Tuesday, 10 June 2025
NewsFeed

รองโฆษกรัฐบาล เผย กรมวิทย์ฯ-สปสช. เร่งอบรบ “อสม.นักวิทย์”-โรงงานสอน ใช้ชุดตรวจ ATK เปิดไลน์สปสช  @nhso ให้ปชช.เข้าสู่ระบบรักษาที่บ้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายโควิด-19 โดยกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้เตรียมกำลัง อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน (อสม.นักวิทย์)5,000 คน เพื่อสอนการใช้ชุดตรวจATKให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ และสปสช.เปิดช่องทางการสื่อสารผ่านไลน์ @nhso เพิ่มความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเข้าระบบกักตัวที่บ้าน( Home Isolation)ได้ทันที

น.ส.รัชดา กล่าวว่า โดย อสม.นักวิทย์  จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการสอนวิธีใช้งานชุดตรวจ เน้นไปที่การให้ความรู้ แนวทางและข้อควรระวัง ให้ประชาชนสามารถใช้ชุดตรวจด้วยตนเองอย่างถูกวิธี อาทิ การอ่านและแปลผล การลงข้อมูลผลการตรวจ การปฏิบัติตนหลังทราบผล การสวมและถอดชุดป้องกันส่วนบุคคล และการกำจัดขยะติดเชื้อ เป็นต้น และการอบรมอสม.นักวิทย์ยังเน้นไปที่การฝึกปฏิบัติภาคสนาม ในพื้นที่ ตลาดสด ชุมชน เพื่อให้คำแนะนำ รวมไปถึงการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง การฝึกใช้ชุดตรวจกับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งตลอดกระบวนการอบรมจะมีการประเมินทักษะโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ และยังได้มีการจัดทำคู่มือเพื่อประกอบการดำเนินงานให้แก่ อสม. อีกด้วย รวมถึงมีความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมได้ดำเนินการอบรมการใช้ชุดตรวจ ATK แก่พนักงานโรงงานแล้ว
กว่า 2,000 แห่ง

ขณะที่สปสช.เปิดช่องทางการสื่อสารผ่านไลน์ จึงเชิญชวนประชาชนทุกสิทธิรักษาให้ยืนยันตัวตนผ่านไลน์ @nhso ล่วงหน้า เพื่อความรวดเร็วในการเข้าระบบดูแลที่บ้าน หากผลตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด19 จะได้ลดขั้นตอนการยืนตัวตน ส่วนผู้ติดเชื้อโควิดที่กำลังกักตัวที่บ้านรอจับคู่กับหน่วยบริการเพื่อดูแล ก็สามารถยืนยันตัวตนผ่านช่องทางนี้ได้ และเมื่อผู้ติดเชื้อได้รับคิวอาร์โค้ด ตอบกลับจากหน่วยบริการแล้ว จะสามารถสแกนแล้วเข้าระบบดูแลทันที กรณีที่ไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนจะใช้วิธีการยืนยันตัวตนแบบเดิม คือ แจ้งหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ได้เช่นกัน 

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือดูรายละเอียดขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ที่ https://youtu.be/zc7ClnmOWf8

ก.แรงงาน มอบใบประกาศขอบคุณภาคเอกชนเอื้อเฟื้อสถานที่ และ รพ.เครือข่ายประกันสังคม สนับสนุนการฉีดวัคซีนผู้ประกันตน ม.33 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นางสาวบุปผา เรืองสุด ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบใบประกาศขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมให้การสนับสนุนสถานที่และโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมที่สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 ณ ศูนย์การค้าซีคอนบางแค ถนนเพชรเกษม, ศูนย์การค้า เอสซี พลาซ่า (สายใต้ใหม่) และศูนย์บัญชาการรักษาดินแดน กรุงเทพ  โดย นางธิวัลรัตน์ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และประชาชนทั่วไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาตินั้น และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายสำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยโดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงการคลัง โดยธนาคารกรุงไทย และสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดทั้งในโรงงาน และสถานประกอบการ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ท่านสุชาติ ชมกลิ่น ได้มอบหมายให้ดิฉันและคณะลงพื้นที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ผู้ประตน มาตรา 33 เพื่อมอบใบประกาศขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมให้การสนับสนุนสถานที่และโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมที่สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีนโควิด-19ให้แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 สำหรับผู้ประกันตนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นหนึ่งในมาตรการที่กระทรวงแรงงาน ให้การป้องกันรักษาโดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามนโยบายรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในกลุ่มแรงงาน เพื่อให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้” นางธิวัลรัตน์ กล่าวในท้ายสุด

