Monday, 23 June 2025
TheStatesTimes

‘หมอธีระ’ แนะวิธีปฏิบัติเมื่อเปิดเรียนอีกครั้ง เน้นผู้ปกครองย้ำเด็กถึงอันตรายของโควิด-19 ต้องชินกับการรักษาความสะอาด, เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ ปฏิบัติให้คุ้นเคยจนกลายเป็น New Normal ของทุกคนในครอบครัว

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงการรับมือกับโควิด-19 ในช่วงใกล้เปิดเรียนอีกครั้งให้แก่ผู้ปกครองและเด็กๆ ได้ทราบว่า...

New Normal...New "Me" ของพ่อแม่ลูกเมื่อเปิดเรียน

1. ตื่นเช้ามา เช็คกันสักหน่อยว่าทุกคน"สบายดีไหม?" มีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอบ้างไหม? จมูกดมกลิ่นได้ดี ลิ้นรับรสได้ดีนะ?

ถ้าใครไม่สบาย...ให้อยู่กับบ้าน รับผิดชอบต่อตัวเองครอบครัวและสังคม เท่ห์มาก

2. ย้ำกันเสมอ "ออกจากบ้านมีความเสี่ยงต่อโรค COVID-19" นะ รีบไปรีบกลับ ไม่เถลไถล

3. ทบทวนกันว่า ถ้า"ใช้ห้องน้ำห้องส้วมข้างนอกต้องระวัง" ก็ต้องรักษาความสะอาดดีๆ พ่อแม่และเด็กโตควรใส่หน้ากากเสมอ เด็กเล็กใส่หน้ากากไม่สะดวก ดังนั้นต้องเน้นว่าใช้ห้องน้ำห้องส้วมแล้วต้องรีบไปล้างมือทุกครั้ง

4. แจ้งกันให้ทราบทั่วกันทั้งพ่อแม่ลูก ว่าให้หลีกเลี่ยงการไปใช้ของร่วมกับคนอื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ตะเกียบ โทรศัพท์ ปากกา ดินสอ ไม้บรรทัด ยางลบ หรือแม้แต่ขนมอมยิ้มก็ตามแต่

5. เน้นเด็กๆ ว่า "เจอเพื่อนฝูง ทักทายกันได้ตามสมควร แต่ให้สังเกต" ว่าเพื่อนคนไหนที่มีอาการไม่สบาย ไอ จาม ต้องหลีกมาห่างๆ ไม่ไปคลุกคลี และบอกคุณครูให้ช่วยดูแลเพื่อน

6. เตือนเด็กๆ ว่า "อย่าเอามือขยี้ ล้วง แคะ แกะ เกา บริเวณตา จมูก และปาก"

7. "เช็คอาวุธ"ประจำตัวของทุกคนก่อนออกจากบ้าน

• 1) หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ใส่ไว้เสมอเวลาอยู่ข้างนอก

• 2) เจลแอลกอฮอล์แบบพกพา หากลูกๆ ยังเล็ก ไม่สะดวกในการพกหรือใช้ลำบาก ก็เน้นย้ำให้ไปล้างมือบ่อยๆ และล้างทุกครั้งที่ไปจับสิ่งของสาธารณะ

8. ตอนเย็น ไปรับที่โรงเรียน เจอกันพ่อแม่ลูก อย่าเพิ่งดีใจไปกอดหอมกันให้หายคิดถึง

เจอปุ๊บ ทักทายกันก่อนว่า สบายดีไหม? ถ้าดีก็โอเค ถ้าไม่สบายก็ไถ่ถามต่อ และจัดการไปตามระเบียบ

ยัง...อย่าเพิ่งไปกอดหอมกัน ให้คุณพ่อคุณแม่ควักเจลแอลกอฮอล์มาหยดให้ทุกคนล้างมือกันก่อน หรือพากันไปล้างมือที่ห้องน้ำ

จะกอดจะหอมกันได้ เมื่อตอนกลับถึงบ้าน อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วค่อยทำครับ

เหล่านี้คือ New Normal = New "Me" ที่ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกควรนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลังจากเปิดเรียนนะครับ

อยากให้ทุกคนสุขภาพดี ปลอดภัยจากโรค COVID-19 ครับ


ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?

นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขออภัยพี่น้องประชาชนหากผมโหวตสวนมติพรรค

นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขออภัยพี่น้องประชาชนหากผมโหวตสวนมติพรรค และชาวศรีราชา กระผมนาย ขวัญเลิศ พานิชมาท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี ต้องกราบขออภัยพี่น้องประชาชนชาวศรีราชา ที่กระผมต้องทำการขออนุญาตใช้เอกสิทธิ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับมาจากการที่พี่น้องประชาชนชาวศรีราชา ได้เลือกกระผมในฐานะตัวแทนผู้สมัครรับเลือกในนามพรรคอนาคตใหม่

กระผมขออนุญาตไม่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ตามมติพรรค (หรือพูดง่ายๆ สวนมติพรรค) ซึ่งกระผมยอมรับผลการลงโทษและการคาดโทษจากทางพรรคที่จะตามมา และพร้อมน้อมรับคำวิจารณ์จากพี่น้องประชาชนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ทุกท่าน กระผมไม่สามารถลงชื่อญัตตินี้ ซึ่งเป็นมติพรรคได้เพราะขัดกับหลักการส่วนตัว

พรรคอนาคตใหม่ หรือ ก้าวไกลเป็นพรรคที่ดีและมีอุดมการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศ ส่วนตัวผมทำงานในพื้นที่ควบคู่กันไป ผมมีความต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ ห่วงใยปากท้องชาวบ้าน จึงอาจไม่มีบทบาทมากนักในสภา สุดท้ายนี้กระผมไม่เคยลืมตัว และยังสำนึกในพระคุณของพรรครวมถึงพี่น้องประชาชน ที่ได้ให้โอกาสกระผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ครับ

นอกจากนี้ยังโพสต์อีกเรื่องคือการประชาสัมพันธ์ รถพระราชทานตรวจหาเชื้อชีวนิรภัย ให้บริการตรวจเชิงรุกฟรีแก่ประชาชน ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.- 2 ก.พ. อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สดผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ในช่วงเช้าวันที่ 28 ม.ค. ตอนหนึ่งจุดยืนส.ส.พรรคก้าวไกลต่อการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังมีชื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยนายคารมประกาศไม่เซ็นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมระบุว่าความเห็นของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไม่ใช่ความเห็นของตน ส่วนจุดยืนของพรรคก้าวไกลบางเรื่องก็ไม่ใช่จุดยืนของตน

"บอกไว้ตรงนี้เลยนะครับ ผมเป็นตัวของตัวเอง อายุเยอะแล้ว ผมรู้ว่าสถาบันบางสถาบัน ท่านก็ Disrupt อยู่ พัฒนาการทางการเมืองของน้อง ๆ เป็นสิทธิเสรีภาพ ใครทำอะไรก็ทำไป แต่ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ การเมืองก็เหมือนอาหาร ใครชอบกินอะไรก็กินไป จะมาบอกว่าอยู่บริษัทเดียวกันแล้วชอบเหมือนกันไม่ได้" คารม กล่าว

เมื่อถามว่าในขณะที่มี ส.ส. ก้าวไกล ลงชื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่เวลาเดียวกันก็กำลังเสนอชื่อแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 คารมกล่าวว่า "ผมไม่เซ็นครับ บอกผ่านสื่อเลยครับผมไม่เซ็น ไม่ทราบคนอื่นเซ็นหรือไม่ แต่ผมไม่เซ็นแล้วมาบังคับผมไม่ได้ด้วย ผมเคยงดออกเสียงในเรื่องกฎหมายโอนอัตรากำลังพล แต่เมื่อพรรคมีมติผมก็มีมารยาท ผมรู้กติกา ผมรู้ระดับของความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ผมมาสาบานตน ผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้มาตรา 112 ความคิดในทางกฎหมายผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่ามุมมองอะไรอย่างไร แต่สรุปว่าผมไม่เซ็น"


