Sunday, 8 June 2025
TheStatesTimes

เป็นของจริง!! โฆษกตำรวจ เผย เริ่มใช้ใบสั่งแบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ พ.ค. 65 แล้ว หลังโซเชียลเข้าใจผิดแชร์สนั่นว่า ‘เป็นของปลอม’

โฆษก ตร. ยืนยันเป็นใบสั่งจริง ตำรวจจราจรได้เริ่มใช้งานใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ค. 65 เป็นต้นมา โดยเป็นการนำระบบเทคโนโลยีและฐานข้อมูลมาใช้ออกใบสั่งเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ   

วันนี้ (4 ธ.ค.65) เวลา 18.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า กรณีภาพถ่ายใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ที่เพจ หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา นำมาโพสต์ โดยระบุ “ใบสั่งแบบนี้มันจะไปติดที่หน้าต่างรถ อย่า scan จ่ายเด็ดขาด มันของปลอม เพื่อนเพิ่งได้รับมา” นั้น ตนได้ตรวจสอบไปยังผู้ออกใบสั่ง คือ สน.บางยี่ขัน แล้วพบว่าเป็นใบสั่งจริง 

และขอเรียนชี้แจงว่า ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ คือ การออกใบสั่งผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลแบบพกพา ที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันของสำนักงานตำรวจแห่งชาติชื่อว่า Police Ticket Management (หรือ PTM) เพื่อใช้เป็นโปรแกรมออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตำรวจจราจรจะพิมพ์ใบสั่งออกมาจากเครื่องให้กับผู้ขับขี่ที่ทำผิดได้ทันที โดยจะใช้กรณีที่พบการกระทำผิดซึ่งหน้า (แบบเดียวกับใบสั่งรูปแบบที่ต้องเขียนด้วยลายมือ) เช่น ไม่สวมหมวกหรือไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ขับรถย้อนศร ขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรในทางต่าง ๆ รวมถึงจอดรถในที่ห้ามจอดด้วย  

ข้อมูลในใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์นี้ จะมีการระบุข้อหาและอัตราค่าปรับตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบ ของ ตร. อย่างชัดเจนในใบสั่งทุกใบ โดยข้อมูลจะเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบ real time รวมถึงจะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เช่น วัน เวลา และสถานที่ที่ทำผิด ข้อมูลทะเบียนรถ ข้อมูลใบขับขี่ (กรณีพบตัวผู้ทำผิด) ชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่ออกใบสั่ง นอกจากนั้น จะมี QR Code ด้านล่างสำหรับอำนวยความสะดวกประชาชนในการชำระค่าปรับผ่านระบบ mobile banking และ QR Code สำหรับตรวจสอบใบสั่งของตนเอง ผ่านเว็บไซต์ E-ticket (https://ptm.police.go.th/eTicket)

ตม.สุราษฎร์ฯ เข้มงวดจับจีน Over Stay

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 เวลา 12.05 น. ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภฤกษ์ พันธ์โกศล ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี สั่งการให้ ร.ต.อ.ธเนศพล ละอองทอง รอง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมชุดสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ใช้รถยนต์ตรวจการณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (SMART PATROL CAR : SPC) ออกตรวจและสืบสวนหาข่าวในช่วงระดมกวาดล้างบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (OVERSTAY) ห้วงวันที่ 1-10 ธ.ค. 65 ในพื้นที่รับผิดชอบ และได้จับกุมตัว Miss HuYanqiu อายุ 31 ปี สัญชาติจีน หนังสือเดินทางเลขที่ E32797XXX โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” (19วัน)

5 ธันวาคมของทุกปี วันสำคัญที่สุดของคนไทย พระองค์ยังอยู่ในหัวใจทุกคนอย่างไม่ลืมเลือน

(5 ธ.ค. 65) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)​ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี จะเป็นวันที่คนไทย ทุกคนจะลืมไม่ได้ เพราะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 คนไทยจึงยึดถือกันว่า วันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ เป็นวันชาติของไทย

