Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

อินโดนีเซีย จัดทัพตำรวจและทหารกว่า 8 หมื่นนาย คุ้มกัน ‘วัคซีนโควิด-19’ เต็มอัตราศึก แต่วัคซีนถูกส่งถึงสนามบินซูการ์โน-ฮัตตา จนถึงบริษัทเภสัชภัณฑ์ในจังหวัดชวาตะวันตก

พ.ต.อ รุสดี ฮาร์โตโน โฆษกตำรวจอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า อินโดนีเซียจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรวม 83,566 นาย ไปปฏิบัติงานคุ้มกันวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) นับตั้งแต่วัคซีนถูกส่งถึงสนามบินซูการ์โน-ฮัตตา เพื่อนำไปส่งมอบให้ไบโอ ฟาร์มา (Bio Farma) บริษัทเภสัชภัณฑ์ในจังหวัดชวาตะวันตก และจัดสรรไปยังหลายภูมิภาคทั่วประเทศ

ฮาร์โตโน กล่าวว่า งานคุ้มกันเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการร่วมระหว่างบุคลากรกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลระเบียบสาธารณสุข และส่งเสริมโครงการฉีดวัคซีนของประเทศให้ประสบความสำเร็จ

อินโดนีเซียจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 วันที่ 13 ม.ค. นี้ และตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน 181.5 ล้านคนจนถึงปี 2022

การฉีดวัคซีนระยะแรกจะมีขึ้นช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2021 โดยจะจัดสรรวัคซีนให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ 1.3 ล้านคน คนงานบริการสาธารณะ 17.4 ล้านคน และผู้สูงอายุ 21.5 ล้านคน ส่วนการฉีดวัคซีนระยะที่ 2 จะมีขึ้นช่วงเดือนเมษายน 2021-มีนาคม 2022 โดยจะจัดสรรวัคซีนให้คนกลุ่มเสี่ยง 63.9 ล้านคน และประชาชนกลุ่มอื่นอีก 77.4 ล้านคน


Cr : www.xinhuathai.com

เอกอัครราชทูตมองโกเลีย ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ยืนยันพร้อมสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีระหว่างกันอย่างรอบดาน พร้อมเร่งเจรจาทวิภาคีฟื้นเศรษฐกิจ

นายทูมูร์ อามาร์ซานา (H.E. Mr. Tumur Amarsanaa) เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมองโกเลียมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมีการจัดตั้งกลไกการประชุมความร่วมมือทวิภาคีไทย-มองโกเลีย การจัดทำแผนงานร่วม (Work Plan) ระยะเวลา 5 ปี ตลอดจน ความร่วมมือทางวิชาการและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันมากขึ้นภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ยืนยันรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับเอกอัครราชทูตฯ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ก้าวหน้าอย่างรอบด้าน

เอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะ ยินดีที่ได้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ยืนยันพร้อมสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีระหว่างไทยกับมองโกเลียให้มีความก้าวหน้าต่อไป โดยเฉพาะด้านวิชาการ การแพทย์ และสาธารณสุข นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ชื่นชมการทำงานอย่างแข็งขันของรัฐบาลไทยเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมองโกเลียสนใจขอร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการ และด้านวัคซีนกับไทยด้วย

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคี โดยเฉพาะการเร่งรัดหาข้อสรุปความตกลงที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศภายหลังสถานการณ์โควิด-19 และการส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนด้านการค้าระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าด้านเกษตรกรรม และการลงทุนระหว่างกันมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน

โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความเชื่อมั่นของภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในมองโกเลีย ซึ่งเป็นผลสะท้อนจากการขยายการลงทุนในมองโกเลียอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอให้รัฐบาลมองโกเลียช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคเอกชนไทย โดยรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชนมองโกเลียเช่นกัน

การไฟฟ้านครหลวง ขยายระยะเวลายกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3-7 จากกำหนดเดิมออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2564

