Monday, 26 May 2025
NewsFeed

ระนอง-ประกอบพิธีส่งมอบกระบือเผือก ตามโครงการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทูลเกล้าถวายกระบือเผือก "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"

ณ กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง  ตำบลบางริ้น  อำเภอเมือง  จังหวัดระนอง  "นายสมเกียรติ  ศรีษะเนตร" ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเป็นประธานในพิธีส่งมอบ"กระบือเผือก" น้อมเกล้า ฯ ถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า  กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มี "พระระณังคมุนีวงศ์" เจ้าอาวาสวัดสุวรรณคีรีวิหาร  เป็นประธานพิธีสงฆ์  ส่วนคณะผู้รับ-ส่งมอบ ประกอบด้วย "พลเอก ปวริศ  แจ่มสว่าง" ประธานคณะฝ่ายสำนักพระราชวัง (ประธานรับมอบ)  นายสมจิตต์  เขียนด้วง  รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง  นายยุทธพงษ์  เอี้ยงอ้าย  เลขานุการ ในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา  ภาณุพันธ์  นางสาวหอมจันทร์  ซาฮาด  เลขานุการ รมต.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 นางสาวผกาพร  นิลพงษ์  ผู้มอบกระบือเผือก และปศุสัตว์จังหวัดระนอง  นอกจากนี้มีหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี

สำหรับความเป็นมาของการมอบ "กระบือเผือก" ในครั้งนี้  เนื่องมาจากจังหวัดระนองได้รับแจ้งจาก "นางสาวผกาพร  นิลพงษ์"  อยู่บ้านเลขที่ 268 หมู่ 2 ตำบลบางนอน อำเภอเมือง ประสงค์จะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายกระบือเผือก จำนวน 6 ตัว (ปัจจุบันเกิดเพิ่มอีก 2 ตัว รวม 8 ตัว)  และเมื่อวันที่  2  เมษายน  2564  สำนักพระราชวังแจ้งว่าได้นำความกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาทแล้ว ทรงรับ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานกระบือเผือกดังกล่าว แก่โรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบก ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก  จังหวัดระนองได้รับความกรุณาจาก "พลเอก ปวริศ  แจ่มสว่าง" และคณะได้เดินทางมาร่วมหารือและให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติส่ง-รับมอบกระบือ กันในวันนี้

ในส่วนของพิธีการส่ง-รับมอบ "กระบือเผือก" เริ่มพิธีโดยประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี" และกล่าวคำกราบบังคมทูล จากนั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์  เจริญจิตภาวนา  ประธานในพิธีพร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ถวายเครื่องไทยธรรม  พระสงฆ์อนุโมทนา และกรวดน้ำรับพร  จากนั้น "พระระณังคมุนีวงศ์" ประธานฝ่ายสงฆ์ พรมน้ำมนต์แก่กระบือเผือกทั้ง 8 ตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล  ประธานในพิธี ผู้ถวายกระบือ พร้อมคณะผู้มารับมอบร่วมกันคล้องพวงมาลัย ป้อนหญ้า พรมน้ำอบน้ำหอมไทย เพื่อเป็นสิริมงคล  จากนั้นประธานในพิธี มอบเอกสารการส่งมอบกระบือให้กับ ประธานผู้รับมอบ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ทำการต้อนกระบือ ทั้ง 8  ตัว ขึ้นรถบรรทุก เพื่อเริ่มเดินทางนำกระบือไปส่งที่ "โรงเรียนทหารการสัตว์  กรมการสัตว์ทหารบก"  ต.พรหมณี  อำเภอเมือง  จังหวัดนครนายก ต่อไป

