Tuesday, 1 July 2025
TheStatesTimes

'โซโลมอน' หวั่น!! ออสเตรเลีย 'ข่มขู่-รุกราน' หลังไปทำข้อตกลงความมั่นคงกับจีน

นายกรัฐมนตรีประเทศหมู่เกาะโซโลมอน กล่าวหาเป็นนัยว่า ออสเตรเลียข่มขู่จะ “รุกราน” และดูหมิ่นหมู่เกาะโซโลมอน สืบเนื่องจากการทำข้อตกลงความมั่นคงกับจีน ด้านผู้นำออสเตรเลียยืนยันการจัดการความสัมพันธ์กับหมู่เกาะโซโลมอนจะใช้วิถีทางการทูตต่อไป

นายกรัฐมนตรี มานาสเซห์ โซกาแวร์ ของหมู่เกาะโซโลมอน ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก กล่าวต่อรัฐสภาหมู่เกาะโซโลมอนเมื่อ 4 พ.ค. 65 กล่าวหาว่า มีประเทศอื่นๆ ที่ข่มขู่จะ “รุกราน” หมู่เกาะโซโลมอน หลังจากที่โซโลมอนทำข้อตกลงความมั่นคงกับจีน 

และเขารู้สึกถูก “ดูหมิ่น” และหมู่เกาะโซโลมอนถูกปฏิบัติราวกับเป็น “นักเรียนอนุบาล” ที่ถือปืนเดินไปมา และจำเป็นต้องถูกควบคุมดูแล 

อย่างไรก็ตาม ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอนไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศ แต่มีนัยถึงออสเตรเลีย สืบเนื่องจากก่อนหน้าที่ผู้นำโซโลมอนเพิ่งแสดงความไม่พอใจ ที่ออสเตรเลียไม่แจ้งให้โซโลมอนทราบ เกี่ยวกับการก่อตั้งพันธมิตรความมั่นคงใหม่ “ออคัส” (AUKUS) ที่ออสเตรเลียร่วมก่อตั้งขึ้นกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่โซกาแวร์ระบุว่า เขาเพิ่งรู้เรื่องข้อตกลงออคัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เอง ทั้งๆ ที่ข้อตกลงนี้ จะทำให้มีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ในน่านน้ำแปซิฟิก

ด้านนายกรัฐมนตรี สก็อต มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวในวันนี้ (5 พฤษภาคม) ยืนยันว่า จะยังคงจัดการความตึงเครียดกับหมู่เกาะโซโลมอนด้วยวิถีทางการทูต และความสัมพันธ์จะยังคงเป็นการที่ออสเตรเลียคอยสนับสนุนหมู่เกาะโซโลมอน รับฟังปัญหา และให้ความมั่นใจต่อหมู่เกาะโซโลมอนว่า ออสเตรเลียพร้อมจะสนับสนุนประชาชนในโซโลมอนเสมอมาเหมือนที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคตด้วย แม้ว่าออสเตรเลียจะถูกกดดันและรู้สึกกังวล แต่จะจัดการปัญหาในแปซิฟิกอย่างรับผิดชอบ

กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร ราชธานีใหม่ หลังกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย จุดเริ่มต้นที่ทำให้มีประเทศไทยในวันนี้

วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๓๑๓
หรือเมื่อ ๒๕๑ ปีก่อน

สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สถาปนาราชธานีแห่งใหม่ มีนามว่า “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร”

เป็นศูนย์อำนาจใหม่แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา แทนกรุงศรีอยุธยาที่ล่มสลาย

'สนธิรัตน์' เตือน!! รัฐต้องเข้มบริหารนำเข้า LNG ก่อนค่าไฟพุ่ง และมาขอ ปชช.ให้ช่วยประหยัด

"สนธิรัตน์" หวั่น ไม่ใช่แค่ข้าวของแพง แต่ค่าไฟ ก็จะแพงขึ้นด้วย พร้อมเปิดข้อมูลกำลังผลิต ชี้ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของไทยหายไปเฉลี่ย 300-400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เตือนรัฐ!! ต้องบริหารการนำเข้า LNG ไม่ใช่แค่ บอกปชช. ให้ช่วยกันประหยัดไฟ 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ไม่ใช่แค่ข้าวของราคาแพงอย่างเดียว ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้นด้วย!!