IWRM. - โรงเรียนโกศลวิทยา เร่งส่งมอบน้ำดื่มสภากาชาดไทย และศูนย์พักคอย ในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี เพื่อผู้ติดเชื้อโควิด-19

โรงเรียน​โกศล​วิทยา​ และคณะครูอาจารย์ ร่วมมอบน้ำดื่มขนาด 600 มล. จำนวน 12,000 ขวด ให้สภากาชาดไทย ส่งมอบน้ำดื่มเพื่อผู้ติดเชื้อโควิด-19

คุณธนวัฒน์ สันตินรนนท์ ผู้แทนกลุ่มตนรักษ์น้ำ องค์กรผู้ใช้น้ำ (สทนช.) และกรรมการบริหาร บ.อินดัส เตรียล วอเตอร์ รีซอร์ส แมนเนจเมนท์ จก.(IWRM) ร่วมแบ่งปันน้ำใจมอบน้ำดื่มให้ รพ.สนาม และศูนย์พักคอย รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 64 

คุณทศพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผจก.ฝ่ายบริหาร บ.อินดัสเตรียลวอเตอร์ รีซอร์สแมนเนจเม้นท์ จก. ร่วมแบ่งปันน้ำดื่มให้แก่ ศูนย์พักคอยต.หนองหงษ์ จำนวน 1,200 ขวด โดยมี นายพยน เจริญสุข นายกอบต.หนองหงษ์ และนางประไพพักตร์ คุ้มวงศ์ ผอ.กองสาธารณะสุข รับมอบ เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ ต.หนองหงษ์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี

คุณวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ผู้ประสานงานพื้นที่และชุมชนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และคุณศราวุฒิ​ เปลี่ยนอารมย์​  ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ บ.อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ส แมนเนจเมนท์ (IWRM) ผู้ผลิตน้ำประปาเพื่อบริโภคและเพื่ออุตสาหกรรม ในเขตพื้นที่ EEC ร่วมสนับสนุน น้ำดื่มขนาด 600 มล.จำนวน 1,200 ขวด ให้ศูนย์พักคอยต.เกาะลอย,ต.บางหัก อ.พานทอง จ.ชลบุรี

เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ โดยมีท่านพระครูวิสุทธิกิจจานุรักษ์ พระสังฆาธิการ เจ้าคณะตำบลเกาะลอย,นางสาวจงกมล ประสมสุข ปลัดอบต. ต.เกาะลอยบางหัก ,นายเรวัต ทองโต ประธานสภาฯ,นางวัลลีย์แก้วตา หัวหน้าสำนักปลัด อบต. ,ผอ.เอกพร รดมณี ,ผอ.อาทิตย์ ลิขิตธนกุล ผอ.รพสต.ต.เกาะลอย/ ต.บางหัก ร่วมรับมอบ ณ ศูนย์พักคอย วัดยุคลราษฎร์สามัคคี ม.4 ต.เกาะลอย อ.พานทองจ.ชลบุรี เราจะก้าวผ่าน โควิด-19 ไปด้วยกัน

“แสนยากรณ์” ชี้ Covid Free Setting สถานประกอบการต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เสี่ยงทำลูกจ้างไม่ได้กลับเข้าทำงาน เพราะรัฐฉีดวัคซีนล่าช้า แนะฉีดวัคซีนเชิงรุก รับมาตรการคลายล็อก ห่วงเงื่อนไขตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ทำยาก ผู้ประกอบการแบกต้นทุนเพิ่ม 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงการกำหนดมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ที่ ศบค. ขอความร่วมมือสถานประกอบการที่มีความพร้อม นำร่องดำเนินการควบคู่กับการคลายล็อกที่จะเริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้ว่า ร้านอาหารหลายร้านอยากให้คนเข้ามานั่งรับประทาน บริการลูกค้าอย่างปลอดภัย เตรียมทำตามมาตรการ Covid Free Setting ให้ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ พนักงาน ต้องผ่านการฉีดวัคซีน 2 เข็ม แต่การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มในไทย ทำได้เพียงร้อยละ 10.5 ของประชากรทั้งหมด หมายความว่า ลูกจ้างพนักงานจำนวนไม่น้อย ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ อาจไม่ได้กลับเข้าทำงาน ต้องเดือดร้อนเพราะการฉีดวัคซีนล่าช้าของรัฐบาล 