ทั้งนี้  ระหว่างที่ "กระบือ" อยู่ในความดูแลของจังหวัดระนอง  ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  โดยได้รับการตรวจสุขภาพ  ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย  วัคซีนโรคลัมปีสกิน  ให้ยาบำรุงและยาถ่ายพยาธิ  ขึ้นทะเบียนสัตว์ พร้อมจัดทำบัตรประจำตัวสัตว์เป็นที่เรียบร้อย
เมื่อกระบือเผือกเดินทางมาถึง โรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบกนครนายก โรงเรียนกศ.ทบ.นครนายกแล้ว "พลเอกปวริศ แจ่มสว่าง" ประธานคณะฝ่ายประสานงานขอพระราชทานพระราชานุญาตถวายกระบือเผือก และ "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พร้อมด้วยคณะได้นำ"กระบือเผือก" พร้อมทะเบียนกระบือจากกรมปศุสัตว์จังหวัดระนอง มอบให้ "โรงเรียนทหารการสัตว์ กรมการสัตว์ทหารบกนครนายก" และต้อนกระบือเผือกเขาคอกที่จัดเตรียมไว้เป็นอันเสร็จพิธี

'ลี เซียนลุง' นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวเตือนสหรัฐฯ ไม่ควรที่จะท้าทายอย่างก้าวร้าวใส่จีน ย้ำ “อันตรายมาก”

นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวเตือนในวันอังคาร (4 ส.ค.) ว่า สหรัฐฯ ไม่ควรที่จะท้าทายอย่างก้าวร้าวใส่จีน โดยเขาบอกว่า ทัศนะแบบแข็งกร้าวซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของวอชิงตัน สามารถที่จะกลายเป็นสิ่งที่มี “อันตรายมาก”

นายกฯ ลี กล่าวว่า สหรัฐฯ ได้เคลื่อนตัวออกจากแบบแผนวิธีการที่มุ่งแข่งขันกับจีนอย่างชนิดมุ่งสร้างผลดีโดยรวมขึ้นมา และหันไปสู่การมีความคิดเห็นที่ว่า อเมริกัน “ต้องชนะ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง”

“พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสอง (ของสหรัฐฯ) ในทุกวันนี้ มีฉันทามติเห็นพ้องต้องกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเรื่องความสัมพันธ์กับจีน” เขากล่าวในเวทีการประชุมความมั่นคงแอสเพน (Aspen Security Forum)

“ทว่าจุดยืนของพวกเขาคือการใช้แนวทางแข็งกร้าว และผมไม่แน่ใจเลยว่านี่เป็นฉันทามติที่ถูกต้องแล้ว” ผู้นำของสิงคโปร์บอก

“ผมไม่ทราบว่าฝ่ายอเมริกันจะตระหนักถึงความเป็นจริงหรือไม่ว่า พวกเขา (จีน) จะกลายเป็นปรปักษ์ที่น่าเกรงขามถึงขนาดไหนในการที่จะต้องรับมือ ถ้าหากพวกเขา (อเมริกัน) ตัดสินใจลงไปว่า จีนคือศัตรูรายหนึ่ง”

“ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมจะขอพูดกับทั้งสองฝ่ายว่า (กดปุ่ม) “พอซ” เถอะ คิดกันให้รอบคอบก่อนที่พวกคุณจะ (กดปุ่ม) “ฟาสต์-ฟอร์เวิร์ด” มันมีอันตรายมาก” เขากล่าว

“เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับสหรัฐฯ และจีน ที่จะต้องเพียรพยายามเข้ามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความวิบัติหายนะแก่ทั้งสองฝ่าย และแก่โลกด้วย”

ลี ซึ่งมองเห็นกันว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคณะผู้นำของทั้งสองประเทศ กล่าวว่า ทัศนะแบบแข็งกร้าวของวอชิงตันที่มีต่อจีนนั้น กำลังผสมโรงเข้ากันกับความเชื่อของฝ่ายจีนที่ว่า สหรัฐฯ นั้นไม่สามารถไว้วางใจได้และต้องการที่จะสกัดกั้นการก้าวขึ้นมาของตน

เขายังวิพากษ์วิจารณ์การที่คณะบริหารไบเดนแสดงความแข็งกร้าวในการพบปะหารือทวิภาคีระดับสูงครั้งแรกกับฝ่ายจีนที่เมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกา ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