ตามที่ การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ยกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) ที่กำหนดในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งบังคับใช้กับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 3 กิจการขนาดกลาง ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่ ประเภทที่ 5 กิจการเฉพาะอย่าง ประเภทที่ 6 องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ประเภทที่ 7 สูบน้ำเพื่อการเกษตร

ตั้งแต่เดือนเมษายน - มิถุนายน 2563 และได้ขยายระยะเวลาการยกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุดดังกล่าว จากกำหนดเดิมออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2563 เพื่อบรรเทาผลกระทบผู้ใช้ไฟฟ้าจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น

MEA จึงแจ้งขยายระยะเวลายกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) จากกำหนดเดิมออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2564 ตามมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการประชุมครั้งที่ 62/2563 (ครั้งที่ 705 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563) โดยให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทดังกล่าวจ่ายค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (Demand Charge) ตามกำลังไฟฟ้าที่ใช้จริง


สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mea.or.th/upload/download/file_c85fe40878b0b5ad24c95685f2c3dea7.pdf

▶️ Facebook : https://www.facebook.com/497340003626475/posts/4249800021713769/

▶️ Website : https://www.mea.or.th/content/detail/87/5701

▶️ Twitter : https://twitter.com/mea_news/status/1346662743328215041?s=21

▶️ Gnews : https://gnews.apps.go.th/news?news=75877

▶️ Line OA: https://timeline.line.me/post/_dQn9zGwXj83CxqzRN98kNgtqOGsCdIGLMSbrTR8/1160990414601069167

ธ.ก.ส. เตือนระวังแอปพลิเคชันแอบอ้างใช้โลโก้ ‘ธ.ก.ส.’ หลอกให้ประชาชนเข้ามาขอสินเชื่อฉุกเฉิน ย้ำ! อย่าดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว เพราะอาจถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปก่อให้เกิดความเสียหายได้

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้จัดทำแอปพลิเคชัน โดยใช้ชื่อแอปพลิเคชันว่า “ลงทะเบียนกู้เงิน ธกส. สินเชื่อฉุกเฉิน 10,000 บาท” โดยแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ของธนาคารและมีข้อความว่า “สินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาท” เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าไปดาวน์โหลดใช้ผ่านทาง Play Store ในระบบปฏิบัติการ Android นั้น

ทั้งนี้ ขอเรียนแจ้งว่า ธ.ก.ส. มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชันดังกล่าวแต่อย่างใด จึงขอให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปโปรดอย่าหลงเชื่อและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวมาใช้งาน เนื่องจากอาจ ถูกหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล และถูกนำไปใช้จนก่อให้เกิดความเสียหายได้

โดยหากท่านได้ดาวน์โหลดแอปพิเคชันดังกล่าวไปแล้ว ให้รีบถอนการติดตั้งโดยเร็ว อนึ่ง ขอให้พี่น้องเกษตรกรและประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้งานด้านธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านสมาร์ทโฟนและระบบดิจิทัล

เนื่องจากปัจจุบันเกิดกรณีผู้ไม่หวังดีใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบ่อยครั้งมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายได้ หากพบเห็นการกระทำที่ไม่น่าไว้วางใจหรือแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ของ ธ.ก.ส. สามารถแจ้งได้ที่ Call Center 02 - 555 - 0555

สำหรับ โครงการสนับสนุนสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ได้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการแล้ว

ตีแผ่ที่มาของการหายตัวลึกลับของ แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของจีน

แจ็ค หม่า เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลก ที่ใครๆ ต่างก็รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งเครือข่ายธุรกิจ e-Commerce ชื่อดัง อาลีบาบา ที่มีมูลค่าสูงถึง 527,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้อาลีบาบา กลายเป็นเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

แต่นอกเหนือจากบทบาทของการเป็นผู้ริเริ่มสร้างธุรกิจ e-Commerce จากศูนย์ ให้กลายเป็นธุรกิจแสนล้าน แจ็ค หม่า ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการหัวสมัยใหม่ ที่มักแสดงวิสัยทัศน์ที่ทันยุค และน่าสนใจ กลายเป็นแรงบันดาลใจของใครหลายคนที่ยกให้เป็น "วิถี แจ็ค หม่า"

