Sunday, 12 May 2024
Softpower

‘กางเกงหอย’ ซอฟต์พาวเวอร์-อัตลักษณ์ ประจำหัวหิน นทท.แห่จอง-ซื้อติดมือเกลี้ยง เตรียมหยิบไปเล่นสงกรานต์

(29 มี.ค.67) นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม ประธานกลุ่มเราเพื่อนกัน อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ เปิดเผยว่า จากที่ กลุ่มเราเพื่อนกัน ร่วมกับ การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบฯ อำเภอหัวหิน และเทศบาลเมืองหัวหิน

จัดกิจกรรม เดิน-วิ่ง ‘หัวหิน รักษ์เล#2 หัวหินถิ่นมีหอย HUA HIN THE CITY OF SHELLFISH’ ครั้งที่ 2 ขึ้น เมื่อเดือน ก.พ.67 ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดตัว ‘กางเกงหอย’ สื่อเรื่องราวหัวหินถิ่นมีหอยลงบนกางเกงในรูปแบบเดียวกับกางเกงช้าง โดยมีต้นแบบมาจากกางเกงแมวของโคราช

เพื่อให้เป็น Soft Power และเป็นอัตลักษณ์ของเมืองหัวหินอีกทางหนึ่ง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนนักท่องเที่ยว ทำให้มียอดจำหน่าย ‘กางเกงหอย’ ดีอย่างต่อเนื่องนับพันตัว และล่าสุดได้ไปเปิดจำหน่าย ‘กางเกงหอย’ ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าหัวหินมาร์เก็ต วิลเลจ และได้รับความสนใจจากประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมาก สั่งจองและซื้อติดมือเพื่อไปเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

“ขณะนี้ทางกลุ่มฯ ได้สั่งเพิ่ม ‘กางเกงหอย” ไปกับทางโรงงานอีกราวหนึ่งพันตัว โดยจากเดิมที่เป็นสีเขียว จะมีสีน้ำตาลอ่อนเพิ่มอีกหนึ่งสี เพื่อเป็นทางเลือกของของผู้สวมใส่ เนื่องจากมีประชาชนสอบถามเป็นจำนวนมาก โดย ‘กางเกงหอย’ ล็อตใหม่คาดว่า จะได้ราวสิ้นเดือนเมษายนนี้ ขณะที่ในปีนี้ที่ อ.หัวหิน ได้จัดงานเทศกาลสงกรานต์

“สงกรานต์ คอกระเช้า เสื้อลายดอก สืบสานประเพณีอันดีงามของไทย รับมรดกโลก และมีกิจกรรมมากมาย ที่ตลาดนัดแพไม้ รวม 3 วัน ตั้งแต่ 11-13 เม.ย.นี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนนักท่องเที่ยวร่วมเล่นสาดน้ำสงกรานต์ได้ โดยเฉพาะคนที่สวมใส่ ‘กางเกงหอย หัวหิน’ มาเที่ยวภายในงาน ทางเราจะมีของที่ระลึกมอบให้ด้วย” นายนายกิติพงษ์ กล่าว

‘ชาวต่างชาติ’ ติดใจ!! ‘สายฉีดก้น’ ของไทย พร้อมยกให้เป็นที่หนึ่ง แถมกลับประเทศปุ๊บ รีบติดตั้งทันที ท่ามกลางชาวเน็ตแห่แนะนำวิธีใช้

(2 เม.ย.67) เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมห้องน้ำ สำหรับ ‘สายฉีดชำระ’ ที่คนไทยนิยมใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งสำหรับชาวไทยแล้วอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับชาวต่างชาตินั้นอาจจะไม่ใช่ เพราะคุ้นชินกับการใช้ทิชชูมากกว่า

ยกตัวอย่างจากผู้ใช้เรดดิทคนนี้ ที่ได้รีวิวสายฉีดชำระของไทย บอกเลยว่าเขาติดใจมาก ถึงขั้นกลับประเทศปุ๊บ ก็ติดตั้งสายฉีดชำระทันที นอกจากนี้ ยังเอ่ยชมไม่หยุดว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยสัมผัสในไทย

“พอกลับจากเมืองไทย ทิชชูมันก็เหมือนกับกระดาษทรายเลย มาอยู่ที่นี่ ฉันให้ความสำคัญกับการติดตั้งสายฉีด เพราะมันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยสัมผัสตอนอยู่ไทย ฉันคิดถึงมันจริง ๆ ห้องน้ำ (ไทย) เกือบทุกที่มีสายฉีดนี้ พอเทียบกับที่นี่แล้วมันไม่มีเลย”

เรียกได้ว่ากระทู้เรดดิทครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก ชาวต่างชาติหลายคนต่างเห็นด้วยกับสิ่งนี้ พร้อมยกว่าสายฉีดชำระนั้นดีกว่ากระดาษทิชชูเป็นไหน ๆ

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางส่วนได้แนะว่า การใช้สายฉีดชำระต้องระวังให้ดี เพราะบางครั้งน้ำก็พุ่งแรงเกินไป ยิ่งใช้ในหน้าร้อนแล้วนั้น จากประสบการณ์สุดฟิน อาจกลายเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดได้เช่นกัน

‘หนองคาย’ โชว์ซอฟต์พาวเวอร์ ผุด ‘กางเกงบั้งไฟพญานาค’ ชูจุดเด่นเอกลักษณ์ประจำจังหวัด ชี้!! ล็อตแรกมีจำนวนจำกัด

(10 เม.ย.67) นางสุกานดา พันธุ์เสือ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.หนองคาย ได้หารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของจังหวัดหนองคาย จัดทำเป็นกางเกง เพราะเห็นหลายจังหวัดเริ่มทำกันแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อหารือกันเพื่อพิจารณาจุดเด่นของจังหวัดหนองคาย จึงลงตัวที่จะผลิตกางเกงลายบั้งไฟพญานาค ออกแบบโดย อาจารย์ณัฎฐ์ จันทร์อ่วม ปราชญ์ด้านการออกแบบลายผ้าจังหวัดหนองคาย

โดยหัวกางเกงเป็นลายพญานาคใหญ่ ซึ่งจะไม่ใช้พญานาคมาเป็นลายบนผ้าเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พญานาคคนส่วนใหญ่ให้ความเคารพศรัทธา จึงควรเลือกวางตำแหน่งให้ถูกต้องเหมาะสม ดังนั้นจึงใช้ลายผ้าที่เรียกว่าลายนาคใหญ่ไว้ด้านบน ถัดลงมาเป็นรูปบั้งไฟพญานาค ดวงสีชมพู มีรถไฟวิ่งบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เนื่องจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่จังหวัดหนองคายเป็นสะพานเดียวที่มีรถไฟระหว่างประเทศแล่นผ่าน

สำหรับกางเกงลายบั้งไฟพญานาคนี้ จะมีให้เลือก 2 สี คือ สีส้มอิฐ ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดหนองคาย และ สีกรมท่าค่อนไปทางสีฟ้า ให้ความรู้สึกคล้ายสีของแม่น้ำ ผลิตจากผ้าไหมอิตาลี เพราะมีความพลิ้ว สวมใส่สบาย ซักแล้วไม่ต้องรีดก็ได้ ทรงกางเกงแบบจั๊ม เอวรูด ฟรีไซส์ ใส่ได้ทุกเพศ มีกระเป๋าด้านข้างทั้งสองข้าง ความยาวกางเกง 40 นิ้ว

โดยล็อตแรกนี้ตัดมาจำนวนจำกัดเพียง 200 ตัว ราคาตัวละ 250 บาท ผู้ที่สนใจเลือกซื้อได้แล้ววันนี้ที่บริษัทกานตนาทัวร์ อ.เมืองหนองคาย หรือ ร้านอินเตอร์สปอต อ.เมืองหนองคาย ช่องทางออนไลน์ ไอดีไลน์ nang9964 หรือโทรศัพท์ 091-5969964

‘รัฐบาล’ เล็งดัน NBT เป็นโทรทัศน์ซอฟต์พาวเวอร์ อาจปรับผังรายการ เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น