“ความเป็นจริงก็คือไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่สามารถดูหมิ่นหมายบดขยี้อีกฝ่ายหนึ่งได้หรอก” เขากล่าว

แต่ ลี แสดงความยินดีในเรื่องที่คณะบริหารไบเดนหวนกลับมาสู่นโยบายการต่างประเทศ “ที่มีแบบแผนมากขึ้น” ภายหลังการใช้วิธีการที่ยุ่งเหยิงกระจัดกระจายของคณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์

“ประเทศต่าง ๆ กำลังเฝ้ามองหาความคงเส้นคงวาทางยุทธศาสตร์ระยะยาวจากสหรัฐฯ” เขาบอก และย้ำว่า มันหมายถึงนโยบายที่ “พึ่งพาอาศัยได้และคาดการณ์ทำนายล่วงหน้าได้”

เขากล่าวเน้นว่า ไต้หวันคือจุดที่มีศักยภาพจะกลายเป็นชนวนลุกลามได้มากเป็นพิเศษ

“ผมไม่คิดว่าพวกเขาต้องการที่จะเดินหมากตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” อย่างเช่นการเข้ารุกรานไต้หวัน ลีพูดโดยหมายถึงฝ่ายปักกิ่ง

“แต่ผมคิดว่ามีอันตราย (เกี่ยวกับเรื่องนี้) อันตรายที่ว่าคือการคาดคำนวณผิดอย่างใหญ่โตมโหฬาร”

เขาแสดงความซาบซึ้งสำหรับการที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน แสดงความเห็นเอาไว้ระหว่างอยู่ที่สิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ออสตินกล่าวเตือนคัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานะเดิมของสถานการณ์ไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใดก็ตาม

“ผมคิดว่าถ้าหากมีการระมัดระวังคอยประคับประคองจุดยืนกันเอาไว้อย่างชัดเจนและสม่ำเสมอแล้ว เราก็จะสามารถประคับประคองสันติภาพและเสถียรภาพของสองฟากช่องแคบไต้หวันเอาไว้ได้” ลี บอก

แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม “คุณกำลังอยู่ในระยะเวลาที่ยากลำบากอย่างมากทีเดียว” เขากล่าวเสริม


(ที่มา : เอเอฟพี)

https://mgronline.com/around/detail/9640000076530


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ ระบุ ม็อบ 7 สิงหา ที่จะไปที่พระบรมมหาราชวัง จบไม่สวย!!

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ม็อบ 7 สิงหา ที่จะไปที่พระบรมมหาราชวัง

ได้ทำลายการเคลื่อนคาร์ม็อบพินาศสิ้น!!!!

ทำลายโดยมีแผน หรือโดยมั่ว?

แต่ผลคือทั้งแกนนำและม็อบ 7 สิงหา จบไม่สวย!!


ที่มา : https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.481669931931684/4134871973278110/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“BYD - บียอนด์” เตรียมพร้อมที่จะก้าวไปอีกขั้น! สู่อะไรที่มากกว่าโบรกเกอร์

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC จะเปลี่ยนเป็น “บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)” และใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่เป็น BYD ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ได้มีมติอนุมัติไว้ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

การเปลี่ยนโฉมบริษัทใหม่ในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจที่มุ่งไปสู่การเติบโตในธุรกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ทั้งการเสริมสร้างศักยภาพภายในโดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้พัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ และเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้และเพิ่มความมั่นคงให้บริษัทอย่างยั่งยืน โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจการเดินรถ โดยใช้รถโดยสารไฟฟ้าหรือ E-Bus ของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด โดยเป็นการร่วมลงทุนผ่านทางบริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้าจากผู้ผลิต ตามแผนงานและคาดว่าจะมีการส่งมอบรถดังกล่าวภายในไตรมาสที่ 3 นี้

