Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

“บิ๊กช้าง” นั่งหัวโต๊ะถกสภากลาโหม เห็นชอบแผนปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ แก้ปัญหาความมั่นคง พบจนท.เอี่ยวลงโทษทางวินัย-อาญาไม่มีละเว้น

ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 6/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม  แถลงผลการประชุม ว่า ในการประชุมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบนโยบายหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยขอบคุณที่ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจและกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมและรัฐบาล นอกจากนี้ ที่ประชุมชอบ แผนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2565) ของกระทรวงกลาโหม โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพสนับสนุนการจัดทำแผนงานและการวิจัย และเทคโนโลยีป้องกันประเทศให้เป็นไปตามการพัฒนาดังกล่าว และเร่งรัดขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้สามารถผลิตใช้ได้เองภายในกองทัพและผลิตเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถแข่งขันและมีมาตรฐานที่ทัดเทียมกับต่างประเทศ 

พ.อ.วีรยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติในภาพรวม ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) จัดทำแผนงานโครงการ พร้อมรองรับแปนงานดังกล่าว ตลอดจนพัฒนาความสามารถกระทรวงกลาโหม ในการปกป้องอธิปไตยดำรงผลประโยชน์ของชาติ รวมถึงให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแก่งชาติ (ตช.) บูรณาการความร่วมมือด้านความมั่นคงกับองค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาการค้ามนุษย์ ความไม่สงบในชายแดนใต้ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งพัฒนาระบบงานข่าวกรอง ภัยคุกคามให้พร้อมป้องกันในทุกรูปแบบ และให้กองทัพเรือกำกับดูแลการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ควบคู่ไปกับกฎหมายที่มีการปรับปรุงแก้ไขแล้วต่อผู้กระทำความผิด หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจะต้องถูกลงโทษทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น

“กลาโหม” คุมเข้มวาง 3 ขั้นตอนรับทหารใหม่ กักตัว 14 วันทั้งครูฝึก-ทหารเกณฑ์ ก่อนฉีดวัคซีน -ฝึกในสถานที่ปิด ลดโอกาสโควิดแพร่ระบาด

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 6/2564 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพดำเนินการป้องกันปราบปรามการทุจริตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินการด้านการจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน รวมทั้งพิจารณาการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้กำลังพลและครอบครัว เพื่อสร้างเครือข่ายการป้องกันและปราบการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับของกระทรวงกลาโหม 

พ.อ.วันชนะ  กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้กระทรวงกลาโหมสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ในการสนับสนุนศบค. และการปฏิบัติศปม. รวมถึงเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศในวันที่ 1 ก.ค. และการเฝ้าระวังการหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การสนับสนุนสถานที่กักกันของกรมราชทัณฑ์  การสนุบสนุนการจัดตั้งกองบัญชาการควบคุมพื้นที่การแพร่ระบาด (บับเบิ้ลแอนด์ซีล) ในแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงานและตลาด และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ เป็นต้น

พ.อ.วันชนะ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเตรียมการรับทหารใหม่ที่กำลังจะเข้ามาประจำการในวันที่ 1 ก.ค.2564 โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ดำเนินการรับทหารใหม่ที่จะเดินทางเข้ามารายงานตัว แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นเตรียมการ คือ ภายหลังจากการฝึกครูและผู้ช่วยครูเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการกักตัวเจ้าหน้าที่จำนวน 14 วันก่อนเริ่มทำการฝึก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16-30 มิ.ย.64  2.การดำเนินวิธีในการรับทหารใหม่ ซึ่งจะมีการควบคุมการรายงานตัวในสถานที่ที่ว่าการอำเภอ หรือมณฑลทหารบก 