ต่อมาสหประชาชาติ ได้กำหนดให้เป็น วันดินโลก (World Soil Day) ซึ่งเป็นผลมาจาก นักปฐพีวิทยาทั่วโลก 60,000 คน ได้ตกลงที่จะนำ วันคล้ายวันพระราชสมภพ มากำหนดเป็น 'วันดินโลก' ขึ้น โดยดูจากพระราชกรณีกิจ ของพระองค์มาเป็นตัวกำหนด ในการพิจารณา

พระมหากรุณาธิคุณ ที่ปกห่มประชาชนชาวไทย ในทุกด้านซึ่งแผ่กว้างไพศาล มานานถึง 70 ปี นั้น ไม่ว่าจะเรียกว่าวันอะไรก็ตาม วันนี้ก็ยังเป็นวันสำคัญที่สุดของคนไทย และ พระองค์ยังอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน อย่างไม่ลืมเลือน

โครงการปลูกกาแฟบนดอย จุดเริ่มต้นเปลี่ยน 'ฝิ่น' สู่ 'ไร่กาแฟ' ทุกถ้วยที่เราอิ่มเอม ล้วนมีเงาของพระองค์อยู่ในนั้นเสมอ

ไม่มีความสุขใดที่จะมากไปกว่า การได้นั่งจิบกาแฟควันกรุ่นถ้วยโปรดรับอรุณ ก่อนจะเริ่มกิจการงานในแต่ละวัน 

ว่าแต่กาแฟที่จิบในแต่ละวันนั้น มีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับ 'โครงการหลวง' และเกิดเป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ระหว่างชายสองคน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นโครงการปลูกกาแฟบนดอยอีกด้วย

โครงการหลวงหรือมูลนิธิโครงการหลวงก่อตั้งในปี  พ.ศ. 2512 เป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มุ่งส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขา เพื่อหารายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น โดยมีเป้าประสงค์คือช่วยเหลือให้ชาวเขามีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในระยะแรกมี หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะประธานมูลนิธิโครงการหลวง

ผลผลิตจากโครงการหลวงส่วนใหญ่เป็นพืชผักและผลไม้เมืองหนาว แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าผลผลิตโครงการหลวงนั้นมีกาแฟรวมอยู่ด้วย 

ปัจจุบันมูลนิธิโครงการหลวงมีพื้นที่ส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าในศูนย์พัฒนาโครงการหลวง 24 ศูนย์ รวมทั้งหมด 9,491 ไร่ เกษตรกร 2,602 ราย เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตผ่านโครงการหลวงปีละประมาณ 400-500 ตัน

ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน เกิดเรื่องราวอันน่าประทับใจระหว่างชายสองคนที่บ้านหนองหล่ม จังหวัดเชียงใหม่ คนหนึ่งเป็น 'พระราชา' ส่วนอีกคนหนึ่งเป็น 'ชายชาวกะเหรี่ยง'

(ในเวลานั้นบ้านหนองหล่ม อำเภอจอมทอง เต็มไปด้วยไร่ฝิ่น ชายกะเหรี่ยงคนนี้นำเสด็จพระราชาเป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตรเพื่อไปดูต้นกาแฟ ซึ่งต่อมากลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวเขาปลูกกาแฟแทนฝิ่นในโครงการหลวง)

'พะโย่ ตาโร' คือชายกะเหรี่ยงที่นำรัชกาลที่ 9 บุกป่าฝ่าดงไปดูต้นกาแฟ เมื่อเห็นว่าสามารถปลูกกาแฟบนดอยได้ พระองค์จึงให้ชาวเขาหันมาปลูกกาแฟแทนฝิ่น โดยพระราชทานสัญญาว่าจะช่วยเหลือในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น  

พระองค์ทรงเสด็จกลับมาอีกหลายครั้งหลายหน เพื่อนำความช่วยเหลือด้านอื่น เช่น พันธุ์สัตว์และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โดยพระองค์ทรงมีพระดำรัสว่า...