จากแผนธุรกิจดังกล่าว บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้และการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ โดยในขณะนี้ แผนการดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปแล้วกว่า 50% ซึ่งภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุเลาลง ผู้คนออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติก็จะเริ่มได้เห็นรายได้จากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าตามมาเช่นกัน

พาณิชย์จับตาเงินเฟ้อช่วงโควิด-ล็อกดาวน์ คาดทั้งปี 0.7 – 1.7%

นายวิชานัน  นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ เงินเฟ้อประจำเดือนก.ค. 2564 ปรับตัวมาอยู่ที่ 0.45%  ชะลอตัวจาก 1.25% ในเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการขยายตัวต่อเนื่องของสินค้าในกลุ่มพลังงาน และอาหารสดบางประเภท อาทิ เนื้อสุกร ไข่ไก่และผลไม้สด ตามความต้องการในช่วงล็อกดาวน์ ประกอบกับเกิดโรคระบาดในสุกรส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยลง นอกจากนี้ ไข่ไก่และผลไม้สด ฐานราคาของปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำ 

ขณะที่มาตรการลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ทั้งการลดค่าไฟฟ้า น้ำประปา ในรอบเดือนก.ค. – ส.ค. 2564 และการลดค่าเล่าเรียน-ค่าธรรมเนียมการศึกษา รวมทั้ง การลดลงของอาหารสดบางประเภท (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ผักสด) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องนุ่งห่ม เป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้ชะลอตัว ส่วนสินค้าในหมวดอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ 

ส่วนคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนส.ค. 2564 ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยมีปัจจัยสำคัญจากมาตรการลดค่าครองชีพผู้บริโภคของภาครัฐ ทั้งการลดค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ในรอบเดือนก.ค. – ส.ค. 2564 สำหรับสินค้าในหมวดอื่น ๆ น่าจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ ตามปริมาณผลผลิตและความต้องการ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังมีโอกาสผันผวนตามสภาพอากาศ 

“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นแรงกดดันสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศ อย่างไรก็ตาม แผนการจัดหาและการกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความชัดเจน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดย สนค.ประเมินว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ระหว่าง 0.7 – 1.7% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง”

‘สุวัจน์' หนุนปลูก ฟ้าทะลายโจร แจก 1.2 หมื่นกล้า สู้โควิด-19  จี้ รัฐ เร่งหา-กระจายวัคซีน โดยเร็ว ให้สอดรับสถานการณ์

ที่บ้านราชวิถี 20 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม นี้ ศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกันจะได้แจกจ่ายต้นกล้าฟ้าทะลายโจร จํานวน 12,000 ต้น ให้กับพี่น้องชาวโคราช เพื่อส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทยในการสู้ภัยโควิด ที่ที่ทําการศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน พรรคชาติพัฒนา  

นายสุวัจน์ กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดนครราชสีมา ยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เทศบาลนคร นครราชสีมา ได้จัดตั้งสถานที่กักตัว (State Quarantine) สําหรับกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อใช้เป็นที่พักคอยก่อนตรวจหาเชื้อโควิด หากพบว่าเป็นผู้ติดเชื้อก็จะส่งตัวเข้ารักษา ที่โรงพยาบาลต่อไป โดยใช้สถานที่โรงแรมฟอร์จูน อําเภอเมืองนครราชสีมา สามารถรองรับได้ 120 คน  โรงพยาบาลมหาราช ตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง โดยใช้หอพักพยาบาลของโรงพยาบาลมหาราช สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก 240 คน ซึ่งศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน ได้ช่วยกันสนับสนุนอุปกรณ์จําเป็นต่างๆ อาทิ เช่น ตู้เย็น พัดลม และ อ่างล้างมือ ให้กับโรงพยาบาลสนาม เพิ่มประสิทธิภาพในการให้การดูแลผู้ป่วยโควิด-19