พร้อมแยกกลุ่มทหารที่รายงานตัวออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. ผู้ที่มีอาการและเสี่ยง 2.ไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยง และ 3.ไม่มีอาการ ไม่มีความเสี่ยง รวมถึงในการเคลื่อนย้ายจะมีการเพิ่มรถให้มากขึ้น จำนวนเที่ยวของรถมีมากขึ้น มีการเว้นระยะห่างบนรถ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นจะกักตัวเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในภารกิจดังกล่าว และ 3.การปฏิบัติการในพื้นที่ของหน่วยฝึกทหารใหม่ คือ การฝึกในลักษณะปิด (บับเบิ้ลเทรนนิ่งแอเรีย) มีทั้งการตรวจสอบ การคัดกรอง การกักตัวและมาตรการของการควบคุมในการพบปะ โดยจำกัดสถานที่ เพื่อลดการนำเชื้อเข้าสู่หน่วยฝึก และลดการกระจายเชื้อเข้าสู่หน่วยทหารและชุมชน รวมถึงเพื่อควบคุมการติดเชื้อของหน่วยฝึกในกรณีที่มีการแพร่ระบาด

พ.อ.วันชนะ กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีน มีการฉีดให้เจ้าหน้าที่หน่วยฝึกและทหารใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจ โดยจะฉีดหลังจากกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขจัดมาให้ประมาณวันที่ 7 ก.ค.นี้

คลังเปิดความคืบหน้า คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้ ยังเหลือสิทธิ 

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 28.3 ล้านคน และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 3.82 แสนคน

ทั้งนี้ ประชาชนยังสามารถลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น. ของทุกวันจนกว่าจะครบ 31 ล้านคน และ 4 ล้านคน ตามลำดับ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐแล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับ ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่มีความประสงค์จะเปลี่ยนโครงการ ขอให้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ท่านต้องการเข้าร่วมผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 28 มิ.ย. 2564 เวลา 22.00 น. ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงการทำได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น และถือเป็นการสละสิทธิโครงการเดิม สำหรับการใช้จ่ายของโครงการต่าง ๆ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 โดยผู้ที่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทย จะเริ่มใช้จ่ายได้เมื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถยืนยันตัวตนเมื่อใดก็ได้ก่อนการใช้จ่ายโดยไม่ถูกตัดสิทธิโครงการ

ส่วนโครงการเราชนะ และ ม.33 เรารักกัน จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.64 และจากข้อมูลพบว่ายังมีวงเงินสิทธิที่ยังไม่ได้ใช้จ่ายอีกจำนวนหนึ่ง จึงขอให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินสิทธิเหลือ สำรวจวงเงินสิทธิคงเหลือของท่านและวางแผนใช้จ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด 

โซเชียลชื่นชม! ทหารพราน 35 พยาบาลวิชาชีพ รพ.นครนายก ช่วยเหลือ 2 เด็กหญิงป่วยโรคหอบเรื้อรัง ก่อนทหารอุ้มเดินเท้า 7 กม. พาขึ้นรถ ส่งรักษา รพ.ท่าสองยาง ปลอดภัย 

หลังจากที่ปรากฏข่าวในสื่อโซเชียล ชาวเน็ตชื่นชม ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความทหารพรานและพยาบาลเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงป่วยหนัก ส่งรักษาจนปลอดภัย หลังภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาชื่นชมและประทับใจ ในความเสียสละในยามที่สังคมต้องการความช่วยเหลือแบ่งปันและกำลังใจ 

จากที่ กองร้อยทหารพรานที่ 3506 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 จัดกำลังพลสนับสนุนรถยนต์บรรทุกขนาด 4x4 ของหน่วย "พันธุ์ปลาพระ ราชทานฯ"  จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดให้กับกลุ่มจิตอาสาภายใต้ชื่อ “จิตอาสาใต้ร่มพระปารมี” เครือข่ายพัฒนาชนบท โครงการของขวัญจากก้อนดิน ได้มอบพันธุ์ปลาพระราชทาน จำนวน 1,000 ตัว ให้กับชาวบ้าน โดยมี นางสาว มณิศรา โฮ่บรรเทา พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลนครนายก เป็นผู้รับมอบ ณ บ้านบลาเด หมู่ที่ 17 ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยได้ดำเนินการปล่อยพันธุ์ปลาพระราชทาน ประกอบด้วย ปลานิล จำนวน 500 ตัว และ ปลาทับทิม จำนวน 500 ตัว ลงในแหล่งน้ำ พร้อมทั้งดำเนินการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตให้กับราษฎรที่มาร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย โดยทีมพยาบาลวิชาชีพจากโรงพยาบาลท่าสองยาง 