แต่วันนี้ แจ็ค หม่า กลับเดินหายเข้ากลีบเมฆ ไม่ออกสื่อมานานหลายเดือน แม้กระทั่งในรายการเรียลลิตี้ โชว์ ของตัวเอง ที่เขาเป็นหนึ่งในกรรมการตัดสินอย่าง Africa's Business Heroes ในตอนสุดท้ายก็ยังไม่ปรากฏตัว ซึ่งผิดปกติมากๆ เพราะรายการนี้ ถือเป็นรายการใหญ่ ได้รับทุนจากมูลนิธิของแจ็ค หม่า โดยตรง ที่มีเงินรางวัลสูงสุดถึง 300,000 เหรียญสำหรับผู้ชนะ

ครั้งสุดท้ายที่แจ็ค หม่า ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็คืองาน 2nd Bund Financial Summit งานประชุมสุดยอดนักลงทุนที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา และในงานนั้น แจ็ค หม่าก็ได้เอ่ยวาทะสะเทือนวงการธนาคารจีน เมื่อเขาเปรียบระบบธนาคารของจีน ไม่ต่างจากโรงรับจำนำที่ล้าหลัง และขาดความเข้าใจในตัวนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงเงินกู้ในยุคปัจจุบัน

ซึ่งนั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่ แจ็ค หม่า กำลังเข็นบริษัท Ant Group เตรียมจะเข้าตลาดหลักทรัพย์จีน และคาดว่าจะเปิดตัวด้วยมูลค่า IPO ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่กลับถูกทางการจีนออกคำสั่งด่วน ระงับการซื้อขายเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน และเมื่อขยี้มดตะนอยของแจ็ค หม่า เรียบร้อย รัฐบาลจีนก็จัดการบุกรังใหญ่ ด้วยการสั่งสอบสวนกลุ่มบริษัท อาลีบาบา ว่าเข้าข่ายกระทำความผิดฐานผูกขาดตลาดทางการค้าหรือไม่

ตลอดช่วงที่เกิดพายุลูกใหญ่พัดใส่บริษัทในเครืออาลีบาบา ไม่มีใครได้เห็นแจ็ค หม่า ปรากฏกายอีกเลย จึงกลายเป็นเรื่องราวที่สำนักข่าวทั่วโลกออกประกาศตามหาแจ็ค หม่า กันอย่างครึกโครมว่าเขาหายไปไหนกันแน่

หลายคนเป็นห่วงว่า ตัวแจ็ค หม่า อาจถูกทางการจีนควบคุมตัวเข้ม ไม่ให้ออกสื่อใด ๆ เนื่องจากแจ็ค หม่า ได้ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ระบบธนาคารของจีน ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งในโครงสร้างการบริหารของรัฐบาลจีน และอย่างที่เราทราบกันว่า การแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกับรัฐบาลจีนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตัวคนพูดยังอยู่ในแผ่นดินจีน มักจบไม่ค่อยสวยนัก

แม้จะเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีเบอร์ 1 อย่างแจ็ค หม่า ก็ไม่เว้นเช่นเดียวกัน

แต่ก็มีสื่อบางสำนักยังเชื่อว่า แจ็ค หม่า ยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เก็บตัวอยู่เงียบ ๆ รอมรสุมผ่านไปก่อนเท่านั้น เข้าตำราเมื่อเจ้ามือเห่า เราต้องหมอบ แต่บางสื่อกลับไม่คิดเช่นนั้น โดยมีกระแสข่าวว่า แจ็ค หม่า ถูกทางการจีนรวบตัว และสั่งให้เขาห้ามออกนอกประเทศ แม้แต่งานประกาศความสำเร็จของเว็บไซต์ อาลีบาบาในแคมเปญ เซลกระหน่ำในวันเทศกาลคนโสด หรือ 11.11 ที่แจ็ค หม่า เป็นผู้ริเริ่ม จะทำรายได้อย่างถล่มทลายทุบสถิติในปีนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครได้เห็นตัวแจ็ค หม่า เลย