“รัฐบาลวางเป้าหมายอยากฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้คนอยู่กับโควิดให้ได้ เริ่มคลายล็อกสถานประกอบการ ลูกจ้างมีความหวังได้งานกลับมา แต่การนำร่องมาตรการให้พนักงานต้องผ่านการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ถ้าจะใช้เงื่อนไขนี้จริง ปลอดภัยแน่นอน แต่ถ้ารัฐบาลยังฉีดวัคซีนล่าช้าแบบนี้ ไม่เกิน 2 เดือน ตกงานเพิ่มแน่นอน เกิดเป็นผลกระทบที่ลูกจ้างต้องรับ ทั้งที่เป็นความล่าช้าของรัฐบาล จึงอยากให้มีการฉีดวัคซีนเชิงรุกเพิ่มขึ้น เล็งพื้นที่สีแดงเข้ม ในกลุ่มอาชีพที่ต้องให้บริการโดยเฉพาะ รองรับมาตรการคลายล็อก จะได้ไม่ต้องกลับมาล็อกกันอีกรอบ” นายแสนยากรณ์ กล่าว 

ส่วนการนำร่องมาตรการให้สถานประกอบการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า ราคาชุดตรวจตามท้องตลาดยังอยู่ที่ 200 - 300 บาทต่อ 1 ชุด หากเทียบราคาขายในต่างประเทศเฉลี่ยชุดละไม่เกิน 100 บาทเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะขอให้ผู้ประกอบการนำร่องตรวจพนักงานทุกสัปดาห์ ราคาชุดตรวจ ATK ต้องถูกกว่านี้ เพราะต้องเป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายทุกสัปดาห์ กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุขควรจะได้ข้อสรุปร่วมกันถึงราคาท้องตลาดที่เหมาะสม

“บิ๊กตู่” สั่งเตรียมมาตรการรับมือน้ำท่วม -ช่วยเหลือปชช.ให้เร็วที่สุด มอบทหาร-ตร.เข้าสนับสนุน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในขณะนี้ว่า เรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของ จ.ชลบุรี และสมุทรปราการ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับไว้ และเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด มีฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ เข้าไปสนับสนุนด้วย

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์มอบแคปซูลเพื่อใช้บรรจุยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร 1,000,000 แคปซูล ให้จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้านภัยโควิด-19

ที่ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายไมตรี ไตรติลานันท์  ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรารับมอบแคปซูลเพื่อใช้บรรจุยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจำนวน 1,000 ,000 แคปซูล  โดยนายสมโภชน์  อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์  และนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้  ในฐานะประธานที่ปรึกษามูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ มอบให้ทีมงาน CSR นิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ เป็นผู้แทนมอบ 

โดยทางจังหวัดจะกระจายส่งมอบต่อให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พนมสารคาม และหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งวัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ผลิตสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนำไปบรรจุ และจัดสรรให้แก่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่กำลังรักษาตัวและแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

สำหรับการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรเป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโควิด -19 เป็นไปตามแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขได้ให้การรับรองว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด -19 ที่มีความรุนแรงน้อยได้

ทั้งนี้ ภาคเอกชนโดย EA  ร่วมกับ บลูเทคซิตี้ และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจโควิด-19 และช่วยเหลือสังคม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

ครม. อนุมัติ งบฯกลาง 105.59 ล้านบาท ให้ กรมประชาฯ รณรงค์ เอาชนะโควิด-19 เร่งสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ ด่วน ภายใน ธค.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105.59  ล้านบาท ให้กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน หรือภายในเดือนธันวาคม2564  โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 โดย เฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งเกิดการเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร(Fake News) เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายได้

ดังนั้นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการแก้ไขปัญหา วิธีปฏิบัติตน และการรับการเยียวยาจากภาครัฐ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วน  ที่กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะหน่วยงานสื่อภาครัฐต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานสื่อทุกภาคส่วนของประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19  ในภาพรวมประสบความสำเร็จ สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

'สิระ' ฉุนขาด หลัง 'ไฮโซลูกนัท' เอาเช็คเงินสด 10 ล้านมาวางเดิมพัน ลั่น ไม่ใช่เพื่อนเล่น!