“แต่ก่อนเขาปลูกฝิ่น เราไปพูดจาชี้แจง ชักชวนให้เขามาลองปลูกกาแฟแทน กะเหรี่ยงไม่เคยปลูกกาแฟมาก่อน ยังดีที่กาแฟไม่ตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่หนึ่งต้นนั้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้าสำหรับกะเหรี่ยง จึงต้องเสด็จฯ ไปทอดพระเนตร จะได้แนะนำเขาต่อไปว่า ทำอย่างไรกาแฟจึงจะเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งต้น”   

จากต้นกาแฟที่ทรงดั้นด้นเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร กลายมาเป็นโครงการหลวง ที่ส่งเสริมการปลูกกาแฟของชาวเขา ช่วง พ.ศ. 2517-2522 มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อหาพันธุ์กาแฟอาราบิกา ที่สามารถต้านทานโรคราสนิมที่ระบาดในแหล่งปลูกภาคเหนือของไทย ต่อมาใน พ.ศ. 2525 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทอดพระเนตรแปลงกาแฟที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ และทรงมีพระราชดำริให้กรมวิชาการเกษตรพัฒนาสายพันธุ์กาแฟที่เหมาะสมกับสภาพที่สูงของประเทศไทยเพื่อปลูกทดแทนฝิ่นบนพื้นที่สูง

'พิธา' มั่น!! ผลงานท้องถิ่นคณะก้าวหน้า หนุนคนร้อยเอ็ดมั่นใจพรรคก้าวไกล

'พิธา' เชื่อ ผลงานท้องถิ่นคณะก้าวหน้า หนุนคนร้อยเอ็ดยิ่งมั่นใจก้าวไกล ยก 'อาจสามารถ' น้ำประปาดื่มได้ ช่วยประชาชนเข้าใจ 'ประชาธิปไตยกินได้'

ไม่นานมานี้ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมพบปะสมาชิกและผู้สนับสนุนที่ศูนย์ประสานงานพรรค จ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนและนำเสนอแนวนโยบายพรรคในหลายจุดทั่วจังหวัด

รังสิมันต์ กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ต้องการแค่ผลคะแนน ไม่ได้ต้องการแค่เป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ แก่นแกนของพรรคก้าวไกล คือการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมไม่ว่าจะยุคสมัยไหนหรือรูปแบบใด ผ่านนโยบายต่าง ๆ เช่น การปฏิรูปที่ดินให้เป็นธรรม การปฏิรูปกองทัพ ที่ไม่ได้มีเป้าหมายแค่เพื่อป้องกันรัฐประหารเท่านั้น แต่คือการคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น รวมทั้งการปลดล็อกท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่และมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลชีวิตประชาชน

โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท ไม่ใช่แค่นโยบายกู้มาแจกตามที่บางฝ่ายกังวล แต่คือนโยบายที่คิดมาเป็นอย่างดีว่านอกจากจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ยังช่วยเหลือประชาชนวัยทำงานที่ต้องดูแลลูกและพ่อแก่แม่เฒ่า ให้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง สามารถใช้ชีวิต กล้าลอง กล้าฝัน ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชุดนโยบาย 'สวัสดิการไทยก้าวหน้า' ที่จะดูแลประชาชนทุกช่วงวัย โดยจากการพบปะประชาชน สามารถบอกได้ว่านโยบายนี้เป็นนโยบายที่ได้รับเสียงตอบรับดีที่สุดจากประชาชนทุกช่วงวัย

'อนุทิน' ย้ำชัด!! ไม่เคยปล่อยกัญชาเป็นสันทนาการ เย้ย!! ถึงถูกขัดขา แต่คะแนนนิยมก็ยังไม่ลด

