เก่าแก่ที่สุด!!
รู้จัก ‘พรรคประชาธิปัตย์’ หรือชื่อย่อ ปชป. (Democrat Party) สถาบันการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2489 โดยนายควง อภัยวงศ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 76 ปี และผ่านสถานการณ์การเมืองมาแล้วทุกรูปแบบ

รู้จัก ‘พรรคประชาธิปัตย์’ หรือชื่อย่อ ปชป. (Democrat Party) สถาบันการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2489 โดยนายควง อภัยวงศ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 76 ปี และผ่านสถานการณ์การเมืองมาแล้วทุกรูปแบบ
มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานรัสเซียต่อความขัดแย้งในยูเครน กำลังก่อความเสียหายใหญ่หลวงแก่เศรษฐกิจยุโรป ส่วนสหรัฐฯ เป็นตัวแสดงเดียวที่ได้ประโยชน์จากข้อจำกัดต่าง ๆ นานาเหล่านั้น อันทอน ซีลูอานอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังรัสเซียกล่าวอ้างเมื่อวันเสาร์ (24 ธ.ค.)
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Asharq News รัฐมนตรีรายนี้เชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกช่วยให้วอชิงตันบรรลุเป้าหมาย “พวกเขาป้อนอุปทานน้ำมันและก๊าซสู่ตลาดยุโรปได้เพิ่มขึ้น”
อย่างไรก็ตามอุปทานทางพลังงานจากรัสเซีย มีราคาสูงมากสำหรับยุโรป ผลก็คือมันโหมกระพือเงินเฟ้อพุ่งทะยานและทำให้ภาคธุรกิจของยุโรปสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ซีลูอานอฟกล่าว
รัฐมนตรีรายนี้อ้างด้วยว่า ทั้งมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกและเหตุระเบิดที่ทำให้ท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และนอร์ดสตรีม 2 เกิดรอยรั่ว เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นการจัดฉากเพื่อให้ยุโรปต้องจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีราคาแพงกว่าเดิมจากอเมริกา ‘อเมริกาได้ประโยชน์ ยุโรปสูญเสีย’ เขาระบุ
มอสโกเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการลอบก่อวินาศกรรมโจมตีก่อการร้าย พร้อมอ้างว่าสหรัฐฯได้ประโยชน์จากเหตุท่อลำเลียงระเบิดมากที่สุด ส่วนทางวอชิงตันแม้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ แต่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา ให้คำจำกัดความเหตุการณ์นี้ว่า “เป็นโอกาสอันใหญ่โตที่ยุโรปจะเบี่ยงตนเองออกจากพลังงานรัสเซีย”
ซีลูอานอฟ ยอมรับว่ามาตรการคว่ำบาตรส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของรัสเซีย “แต่มันก่อความเจ็บปวดแก่ตะวันตกไม่น้อยไปกว่ากัน และบางทีอาจเจ็บปวดมากกว่าด้วยซ้ำ”
'สุริยะ' สั่ง กอน. เร่งประชุมเคาะมาตรการดูแลชาวไร่ กำชับเลิกเผาอ้อย ขอโรงงานเลิกรับซื้อ ประสานมหาดไทย-ทส. อัพเดตข้อมูลลอบเผาอ้อยแบบเรียลไทม์แจ้งเตือน ปชช.ทั่วประเทศ พร้อมคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย-หนุนการท่องเที่ยว
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 กระทรวงอุตสาหกรรมได้เชิญตัวแทน 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ได้แก่ สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย มาหาทางออกร่วมกันสำหรับมาตรการส่งเสริมอ้อยและน้ำตาลทรายในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการกำหนดราคา และมาตรการลดฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจาการลักลอบเผาอ้อยที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง โดยที่ประชุมได้ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เพื่อขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลชาวไร่ ตลอดจนอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและชาวไร่อ้อย จะร่วมกันเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของประเทศที่เกิดจากการเผาอ้อย โดยกำหนดเป้าหมาย ลดการเผาอ้อยในฤดูการผลิตปี 2565/2566 เป็น 0% ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยเกษตรกรที่ให้ความร่วมมือตัดอ้อยสดรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือแน่นอน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 66 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 20-24 ล้านคน หรือคิดเป็น 50-60% ของปี 62 ก่อนโควิด โดยตลาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางน่าจะฟื้นตัวสู่ระดับที่มากกว่าก่อนโควิดได้
ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น แม้ภาพรวมจะฟื้นตัวได้ดี แต่ยังคงต้องติดตามปัจจัยท้าท้ายต่างๆ ทั้งการดำเนินนโยบายของจีนในระยะข้างหน้า ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนพฤติกรรมและรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป
หลังจากที่ทางการกลับมาเปิดประเทศรับชาวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือน ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการตอบรับจากชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ทำให้ในปี 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยคาดว่าจะมีจำนวน 11.0 ล้านคน ซึ่งดีกว่าที่ทางการได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านคน
(27 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนตั้งฉายาในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ‘ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย’ ว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่แรงจะเป็นข่าวหรือไม่ ส่วนตัวมองเป็นสีสัน มั่นใจผู้สื่อข่าวไม่ได้จริงจังอะไร เมื่อถามย้ำการให้คะแนนฉายา ‘ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย’ นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนตอบว่า ‘ไม่ได้เรท’
ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดหน้าลงพื้นที่เป็นนักการเมือง ทำให้กระแสพรรครวมไทยสร้างชาติดีขึ้น พรรคภูมิใจกังวลหรือไม่ นายอนุทิน มองว่า ต่างคนต่างแข่งขันกัน ต่างทำความดี ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งพรรคภูมิใจก็มีทิศทาง มียุทธศาสตร์ของพรรค อย่าไปมองว่าเป็นการห้ำหั่นกัน
วันนี้ (27 ธ.ค. 65) ที่ สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 1 ฟ๊อกเกอร์ mk 400 หมายเลข 2111 ลำเลียง ศพกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยจำนวน 2 นาย ได้แก่ จ่าตรีศราวุธ นาดี สังกัด ร.ล.สุโขทัย และ พลฯ สิทธิพงศ์ หงส์ทอง สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ไปยังสนามบินจังหวัดร้อยเอ็ด และสนามบิน พิษณุโลก
โดยร่าง ของ พลฯ จิราวัฒน์ ธูปหอม สังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เคลื่อนย้ายทางรถยนต์ ไปยังจังหวัดระยอง สำหรับร่าง พลฯ วรพงษ์ บุญละคร สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ นำตั้ง ณ ฌาปนสถาน ทร. พื้นที่สัตหีบ จนถึงพิธีพระราชทานเพลิงศพ สำหรับ จ่าตรีศราวุธ นาดี สังกัด ร.ล.สุโขทัย ได้ไปประกอบพิธีสวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-29 ธ.ค.65 ณ บ้านเลขที่ 116 หมู่ 3 ต.หนองแคน อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 29 ธ.ค.65 เวลา 16.00 น.
พลฯ สิทธิพงศ์ หงส์ทอง สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-28 ธ.ค.65 และ พระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ 30 ธ.ค.65 เวลา 16.30 น. และ เก็บอัฐิ 100 วัน ณ วัดโปร่งตะคลอง ต.หนองคล้า อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร
พลฯ จิราวัฒน์ ธูปหอม สังกัด หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กำหนดสวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-28 ธ.ค.65 ณ วัดปกรร์ธรรมาราม ต.นิคมพัฒนา อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง และพระราชทานเพลิงศพ ใน 29 ธ.ค.65 เวลา 15.00 และ เก็บอัฐิ 100 วัน ส่วน ร่างของ พลฯ วรพงษ์ บุญละคร สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ กำหนดสวดอภิธรรมศพ ระหว่าง 27-28 ธ.ค.65 ณ ฌาปนสถาน ทร. พื้นที่สัตหีบ และพระราชทานเพลิงศพ ใน 29 ธ.ค.65 เวลา 15.00 น. โดยจะมีการลอยอังคาร ในอ่าวสัตหีบ ในวันรุ่งขึ้น
(27 ธ.ค. 65) ดูเหมือนว่าภาพรวมของเศรษฐกิจโลกยังคงดูตึงเครียดหนัก หลังจากที่ IMF ออกมาเตือนว่า สิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังไม่มาถึงเลย พร้อมหั่นการคาดการณ์ GDP ในปีหน้าจนเหี้ยน ทำให้ต้องเริ่มกังวลแล้วว่า เศรษฐกิจโลกจะไปในทิศทางไหน แล้วสำหรับประเทศไทยจะเอาอย่างไร? จะไปต่อได้ไหวหรือไม่? จะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
จากช่องยูทูบ ‘Property Expert Live’ โดยคุณคิม ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ ได้อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า…
IMF กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2023 โดยระบุว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดยังไม่มาถึง และมากกว่า 1 ใน 3 ขอเศรษฐกิจโลก จะเข้าสู่สภาวะ Recession พร้อมจะพบเห็น GDP ติดลบ 2 ไตรมาสติด ๆ ขณะที่ GDP ของประเทศยักษ์ใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา, ยุโรป และจีน จะยังคงชะลอตัวต่อไป
โดยปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ในปี 2023 มีอยู่ 3 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่...
1. สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อไปไม่มีวี่แว่วว่าจะหยุด
2. ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพยังคงสูงขึ้น
3. เศรษฐกิจของประเทศจีนยังคงชะลอตัวอยู่
ทั้ง 3 สาเหตุนี้เป็นปัจจัยหลักให้เศรษฐกิจทั่วโลกต่างเกิดการผันผวนในปี 2023 และปัญหาเงินเฟ้อในปีหน้าก็ยังคงสูงอยู่เช่นเดิม
โดยคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปีหน้ายังคงสูงกว่า 6.5% ซึ่งหากมองคร่าว ๆ ก็ยังคงสูงอยู่ แต่ก็อาจะค่อย ๆ ชะลอตัวลงลดเหลือ 4.1% ในปี 2024 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า จุดนี้จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะยังคงเป็นแรงกดดันมหาศาลของทั้งโลกอยู่
คุณคิม ยังกล่าวอีกว่า ในฟากของฝั่งไทยนั้น การที่ IMF ออกมาหั่นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2023 ให้เหลือการขยายตัวเพียงแค่ 3.6% นั้น (จะบอกว่า ‘เพียงแค่’ ก็ไม่ถูกนัก เพราะก่อนหน้านี้คาดการณ์ไว้ถึง 4%) จะพิจารณาได้จากปัจจัยหลักสำคัญอย่างเศรษฐกิจของจีน, ยุโรป หรือสหรัฐอมริกา ที่เข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจ ไม่ค่อยจะฟื้นตัว บ้างชะลอตัว บ้างถึงขั้นถดถอยด้วย ซึ่งทำให้การบริโภคเริ่มลดลง บวกกับไทยเราเป็นประเทศผู่ส่งออก จึงได้รับผลกระทบตรงนี้ไปด้วย
อย่างไรก็ตามในฝั่งของ ‘ปัจจัยบวก’ ก็มีด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวดีเกินคาด ทำให้มีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้ามาในประเทศและส่งผลให้ลดดุลทางการค้าได้นั่นเอง และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เงินบาทของไทยค่อนข้างแข็งขึ้นมาในช่วงนี้ (อยู่ที่ประมาณ 34.84 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฯ)
ทั้งนี้เชื่อได้ว่า หลายคนน่าจะมีคำถามที่แสดงถึงความกังวลว่า การที่ GDP เติบโตประมาณ 3.6% นั้นเป็นผลดีหรือไม่อย่างไร? ซึ่งเรื่องนี้ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้ออกมาบอกว่า จริง ๆ แล้วเศรษฐกิจไทยค่อนข้างทนทานและเข้มแข็งอย่างมาก แม้จะมีการปรับลด GDP ลงไป แต่เหตุผลมันก็มาจากปัจจัยภายนอก (ต่างชาติปรับเพิ่มดอกเบี้ย) แต่ในตัวเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งอยู่
(27 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 66 และการเปิดตัวบิ๊กเนมที่จะเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทยว่า คงเป็นไปตามขั้นตอน เราไม่ได้ปิดกั้นอะไร พรรคพร้อมเสมอสำหรับผู้ที่จะมาร่วมงานกับพรรค ด้วยนโยบาย ประสบการณ์ และความสำเร็จของพรรค เราเปิดกว้างไม่ได้ปิดประตูใส่ใครแม้แต่คนเดียว
เมื่อถามว่า ช่วงนี้หลายพรรคการเมืองเริ่มขยับเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และการเมืองในปีหน้าจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ปีหน้าก็มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ตั้งใจจะมาเป็นตัวแทนของประชาชนคงต้องทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการนำนโยบายไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ทั้งการเตรียมตัวเลือกตั้ง
“มันเป็นเรื่องใหญ่นะ แผ่นป้าย แผ่นพับ ต้องทำ รูปแบบการปราศรัยแตกต่างกันไป บางพรรคปราศรัยใหญ่ บางพรรคปราศรัยย่อย บางพรรคใช้วิธีการเคาะประตู ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง” นายอนุทิน กล่าว
เสื้อผ้าที่ใช้มานานๆ หลายปี มันก็มีรอยเปื้อนบ้าง แต่อยากให้มองว่ารอยเปื้อน มันไม่ใช่รอยที่เกิดจากความตั้งใจหรือความผิดพลาด แต่เป็นข้อจํากัดบางอย่าง ก็อาจจะไม่ถูกใจประชาชนทุกคน