จากกรณีวิวาทะระหว่าง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กับ ไฮโซ ลูกนัท หรือ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ซึ่งถูกลูกหลงในการชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และออกมาเปิดเผยว่า ตนเองตาบอด

จากนั้น นายสิระ ได้ตั้งข้อสังสัยว่า ลูกนัทอาจจะตาบอดไม่จริง กระทั่งมีการนัดวางเงินเดิมพัน 1 ต่อ 10 ล้าน กับ “ไฮโซลูกนัท” ณ บ้านทรงไทย หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ วันนี้ (11.00 น.) โดยพบว่า นายสิระ ได้นำเงินสด 1 ล้าน มารอตั้งแต่ 11.00 น. และแถลงข่าว ด้านไฮโซลูกนัท ได้นำเช็คเงินสดสั่งจ่าย นายสิระ จำนวน 10 ล้านบาทมาเช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อนายธนัตถ์ เดินทางมาถึงพร้อมเช็ค 10 ล้านบาท นายสิระ เกิดอาการโมโหอย่างรุนแรงพร้อมกับระบุว่า เช็คใบละแค่ 10 บาท จะเอามาแลกกับเงินหนึ่งล้านได้อย่างไร มันใช่เหรอ ไม่ใช่เพื่อนเล่น และขอร้องเรื่องหมิ่นสถาบันฯ ตาอีกข้างหนึ่งให้เห็นว่าสถาบันฯ ทำคุณประโยชน์กับประเทศแค่ไหน ก่อนที่จะระบุว่า ผมไปแล้ว ผมไม่มีเวลาจะเล่นกับเด็กคนนี้

ด้านนายธนัตถ์ กล่าวว่า เช็คดังกล่าวออกมาจากธนาคารจริง ๆ สามารถเอาไปเบิกเงินสดได้จริง แต่ถ้าสิระ ไม่รับก็ไม่เป็นไร ส่วนจะยังให้พิสูจน์อยู่หรือไม่ ถ้าอยากให้พิสูจน์ก็พิสูจน์ได้ ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ ไม่คิดว่าจะอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ เคยสัมภาษณ์ในรายการบางรายการ ว่าจะวางเป็นเช็คก็ไม่เห็นว่าอะไร การเบิกเงินสด 10 ล้านก็ไม่ใช่เรื่องจะทำได้เร็วภายในวันสองวัน และส่วนใหญ่จะถือเป็นคริปโตเคอร์เรนซี่มากกว่าเงินสดไม่ได้มีเยอะอะไร จะอยูในหน่วยลงทุนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนท้ายในการแถลงข่าวนายธนัตถ์ ได้ฉีกเช็คเงินสดดังกล่าวทิ้ง เนื่องจากนายสิระ ไม่ยอมรับเช็คดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า เช็คดังกล่าวสามารถขึ้นเงินได้ทันที หากจะให้เซ็นให้ใหม่ยังไงก็ได้ เพราะเป็นแค่เอกสารเบิกเงินจากธนาคารเท่านั้น หากขึ้นเงินไม่ได้ เช็คเด้งก็กลายเป็นคดีความได้ด้วยเช่นกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ครม. เพิ่มวงเงินเยียวยา 4.4 หมื่นล.ให้แรงงานประกันสังคม พร้อมอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมกว่า 9 ล้านโดส!!

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติขยายกรอบวงเงินกรอบวงเงินในโครงการเยียวยาผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 เพิ่มจำนวน 44,314 ล้านบาท เป็นจำนวน  77,785 ล้านบาท จากเดิม  33,471 ล้านบาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 39 และ มาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด รวม 9,385,930 คน ได้แก่ ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และผู้ประกันตน มาตรา 40 จำนวน 7,949,759 คน อัตราการให้ความช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน 

ทั้งนี้ จากการขยายระยะเวลาให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 1- 24  สิงหาคม และ พื้นที่ 16 จังหวัด ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 4-24 สิงหาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งขยายการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัด เพิ่มเติม 1 เดือน 

ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน และรถจักรยานยนต์สาธารณสะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพราะมีอายุเกิน เพื่อจะได้ช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมทุกกลุ่ม

นอกจากนี้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 9,998,820 โดส ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน 4,744.9 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1 เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข เพื่อเป็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะจัดหาวัคซีนให้ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 หลังจากรัฐบาลได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว 80 ล้านโดส วงเงิน 22,990 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มเป้าหมายกำหนดไว้ 6 กลุ่ม คือ 1.เด็กอายุ 12-17 ปี 2.หญิงมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป 3.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า (ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 1 เข็ม) 4.ผู้สูงอายุและผู้อยู่ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงที่มีสัญชาติไทย 5.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง  6.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา และนักการทูต โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้

