพยาตกกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ 

โดยยืนยันว่าขณะนี้ฝ่ายสืบสวนได้ ดำเนินการในส่วนของคดีนายตู้หาว ครบแล้ว 100% ที่เหลือเป็นส่วนของสำนวนการสอบสวนซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ทางทีมสืบสวน ไม่มีความเกี่ยวข้อง 

ส่วนปัญหาที่นายชูวิทย์ เป็นห่วงนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวลเพราะถึงปัจจุบันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้เข้ามาดูแลเรื่องสำนวนการสอบสวนด้วยตัวเองดังนั้นการทำงานจากนี้ไปก็ต้องเป็นไปตามกลไกส่วนจะมีการบันทึกหลักฐานชิ้นใดเกี่ยวข้องกับในคดีใดบ้างส่วนนี้เป็นหน้าที่ของนครบาล

​พิธีปล่อยแถวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2566 (New Year 2023)

วันนี้ (27 ธ.ค.65) เวลา 17.00 น. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดพิธีปล่อยแถวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2566 (New Year 2023) ณ บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการแสดง ความพร้อมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวในการดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชนในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2566 (New Year 2023) โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา เป็นประธานในพิธี

​กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั่วราชอาณาจักร การดูแลความปลอดภัยให้บริการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้เล็งเห็นความสำคัญในหลักการดังกล่าวข้างต้น จึงได้จัดพิธีปล่อยแถวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ต้อนรับเทศกาล ปีใหม่ 2566 (New Year 2023) และเป็นการยกระดับเพิ่มอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านการรักษาความปลอดภัย และสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

28 ธันวาคม ของทุกปี วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ไทยผู้กอบกู้เอกราชจากพม่า

วันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากพม่าให้แก่ประเทศไทย และเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระนามเดิมว่า ‘สิน’ (ชื่อจีนเรียกว่า ‘เซิ้นเซิ้นซิน) พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2277 พระราชบิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว ชื่อ ‘นายไหฮอง’ ได้สมรสกับหญิงไทยชื่อ’นางนกเอี้ยง’ ในช่วงรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (สมเด็จพระธรรมราชาธิราชที่ 3)  ซึ่งเจ้าพระยาจักรีได้ขอไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย 

ต่อมาเมื่ออายุครบ 13 ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ครั้น พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 3 เดือนเศษ ก็ถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเชษฐาธิราช ‘สมเด็จพระบรมราชาที่ 3’ (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์) สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงาน เป็นข้าหลวงเชิญท้องตราพระราชสีห์ไปชำระความที่หัวเมืองฝ่ายเหนือซึ่งปฏิบัติราชการได้รับความดีความชอบมากจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกกระบัตร เมืองตาก ช่วยราชการพระยาตากครั้นพระยาตากถึงแก่กรรม ก็ทรงโปรดให้เลื่อนเป็น ‘พระยาตาก ปกครองเมืองตาก’ พระราชกรณียกิจสำคัญของพระเจ้ากรุงธนบุรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top