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเร่งด่วนคือ การจัดหาวัคซีนให้เร็วที่สุด และมีจำนวนเพียงพอกับประชากร และสถานการณ์การแพร่ระบาด จะต้องจัดลําดับการฉีดและกระจายจัดวัคซีนไปยังกลุ่มต่างๆ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร และให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องต่างๆ เกี่ยวกับวัคซีน สถานการณ์ของโรค ไปยังพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความวิตกกังวล และสร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 ไปได้ เพื่อจะได้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่าย 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การส่งเสริมให้ใช้สมุนไพรไทยที่ประเทศเรามีอยู่ ไม่ต้องพึ่งพาการนําเข้าจากต่างชาติ เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19ได้ ตามที่ได้มีการประกาศให้ฟ้าทะลายโจร อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร และมีการส่งเสริมให้มีการนํามาใช้ เพราะมีสารสกัดแอนโดรกราโพไลด์ ซึ่งสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและสามารถรักษาผู้ป่วย โควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย โดยได้มีการทดลองนํามาใช้กับผู้ป่วย และ เกิดผลสำเร็จในการรักษา ทำให้ขณะนี้ สมุนไพรไทย ฟ้าทะลายโจรจึงมีความต้องการสูงมาก เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทยให้เกิดประโยชน์ในการต่อสู้กับโควิด-19 ศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน จึงได้จัดหาต้นกล้าฟ้าทะลายโจรไว้จํานวน 12,000 ต้น โดยได้รับการ สนับสนุนจากมูลนิธิเก้ายั่งยืน มูลนิธิรักษ์ดิน รักษ์น้ำ และออฟฟิศชาวนา ช่วยกันจัดหาเพิ่มเติมอีกด้วย  เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนจำนวน 5,600 ต้น และหน่วยงานราชการ เทศบาล อบต. ตําบล ชุมชนต่างๆ อีกจำนวน 6,400 ต้น เพื่อนําไปปลูกและใช้ประโยชน์ และเป็น ส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาโควิด-19 และสร้างขวัญกําลังใจให้กับพี่น้องประชาชน 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ศูนย์ฅนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน และพรรคชาติพัฒนา ได้ดำเนินการช่วยเหลือพี่น้อง ประชาชนทางโคราชมานับแต่เริ่มต้นของสถานการณ์ COVID-19 เมื่อต้นปี 2563 ด้วยการแจกจ่าย อาหาร  หน้ากากอนามัย  แอลกอฮอล์สเปรย์ฆ่าเชื้อ  ถุงน้ำใจ ข้าวกล่อง  อุปกรณ์ทางการแพทย์  และอื่นๆ เพื่อช่วยพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และ ขอส่งกําลังใจมายังพี่น้องประชาชนทุกคน ขณะที่รอการฉีดวัคซีนนั้น ขอให้พวกเรามีกําลังใจ ร่วมกันฝ่าฟันโควิดไปด้วยกัน ให้ความร่วมมือ กับมาตรการต่างๆ ด้านสาธารณสุข และ ดูแลตนเองให้ดีที่สุด ในสถานการณ์ที่การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึง  ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ มีระยะห่าง อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมตลอดเวลา ก็สามารถที่จะสร้างความปลอดภัยจากโควิด-19 ได้

องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ชะลอการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์ออกไปก่อน เพื่อเปิดทางให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกฉีดวัคซีนให้ประชากรได้อย่างน้อยร้อยละ 10 เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวที่เจนีวาเมื่อวันพุธที่ 4 สิงหาคม เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ พักการฉีดโดสกระตุ้นของวัคซีนโควิด-19 ไปถึงสิ้นเดือนกันยายนเป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยบรรเทาความเหลื่อมล้ำอย่างมากในการกระจายวัคซีนระหว่างประเทศร่ำรวยและประเทศยากจน เขากล่าวว่า การระงับบูสเตอร์ชั่วคราวจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายของการฉีดวัคซีนประชากรอย่างน้อยร้อยละ 10 ของทุกประเทศได้