'อนุทิน' ชี้ ปมกัญชาไม่ให้ราคาเด็กปชป. บอกคนละระดับ สื่อสารแค่กับ หน. - เลขาฯพรรค ย้ำไม่เคยปล่อยสันทนาการ เย้ยถูกขัดขาแต่คะแนนนิยมไม่ลด 

(5 ธ.ค. 65) ที่ จ.นครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส. และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังออกมาตอบโต้ปมกัญชา ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนมีความแนบแน่นกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์, นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งกับนายจุติ เราต่างก็ดูแลประชาชน เวลาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่านนั่งติดกับตน อะไรที่ดูแล้วขัดแย้งกัน ตนก็โทรไปคุยกับท่าน

เมื่อถามว่า แต่ภาพที่ออกมาเหมือนพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนไม่ลงรอยกัน เพราะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มีการใช้คำพูดที่รุนแรงว่าใจไม่ต่ำพอที่จัดฉาก ทำให้นายอนุทิน สวนกลับทันทีว่า "เขาพูดแทนผมเลย ว่าใจไม่ต่ำพอที่จะจัดฉาก คนพาลก็แบบนี้ ภูมิใจไทยอยู่เฉยๆ หนีไปภูเก็ต หนีมานครพนมก็ยังตามมา คงจะหิวแสง ขึ้นแล้วหาทางลงไม่ได้"

ทหารจัดงาน '5 ธันวา' ปวงประชาร่วมใจ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

เนื่องด้วยในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้าย วันพระบรมราชสมภพ และวันพ่อแห่งชาติ นั้น

ในวาระอันสำคัญยิ่งนี้ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ 'พล.ร.2 รอ.' ได้จัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นการเทิดทูน และแสดงออก ถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดย พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็นประธาน ในการจัดพิธี เเละกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2565 โดยมีผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง พล.ร.2 รอ. ทุกระดับในพื้นที่ จว.ปราจีนบุรี พร้อมทั้งกำลังพลเข้าร่วมพิธีฯ ณ อาคารพรหมโยธี ค่ายพรหมโยธี  อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี

กระทรวงวัฒนธรรม เชิญชวนประชาชน ร่วมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผ่านบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในบรรยากาศสายลมหนาว กับเทศกาลดนตรี MOC MU FES

เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ ๕ ธันวาคม 2565 เพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติในพระอัจฉริยภาพทางดนตรีสากล ในฐานะ “อัครศิลปิน” กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม ขอเชิญชวนประชาชนร่วมงานเทศกาลดนตรี Ministry of Culture Music Festival (MOC MU FES) ชมการแสดง “Winter Love Songs : บทเพลงพระราชนิพนธ์” และการแสดง “ลีลาศสร้างสุขกับสุนทราภรณ์” ระหว่าง ๘ - ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๗.๓๐ - ๒๑.๓๐ น. ณ ลานวัฒนธรรมสร้างสุข กระทรวงวัฒนธรรม ถนนเทียมร่วมมิตร กทม. (ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย)  
     
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สวธ. ได้ดำเนินโครงการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ โดยการจัดงานเทศกาลดนตรี Ministry of Culture Music Festival (MOC MU FES) การแสดง “Winter Love Songs : บทเพลงพระราชนิพนธ์” และการแสดง “ลีลาศสร้างสุขกับสุนทราภรณ์” ในครั้งนี้ เพื่อน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ ๕ ธันวาคม 2565 และเทิดพระเกียรติ 'อัครศิลปิน' ในฐานะที่พระองค์ทรงพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีสากล ผ่านการแสดงดนตรีด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่า ให้พสกนิกรไทยได้มีส่วนร่วมเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ได้สร้างคุโณปการต่อประเทศนานับประการ 