วันนี้ใครเดินซื้อของที่ตลาด คงพูดมาคล้ายๆ กันว่า ของแพงขึ้น เกือบทุกอย่างปรับราคาขึ้น ทั้งผักสด ของสด ของแห้ง ไม่รวมอาหารทั้งแกงถุงทำสำเร็จ ร้านตามสั่ง หรือ ร้านอาหารต่างๆ ก็ปรับขึ้นทั้งนั้น

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคือ ค่าไฟก็อาจจะแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น ผลคือ ประชาชนอย่างเราต้องจ่ายค่าไฟที่มากขึ้นกว่าเดิม ที่ค่าไฟจะแพงขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น มีข้อมูลว่าปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าในบ้านเราใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าประมาณ 60% ซึ่งก็มีมาจากแหล่งในประเทศ, การนำเข้า และ LNG 

แต่ตอนนี้การผลิตก๊าซของไทยเราอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านผู้ผลิต ทำให้ปริมาณที่ผลิตได้เองในวันนี้ลดลงไปจากเดิม ทำให้การผลิตไฟฟ้าที่ปัจจุบันพึ่งพา LNG เป็นหลัก ต้องเพิ่มในสัดส่วนที่สูงขึ้น อีกทั้ง LNG ส่วนใหญ่ต้องนำเข้า มีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องบริหาร โดยเฉพาะเรื่องของราคาที่ต้องซื้อเข้ามา

รับงานแนวเดียวกัน!! เบื้องลึกเอเยนซีรับงานลาซาด้า โฆษณาล้อเลียนฉวัดเฉวียน กลุ่มคนรักสถาบันเตรียมบุกเอ็มควอเทียร์ ขอความรับผิดชอบ

‘ลาซาด้า’ ปล่อยให้เอเยนซีที่ชื่อ "อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่" ออกหน้าขอโทษปมโฆษณา ‘นารา เครปกะเทย’ โฆษณาล้อเลียนฉวัดเฉวียน แต่ยังไม่ยอมรับผิดชอบใดๆ กลุ่มคนรักสถาบันเตรียมบุกสำนักงานใหญ่ เอ็มควอเทียร์ ทวงถามความรับผิดชอบ อีกด้านพบ กก.ผจก.เอเยนซีเป็นคนเดียวกับเจ้าของร้านชาบู ที่ครั้งหนึ่งเคยออกมาคอลเอาต์ แบนฟู้ดแพนด้า หลังไล่ไรเดอร์วางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์เมื่อปี 2564

จากกรณีที่กลุ่มคนรักสถาบันได้ประกาศบอยคอตแพลตฟอร์มช็อปปิงออนไลน์ "ลาซาด้า" (LAZADA) เนื่องจากแคมเปญลดราคาของลาซาด้าในติ๊กต็อก @nara.aniwat700 ที่แสดงโดย นารา เครปกะเทย หรือนายอนิวัติ ประทุมถิ่น เน็ตไอดอลสายตลก และหนูรัตน์ หรือ น.ส.ธิดาพร ชาวคูเวียง ได้มีลักษณะไม่เหมาะสม ทั้งดูหมิ่นเหยียดหยามผู้ป่วยหรือผู้พิการกลายเป็นตัวตลก และกลุ่มคนรักสถาบันฯ มองว่าโฆษณาดังกล่าวมีเนื้อหาล้อเลียน เสียดสีบุคคลอันเป็นที่เคารพสักการะ ถึงขนาดมีแฮชแท็ก #แบนลาซาด้า ในทวิตเตอร์ พร้อมกับรณรงค์ให้ยกเลิกสมาชิก และลบแอปฯ ลาซาด้าออกจากมือถือ