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/91293

ไทยเบฟ ร่อนแถลงการณ์ชี้แจงข่าว เตรียมแยก ‘ธุรกิจเบียร์’ มูลค่า 3 แสนล้านบาท IPO ตลาดหุ้นสิงคโปร์สัปดาห์ ยืนยันยังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ หลังมีข่าวลือถึงกรณีดังกล่าวหลายครั้ง

จากกรณีที่ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด”(มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” วางแผนแยก “ธุรกิจเบียร์” ยื่นแบบรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) เพื่อเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ภายในอาทิตย์หน้า โดยคาดว่ามูลค่าธุรกิจเบียร์ที่จะนำเข้าจดทะเบียนมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท

https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-28/thaibev-said-to-near-singapore-ipo-filing-for-10-billion-unit

ล่าสุด ไทยเบฟ ได้ออกแถลงการ ชี้แจงกระแสข่าวดังกล่าว โดยในเอกสารแถลงการณ์ระบุว่า การนำธุรกิจเบียร์เข้าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เป็นตัวเลือกหนึ่งของแผนเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ ขณะนี้ยังเป็นเพียงการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาเท่านั้น

พร้อมย้ำว่า บริษัทยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการจะเข้าตลาดหรือไม่ รวมไปถึงกำหนดการต่างๆ

ขณะเดียวกันยังเตือนให้ผู้ถือหุ้นตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนอย่างระมัดระวัง

สำหรับธุรกิจเบียร์ ที่จะแยกออกมาจากกลุ่มไทยเบฟ มีโรงงานในประเทศไทย รวมไปถึงส่วนของการถือหุ้นใน Sabeco ที่บริษัทได้ซื้อหุ้นไปในช่วงปี 2017 ด้วยมูลค่ากว่า 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีการประเมินธุรกิจเบียร์ของเครือไทยเบฟ อาจมีมูลค่าสูงสุดถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะกลายเป็นหุ้นของผู้ผลิตเบียร์ที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของภูมิภาคนี้ทันที ซึ่งนอกจากแบรนด์ ‘เบียร์ช้าง’ แล้ว ไทยเบฟยังเป็นผู้ผลิตเบียร์ภายใต้แบรนด์เฟเดอร์บรอย ,อาชา ,ฮันทส์แมน ,แบล็ค ดราก้อน ,แทปเปอร์ รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเบียร์เวียดนาม ‘ไซ่ง่อนเบียร์’ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือเรื่องไทยเบฟ จะนำ ‘ธุรกิจเบียร์’ ทำ IPO ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และทางไทยเบฟก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวทุกครั้ง

นอกจากนี้ ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาทาง ไทยเบฟ ได้เคยออกมาปฏิเสธข่าวของสำนักข่าว Reuters และสื่อในประเทศสิงคโปร์ถึงการนำธุรกิจธุรกิจเบียร์เข้า IPO มาแล้ว โดยกล่าวว่ายังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ มีการประเมินว่า หากไทยเบฟ นำ ‘ธุรกิจเบียร์’ ระดมทุนครั้งใหม่ จะเป็นการเสนอขายหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดของสิงคโปร์ ในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ที่บริษัท “ฮัทชิสัน พอร์ต โฮลดิงส์” (Hutchison Port Holdings) มีการขายหุ้นไอพีโอ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.7 แสนล้านบาท) เมื่อปี 2554

ชายชาวมาเลเซีย สั่งอาหารออนไลน์ แต่เมื่อสินค้ามาถึง เล่นเอาผงะ! เมื่อเมนูที่ชื่อ Serundeng กลับกลายเป็นเส้นยาสูบ เหตุที่โดนต้มตุ๋นครั้งนี้ เพราะวัตถุดิบดันหน้าตาคล้ายกัน

คอลัมน์ สายตรงเคแอล

อวสานเมนูโปรด เตือนสตินักช้อปออนไลน์!!