“กระทรวงวัฒนธรรม ได้เปิดพื้นที่ “ลานวัฒนธรรมสร้างสุข” เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่ม ได้มีพื้นที่ทำกิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วมกัน อาทิ กิจกรรมดนตรีในสวน ถนนสายวัฒนธรรม ศิลปะการแสดง รวมถึงตลาดนัดของดีทางวัฒนธรรม หรือเป็นพื้นที่สำหรับการออกกำลังกาย ถือเป็นการต่อยอดเผยแพร่ soft power อันจะส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความสุขทางกายและทางใจ สร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ความรัก ความสามัคคีและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ณ ลานวัฒนธรรมสร้างสุข ของกระทรวงวัฒนธรรม แห่งนี้ และลานวัฒนธรรมของจังหวัดต่าง ๆ จะเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมให้ประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมสร้างความสุขไปด้วยกัน” นางยุพา กล่าว

โดยรายละเอียดการแสดงในเทศกาลดนตรี ที่จะจัดระหว่าง ๘ - ๙ ธันวาคม นี้ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ ๘ ธันวาคม เวลา ๑๗.๓๐-๒๑.๓๐ น. จะเป็นการแสดง “ลีลาศสร้างสุขกับสุนทราภรณ์” ประชาชนจะได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับลีลาศและรำวงในจังหวะที่หลากหลาย บรรเลงบทเพลงโดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ ควบคุมวงโดย ครูณรงค์ เนตรเจริญ ขับขานบทเพลงโดยนักร้องคุณภาพของวงพร้อมคลื่นลูกใหม่สุนทราภรณ์ ได้แก่ พรศุลี วิชเวช โน้ต-พรชัย เอกศิริพงษ์  จิมมี่-บัญชา รักษาจันทร์ แจน-นันทพร ซัน-ชาตรี เบนซ์-วฤณพร ต๊ะ-พิเชษฐ์ แจ๊บ-ณฤพล ผิวอ่อน ขวัญ-ชณัฐศิกาญ โอ๋-ศราวิน วงษ์สุวรรณ มีน-ณัฏฐ์นรี มะลิทอง ยุ้ย-ปิยวรรณ โอ๋-ศราวิน มุข-มุขอันดา ใจยง จะเริ่มด้วยเพลงเทิดพระเกียรติ “ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น และร่มเกล้า” จากนั้นจะเข้าสู่การแสดงลีลาศ ๒ ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ ๑ ลีลาศ-รำวงกับสุนทราภรณ์ ประกอบด้วยจังหวะ รำวง คิวบัน บีกิน ช่าช่าช่า รุมบ้า กัวราช่า ตลุง วอลซ์ แทงโก้ ควิกวอลซ์ ฟอกซ์ทร็อต ควิกสเต็ป และบันนี่ฮ็อป รวมกว่า ๒๔ บทเพลง อาทิ รำวงมาตรฐาน รักวันเติมวัน เพ้อรัก บอกเธอเสียที หิมพานต์ เริงลีลาศ รื่นเริงใจ รักต่างแดน ตลุงมอญซ่อนผ้า แม่ทูนหัว ดอกไม้กับแมลง น่าเพลินใจ บ้านเรือนเคียงกัน และเพลิดเพลินกันให้เต็มอิ่ม ในช่วงที่ ๒ ลีลาศ-รำวง ในจังหวะที่หลากหลาย อีกกว่า ๑๙ บทเพลง อาทิ รำวงสาวบ้านแต้ สวยจริงรักจริง รักจริงไหม รักแม่เอ๊ย รักในลมหนาว แซมบ้าพารัก ร็อคเร่งรัก อย่าลืมฉัน เป็นต้น