เดือนที่แล้ว อิสราเอลเริ่มฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ให้แก่ประชากรอายุเกิน 60 ปี ส่วนเยอรมนีกล่าวเมื่อวันอังคารว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนโดสที่ 3 ของไฟเซอร์-ไบออนเทค และโมเดอร์นา ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป

ทีโดรส กล่าวว่า เขาเข้าใจเหตุผลที่ประเทศต่าง ๆ ต้องการปกป้องพลเรือนของตนจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา แต่เราไม่อาจยอมรับประเทศที่ใช้วัคซีนส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในโลกไปแล้วและยังต้องการใช้เพิ่ม ในขณะที่คนในกลุ่มเปราะบางที่สุดในโลกยังไม่ได้รับการปกป้อง

จนถึงขณะนี้มีการฉีดวัคซีนให้ประชากรทั่วโลกแล้วมากกว่า 4,000 ล้านโดส และในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 80 อยู่ในกลุ่มประเทศร่ำรวย และประเทศที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูง

ข้อมูลจากเอเอฟพีระบุว่า นับแต่พบการระบาดครั้งแรกเมื่อปลายปี 2562 ถึงขณะนี้โรคโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วไม่ต่ำกว่า 4,247,231 คน สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 614,295 คน ตามด้วยบราซิล 558,432 คน และอินเดีย 425,757 คน


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/592799


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เฉลิมชัย” สั่งประชุมฟรุตบอร์ดด่วนศุกร์นี้เตรียมอัดฉีดมาตรการใหม่หวังดันราคามังคุดเพิ่มต่อเนื่อง พร้อมเปิดแคมเปญวันที่ 8 เดือน 8 จองซื้อมังคุดล่วงหน้าราคาโดนใจช่วยชาวสวนภาคใต้

“อลงกรณ์”เผยข่าวดีทั้งล้งตะวันออกและตู้คอนเทนเนอร์ไหลไปใต้มากขึ้นส่งผลการค้ากลับมาคึกคักราคามังคุดดีขึ้น

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่าแม้ราคามังคุดภาคใต้เริ่มขยับตัวสูงขึ้นจากผลของมาตรการต่างๆซึ่งตนต้องการเห็นการขึ้นราคาอย่างมีเสถียรภาพจึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)เป็นวาระพิเศษในวันศุกร์นี้เพื่อประเมินสถานการณ์ทั้งปริมาณและราคาของมังคุดในพื้นที่14จังหวัดภาคใต้รวมทั้งผลสัมฤทธิ์ของมาตรการต่างๆโดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตร ระดับจังหวัด (คพจ.) ซึ่งเป็นกลไกการทำงานระดับจังหวัดร่วมประชุมโดยจะมีการพิจารณาถึงมาตรการเพิ่มเติมใหม่ๆและการปรับงบประมาณโครงการให้สอดคล้องกับการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษรวมทั้งข้อเสนอของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการเยียวยาชาวสวนมังคุดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19และแผนจัดการผลไม้ใน3จังหวัดชายแดนใต้เช่นลองกองเป็นต้นซึ่งกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้มีการหารือกับทีมเกษตรและพาณิชย์ตลอดจนเกษตรกร ผู้ประกอบการและศอบต.ไปแล้วโดยมีข้อเสนอให้ฟรุ้ทบอร์ดพิจารณา โดยตนย้ำเสมอว่าเราต้องดูแลชาวสวนทุกจังหวัดในภาคใต้พาฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกัน

“แม้ว่าราคาของมังคุดทั้งหน้าแผงและหน้าล้งจะมีราคาขยับตัวขึ้น แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนของเสถียรภาพราคาจำเป็นต้องพิจารณามาตรการเสริมเพิ่มเติมเช่นการดึงซัพพลายไปแช่แข็งและแปรรูป เป็นต้น รวมทั้งการขอการสนับสนุนวัคซีนโควิดให้กับผู้ประกอบการค้าทั้งภายในประเทศและส่งออกซึ่งเป็นห่วงโซ่กลไกการค้าที่จะสะดุดขาดตอนไม่ได้”