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ชายหนุ่มที่ปรากฎในภาพได้กลายเป็นไวรัลในเฟซบุ๊ก ที่มาของเรื่องนี้ เมื่อเขาได้สั่งซื้อเมนูอาหารแสนโปรด แต่สิ่งที่ได้รับ กลับทำให้สะเทือนใจ!

มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังเมื่ออาหารที่ตัวเองอยากกินไม่เป็นอย่างที่หวัง เรียกว่าเป็นมื้อที่พังพินาศ! ชายหนุ่มตั้งใจหาซื้อเมนูที่ชื่อว่า "Serundeng" มากินกับข้าว โดยสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ด้วยความที่เข้าใจผิด กลับสั่งเส้นยาสูบมาแทน!

เรื่องโอละพ่อนี้มันมีที่มา โดยลักษณะของเมนูที่ชื่อว่า Serundeng (เซอรุนเด็ง) นั้น เป็นเมนูที่ทำมาจากมะพร้าวขูด และนำมาคั่วกับสมุนไพรต่าง ๆ เช่น ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ และอื่น ๆ มักทานกับข้าวหรือ topping บนน้ำแกงกระหรี่ต่างๆ

แต่จากภาพระยะใกล้ที่เห็นในโพสต์ เส้นยาสูบ กับ เซอรุนเด็ง มันก็ช่างเหมือนกันซะเหลือเกิน!

หลังจากไวรัลนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกเห็นใจหนุ่มคนนี้ ที่ต้องอดกินเซอรุนเด็งแสนอร่อยพร้อมกับข้าว (ครั้นจะกินเส้นยาสูบกับข้าวแทนก็ไม่ไหวจะเคลียร์)

แต่หลายคนก็ให้ความเห็นเชิงเตือนสติว่า จริง ๆ แล้วเขาควรอ่านรายละเอียดหรือตรวจสอบสิ่งที่เขาจะซื้อให้ดีก่อน จะได้ไม่ต้องพบความผิดหวังแบบนี้

หวังว่าข่าวนี้จะช่วยเตือนสติขาช้อปออนไลน์ทั้งหลายได้มากขึ้น จะสั่งซื้ออะไร อย่าดูแต่รูปภาพ ควรจะตรวจสอบรายละเอียดก่อนการซื้อ จะได้ไม่ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับหนุ่มคนนี้นะคะ

Info via @kuyangeropa2.0/Facebook


"ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

‘ประกาศิตพญามังกร’ จีนสั่งปิดธุรกิจฝากเงินออนไลน์ ดับฝัน ‘แจ็ค หม่า’ หลัง ‘ระงับไอพีโอแอนต์ กรุ๊ป’ ตัดรายได้หลักของอาลีเพย์และยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ในดาบเดียว

หลังจากเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ‘แอนต์ กรุ๊ป’ เจ้าของแพลตฟอร์มการเงินออนไลน์อาลีเพย์ ได้ประกาศแผนการเข้าตลาดหุ้นทั้งตลาดเซี่ยงไฮ้และตลาดฮ่องกง โดยฝันหวานด้วยจิตใจที่พองโตว่าการเปิดขายหุ้นสาธารณะครั้งแรก (ไอพีโอ)นี้ จะระดมทุน 34,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หากการเข้าตลาดหุ้นเป็นไปอย่างราบรื่น อาลีเพย์จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 2 ล้านหยวน ทั้งแจ็ค หม่า ผู้บริหารใหญ่ในแอนต์คือ อีริค จิ่ง และลูซี่ เผิง ไปยันกลุ่มนักลงทุน ก็จะฟันกำไรก้อนโตกันหน้าบาน

แต่ทว่า ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันที่เจ้ามดน้อยอย่าง ‘แอนต์’ จะก้าวเท้าเข้าตลาดขายหุ้นไอพีโอในวันที่ 5 พ.ย. พญามังกรก็ร่อนลงมาสะบัดหางปัดมดกระเด็นออกจากตลาดไป นั่นคือ ‘คำสั่งระงับการเปิดขายไอพีโอ’ ต่อมาธนาคารประชาชนจีนซึ่งเป็นธนาคารกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานผู้คุมกฎภาคการเงินและการธนาคาร ก็ ‘นัดคุย’ กับแอนต์ กรุ๊ป