ภายหลังเพจ "Intersect Design Factory" ของ บริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ได้รับมอบหมายจากลาซาด้าให้เป็นผู้ประสานงานและติดต่อจัดทำคลิปโปรโมตแคมเปญ หนึ่งในนั้นคือนารา เครปกะเทย ได้นำเสนอภาพที่ไม่เหมาะสมและกระทบต่อความรู้สึกของผู้ที่ได้รับชมคลิปดังกล่าว บริษัทฯ ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบในการติดต่อและประสานงานแต่เพียงผู้เดียว มีความเสียใจเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยต่อความรู้สึกของคนในสังคม และลาซาด้า โดยได้เร่งดำเนินการระงับการเผยแพร่คลิปดังกล่าวทันที และยืนยันว่าไม่ได้มีความตั้งใจหรือเจตนาอื่นใดในการล้อเลียนพฤติกรรมหรือสภาพร่างกาย หรือเชื่อมโยงพาดพิงถึงบุคคลและสถานการณ์ต่างๆ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า นับจากที่เกิดเรื่องอื้อฉาวมาถึงปัจจุบัน บริษัทลาซาด้าไม่เคยออกมาแสดงท่าทีใดๆ ต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีเพียงการให้เอเยนซีโฆษณาออกมาชี้แจง กระทั่งเมื่อมีสมาชิกลาซาด้าติดต่อขอลบออกจากการเป็นสมาชิกมากขึ้น ทำให้ในเมนู "แชตกับลาซาด้า" ในแอปพลิเคชัน Lazada ได้ขึ้นข้อความปักหมุดระบุว่า "บริษัทลาซาด้าขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ทางบริษัทได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของ 'นาราเครปกะเทย' ในขณะนี้แล้ว โดยบริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการติดต่อและประสานงานร่วมกับ KOL ในการผลิตคลิปวิดีโอดังกล่าว ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชนและต่อลาซาด้าแล้ว เพื่อรับผิดชอบต่อการเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในครั้งนี้ ลาซาด้าเชื่อในเรื่องความเท่าเทียมและไม่มีนโยบายในการสนับสนุนเนื้อหาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการล้อเลียนพฤติกรรม หรือสภาพร่างกายของผู้ทุพพลภาพ การกระทำเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด และขัดต่อค่านิยมของลาซาด้าในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ให้ความเคารพต่อกันและกัน"

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (6 พ.ค.) กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ ศชอ. พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย นำโดยนายนพดล พรหมภาสิต จะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ลาซาด้า อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ติดกับศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เวลา 14.00 น. เพื่อทวงถามความรับผิดชอบของลาซาด้า กรณีทำการตลาดที่สร้างความขัดแย้งให้แก่ผู้คนในสังคม

‘ปลอดฯ’ พ้อ!! ผ่านชีวิต 77 ปี ไม่เคยเจอสังคมตกต่ำเช่นนี้ ถาม!! ประเทศไทยเป็นอะไรไปแล้ว?

(6 พ.ค. 65) นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นอะไรไปแล้ว โดย ระบุว่า...

ผมผ่านชีวิตมาถึง 77 ปี ก็ถือว่าได้เห็นโลกมานานมากพอสมควร ผมมีความรู้สึกว่า วันนี้สังคมไทยเหลวไหลเละเทะมาก หลักคิด หลักปฏิบัติแปรปรวนไปทางร้ายเอามากๆ ผมขอถือโอกาสสรุปความเห็นจากไลน์ของกลุ่มเพื่อนเก่าในโลกยุคเก่าของพวกผม พอสังเขปดังนี้...

เขาบอกว่าหากคนชั้นล่างก่อคดีข่มขืนก็จะมีการเรียกร้องให้ประหาร แต่ถ้าเป็นคนข้างบนก็จะปล่อยให้เรื่องเงียบ เขาให้ความเห็นว่า ครูผู้หญิงใส่บิกินี่ไปทะเลมีคนไม่พอใจ แต่พอครูผู้ชายถ่ายรูปพนักงานหญิงบนเครื่องบินเพื่อยั่วน้ำลายกลับมีคนเห็นใจ เขาระบายว่า หากพระโนเนมมี sex กับสีกาต้องรุมประจาน แต่ถ้าพระมีชื่อเสียงหน้าตาดีกลับมีคนให้กำลังใจนับแสน 

ในเรื่องการเมืองพวกเขาสรุปว่า คนที่ขัดขวางการเลือกตั้งและเรียกร้องรัฐประหาร วันนี้มาลงสมัครเลือกตั้งกันหน้าสลอน (หน้าไม่อาย)

‘นารา’ แจงปมคลิปบูลลี่ ชี้!! เอเจนซี่ตรวจก่อนโพสต์ เมินขอโทษ ไม่ได้ทำอะไรผิด ลั่นอยากทำแรงกว่านี้

