Saturday, 24 May 2025
PoliticsQUIZ

รมว.สาธารณสุข เผย ชี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงอยู่ในเกณฑ์ที่ประเมินไว้ ยันทุกฝ่ายทำงานเต็มที่แล้ว คาดอีก 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รายใหม่ที่พุ่งกว่า 2,000 ราย ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจะอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดบังข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขบางพื้นที่รายงานเข้ามายังไม่ครบ ซึ่งบางพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องการส่งข้อมูลเข้ามายังกระทรวงสาธารณสุขทำให้ตัวเลขสะสมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

นายอนุทิน ย้ำว่า สถานการณ์การแพร่เชื้อในประเทศขณะนี้ยังสามารถควบคุมได้ เนื่องจากยังเป็นไปตามมาตรการแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขเฉลี่ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าจากนี้ไป 2 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง

สำหรับคลัสเตอร์สถานบันเทิงพยายามจะควบคุมให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากการรวมกลุ่มลดลงตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งตัวเลขในวันนี้ก็เป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มาตั้งแต่สงกรานต์และเมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาภายใน 2 สัปดาห์อาการน่าจะดีขึ้น และหากไม่มีกลุ่มก้อนใหม่เพิ่มขึ้นมาเชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้น

ส่วนกรณีมีข่าวไฮโซเป็นต้นตอแพร่เชื้อโควิดคลัสเตอร์ทองหล่อนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีหน้าที่คอยรักษา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนงานป้องกันสาธารณสุขได้แจ้งข้อปฏิบัติไปหมดแล้วว่าจะต้องทำอย่างไร

ส่วนเรื่องวัคซีนที่จะให้ประชาชนเริ่มลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นความหวังในการรักษานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า จะเข้ามาตามกำหนดการ ซึ่งจะส่งมอบได้ในเดือนกรกฎาคมทุกอย่างต้องไปเป็นไปตามขั้นตอนความปลอดภัย และผู้ที่ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่นั้น ต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมิน

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีมีผู้สูงอายุ 3 รายพักรวมกันแล้วป่วยติดเชื้อโควิด-19 แต่รอรถมารับไปส่งโรงพยาบาลนานกว่า 6 ชั่วโมงทำให้มีผู้เสียชีวิตว่า อยู่ระหว่างให้กรมการแพทย์ประสานติดตามข้อมูลข้อเท็จจริงจาก กทม.ว่าจะต้องปรับปรุงระบบอย่างไรให้สามารถแยกแยะผู้ป่วยที่มีความฉุกเฉินก่อน ซึ่งจะต้องแยกแยะให้ได้ โดยยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งมีการประสานกันอยู่แล้วในเรื่องเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เช่นนี้ทุกคนก็เสียใจ และก็พยายามจะแก้ไข

สำหรับกรณีพบอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้รอฟังผลสรุปจากทางวิชาการ ส่วนตัวไม่ใช่นักวิชาการจึงไม่ขอวิเคราะห์ในเรื่องนี้ ถ้ายังมีสัญญาณว่าให้ฉีดต่อไปได้ก็ยังคงเดินหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป ขอให้มีความมั่นใจเนื่องจากคณะแพทย์ที่พิจารณามีความเชี่ยวชาญโดยตรง และเป็นระดับอาจารย์หมอที่ได้ศึกษาเรื่องนี้

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/80533


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ในเมียนมา ย้ำ! เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในและชายแดน พร้อมสั่งทุกเหล่าทัพให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก ในการป้องกันและรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่าง ๆ ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประชุม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาค โดยเฉพาะในเมียนมา และเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงภายในและการสู้รบในพื้นที่ชายแดนที่มีขึ้น โดยให้กองกำลังป้องกันชายแดนของทุกเหล่าทัพ ประสานการทำงานกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน การรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนในทุกช่องทาง

โดยย้ำการแสดงท่าทีต่อสถานการณ์ในเวทีระหว่างประเทศ ให้ยึดกรอบของกระทรวงการ ต่างประเทศและแนวทางของอาเซียนเป็นหลัก พร้อมทั้งให้เตรียมความพร้อมในการอพยพคนไทยออกจากเมียนมา กรณีที่สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น รวมทั้งเตรียมการรองรับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตามแนวชายแดน ตามแนวทางที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนด โดยยึดหลักมนุษยธรรมและหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคเคร่งครัด

นอกจากนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯและรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ที่กองทัพเข้าไปสนับสนุนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนในหลายภารกิจ ขณะเดียวกัน ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และทุกเหล่าทัพ ยังคงให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก ในการป้องกันประเทศและการรักษาความมั่นคงภายใน โดยให้ปรับปรุงแผนป้องกันประเทศให้ทันสมัย และยังคงต้องเตรียมกำลังให้พร้อม โดยเฉพาะการฝึกในระดับต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมใช้กำลังตอบสนองในทุกภารกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ต้องมีแผนเผชิญเหตุและมีการซักซ้อม

“ให้ดำรงความต่อเนื่องในการสนับสนุนรัฐบาล ในการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายที่ยังเป็นปัญหาสำคัญของชาติ โดยให้น้ำหนักกับการควบคุมโรคและการช่วยเหลือประชาชนฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 ไปด้วยกัน” พล.ท.คงชีพกล่าว 

“ประยุทธ” สั่งเหล่าทัพ เร่งปฏิรูปกองทัพ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต 

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่าง ๆ ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประขุม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯ และรมว.กลาโหม กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ติดตามเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพ ให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนสภาพแวดล้อมภัยคุกคามด้านความมั่นคง

ทั้งนี้ ให้แสวงความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอก กห.และต่างประเทศ นำสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสองทางมากขึ้น คือ ทั้งด้านความมั่นคงและการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะให้นำเทคโนโลยี มาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการให้มากขึ้น ควบคู่กับเร่งพัฒนาบุคลากรด้านทักษะด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการของกองทัพในอนาคต และรองรับการปรับลดกำลังพลและโครงสร้างกองทัพที่มีขนาดเหมาะสมและคล่องตัว กับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ

นอกจากนี้พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกฯและรมว.กลาโหมนรม. กล่าวถึงปัญหาโรคระบาดจากโควิด-19 ปัจจุบัน ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่กองทัพต้องนำศักยภาพและความพร้อมที่มีอยู่ เข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและทุกส่วนราชการ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคให้ประชาชนมีความปลอดภัยและใช้ชีวิตตามมาตรการควบคุมที่กำหนดในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินปัจจุบัน การระดมพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมีความสำคัญยิ่ง เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาในทุกมิติไปพร้อมกันตามความเร่งด่วน มีความสำคัญยิ่ง

นรม.และรมว.กห. ิแสดงความขอบคุณการทำงานของทุกเหล่าทัพและตำรวจที่ผ่านมา ทั้งการสนับสนุน ศบค.ดูแลความมั่นคงโดย ศปม.ต่อเนื่องที่ผ่านมา พร้อมกำชับให้ดำรงความต่อเนื่องสนับสนุนดูแลประชาชน ในด้านต่าง ๆ อาทิ การคัดกรองคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ ผ่านสถานกักควบคุมโรคแห่งรัฐ, การเตรียมการรองรับคนไทยจำนวนมาก ที่ทยอยเดินทางกลับจากมาเลเซีย, การเตรียมอพยพคนไทยเดินทางกลับจากเมียนมา หากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น, การสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย, การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ รองรับจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อจำนวนมาก

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า การขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลทหาร ให้รองรับผู้ป่วยระดับแดงและเหลือง, การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ ทำหน้าที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข, การบริหารจัดการรถ เพื่อรับและส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา, การช่วยกวดขันมาตรการควบคุมตามที่รัฐกำหนด ในกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง และการบริหารจัดการวัคซีน ให้กับกำลังทหารและตำรวจ ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาด ที่ยังอยู่ในสภาวะขาดแคลนในปัจจุบัน

“บิ๊กตู่” ถกสภากลาโหมเห็นชอบขยายแผนแม่บทพัฒนากำลังพลสำรองกลาโหม ปี60-65 แต่งตั้งกก. จัดทำร่างปี 66-70  ต่อ หวังสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ หนุนแก้ปัญหาภัยคุกคามประเทศ เร่งปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีให้มีความทันสมัย

วันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 4/2564 ไปยังห้องประชุมต่างๆในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

ภายหลังการประขุม  พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าว่า ที่ประชุมสภากลาโหมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2565 โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาของแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2564 ออกไปอีก 1 ปี ( พ.ศ.2565) และแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนากิจการกำลังพลสำรองของกระทรวงกลาโหมในระยะเวลาต่อไป พ.ศ.2566-2570 เพื่อให้สอดคล้องกับห้วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ โดยแผนแม่บทฉบับดังกล่าวกำหนดเป็นแนวทางการบริหารและพัฒนากิจการกำลังสำรองของชาติ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ ตามแนวคิดทางยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม ทั้ง 3 ด้าน คือ การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง การผนึกกำลังป้องกันประเทศ และการป้องกันเชิงรุก 

พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการเร่งปฏิรูปกองทัพด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กำชับให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพให้ความสำคัญกับการพัฒนางานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทหารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ติดตามเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปกองทัพให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนสภาพแวดล้อมภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทั้งนี้ให้แสวงความร่วมมือกับเครือข่ายหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอกกระทรวงกลาโหมและต่างประเทศนำสู่การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสองทางมากขึ้น คือทั้งด้านความมั่นคงและการประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะให้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับระบบบริหารจัดการให้มากขึ้นควบคู่กับเร่งพัฒนาบุคลากรด้านทักษะด้านดิจิทัลเพื่อรองรับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการของกองทัพในอนาคต และรองรับการปรับลดกำลังพลและโครงสร้างกองทัพที่มีขนาดเหมาะสมและคล่องตัวกับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่าง ๆ 

ดีอีเอสจับมือเครือข่ายมือถือติดฟรีไวไฟรพ.สนาม

“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส เปิดกว้างเอกชนผู้ให้บริการมือถือ/อินเทอร์เน็ต รวมพลังสนับสนุน Wifi ให้กับ รพ.สนามทั่วไทยสู้โควิด หนุนภารกิจช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยเข้าถึงการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมได้มากที่สุด

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงดิจิทัลฯ ในการนำทรัพยากรด้านเทคโนโลยีและบุคลากร เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรแนวหน้ารับมือโควิด-19 ล่าสุดนอกเหนือจากได้สั่งการ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ลงพื้นที่ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตไวไฟ ไอพีโฟน และซีซีทีวี ให้โรงพยาบาลสนามทั่วไทยแล้ว ยังประสานงานกับโอเปอเรเตอร์ภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนด้วย เพื่อให้สามารถช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยใน รพ.สนาม เข้าถึงการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมได้มากที่สุด

ทั้งนี้ มีภาคเอกชนทยอยขานรับให้ความร่วมมือเข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ล่าสุดนายชารัด เมห์โรทา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ดีแทค) ได้เดินทางเข้าพบเพื่อปรึกษาแผนงานรองรับสถานการณ์โควิด-19 ร่วมกัน และสาธิตการใช้งานของ Fixed Wireless Broadband ที่จะนำไปใช้งานที่โรงพยาบาลสนาม สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องในการรักษาและควบคุมโรคระบาดโควิด-19 รวมถึงรองรับการใช้งานของผู้ป่วย นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงการปรับโครงข่ายมือถือเพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมากในทุกโรงพยาบาลสนามอีกด้วย

โดยวันนี้ (23 เม.ย. 64) ได้มีตัวแทนจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) คือ พญ.สุภาพร กรลักษณ์ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ และนายแพทย์ภัทรวินฑ์ อัตตะสาระ รองผู้อำนวยการสำนักนิเทศระบบการแพทย์ เดินทางมารับมอบอุปกรณ์ 100 ชุด เพื่อนำไปติดตั้งบริการฟรี-ไวไฟ ให้กับโรงพยาบาลสนามตามที่มีการแจ้งความประสงค์เข้ามา

“บิ๊กตู่” สั่งเหล่าทัพสแตนบายรถพยาบาลทหารขนย้ายผู้ป่วย กทม.- ปริมณฑล รวม 47 คัน พร้อมสั่งโรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยระดับ 1 และระดับ 2 หลังศบค. กังวลเพียงไอซียูเหลือน้อย

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการจัดเตรียมรถทหารเพื่อสนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ว่า กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมรถพยาบาลทหารไว้ จำนวน 26 คัน โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานครในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อนำส่งโรงพยาบาลสนาม นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมรถพยาบาลทหารเพิ่มเติมพร้อมปฏิบัติการอีก จำนวน 21 คัน รวมทั้งหมด 47 คัน ในส่วนที่ศบค.มีข้อกังวลเหลือห้องไอซียูที่เหลือเตียงเพียง 69 เตียงนั้น วันนี้พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้สั่งการในที่ประชุมสภากลาโหมให้โรงพยาบาลทหารขยายความสามารถรับผู้ป่วยให้ได้มากขึ้น เพื่อรับผู้ป่วยในระดับ 1 และ ระดับ 2 ที่แสดงอาการในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ศาลให้ประกันตัว ‘สมยศ-ไผ่ ดาวดิน’ แล้ว หลังรับเงื่อนไข หยุดพาดพิงสถาบันกษัตริย์ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 เม.ย. 64 ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 7 สองแกนนำกลุ่มราษฎร คดีหมายเลขดำอ.287/64 ซึ่งยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา ม.112 ,116 กรณีร่วมกันชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 และปักหมุดสนามหลวง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของจำเลย พยาน และคำร้องประกอบการพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุที่จำเลยจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและไม่เชื่อว่าจะหลบหนี อีกทั้งจำเลยยืนยันว่าจะไม่กล่าวพาดพิงหรือก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จะนำหมายปล่อยตัวจำเลยทั้งสอง ช่วงเย็นวันนี้ (23 เม.ย. 64 ) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป 