ระหว่างเกิดเรื่องเขย่าวงการหุ้นโลกนี้ อภิหมาเศรษฐีแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป และแอนต์ กรุ๊ป ก็หายตัวไปจากสาธารณะอย่างปริศนา ท่ามกลางกระแสลือว่าเขาถูกจับกุมตัวไปดำเนินคดีคอรัปชั่น หม่าหายไปสองเดือนกว่า และเพิ่งปรากฏตัวในพิธีมอบรางวัลดีเด่นให้แก่กลุ่มครูชนบทซึ่งจัดผ่านวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา

ไม่กี่วันต่อมา กลุ่มสื่อจีนออกข่าว รองผู้ว่าแบงค์ชาติจีน นาย เฉิน อี่ว์ลู่ออกมาเปิดเผยว่า แอนต์ กรุ๊ปได้จัดตั้งกลุ่มทำงานดำเนินการปรับปรุงธุรกิจตามที่หน่วยงานผู้คุมกฎเรียกร้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้อาลีเพย์ได้ปิดธุรกิจที่ทำรายได้หลักไปตลอดกาล ทำให้ผู้ใช้นับร้อยล้านรายร้องกันระงม “เสียดายจัง...”

กลับมาที่เรื่อง ‘นัดคุย’ ก่อนสิ้นปีที่แล้ว แบงค์ชาติมังกรได้เรียก แจ็ก หม่าไปพบอีก ทั้งกลุ่มยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มการเงิน เทนเซนท์ ไฟแนนเชียล เทคโนโลยี (Tencent Financial Technology) ตงจิง ไฟแนนซ์ (Jingdong Finance) ก็ถูกเรียกไปคุยด้วยพร้อมหน้ากันเพื่อแจ้งกฎข้อบังคับใหม่และการปรับปรุงธุรกิจ

หลังการ ‘นัดคุย’ อาลีเพย์ ก็จัดแจงปิดกิจการฝากเงินออนไลน์ทั้งหมดเป็นรายแรก ตามด้วย เทนเซนท์, จิงตง (JD) เหมยถวน (Meituan)…

กฎข้อบังคับใหม่ของแบงค์ชาติมังกรประกาศิตให้ภาคธุรกิจฝากเงินออนไลน์ของอาลีเพย์และบริษัทรายใหญ่อื่นๆหายวับไปจากโลกออนไลน์แผ่นดินใหญ่อย่างชนิดไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลย คงเห็นภาพแล้วว่าธุรกิจที่ทำรายได้หลักของอาลีเพย์ และบรรดายักษ์ใหญ่อย่างเทนเซนท์ จิงตง ถูกแบงค์ชาติฟันฉับดาบเดียวร่วงหมดทั้งยวงในพริบตา

ทั้งนี้ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ภาคการเงินออนไลน์เบ่งบานสะพรั่งไปทั่วแผ่นดินจีนโดยมีอาลีเพย์เป็นผู้บุกเบิก จากนั้นเหล่ายักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตและอี-คอมเมิร์ซรายอื่นๆ ทั้ง เทนเซนท์ จิงตง เหมยถวน ก็โดดลงมาชิงส่วนแบ่งตลาดโดยออกแพลตฟอร์มการเงินออนไลน์ เทียบกับระบบฝากเงินแบบเก่าแล้วระบบการเงินออนไลน์รวดเร็วกว่าและบริการน่าประทับใจ ที่สำคัญคือดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่า

เฉพาะแพลตฟอร์มอาลีเพย์ มีผู้ใช้หลายร้อยล้านราย ผู้ใช้จำนวนไม่น้อยช้อปปิ้งผ่านระบบฝากเงินออนไลน์กันอย่างเมามัน การปิดธุรกิจฝากเงินออนไลน์อย่างสายฟ้าแลบเช่นนี้ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากได้แต่มองตาปริบๆด้วยความเสียดาย