ไม่นานมานี้ อนิวัต ประทุมถิ่น หรือ ‘นารา เครปกะเทย’ ได้ไลฟ์สดชี้แจงกรณีทำคลิปล้อเลียนเบื้องสูงว่า เรื่องนี้ตนไม่ขอโทษใคร ซึ่งตนได้ถูกยกเลิกงานไปแล้ว แต่แอปไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้อเลียน โดยทางแอปได้โทรมาแจ้งว่าให้ซ่อนคลิป ตนก็บอกซ่อนได้ แต่เงินต้องจ่าย จำนวน 35,000 บาท ความจริงตนไม่อยากรับ แต่ว่าเอเจนซี่น่ารัก ตนเลยรับงาน ยืนยันที่ถูกยกเลิกงานตนไม่ซีเรียส เนื่องจากตนได้เงิน ซึ่งคลิปก็ได้ให้เอเจนซี่ดูก่อนที่จะโพสต์ด้วย

นารา เครปกะเทย กล่าวต่อว่า ตนตั้งใจอยากจะทำภาพนี้อยู่แล้ว แต่ตนไม่ได้บอกว่าหนูรัตน์แต่งเป็นใคร หม่อมดิวแต่งเป็นใคร ทุกคนสามารถใส่ชุดไทยได้ คนใส่ชุดไทยนั่งบนวีลแชร์ก็มีเป็นพันคนในโลกนี้ ตัวละครแบบนี้ก็มีเยอะมากมาย จะมาบอกว่าเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ตนบอกเลยว่าไม่ได้เล่น ตนทำงาน แต่เพราะโซเชียลมีดรามาเยอะเกินไป สลิ่มก็ไปโยง และแบนแอป ซึ่งสลิ่มไม่ต้องมาด่าแรง ไม่ต้องไปแบนแอป เพราะดูแล้วก็ไม่ได้ใช้บริการแอปนี้ คงใช้แค่ตอนลดราคาเหลือ 0 บาท พร้อมฝากถึงสลิ่มอีกว่าให้ดูแลตัวเองให้มันดีก่อน ก่อนไปเป็นห่วงคนอื่น ตักน้ำแล้วดูตัวเองว่าอนาคตไปถึงไหนแล้ว เขามีเงินมากมาย ไม่ต้องไปนั่งห่วงเขา เขาก็ไม่เคยห่วงตัวเรา ถ้าเขาห่วง พวกเธอก็ต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องหาเช้ากินค่ำ

มาดูแลผิวรับหน้าร้อนกันเถอะ

เมื่อถึงหน้าร้อนเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงขึ้น แสงแดดจัด ส่งผลให้ผิวหนังเกิดความระคายเคือง หน้ามันเยิ้ม ผิวไหม้แดด ฝ้า กระ ชัดขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลอาจส่งผลให้เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ผิวเสื่อมสภาพตามมาได้

ตัวการที่ทำร้ายผิวประกอบด้วย แสงแดด, ความร้อน, มลภาวะ, ฝุ่น, ควัน, การใช้ชีวิต, อาหารการกิน ก็มีส่วนทำให้ผิวเสื่อมสภาพได้

💥ปัจจัยทำให้ผิวเสื่อมสภาพ
1.) ปัจจัยภายใน การเสื่อมตามธรรมชาติหรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น
2.) ปัจจัยภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มากับแสงแดด
- แสงช่วงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าโดยเฉพาะแสงสีฟ้า (Blue light) จากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
- รังสีอินฟราเรด เช่น ความร้อนจากการทำงาน, เครื่องยนต์ต่างๆ 
- มลภาวะเป็นพิษทางอากาศ ทั้งควันบุหรี่ (PM10) และฝุ่นขนาดเล็ก (PM2.5) ล้วนส่งผลเสียให้ผิวหนังเสื่อมสภาพเร็วหรือแก่ก่อนวัยได้
- การใช้ชีวิต เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือด้านใด ผิวหน้าด้านนั้นจะมีฝ้าเข็มขึ้นกว่าอีกด้านหนึ่ง