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กระทรวงแรงงาน เผยปีงบ 64 คนหางานได้บรรจุงานทั่วประเทศแล้ว 152,158 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยยอดผู้สมัครงานใช้บริการหางาน 191,564 คน บรรจุงานแล้ว 152,158 คน หรือร้อยละ 79.43 แนะสมัครด้วยตนเองผ่านเว็บ smartjob สะดวก ไม่มีค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยงจากการเดินทาง 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยสถานการณ์การว่างงานของคนไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างมาก ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทราบสถานการณ์เป็นอย่างดีและไม่เคยนิ่งนอนใจ ได้กำชับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตลอดว่า ยิ่งมีคนว่างงานมากขึ้น เจ้าหน้าที่ของเรายิ่งต้องทำงานให้หนักขึ้น เพื่อให้คนไทยมีงานทำ มีรายได้ สามารถรับมือจนวิกฤติโควิด-19 นี้ผ่านพ้นไป

“จากสถิติผู้สมัครงานที่ใช้บริการจัดหางานกับกรมการจัดหางานในปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา (ตุลาคม 2563-มีนาคม 2564) มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 191,564 คน ได้รับการบรรจุงาน 152,158 คน หรือร้อยละ 79.43 แบ่งเป็นใช้บริการ ณ พื้นที่กรุงเทพมหานคร 39,495 คน บรรจุ 31,948 คน หรือร้อยละ 80.89 ปริมณฑล 19,075 คน บรรจุ 14,773 คน หรือร้อยละ 77.45 ภาคกลาง 47,708 คน บรรจุ 42,163 คน หรือร้อยละ 88.38 ภาคเหนือ 26,827 คน บรรจุ 21,509 คน หรือร้อยละ 80.18 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 30,540 คน บรรจุ 22,344 คน หรือร้อยละ 73.16 และ ภาคใต้ 27,919 คน บรรจุ 19,421 คน หรือร้อยละ 69.56 โดยสามารถใช้บริการจัดหางาน ณ พื้นที่ที่ต้องการทำงานหรือเลือกสมัครงานผ่านช่องทางการให้บริการจัดหางานรูปแบบออนไลน์ด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ smartjob.doe.go.th หรือ ไทยมีงานทำ.com ได้ตามที่สะดวก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สะดวกรวดเร็ว และลดความเสี่ยงของโรคโควิด-19 จากการเดินทางไปที่สาธารณะ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว 

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ได้สั่งการ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัดให้บริการประชาชนที่ว่างงาน ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน กลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ต้องการหางานทำทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงความลำบากของคนหางานให้มาก

“ทั้งนี้ กรมการจัดหางานมีการนำบริการที่ครอบคลุมภารกิจทุกด้านของกรมการจัดหางาน เข้าหาประชาชนที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งบริการของรัฐ ทั้งด้านข้อมูลข่าวสารตลาดแรงงาน การให้บริการจัดหางาน รวมทั้งการแนะแนวอาชีพ แนวทางการประกอบอาชีพอิสระ และฝึกอาชีพอิสระ ที่เน้นการให้บริการตรงถึงระดับตำบล ชุมชน และครัวเรือนที่ยากจน โครงการจัดหางานเชิงรุกเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ศูนย์บริการจัดหางาน Part-Time  โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน (Co-Payment) ตลอดจนสนับสนุนเงินกู้โดยคิดดอกเบี้ย 0% แก่กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน” นายไพโรจน์ฯ กล่าว

เดินหลง...ในดงโซเชียล​ By​ รัตนา​ &​ โกสินทร์

ไม่อยากนั่งรอดู ความล่มสลายของระบบสาธารณสุขไทย แต่ปัญหาความไม่พอเพียงของบุคลากร​ และเวชภัณฑ์​ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือในการรักษามันเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน

ตรงนี้ก็ไม่ทราบว่า ท่านอนุทิน ชาญวีระกุล จะจัดการอย่างไร ?