“การจัดซื้อไฟเซอร์จำนวน 9.9 ล้านโดสนี้ ช่วยให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนอย่างน้อย 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงวัคซีน โควิด-19 ตามนโยบายของรัฐสร้างภูมิคุ้มกันโรค ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตรวมทั้งเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วด้วย“

'จีน' เข้มงวด! ตัดแต้มทางสังคม คนฝืนกฎจราจรโดนประจานผ่านจอยักษ์ ขึ้นภาพแสดงข้อมูลส่วนตัว

เพจอ้ายจง เล่าเรื่องเมืองจีน โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการใช้มาตรการทางสังคมประจานคนฝ่าฝืนกฎจราจรในประเทศจีน โดยระบุว่า ย้อนรอย บทลงโทษคนทำผิดกฎจราจรในจีน "ถ่ายรูปประจานขึ้นหน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมโชว์ข้อมูลส่วนตัว และตัดคะแนนเครดิตทางสังคม"

ปัญหา “ข้ามถนนแบบไม่เคารพกฎจราจร” รวมถึงพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ฝ่าฝืนการใช้ถนน เช่น เดินลงไปบนเลนถนนใหญ่ ไม่สนใจรถที่กำลังใช้ถนนและไม่ใช่ทางข้าม หรือ รถยนต์ไม่หยุดให้คนข้ามถนนที่กำลังข้ามทางม้าลาย ถือเป็นปัญหาการทำผิดกฎจราจรที่พบได้บ่อยมากในประเทศจีน

ทำให้ 4-5 ปีก่อน ตำรวจจราจรในจีนหลายเมือง นำมาตรการ "เก็บภาพด้วยกล้องวงจรปิดและนำขึ้นจอขนาดใหญ่พร้อมโชว์ข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติบนจอ” ติดตั้งตามสี่แยก ตามถนนต่าง ๆ อย่างตอนอ้ายจงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ก็มีใช้มาตรการนี้ และเท่าที่ทราบ ในเมืองอื่น ๆ ก็มีแบบนี้เช่นกัน เช่น เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซูและกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน

ลองดูจากภาพที่อ้ายจงโพสต์ได้เลยครับ

แต่แม้จะมีมาตรการข้างต้น ปัญหาทำผิดกฎจราจรของคนเดินถนน รวมถึงผู้ใช้รถ ก็ยังมีให้เห็นเยอะสำหรับปัญหาซ้ำเดิม ทางจีนจึงต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม

อย่างเมื่อปี 2019 หรือ 2 ปีก่อน ทางจีนได้ประกาศบทลงโทษใหม่สำหรับผู้ที่ชอบข้ามถนนโดยไม่เคารพกฎจราจร ลงโทษด้วยการ "หักคะแนน-เครดิตทางสังคม" เป็นการต่อยอดจากบทลงโทษ "เก็บภาพด้วยกล้องวงจรปิดและนำขึ้นจอขนาดใหญ่พร้อมโชว์ข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติบนจอ"

เมืองที่เริ่มนำการกระทำข้ามถนนฝ่าฝืนกฎจราจรไปตัดเครดิตทางสังคม คือเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู โดยระบุว่า "หากทำผิดข้ามถนนแบบไม่เคารพกฎจราจร มากกว่า 5 ครั้ง ภายใน 1 ปี จะโดนหักแต้มเครดิตทางสังคมโดยทันที"

ในเมืองจีนหากใครที่มีคะแนนเครดิตทางสังคมไม่ดี จะถูกจำกัดสิทธิต่าง ๆ เช่น ห้ามขึ้นเครื่องบิน-รถไฟความสูง โดนปฏิเสธการกู้เงินธนาคาร รวมถึงมีผลต่อการคัดเลือกเวลาสมัครงาน เป็นต้น

ต้องยอมรับว่า จีนพยายามหามาตรการใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมาแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา อย่างสองปีมานี้ เริ่มมีการใช้ระบบรู้จำใบหน้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ มาตรวจจับผู้กระทำผิดกฎจราจรโดยอัตโนมัติ และจีนก็เพิ่มพฤติกรรมที่ผิดกฎจราจรให้เป็นไปตามยุคสมัยด้วย เช่น เมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง ออกกฎหมายห้ามก้มหน้าเล่นมือถือขณะเดินข้ามถนน เป็นต้น

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน


ที่มา : https://www.facebook.com/348166825314887/posts/2318597441605139/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top