ซึ่งในวันที่ 23 มิถุนายน 2564 นั้น กำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 3506 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 เดินทางไปพร้อมกับ นางสาว มณิศรา โฮ่บรรเทา พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลนครนายก และเป็นทีมจิตอาสาใต้ร่มพระบารมี เดินทางขึ้นไปช่วยเหลือ ผู้ป่วยเด็กหญิง เป็นโรคหอบ จำนวน 2 ราย ได้แก่ รายแรก เด็กหญิง พัชราพา ลาภผลพัฒนคีรี อายุ 3 ขวบ มีอาการป่วยเป็นโรคหอบเรื้อรัง และมีภาวะปอดอักเสบ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ออกซิเจน และพ่นยาเพื่อให้การหายใจได้สะดวก ด้วยสภาพอากาศของเด็กตอนนั้นมีภาวะหายใจติดขัดและพ่นยาบรรเทาอาการไปแล้วกว่า 4 ครั้ง แต่อาการยังไม่ปรากฏดีขึ้น พยาบาลวิชาชีพและพี่ๆ ทหารพรานที่ขึ้นไปช่วยเหลือ จึงได้ช่วยอุ้มน้อง แบกถังออกซิเจนขึ้นหลัง เดินเท้ากว่า 7 กิโลเมตร จากบ้านพักของผู้ป่วย ลงมาเพื่อทำการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่ระเมิง เนื่องจากสภาพเส้นทางรถยนต์และยานพาหนะไม่สามารถใช้สัญจรได้ พร้อมนำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลท่าสองยาง

จากนั้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 3506 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 พร้อมด้วยรถยนต์บรรทุกของหน่วย เดินทางไปพร้อมกับ นางสาว มณิศรา โฮ่บรรเทา พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ โรงพยาบาลนครนายก เดินทางขึ้นไปช่วยเหลือ ผู้ป่วยเด็กหญิง เป็นโรคหอบ อีก 1 ราย ได้แก่ รายที่ 2 เด็กหญิง พัชราพา ลาภผลพัฒนคีรี  อายุ 3 ขวบ มีอาการป่วยเป็นโรคหอบเรื้อรัง และมีภาวะปอดอักเสบ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ออกซิเจน และพ่นยาเพื่อให้การหายใจได้สะดวก พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลท่าสองยาง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้นำตัวเด็กหญิงผู้ป่วยเดินทางขึ้นรถมาทำการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่ระเมิงก่อนส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลท่าสองยาง

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เป็นเด็กหญิงทั้ง 2 ราย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน คือ บ้านบลาเด หมู่ที่ 17 ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โดยผู้ป่วยน้องเด็กหญิง ทั้ง 2 รายนี้ ได้เข้ารับการรักษาจนอาการปลอดภัยแล้ว ซึ่งมีพ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด พร้อมทีมแพทย์พยาบาลที่อำนวยความสะดวกทุกอย่างให้ ตลอดห้วงการรักษา ด้วยความห่วงใยที่มีต่อประชาชน 

โดย เจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 3506 ได้ดำเนินการปฏิบัติหน้าที่ภารกิจลาดตระเวนหาข่าวความเคลื่อนไหวบุคคลกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน พร้อมป้องปรามการกระทำความผิดการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามเส้นทางระหว่าง  บ้านเคอละเดคี หมู่ที่ 10 - บ้านเบ๊าะโบคี หมู่ที่ 11 บ้านวะโดรโกร - บ้านบาเด  ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นประจำทุกวัน พร้อมทั้งเยี่ยมเยือนพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวสั้นๆ เกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวสั้นๆ ก่อนเข้าหารือกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินข้อดีข้อเสียของการล็อกดาวน์พื้นที่กรุงเทพมหานครว่า โดยระบุว่า ต้องรอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสินใจ 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า รับมือกับสถานการณ์ไม่ไหวแล้ว นายอนุทิน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ใจเย็นๆ” เท่านั้น