ถึงแม้ว่าจะเร่งจัดหาวัคซีนมาให้คนไทย​ ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราไม่มีการบริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ​ กว่าที่เราจะได้วัคซีนที่คนแย่งกันทั้งโลก ก็คงเป็นตอนที่เราเหลือกันอยู่น่อยคนเอานะท่าน​ ยังไงๆ​ ทุกอย่างมันต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ​ กัน จะเน้นอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้น้อ!! 

ว่ากันเรื่องวัคซีน ไถหน้าจอ ไปเจอเกรียนลาว แล้วอยากตบกะโหลก  มาหยามเราว่า สปป.ลาว เริ่มฉีดวัคซีนแล้ว 

ไม่เชื่อไปดู #สปปลาว ได้ เห็นคอมเมนต์เกรียนๆแล้วนั่งขำ ต้นเรื่องบอกว่าลาวได้รับ 2​ พันโดส ไทยเราตามหลังลาว

ส่วนพวกลูกกระจ๊อกก็คอมเมนต์เหยียดไทยไปอีก...

ฮัลโหล!!!! ไม่เกินพรุ่งนี้ เราจะฉีดทะลุ 1 ล้านโดสแล้วจ๊ะหนู.....

ส่วนประเด็นเรื่องวัคซีน​สุดฮือฮาจากปาก​ คุณโทนี่ วูดซัม ที่ออกมาเจื้อยแจ้วฉอเลาะในแอปพลิเคชันคลับเฮ้าส์​เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่บอกจะคุยกับปูติน เรื่องวัคซีนสปุกนิคให้นั้น!! 

ขำก๊ากเลย​ ก็ตรงนี้มันตลกฝืด ออกมาพูดเหมือนอยากตีกิน เอาใจแฟนคลับ ทั้งๆ​ ที่รัฐบาลออกมาพูดว่า จะจัดหาวัคซีน ทั้งของรัสเซีย และสหรัฐอเมริกาไว้ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนแล้ว 

ล่าสุดทางเคลมลิน ก็บอกมาแล้วว่าจะรีบส่งมาให้ ส่วนของอเมริกาก็ตกลงเบื้องต้นจะขายและส่งมาให้ 10 ล้านโดส

ตรงนี้พูดเลยว่า คุณูปการของ ชื่อเสียงหมอไทย ที่ทำให้ทุกชาติ อยากให้เราใช้วัคซีนของเค้า จนเมืองไทยของเรา แทบจะเป็นชาติแรกๆ​ ในโลกที่มีการใช้วัคซีนจากหลายเจ้า 

แต่พูดแบบนี้​ ก็อย่าตีความต่อว่าเค้าเอาเรามาเป็นหนูทดลอง เพราะเราไม่ได้ให้ข้อมูลผู้รับวัคซีนแลกเปลี่ยนเหมือนที่หลายๆ​ ประเทศทำหรอกวุ้ย​ เพราะรู้ไหมว่า​ ต่างแดนน่ะเค้าอยากได้การรับรองจากหมอไทยเพื่อความน่าเชื่อถือเสียมากกว่า​ ไม่ได้โม้!! 

แต่ไอ้ส่วนเรื่องทำไมไม่รีบซื้อมาก่อนหน้านี้ ก็อย่าริเก่งกว่าหมออีกละ เพราะการวิจัยผลการทดสอบ มันค่อยๆ​ ออกมาให้ได้วิเคราะห์
นี่อนุมัติเพื่อชีวิตคนนะ ไม่ใช่อนุมัติยาทาสิว​ เบาๆ​ กันหน่อย!! 

เพราะดูได้เลยว่า หลายประเทศเค้าดำเนินการตามอย่างที่ไทยเราทำ เรื่องนี้ควรภูมิใจ มากกว่าคิดเล็กคิดน้อยเป็นสมองมด ดูแคลนประเทศตัวเอง

อ้อ!! อีกเรื่องนึงที่ไม่อยากข้าม​ คือ​ เรื่องสายด่วนต่างๆ มีข่าวคุณยาย รอรถพยาบาล จนเสียชีวิต ตรงนี้อ่านฟีดแล้วสลด ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว​ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้บริหารสายด่วนต่างๆ จะเริ่มตื่นตัว ปรับปรุงและแก้ไขปัญหา หรือ จะปล่อยให้เกิดขึ้นต่อ​ เพราะทำอะไรไม่เป็น​ เก่งแต่รับตำแหน่งมาแล้วปล่อยไว้แบบนี้ ประจานภาพเจ้าหน้าที่ทำงานรับสายโดยไม่มีคอมพิวเตอร์​ ทำงานแบบ 'อนาล็อก'​ ไม่เป็น 4.0​ ห่วยเหลือคณา