ในด้านพญามังกรที่ออกโรงโดยธนาคารกลางนั้นมองว่าธุรกิจเงินฝากออนไลน์ของอาลีเพย์และยักษ์ใหญ่ไอทีรายอื่นๆ เปรียบดั่ง ‘การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่’ และต้องจัดการให้เข้ามาอยู่ในอาณัติกำกับดูแลของผู้คุมกฎ เนื่องจากระบบฝากเงินออนไลน์มีความเสี่ยงใหญ่สองประการ

หนึ่งคือ ทำลายระเบียบการแข่งขันของตลาดฝากเงิน จากข้อมูลระบุว่าผู้ที่ทำธุรกิจฝากเงินออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง-ขนาดเล็กในท้องถิ่นและธนาคารเอกชน กลุ่มธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถแข่งขันกับสี่ยักษ์ใหญ่ธนาคารพาณิชย์ของประเทศได้เลย ดังนั้นจึงใช้วิธีการ ‘ให้ดอกเบี้ยสูง’ และอื่นๆ ที่แหกกฎข้อบังคับ

สองคือ สร้างแรงกดดันให้กับการบริหารสภาพคล่องและต้นทุนหนี้สินของธนาคาร หากกลุ่มธนาคารในท้องถิ่นและธนาคารเอกชนเหล่านี้มีความสามารถในการจัดการสินทรัพย์และหนี้สินไม่เพียงพอ เมื่อต้องประสบกับสถานการณ์ที่กองทุนเงินฝากมหาศาลถั่งโถมเข้ามา จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท หากห่วงโซ่ทุนเกิดแตกขึ้นมา ผลกระทบที่ตามมาจะเลวร้ายมากอีกทั้งขยายวงกว้างขวาง

การปิดธุรกิจฝากเงินฯ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากสูญเสียช่องทางจัดการทรัพย์สินที่สะดวกและรวดเร็วไป แต่ปกป้องทุนให้มีความปลอดภัยมากกว่า ระบบการเงินออนไลน์เป็นนวัตกรรมใหม่ การสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ดี แต่การควบคุมความเสี่ยงและเสถียรภาพสำคัญกว่า


ที่มา : https://mgronline.com/china/detail/9640000008950

ที่รัฐสภา นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3

“พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ได้พิจารณาตัวบุคคลว่าจะส่งใครลงสู้ศึกครั้งนี้ โดยต้องรอประชุมกรรมการบริหารพรรคก่อนซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมเมื่อใดแต่คงเร็วๆ นี้”

‘รมว.แรงงาน’ มอบ ผู้ช่วยฯ ลงพื้นที่จังหวัดระยอง ติดตามการตรวจคัดกรองโควิด - 19 เชิงรุกในสถานประกอบการ ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในวงกว้าง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อตรวจติดตามการดำเนินการตรวจคัดกรองโควิด - 19 เชิงรุกในสถานประกอบกิจการให้แก่ลูกจ้างผู้ประกันตน มาตรา 33

ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อโควิด - 19 เชิงรุกในสถานประกอบกิจการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องแรงงานและประชาชนทุกกลุ่ม

จึงได้มีการสั่งการและดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ตามรัฐบาลกำหนดมาอย่างต่อเนื่อง ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงได้บูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทำงานเชิงรุก เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวให้มีการจำกัดอยู่ในพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนสุขภาวะของประชาชนทั่วประเทศ

นายสุรชัย ยังกล่าวต่อว่า การตรวจคัดกรองโควิด - 19 เชิงรุกในสถานประกอบกิจการเป็นนโยบายของท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ที่จะป้องกันและควบคุมโรคติดต่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปยังแหล่งชุมชน หรือสถานที่ทำงาน หรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมไปถึงร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านบริการต่างๆ อีกทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระงานของกระทรวงสาธารณสุขในการติดตาม สอบสวนโรค

ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ลูกจ้าง ธุรกิจการท่องเที่ยว และการโรงแรม รวมถึงประชาชนทั่วไป มีความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาพื้นที่ในจังหวัดระยองได้อย่างปลอดภัยและปราศจากการติดเชื้อโควิด - 19 เพราะมีมาตรการตรวจคัดกรองโควิด - 19 ในทุกมิติ

“การตรวจคัดกรองโควิด - 19 เชิงรุกในวันนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการ ซึ่งถือเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยอง และโรงพยาบาลในเครือข่าย ในการเข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด - 19 เชิงรุกให้แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 ประมาณ 530 คน ซึ่งหากพบเชื้อจะเข้าสู่กระบวนการรักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดต่อไป” นายสุรชัย กล่าวในท้ายสุด

ญี่ปุ่นประกาศพร้อมผลิตวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ถึง 90 ล้านโดส สำหรับฉีดให้กับประชาชนในประเทศ เมื่อทาง AstraZeneca ได้ยืนยันแล้วว่าเตรียมให้ License กับบริษัทยาญี่ปุ่นสามารถผลิตวัคซีนได้ในประเทศ เป็นจำนวน 75% ของยอดจองวัคซีนทั้งหมด

เมื่อทาง AstraZeneca ได้ยืนยันแล้วว่าเตรียมให้ License กับบริษัทยาญี่ปุ่นสามารถผลิตวัคซีนได้ในประเทศ เป็นจำนวน 75% ของยอดจองวัคซีนทั้งหมดที่ทางญี่ปุ่นได้ทำสัญญาไว้กับทาง AstraZeneca จำนวน 120 ล้านโดส

รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมที่จะเริ่มแผนการฉีดวัคซีน Covid-19 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ โดยจะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรแถวหน้าก่อน และจะเริ่มทยอยฉีดให้กับประชาชนทั่วไปได้ในเดือนเมษายน โดยได้สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท AstraZeneca ไปแล้วจำนวน 120 ล้านโดส และจาก Pfizer อีก 75 ล้านโดส ตั้งแต่ปลายปี 2020

แต่เนื่องจากบริษัท AstraZenenca กำลังประสบปัญหาในการผลิตที่อาจทำให้การจัดส่งวัคซีนล่าช้ากว่ากำหนด ทาง AstraZeneca จึงเปลี่ยนเป้าหมาย ให้ License แก่บริษัทยาในญี่ปุ่นผลิตวัคซีนของบริษัทแทนจำนวน 90 ล้านโดส ส่วนที่เหลืออีก 30 ล้านโดส จะเป็นวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในอังกฤษ

ซึ่งข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากนาย คาโต้ คัทสึโนบุ เลขาธิการใหญ่คณะรัฐมนตรี หลังจากที่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากบริษัท AstraZeneca ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งจะสามารถผลิตวัคซีนได้เองในประเทศ

และทาง AstraZeneca ได้พิจารณาบริษัทยาในญี่ปุ่นหลายแห่ง และมีข่าวออกมาแล้วว่าได้เลือกบริษัท JCR Pharmaceutical ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโงะ เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมผลิตวัคซีน 90 ล้านโดสให้กับญี่ปุ่น

สำหรับญี่ปุ่น นี่ถือเป็นข่าวดีที่จะการันตีได้ว่าญี่ปุ่นจะได้วัคซีนตามจำนวนที่ต้องการอย่างเร็วที่สุด เพราะนอกเหนือจากความจำเป็นที่ต้องรีบสกัดการแพร่ระบาด เนื่องด้วยญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงอายุที่มักเป็นกลุ่มมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อ Covid-19 และญี่ปุ่นยังมีภารกิจเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ที่ได้ลงทุนล่วงหน้าไปแล้วถึง 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่จะล้มเลิกไม่ได้เป็นอันขาดนั่นเอง

และนอกจากที่ญี่ปุ่นแล้ว AstraZeneca ยังมีพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป อินเดีย ออสเตรเลีย รวมถึงไทยด้วยเช่นกัน