นอกจากนี้ อนุมูลอิสระ (free radicals) ภายในชั้นผิวหนัง ยังทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้ผิวแพ้ง่าย, ผิวหนังอักเสบ, เส้นเลือดฝอยขยาย, เซลล์ผิวเสื่อมสภาพและตายเร็วขึ้น ทั้งยังลดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน, เกิดการทำลายดีเอ็นเอ, อาจมีเนื้องอกหรือมะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นได้

การเกิดริ้วรอยและความหย่อนยาน ผิวหยาบกร้าน ไม่สดใส เกิดจากชั้นหนังกำพร้าที่หนาตัวขึ้นและชั้นหนังแท้ที่บางลงจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน 

💥รังสีอัลตราไวโอเลต (UV)

รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มากับแสงแดด ทำให้เซลล์ผิวหนังทำงานผิดปกติ มีการเปลี่ยนแปลงของผนังเซลล์ ไขมันและโปรตีนในเซลล์ เกิดภาวะผิวเสื่อมจากแสงแดด (Photo aging) รังสีอัลตราไวโอเลตจะทำลายดีเอ็นเอหรือยีนในเซลล์ผิวหนัง ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังมากขึ้น

- ยูวีเอ (UVA) พบได้ทั้งกลางแจ้งและภายในอาคาร สามารถทะลุผ่านเสื้อผ้าและกระจกได้ ยูวีเอจะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ชั้นหนังแท้ ทำลายคอลลาเจน, อิลาสตินและดีเอ็นเอ ส่งผลเสียต่อระบบภูมิต้านทาน เป็นสาเหตุของผิวแก่ก่อนวัย ริ้วรอยและมะเร็งผิวหนัง

- ยูวีบี (UVB) แม้จะไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ แต่จะถูกดูดซับโดยดีเอ็นเอในเซลล์หนังกำพร้าหรือรอยต่อระหว่างชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดผิวไหม้แดด (Sun burn) มีการสร้างเม็ดสีส่วนเกินและมะเร็งผิวหนัง

- ยูวีซี (UVC) มักพบในประเทศที่มีภาวะเรือนกระจก เช่น ประเทศออสเตรเลีย พบผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังมากที่สุดในโลก

💥แสงสีฟ้า (Blue light)

แสงสีฟ้าเป็นแสงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าและมีช่วงความยาวคลื่นใกล้เคียงกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ดังนั้นจึงสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น การทำลายเลนส์แก้วตา ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอเช่นเดียวกับภาวะผิวเสื่อมจากแสงแดด

แสงสีฟ้ามาจากหน้าจออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ การได้รับแสงสีฟ้าต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดความเครียดที่ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบ ผิวหนังเสื่อม เกิดอนุมูลอิสระที่ผิวหนัง ส่งผลในการทำลายดีเอ็นเอ คอลลาเจน และอิลาสตินสลาย เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและหย่อนยาน รวมทั้งกระ ฝ้า 

สังเกตว่ารอยดำจากสิวอักเสบและฝ้า มักจะหายช้าและมีสีเข้มขึ้นที่ด้านข้างใบหน้าโดยเฉพาะข้างที่สัมผัสกับโทรศัพท์มือถือ 

'ลาซาด้า' ร่อนหนังสือขอโทษ ปมคลิปฉาว ลั่น ต่อไปจะรัดกุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

6 พ.ค. 65 - ลาซาด้า (LASADA) ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีอินฟลูเอนเซอร์โพสต์คลิปไม่เหมาะสม โดยระบุว่า “บริษัทลาซาด้าขอใช้โอกาสนี้ในการขออภัยต่อความผิดพลาดที่เกิดจากการผลิตและเผยแพร่เนื้อหาวิดีโอโดยอินฟลูเอนเซอร์ ‘นารา เครปกะเทย’ บนโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา เราเข้าใจดีว่าเนื้อหาดังกล่าวสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจต่อสังคมและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทันทีที่เรารับทราบถึงคลิปดังกล่าว เราได้มีคำสั่งให้ถอดคลิปดังกล่าวออกทันที เพราะเนื้อหาและข้อความเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการทำงานและความเชื่อของลาซาด้าในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ให้ความเคารพต่อกันและกัน และไม่แบ่งแยก