ซึ่งสาเหตุการหายตัวไปของแจ็ค หม่า นั้นอาจจะพอคาดเดาได้ แต่คำถามที่ใหญ่กว่านั้นคือ แล้วเมื่อไรที่เราจะได้เห็น แจ็ค หม่าอีกครั้ง? และจะปรากฏตัวในรูปแบบไหน? เพราะแจ็ค หม่า ไม่ใช่อภิมหาเศรษฐีรายแรกของจีน ที่ถูก “เก็บเข้ากรุ” ตัวอย่างเศรษฐีตกสวรรค์ในจีนมีให้เห็นมาแล้วมากมาย

ไม่ว่าจะเป็น อู๋ เสี่ยวฮุย ประธานบริษัท อันปัง อินชัวรันซ์ กรุ๊ป บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ของจีน ถูกศาลตัดสินจำคุก 18 ปี และยึดทรัพย์อีกกว่า 1 หมื่นล้านหยวน ในข้อหาใช้อำนาจมิชอบ และเปิดระดมทุนอย่างผิดกฎหมายเมื่อปี ค.ศ. 2018 และล่าสุด เหริน จื้อเฉียง มหาเศรษฐีอดีตเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปักกิ่ง ผู้ซึ่งเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีน เรื่องการจัดการปัญหา Covid-19 และด่าท่านประธาน สี่ จิ้นผิง ว่าเป็นตัวตลก ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาคอร์รัปชั่น และตัดสินจำคุกนานถึง 18 ปี ปรับอีก 4.2 ล้านหยวน

นาทีนี้ จึงได้แต่หวังว่า แจ็ค หม่า จะไม่ตกในชะตากรรมเดียวกัน


แหล่งข่าว

https://www.theguardian.com/business/2021/jan/05/where-is-jack-ma-chinese-tycoon-not-seen-since-october-alibaba

https://www.cnbc.com/2021/01/05/alibaba-founder-jack-ma-is-laying-low-for-the-time-being-not-missing.html

https://www.chinabankingnews.com/2020/10/26/jack-ma-calls-for-replacing-pawnshop-mentality-of-traditional-banks-with-big-data-based-credit-system/

https://www.aljazeera.com/economy/2020/11/5/what-does-ant-groups-frozen-ipo-say-about-business-in-china

https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/posts/2083532988529379

กระทรวงการคลัง ยืนยัน ยังไม่มีมาตรการเยียวยาจากคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยง หลังมีข่าว ‘กระทรวงการคลัง จะแจกเงิน 4,000 บาทต่อเดือน’ ย้ำเป็นข่าวไม่จริง วอนประชาชน อย่าหลงเชื่อและแชร์ข้อมูลดังกล่าว

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางสื่อเกี่ยวกับผลกระทบจากคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ แต่กลับไม่มีมาตรการเยียวยาจากรัฐบาลที่ชัดเจนเพื่อลดผลกระทบจากคำสั่งปิดกิจการชั่วคราว

กระทรวงการคลังขอเรียนชี้แจงว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำนวน 28 จังหวัด นั้น เป็นการบริหารจัดการเพื่อควบคุมการระบาดและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้มีการยกระดับมาตรการในการควบคุมการระบาดของโรค เช่น การจำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการ การปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด และการขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นต้น

โดยเป็นแนวทางในการดูแลสาธารณสุขที่เพียงพอและทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านสาธารณสุขไปพร้อม ๆ กัน และขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีนโยบายทางการเงินและนโยบายทางการคลังที่พร้อมจะดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการระบาดอย่างใกล้ชิด และอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่เหมาะสมต่อไป

โฆษกกระทรวงการคลังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ภาครัฐมีแหล่งเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นและรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จำนวนกว่า 1.39 แสนล้านบาท

และเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในส่วนที่เหลือ จำนวน 4.7 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2563) และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 2.9 แสนล้านบาท ที่จะดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ต่อไป