(9 พ.ค. 67) น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการโทรทัศน์ซอฟต์พาวเวอร์ ว่า จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อรองรับการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ เมื่อเราต้องการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลก็จำเป็นต้องมีที่ปล่อยของสื่อสารกับประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยที่เล็งไว้คือสถานีโทรทัศน์ที่รัฐบาลกำกับดูแล เช่น ช่อง NBT ซึ่งต้องหารือในรายละเอียดอีกครั้ง และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ที่มีอยู่ 11 คณะ ว่าคณะไหน สาขาไหน มีศักยภาพ ต้องดึงขึ้นมาก่อนหรือไม่อย่างไร ยืนยันว่าเป็นการปรับผังรายการเท่านั้น ไม่ได้ตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาใหม่ จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรามีอยู่ เพื่อประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และเป็นประโยชน์ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล

ส่วนกรณีได้รับมอบงานให้กำกับดูแลบริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) และกรมประชาสัมพันธ์ มีนโยบายขับเคลื่อนอย่างไร น.ส.จิราพร กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเชิญหน่วยงานมาหารือ อยากให้เป็นสื่อฯ สะท้อนนโยบายของรัฐบาล ขณะเดียวกันอยากให้สื่อสารนโยบายของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสื่อที่สะท้อนเสียงของประชาชน

ส่วนจะปรับเปลี่ยน 2 สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวให้มีความเป็นคนรุ่นใหม่หรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องคุยรายละเอียดที่มีค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หากช่อง NBT สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับซอฟต์พาวเวอร์ได้ จะมีความทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจากการพูดคุยกับคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ มีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีที่ให้ความสนใจอยากจะทำคอนเทนต์เกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรัฐบาลยินดีที่จะให้คอนเทนต์ เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาล และมีหลายภาคส่วน เช่น ภาคเอกชนที่อยากร่วมมือด้วย

ส่วนจะจ้างงานใหม่หรือไม่นั้น น.ส.จิราพร กล่าวว่า เป็นการให้ภาพใหญ่ในทิศทางการทำงาน ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างมีระเบียบที่หน่วยงานต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ส่วนงบประมาณดำเนินโครงการนี้กำลังหารือรายละเอียดอยู่ อย่างไรก็ตาม ต้องดูงบประมาณเก่าว่า ส่วนที่ได้รับมาได้ใช้จ่ายไปในส่วนใดบ้าง หรือจะต้องหาความร่วมมือกับภาคเอกชนเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องดูก่อน

‘ดุริยางคศิลป์ มหิดล’ ติดอันดับ 35 มหาลัยดนตรีโลก ชี้!! ไทยมี ระบบการศึกษาดนตรีที่เข้มแข็ง แซง ‘สิงคโปร์-มาเลเซีย’

(11 พ.ค.67) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้กระทรวง อว. ได้รับการจัดอันดับที่ 35 ในสาขาดนตรี ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS Top Universities Ranking ประจำปี 2567 การจัดอันดับด้านดนตรีนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นการจัดอันดับครั้งแรก โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ของไทยนับมีความโดดเด่นในการจัดอันดับสูงหลายๆ มหาวิทยาลัยในเอเชีย เช่น National University of Singapore ที่ได้อันดับที่ 38 และ University of Malaya, Malaysia ที่ได้อันดับที่ 95

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ตนมีนโยบายที่สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพของมหาวิทยาลัยไทยที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านที่แตกต่างกันมาโดยตลอด เพื่อสร้างคนที่มีคุณภาพทุกๆ ด้านให้กับประเทศ ซึ่งผลลัพธ์นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนทางดนตรีทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากความทุ่มเทของคณาจารย์ พนักงาน นักศึกษา และศิษย์เก่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีผลงานที่เคยเป็นที่ประจักษ์มาแล้วเมื่อวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้รับการจัดอันดับที่ 47 ในสาขา Performing Arts ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดย QS Top Universities Ranking ประจำปี 2565 ซึ่งยังไม่มีมหาวิทยาลัยด้านดนตรีของไทยที่ขึ้นอันดับใน Top 50 ได้จนถึงปัจจุบัน

“ปีนี้วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาดนตรี และสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยการได้รับการจัดอันดับที่ 35 ของโลก เป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นในวงการศึกษาดนตรีโลก ว่าประเทศไทยมีระบบการศึกษาดนตรีที่เข้มแข็ง และช่วยส่งเสริม ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในด้าน Soft Power ในอนาคตอีกด้วย” น.ส.ศุภมาส กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top