แม้ว่าทางบริษัท อินเตอร์เซคท์ ดีไซน์ แฟคทอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนที่ดูแลการจัดการด้านอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงคุณนาราเอง จะได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณชน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงในครั้งนี้เป็นผลมาจากความไม่รอบคอบของทางลาซาด้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ หากเนื้อหาในวิดีโอดังกล่าวได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน วิดีโอนี้จะไม่ได้รับการเผยแพร่อย่างแน่นอน เนื่องจากมีเนื้อหาที่ขัดต่อหลักการที่ลาซาด้ายึดถือ

เด็กๆ พร้อมมั้ย!! เปิดเทอมใหม่ปี 65 เจอโควิด ไม่ต้องปิดโรงเรียน

วันที่ 3 พ.ค. 65 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตั้งแต่ปีการศึกษา 2565 นี้ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ได้ปรับเปลี่ยนมาตรการการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อการเรียนรู้ที่ดีในโรงเรียนของเด็กไทยต่อไป โดยในวันนี้ได้มีการประชุมชี้แจงมาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19 ในสถานศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ด้วยหลักการพื้นฐานก็คือ 3T 1V “ตัดความเสี่ยง เพิ่มภูมิคุ้มกัน” มาตรการ 6-6-7 เป็นสิ่งที่ยังคงเน้นย้ำ ส่วนโรงเรียนประจำ ต้องดำเนินการตาม Sandbox Safety zone in School โดยเน้นย้ำพื้นที่ ประกอบด้วย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และศึกษาธิการจังหวัดให้ดำเนินการ เพื่อให้เด็กไทยสามารถเรียนรู้ที่โรงเรียนได้เต็มที่ ตามมาตรการต่อไปนี้คือ

1.) เร่งรัดการฉีดวัคซีน เพื่อให้นักเรียนได้รับวัคซีนตามความสมัครใจให้ครอบคลุม 
2.) สถานศึกษา ต้องเข้ารับการประเมิน Thai Stop COVID Plus โดยต้องผ่านการประเมินมากกว่าร้อยละ 95 
3.) เน้นย้ำการทำตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อเจอผู้ติดเชื้อ หรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่ดำเนินการปิดชั้นเรียนหรือโรงเรียน เป้าประสงค์นักเรียนควรได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มที่ที่โรงเรียน 
4.) เน้นย้ำสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดให้ปฏิบัติตามมาตรการ โดยมอบหมายให้ศูนย์อนามัยในเขตสุขภาพเป็นพี่เลี้ยง

“ในส่วนของแผนเผชิญเหตุ ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2565 นี้ หากพบผู้ติดเชื้อในโรงเรียนประจำให้แยกกักตัวที่โรงเรียน (School Isolation) ตามมาตรการ Sandbox: Safety Zone in School (SSS) สำหรับโรงเรียนไป - กลับ ให้ปฏิบัติตามมาตรการการรักษาของกระทรวงสาธารณสุข หรือพิจารณาจัดทำ School Isolation โดยคณะกรรมการสถานศึกษา หน่วยงานสาธารณสุข ผู้ปกครอง ชุมชน พิจารณาร่วมกันให้ความเห็นชอบตามความเหมาะสม จุดเน้นที่แตกต่างเมื่อพบผู้ติดเชื้อในห้องเรียน คือ ให้ทำความสะอาดห้องเรียน ตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข แล้วดำเนินการเรียนการสอนได้ตามปกติ ส่วนจุดเน้นที่แตกต่างเมื่อพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงคือ ถ้านักเรียนได้วัคซีนครบตามแนวทางปัจจุบัน และไม่มีอาการ ไม่แนะนำให้กักกัน พิจารณาให้เข้าเรียนได้โดยพิจารณาร่วมกันระหว่างครอบครัว สถานบริการสาธารณสุข และสถานศึกษา กรณีไม่ได้รับวัคซีน ให้แยกกักกัน (Self-quarantine) เป็นเวลา 5 วัน และติดตามเฝ้าระวังอีก 5 วัน รวมเป็น 10 วัน ทั้งนี้ หากมีอาการ ให้ตรวจคัดกรอง ATK ทันที หากไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แนะนำให้ตรวจ ATK ในวันที่ 5 และวันที่ 10 หลังจากสัมผัสผู้ติดเชื้อ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ทางด้าน ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 สิ่งที่ทุกสถานศึกษาต้องทำ คือ การประเมินตนเองในระบบ Thai Stop COVID Plus ซึ่งเป็นมาตรการของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข การประเมินนี้จะมีการประเมินอยู่ 44 ข้อ ทั้งในแง่ของการเตรียมการ และการจัดการด้านกายภาพ ส่งไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่โรงเรียนตั้งอยู่ เป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้เปิดเรียนได้ เมื่อเปิดเรียนในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 ทุกสถานศึกษาต้องดำเนินงานตามมาตรการ 6-6-7 และประเมินตนเองผ่าน “ไทยเซฟไทย” 