นอกจากนี้ ตามที่มีข่าวปรากฏในภายหลังว่า กระทรวงการคลังจะมีมาตรการเยียวยาแจกเงิน จำนวน 4,000 บาท ขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งนี้ สามารถติดตามสืบค้นข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าที่ถูกต้องเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของกระทรวงการคลังได้จากแถลงข่าวกระทรวงการคลัง ในเว็บไซต์ www.mof.go.th หรือในเฟซบุ๊ก “สถานีข่าวกระทรวงการคลัง”

ประเมินอุตสาหกรรมโรงพยาบาลเอกชนปี 64 แข่งขันดุเดือด หลังรายได้ปี 63 ทรุดหนัก รายได้ทั้งอุตสาหกรรมช่วง 9 เดือนแรก ลดลงกว่า 14% กำไรหายไปกว่า 50% หลังลูกค้าที่มีศักยภาพและต่างชาติหดหาย

จากตัวเลขผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2563 ของโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้ลดลงที่ -14.2% (YoY) และกำไรสุทธิลดลงที่ -54.8% (YoY)

แต่อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 2564 หากไทยไม่มีการระบาดรุนแรงซ้ำของโควิด-19 และทยอยให้มีการเดินทางระหว่างประเทศได้มากขึ้น รวมถึงการเมืองไทยไม่บานปลายรุนแรง

คาดว่า โรงพยาบาลเอกชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 1-4% (YoY) กำไรสุทธิโต 15-20% (YoY) โดยคาดว่าจะมีคนไข้ต่างชาติเข้ารับการรักษาพยาบาลในไทยราว 1.57-1.77 ล้านคน (ครั้ง) เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีจำนวนราว 1.45 ล้านคน (ครั้ง) แต่การฟื้นตัวนี้ยังไม่กลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิด ในปี 2562

โดยปัจจัยด้านโควิด-19 จะยังกดดันการทำรายได้และกำไรของโรงพยาบาลเอกชนต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนที่พึ่งพารายได้จากคนไข้ต่างชาติในสัดส่วนสูง ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่พึ่งพารายได้จากคนไข้ชาวไทยกลุ่มประกันสังคมและข้าราชการ น่าจะยังพอไปได้หรือได้รับผลกระทบน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชนใน Segment อื่น

ทั้งนี้ การแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนจะยากและรุนแรงขึ้น เพราะผู้ประกอบการมีจำนวนมากแต่คนไข้ที่มีศักยภาพกลับไม่เพิ่มขึ้นตาม โดยเฉพาะคนไข้กลุ่ม Medical Tourism ที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแย่งชิงตลาดคนไข้ในประเทศ ที่กำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว

ดังนั้น ในระยะสั้น โรงพยาบาลเอกชนต้องมีการปรับตัวเพื่อประคองการเติบโต โดยควบคุมค่ารักษาพยาบาลให้คนไข้สามารถเข้าถึงได้ และเตรียมความพร้อมรองรับคนไข้ต่างชาติที่เริ่มทยอยเข้ามาใช้บริการในไทย

ขณะที่ในระยะกลางถึงยาว ควรนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการต้นทุนและอำนวยความสะดวก รวมถึงมองหารายได้ใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งธุรกิจกลุ่ม Non-hospital มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น อาทิ การดูแลผู้สูงอายุ อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์


ที่มา: Kreserch

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เลื่อนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า หลังสถานการณ์ของโรคโควิด-19 กลับมาระบาดหนัก คาดจะเสนอครม.พิจารณาและคิกออฟโครงการฯ ให้เริ่มเดินทางได้ในเดือน มี.ค.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จำเป็นต้องเลื่อนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ออกไปก่อน ซึ่งเดิมเตรียมเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.2563 แต่เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องจับตาแรงกระเพื่อมว่าจะยุติลงเมื่อใด

ทั้งนี้หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือน ก.พ.2564 คาดจะเสนอให้ ครม.พิจารณาและคิกออฟโครงการฯ ให้เริ่มมีการเดินทางได้ในเดือน มี.ค.นี้ และน่าจะได้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นตัวกระตุ้น ซึ่งเท่ากับว่าโครงการนี้ล่าช้าจากแผนเดิมร่วม 5 เดือนจากที่เคยต้องการให้คิกออฟในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2563