ส่วนตัวแปลกใจตั้งแต่การแตกเบอร์ 1422 กรมควบคุมโรคแล้ว​ เพราะก่อนหน้านี้ ถ้าเราจำกันได้​ 1422 นี่เทพยังกะเบอร์ฉุกเฉิน 191 สายด่วนในตำนาน ที่ปีก่อน ตอนโควิดระบาด ทุกภาคส่วนต่าง ให้การซูฮก 1422 ถามได้ตอบได้​ และ "ประสานงานให้การช่วยเหลือ" ได้แบบอับดุล ครอบจักรวาล แม้แต่สายด่วน 1111 ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชนหรือ 191 สายด่วนฉุกเฉิน ยังต้องส่งไม้ต่อมาให้ 1422 เป็นแม่ข่าย 

แต่ตอนนี้พูดถึงเบอร์ใหม่​ (1668-1668) มันน่าฉงน ไม่รู้ว่ากลการเมืองเข้าไป​ 'แย่งชื่อ -​ แย่งแสง'​ หาผลงาน จนต้องแตกสายด่วนออกมาหลายเบอร์ สร้างความสับสนให้ประชาชนกันทำไมไม่รู้ เอาซะจนตอนนี้ 1422 ไม่ต่างอะไรกับสายโทรให้ความรู้ ทั้งๆ​ ที่คนจำได้ทั้งเมืองว่า เอาไว้โทรขอความช่วยเหลือเรื่องโควิด
บอกให้ก็ได้​ การแตกสายด่วน มันทำให้เห็นว่า การประสานงานภายในไม่มีเอกภาพ แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งและแย่งกันทำงาน

รู้ถึงตรงนี้ แล้วน่าสงสารประชาชนพวกเรากันเอง กับการประสานงานที่ล่าช้ายิ่งกว่าสั่งพิซซ่ามากิน

งงจริงๆ กับระบบงานดีๆ ไม่พัฒนา ให้ดีขึ้น แต่เอามาแยกย่อยเอาไว้สร้างผลงาน ฉงนงงงวยกับ กระทรวงหมอวันนี้จริงๆ

พับผ่าเถอะ!! 

“บิ๊กป้อม” ขอบคุณ จนท.และชมรมคนริมน้ำช่วยกำจัดผักตบชวา/วัชพืช ป้องกันน้ำหลากฤดูฝน - ลดผลกระทบการสัญจร พร้อมกำชับ จนท.ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ภายใต้ New Normal เคร่งครัด

เมื่อ 26 เมษายน พ.ศ.2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม./ผอ.กอนช. ได้กล่าวขอบคุณ เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ และชมรมคนริมน้ำ ซึ่งเป็นจิตอาสาชุมชน ได้ร่วมกันกำจัดผักตบชวาและวัชพืช ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหลักของภาครัฐ ประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่สำคัญอย่างยิ่งมีประชาชนจากชมรมคนริมน้ำ จำนวนมากที่ได้ให้ความร่วมมือ ร่วมใจในการดำเนินกิจกรรมกำจัดผักตบชวา และวัชพืช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ด้วยดี  สำหรับพื้นที่ที่ได้ดำเนินการกำจัดแล้ว และกำลังดำเนินการอยู่ ในขณะนี้ อาทิ บริเวณ แม่น้ำเจ้าพระยา อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท ,แม่น้ำลพบุรีและคลองพระครู อ.บางปะหัน  ,แม่น้ำน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ในการเดินเรือสัญจรทางน้ำ,การระบายน้ำ และการป้องกันน้ำเน่าเสีย จากความหนาแน่นของผักตบชวา และวัชพืช 

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่รับผิดชอบดังกล่าวให้เร่งรัดกำจัดผักตบชวา และวัชพืชให้หมดไป อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ดำรงวิถีชีวิตอยู่ริมแม่น้ำลำคลองและต้องใช้การสัญจรทางน้ำ พร้อมขอให้ ระมัดระวังอุบัติเหตุจากการปฏิบัติงาน และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายใต้มาตรการ ของ สธ.อย่างเคร่งครัด ในขณะนี้ด้วย และขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือด้วยดี ตลอดมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top