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหัวหน้าทีมฟรุ้ทบอร์ดเฉพาะกิจกล่าวว่าสมาคมผู้ส่งออกทุเรียนและมังคุดแห่งประเทศไทยแจ้งว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกและล้งจากภาคตะวันออกได้ทะยอยย้ายลงไปรับซื้อมังคุดที่ภาคใต้โดยเฉพาะชุมพรและนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นตลาดและแหล่งผลิตใหญ่เพิ่มมากขึ้นจากมาตรการผ่อนปรนที่ภาครัฐช่วยแก้ไขปัญหาและตู้คอนเทนเนอร์ก็หมุนเวียนกลับมาจากจีนและเวียดนามมากขึ้นโดยการหนุนช่วยของทีมทูตเกษตรไทยในจีน ทำให้ล้งเปิดการรับซื้อเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคามังคุดเริ่มปรับตัวสูงขึ้นถือเป็นสัญญาณที่ดี

นอกจากนี้โดยข้อสั่งการของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ขยายโครงการ “เกษตรกรแฮปปี้”โดยจัดแคมเปญใหญ่วันที่8เดือน8 (8สิงหาคม)ให้ทุกภาคส่วนทั่วประเทศสั่งซื้อมังคุดล่วงหน้าในราคา4โล100สำหรับมังคุดคละเกรดคุณภาพสดอร่อยภายใต้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเช่นบริษัทเซนทรัลพัฒนาของกลุ่มเซนทรัลกรุ๊ป บริษัทไปรษณีย์ไทย สมาคมขนส่งโลจิสติกส์ บริษัทแกร็บ ฯลฯโดยรัฐมนตรีเกษตรฯในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board )จะเป็นผู้นำในการคิกออฟแคมเปญด้วยตัวเองในวันอาทิตย์นี้เวลา08.08นาฬิกา และก่อนหน้านี้รัฐมนตรียังสั่งการล่วงหน้าให้ทุกส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯช่วยกันซื้อมังคุด เช่น กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมส่งเสริมสหกรณ์ทำให้ช่วยระบายมังคุดออกจากแหล่งผลิตหลายร้อยตันและขอให้ภาครัฐภาคเอกชนช่วยกันซื้อมังคุดให้มากที่สุดในขณะที่การขนส่งเพื่อส่งออกยังมีปัญหาติดขัดไม่คล่องตัว

ดร.สุวินัย ฟันธงม็อบ 7 สิงหาอาละวาดหนัก ชี้มี 'กูรูมืดและองค์กรกูรูมืด' คอยครอบงำปล่อยเฟกนิวส์

5 ส.ค. 64 ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ในหัวข้อ ’กูรูมืดและองค์กรกูรูมืด’ มีเนื้อหาดังนี้ กูรูมืดและองค์กรกูรูมืดมีลักษณะร่วมกันอยู่ 4 อย่าง คือ ‘หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม และครอบครอง’

อย่างแรก คือ ‘โกหก หลอกลวง’ เงื่อนไขนี้มาก่อนเลย ถ้าหลอกลวงด้วยเฟกนิวส์ได้แล้ว ที่ตามมาอย่างที่สอง คือ ‘การครอบงำความคิดของสาวก’ ที่หลงเชื่ออย่างเนียน ๆ แทบไม่รู้ตัว จนถลำลึกมากยิ่งขึ้นทุกที พอครอบงำความคิดจนเกิดอุปทานหมู่ หลงเชื่อตาม ๆ กัน โดยมีกลไกหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อ ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลา ก็จะมาสู่อย่างที่สามคือ ‘การควบคุมพฤติกรรมของสาวก’ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