สำหรับโครงการนี้ เป็นการกระตุ้นตลาดการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัย อายุตั้งแต่ 55 - 75 ปี จำนวน 1 ล้านคน วางเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายว่าต้องมีการเดินทาง 2 คนขึ้นไปในวันอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี โดยใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว เดินทาง 3 วัน 2 คืนขึ้นไป สนับสนุนค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำลังคุยกับกระทรวงการคลังว่าจะยิงเงินตรงเข้าที่ตัวบุคคลซึ่งเป็นคนเที่ยว หรือยิงเงินตรงเข้าบริษัทนำเที่ยว เพื่อความรอบคอบสูงสุดและป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำรอยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เนื่องจากโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าเป็นการเหมาจ่ายค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวแก่ผู้สูงวัยถึง 5,000 บาทต่อคน

กรมธนารักษ์ ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุ พื้นที่ใช้ประโยชน์ที่อยู่อาศัย และการเกษตร ตลอดปี 2564 บรรเทาผลกระทบโควิด-19 พร้อมเปิดทางลดค่าเช่าให้ผู้ประกอบการ ในเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับพื้นที่ใช้ประโยชน์ที่อยู่อาศัย และเพื่อการเกษตรตลอดทั้งปี 2564

เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่า การดำเนินการครั้งนี้ ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากยกเว้นค่าเช่าประมาณ 5-6 แสนราย คิดเป็นค่าเช่าที่ยกเว้นประมาณ 300 - 400 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังได้เปิดให้ผู้ประกอบการที่เช่าที่ราชพัสดุเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้แจ้งความเดือดร้อน โดยสามารถส่งงบการเงินว่ามีรายได้ และยอดขายได้รับผลกระทบอย่างไร หากลดลงกรมฯ ยินดีบรรเทาช่วยเหลือ เช่น การลดค่าเช่าให้บรรเทาความเดือดร้อน เป็นต้น

ส่วนการพิจารณาราคาประเมินที่ดิน ของรอบปีบัญชี 59 - 63 จะไม่มีการปรับราคาประเมินเพิ่มขึ้น ส่วนการใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ในปี 2565 กรมฯ จะนำบัญชีประเมินราคาที่ดินเดิมที่เคยทำเสร็จแล้วมาทบทวนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและราคาซื้อขายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าภาพรวมราคาประเมินที่ดินจะต่ำกว่าของเดิมที่มีราคาเพิ่มขึ้น 7-8%

แพลตฟอร์มทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก แจ้งระงับการใช้งานบัญชีนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังโพสต์โซเชียลปลุกม็อบสหรัฐ ค้านการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จนเกิดความวุ่นวายที่รัฐสภา ขณะที่สื่อหลายสำนัก รายงานมีการประกาศเคอร์ฟิวในกรุงวอชิงตันแล้ว

พร้อมกันนี้ เฟซบุ๊กและยูทูบ ได้สั่งลบวิดีโอคลิปของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากแพลตฟอร์ม โดยอ้างว่าคลิปดังกล่าวยุยงให้เกิดความรุนแรง หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน

ด้าน ทวิตเตอร์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทจะบล็อคบัญชีของปธน.ทรัมป์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ทันทีที่เขาลบข้อความทวีตที่สร้างความสงสัยให้กับสังคม และเตือนว่า หากปธน.ทรัมป์ยังคงละเมิดกฏระเบียบของบริษัท ทางทวิตเตอร์จะทำการบล็อคบัญชีของปธน.ทรัมป์เป็นการถาวร

ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า สหรัฐได้ประกาศเคอร์ฟิวแล้ว เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการประท้วง

นายมูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน เริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิถูกเรียกให้ออกมาประจำการตามรัฐใกล้เคียงกับกรุงวอชิงตันเพื่อควบคุมสถานการณ์แล้ว


ที่มา: สำนักข่าวไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top