วธ.รวมใจจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์-นิทรรศการแสดงพระราชประวัติและพระอัจฉริยภาพ-ฉายโขนภาพยนตร์ – ดนตรีเทิดพระเกียรติฯ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) รวมใจภาคีเครือข่ายด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรมทั่วประเทศ จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565 โดยหน่วยงานในสังกัดของ วธ. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พร้อมเครื่องราชสักการะตามอาคารสถานที่ จัดทำคำกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมนำเสนอภาพพระราชกรณียกิจเพื่อเผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ของแต่ละหน่วยงาน นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ได้ร่วมกิจกรรมจิตอาสาบริการประชาชน ณ บริเวณท้องสนามหลวง ในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 เวลา 09.00-17.00 น. และร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดนิทรรศการแสดงพระราชประวัติและพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ หนังสือพระมหากษัตริย์ไทยแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ 10 รัชกาล (ฉบับการ์ตูน) นำเสนอวีดิทัศน์ แอนิเมชั่น ชุด 'ศาสตร์พระราชา ปรัชญาแห่งแผ่นดิน' ที่ได้ทรงพระราชทานศาสตร์พระราชาและหลักการทรงงานให้แก่พสกนิกรชาวไทยไปใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น กรมศิลปากรจัดการแสดงดนตรีสากลบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดนิทรรศการแสดงสำเนาภาพฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เผยแพร่วีดิทัศน์ 'อัครศิลปิน โครงการสามทศวรรษ' และพระอัจฉริยภาพฯ กิจกรรมการทำภาพพิมพ์ซิลค์สกรีนภาพอัครศิลปินบนเสื้อยืด กระเป๋าผ้า มอบให้แก่ประชาชน และนักศึกษาคณะศิลปวิจิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ จัดกิจกรรมการวาดภาพเหมือนให้แก่ประชาชน 

รมว.พิพัฒน์ ร่วมงาน 7 ปี สมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ เสวนาพูดคุย เรื่อง 'บทบาทสื่อกับการท่องเที่ยวและกีฬา ยุคดิจิตอล'

เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2565ที่ผ่านมา ที่โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงานในโอกาสที่สมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ 2558 ได้ดำเนินงานครบ 7 ปี และเสวนาพูดคุยในหัวข้อ 'บทบาทสื่อกับการท่องเที่ยวและกีฬายุคดิจิตอล' ในประเด็นต่างๆประกอบด้วย บทบาทของการท่องเที่ยวและกีฬา ต่อการนำเสนอจุดขายเพื่อการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทย,แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาของจังหวัดภาคใต้ ที่จะเป็นรายได้อย่างยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการ ,แรงกระตุ้นและสนับสนุนจากสื่อมวลชนทุกแขนง ในการร่วมเป็นแกนหลักในการประชาสัมพันธ์อย่างรอบด้าน และสื่อมวลชนจะได้ประโยชน์อะไร โดยมีนายอนันต์ จันทรัตน์ นายกสมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ 2558 กล่าวรายงาน 

สำหรับสมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ 2558 เดิมชื่อ สมาคมสื่อมวลชน หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ ประชาคม 2558 และได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ และชื่อสมาคมใหม่ เป็นสมาคมสื่อมวลชนภาคใต้ 2558 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 จนถึงปัจจุบัน มีคณะกรรมการสมาคมรวมทั้งสิ้น 17 คน โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสมาคมขึ้น เพื่อความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวของสื่อมวลชน เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และความจงรักภักดี การพัฒนาส่งเสริมสวัสดิการสื่อมวลชน แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร การประสานการทำงานของสื่อมวลชน เพื่อรับใช้สังคม ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้องเที่ยงตรง เป็นธรรม และสร้างสรรค์ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และคุณภาพของสื่อมวลชน เพื่อส่งเสริมเผยแพร่เกียรติคุณ เชิดชูคนดี และสื่อมวลชนที่ดี มีผลงานทำคุณประโยชน์ต่อมนุษยชาติและสังคม เพื่อส่งเสริมสันติภาพ สันติสุข ต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น และการค้ายาเสพติด หรือสิ่งอันตรายต่อมนุษยชาติ เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโลก และสุดท้ายเพื่อร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนประโยชน์โดยรวม เพื่อสาธารณะ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top