โดยที่ในขั้นที่สี่หรืออย่างสุดท้ายคือ ‘การครอบครองร่างกายและชีวิตจิตใจ’ รวมทั้งจิตวิญญาณของผู้นั้นอย่างสิ้นเชิง จะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ จะให้ก่อการร้ายทำร้ายผู้บริสุทธิ์ หรือจะให้ฆ่าตัวตายรวมหมู่ก็ยังได้

กูรูมืดและองค์กรกูรูมืดจึงมีหลายระดับก็จริง แต่แค่หลอกลวงด้วยเฟกนิวส์ก็เข้าสู่วิถีของกูรูมืดเต็มตัวแล้ว แปลกแต่จริงที่องค์กรกูรูมืด บางครั้งก็เป็นขบวนการทางการเมืองอย่างขบวนการนปช. องค์กรคนเสื้อแดงในอดีต หรือขบวนการล้มเจ้าชูสามนิ้วในปัจจุบัน...ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรศาสนาเสมอไป

สังคมที่ปล่อยให้เฟกนิวส์อาละวาด โดยที่ทางการอ่อนแอทำอะไรไม่ได้เลย คือสังคมที่อ่อนแอทางสติ อ่อนแอทางปัญญาความคิดวิเคราะห์ และอ่อนแอทางจิตวิญญาณ คนยุคนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท เพราะกูรูมืดแฝงอยู่ในทุกวงการ

ในทางการเงิน กูรูมืดคือเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ หรือ เทรดเดอร์โฟโต้ช็อปที่สร้างภาพว่าเป็นเทพ

ในทางการเมือง กูรูมืดคือแกนนำในขบวนการทางการเมืองที่สร้างวาทกรรมปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังประเทศตนเองและสถาบันหลัก ๆ ของประเทศอาฆาตอย่างรุนแรง

7 สิงหาคมนี้ คนพวกนี้จะออกอาละวาดอีกครา จงอย่าให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวต้องพังพินาศเพราะหลวมตัวหลงไปเชื่อกูรูมืดและองค์กรกูรูมืดเป็นอันขาด

ถ้าใช้หลักเกณฑ์ 4 ข้อ เรื่อง ‘หลอกลวง ครอบงำ ควบคุม ครอบครอง’ ที่ผมยกมาข้างต้นจะช่วยแยกแยะได้ว่าใครเป็นกูรูมืดและองค์กรกูรูมืด

สุวินัย ภรณวลัย


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/112261

https://www.facebook.com/suvinaip/posts/4152940241409752


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ฝ่ายความมั่นคง ฮึ่ม!!ม็อบชุมนุม 7 สิงหา ยกระดับดูแลพระบรมมหาราชวัง ตำรวจเข้มห้ามเข้าใกล้ยกเหตุการณ์ดินแดงเป็นตัวอย่าง

แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นัดชุมนุมบริเวณพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ 7 ส.ค. ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเตรียมยกระดับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญคือพระบรมมหาราชวังอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องดูว่าในวันที่ 7 ส.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามแหย่เจ้าหน้าที่แบบไหน และมากน้อยแค่ไหน จะเหมือนกับเหตุการณ์ที่ดินแดงครั้งล่าสุดหรือไม่ 

โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในภายหลังกับแกนนำและผู้ชุมนุมต่อไป ซึ่งเชื่อว่าการเรียกร้องแบบนี้จะไม่จบแค่วันที่ 7 ส.ค. อย่างที่แกนนำกล่าวอ้างแน่นอน และคิดว่ายังคงนัดชุมนุมแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในวันที่ 7 ส.ค. ทางเจ้าหน้าที่จะสับเปลี่ยนกำลังดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้าใกล้พื้นที่ เพราะพระบรมมหาราชวังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเด็ดขาด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจะตั้งแถวล้อมรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง และนำตู้คอนเทรนเนอร์มาตั้งเป็นแผงกั้นไว้แบบเดิม ขณะนี้ภายในพระบรมมหาราชวังจะมีกำลังของทหารในพื้นที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้นด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top