ซึ่งสิ่งที่แตกต่างระหว่างภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กับภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 คือ การเว้นระยะห่างในห้องเรียน จะเหลือ 1 เมตร จาก 1.5 เมตร เพราะฉะนั้น ห้องเรียนปกติที่มีขนาด 8 X 8 เมตร สามารถจัดโต๊ะเรียนได้ 7 แถว ๆ ละ 6 ที่นั่ง รวม 42 คน ซึ่งโดยปกติ 1 ห้องเรียนจะมีนักเรียนประมาณ 40 คน ไม่มีปัญหาในเรื่องการเว้นระยะห่าง แต่อาจจะมีปัญหาในโรงเรียนประถมศึกษาบางแห่งเท่านั้น ที่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ บางห้องอาจจะมีขนาด 6 X 8 เมตร และสิ่งสุดท้ายที่มีความแตกต่าง คือ บางโรงเรียนเป็นการเรียนในห้องปรับอากาศ ต้องมีการเปิดระบายอากาศ ทุก 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 นาที ในช่วงพัก สำหรับโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อในโรงเรียน คือ การถอดหน้ากาก กินข้าวร่วมกัน สนทนาระหว่างกันโดยไม่สวมหน้ากาก ดังนั้น ในโรงอาหารควรมีการแยกสำรับกับข้าว แยกพื้นที่งดการพูดคุย ขณะกินอาหาร และเมื่อมีการเล่นร่วมกัน ควรสวมหน้ากากตลอดเวลา 

แต่ถ้ามีการแพร่ระบาดในโรงเรียน ขอให้ทุกสถานศึกษาดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ เช่น หากพบผู้ติดเชื้อเข้าไปเรียนให้ปิดทำความสะอาด 3 วัน แล้วเปิดเรียนตามปกติ โดยสิ่งที่น่ากังวล คือ ถ้ามีผู้ติดเชื้อมากกว่า 5 คน มีการแพร่กระจายมากกว่า 2 ห้อง ทางโรงเรียน ต้องประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อเข้ามากำกับดูแล ระงับการแพร่ระบาดต่อไป

ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการเปิดเรียน On-Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด 19 ในสถานศึกษา รับเปิดเทอม On-Site ตามมาตรการความปลอดภัย 3T 1V ประกอบด้วย T : Thai Stop COVID Plus (TSC+) : โรงเรียนต้องประเมินตนเอง เตรียมความพร้อม ก่อนเปิดเรียน T : Thai Save Thai (TST) : นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาประเมินความเสี่ยงตนเองเป็นประจำ T : Test : เฝ้าระวังอย่างเหมาะสม ตรวจคัดกรอง เช่น ATK เมื่อมีความเสี่ยง หรือ เมื่อมีอาการ 

พิธีเปิดหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 4 รุ่นที่ 17 (พสบ.ทภ.4) มีข้าราชการ นักธุรกิจภาคเอกชนเข้าร่วมอบรมอย่างคึกคัก

วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.30 น. ที่ห้องอรพิน โรงแรมทวินโลตัส อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พลตรี ศานติ ศกุนตนาค รองแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีเปิด และมี พล.ต.ศุภสิทธิ์ ชิตท้วม ผู้อำนวยการสำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก ร่วมพิธี

การอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 4 รุ่นที่ 17 (พสบ.ทภ.4) โดยมีข้าราชการ  นักธุรกิจภาคเอกชนจาก 14 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมอบรมอย่างคึกคัก พร้อมด้วยสมาชิก พสบ.จชต. รุ่นต่าง ๆ เข้าร่วมในพิธีเปิด ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างรัดกุม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top