อ้างอิง

https://www.reuters.com/article/healthcoronavirus-japan-vaccine/update-2-japan-to-source-most-astrazeneca-vaccines-locally-amid-global-snags-idUSL1N2K306N

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/astrazeneca-produce-90-million-covid-19-vaccine-shots-in-japan-14059478

https://www.aa.com.tr/en/asia-pacific/covid-19-japan-to-locally-produce-astrazeneca-vaccine/2125920

https://www.theguardian.pe.ca/news/world/astrazeneca-to-ask-japans-jcr-pharmaceutical-to-produce-covid-19-vaccine-nikkei-545476/

https://apnews.com/article/eu-oxford-astrazeneca-covid-19-vaccine-d1b45f09b97ce528adad654045c72948

.

แหล่งข่าวในประเทศอิสราเอล ได้มีการรายงานผลของวัคซีนไฟเซอร์ล่าสุด ซึ่งมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

โดยหลังจากใช้งานจริง ด้วยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่กลุ่มเป้าหมายในประเทศเป็นเวลา 7-16 วัน จำนวน 2 เข็ม พบประสิทธิภาพในการป้องกันได้ผลถึง 92%

ทั้งนี้จำนวนประชากรชาวอิสราเอล ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ไปแล้วราว 50% ของประชากรเป้าหมาย โดยผลลัพธ์พบว่า มีคนติดเชื้อ 31ใน163,000คน ในกลุ่มประชากรของHMOแมกกาบี้ (เหมือนผู้ประกันตน)

ซึ่งเทียบกับประชากรในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จะมีจำนวนติดเชื้อถึง 6,500 คนกันเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ได้รับวัคซีน แล้วติดเชื้อ หรือมีอาการข้างเคียงก็น้อยมาก ในระดับที่ไม่ต้องเตรียมโรงพยาบาลไว้รับมืออาการข้างเคียงแต่อย่างใด

แม้ผลลัพธ์ของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้จะเป็นไปในทางที่ดี แต่ก็ยังต้องดูผลระยะยาว และรวมถึงอัตราการแพร่เชื้อในประเทศอีกด้วย


ที่มา:

https://www.timesofisrael.com/vaccine-found-92-effective-in-israel-in-first-controlled-result-outside-trials/

เปิดมาตรการผ่อนปรนศบค. คลายล็อกโควิด ร้านอาหารกทม.นั่งได้ถึง5ทุ่ม แต่ห้ามดื่มสุราผับบาร์ แต่สถานบริการ โรงเรียน ร้านนวด สนามเด็กเล่น ยังคงปิดต่อไป ผ่อนผันตลาด ตลาดนัด สามารถเปิดได้แต่ต้องจำกัดจำนวนคน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ถึงมาตรการผ่อนปรนในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ว่า…

ทางสมช.ได้เสนอที่ประชุมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด กำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ ออกเป็น 5 พื้นที่ ประกอบด้วย 1. พื้นที่เฝ้าระวัง 35 จังหวัด 2. พื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด 3. พื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด 4. พื้นที่ควบคุมสูงสุด 4 จังหวัด และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 1 จังหวัด

“สำหรับจังหวัดสมุทรสาคร ยังคงเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม หรือควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยกลุ่มสถานบริการ โรงเรียน ร้านนวด สนามเด็กเล่น ยังคงให้ปิดต่อไป ส่วนตลาด ตลาดนัด สามารถเปิดได้แต่ต้องจำกัดจำนวนคน และเว้นระยะห่าง ขณะที่ร้านอาหารเปิดได้ถึง 21.00 น. นั่งทานที่ร้านได้ โดยงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“ในส่วนของ กทม.และปริมณฑล ยังคงอยู่ในพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด และยังคงให้ปิดผับบาร์คาราโอเกะ แต่จะคลายล็อคในส่วนของร้านอาหารให้นั่งรับประทานได้ ถึง เวลา 23.00 น. จากเดิมถึงแค่ 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะและให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้าน แต่สามารถซื้อกลับได้ดื่มที่บ้านได้” น.พ.ทวีศิลป์ ระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top