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้จัดส่งวัคซีน Moderna ตรงมาลงไต้หวัน ด้วยสายการบิน China Airlines ถึง 2.5 ล้านโดส ซึ่งมากกว่าที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้เมื่อตอนต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าจะบริจาคให้ไต้หวัน 7.5 แสนโดส

‘นาย เนด ไพรซ์’ โฆษกรัฐบาลสหรัฐได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ พร้อมภาพถ่ายยืนยันว่า ได้จัดส่งวัคซีนให้ไต้หวันจริง ซึ่ง ‘นางไช่ อิงเหวิน’ ประธานาธิบดีไต้หวัน ก็ทวิตข้อความตอบขอบคุณมิตรภาพของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งวัคซีนมาให้

ก่อนหน้านี้ ทางญี่ปุ่นก็เพิ่งบริจาควัคซีน AstraZeneca ให้ไต้หวันกว่า 1.24 ล้านโดส และจากจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้ ก็ช่วยรัฐบาลไต้หวันหายใจได้ทั่วท้องไปอีกสักช่วงหนึ่ง หลังจากที่โดนกดดันอย่างหนัก เพราะวัคซีนที่สั่งจองไว้ไม่สามารถส่งได้ตามนัด

ขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ได้กล่าวหาจีนว่าเข้ามาแทรกแซงคำสั่งซื้อวัคซีน Pfizer ของไต้หวัน และยังออกกฏหมายแบนวัคซีน Covid-19 ที่ผลิตในประเทศจีน จึงทำให้ไม่สามารถนำเข้าวัคซีน Pfizer ที่ผลิตจากโรงงานยาของจีนได้

และรัฐบาลไต้หวันก็ได้สั่งจองวัคซีน Moderna ตรงกับผู้ผลิตในสหรัฐฯ แล้วถึง 5 ล้านโดส แต่เพิ่งจะได้มาเพียง 3.9 แสนโดส ส่วน AstraZeneca ก็จองไปถึง 10 ล้านโดส แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้มาสักโดสเลย

เมื่อวัคซีนที่จองตรงกับบริษัทยา และ ผ่านโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลกมาช้า จึงทำให้โครงการฉีดวัคซีนของไต้หวันช้าตามไปด้วย และคนไต้หวันส่วนใหญ่ก็อยากจะฉีดวัคซีนที่ผลิตจากบริษัทยาของสหรัฐมากกว่า แม้จะมีการระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ที่รุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้นการได้วัคซีน Moderna ล็อตใหญ่จากสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ นับเป็นความสมหวังในรอบหลายเดือนของรัฐบาลไต้หวัน และเป็นอานิสงค์จากนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ประกาศจะบริจาควัคซีนทั่วโลกให้ได้ถึง 100 ล้านโดส

แต่ทั้งนี้ วัคซีนบริจาคจากสหรัฐย่อมมีนัยยะการเมืองแอบแฝงอยู่ไม่น้อย เพราะหากมองว่าสหรัฐฯ ยอมเพิ่มยอดบริจาควัคซีนให้ไต้หวันถึง 3 เท่าจากตัวเลขเดิมที่เคยประกาศ และส่งมาในคราวเดียวกัน ไม่ต่างจากการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลปักกิ่งว่า สหรัฐฯ นับไต้หวันเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น เกินกว่าที่จีนจะแทรกแซงได้

แต่น้ำใจไมตรีของสหรัฐอเมริกานั้น มาช้ากว่าที่ควรจะเป็นหรือไม่?

หากนับประเทศในแถบทะเลจีนใต้แล้ว ไต้หวันนับเป็นพันธมิตรที่เลือกข้างสหรัฐต่อต้านจีนอย่างแข็งแกร่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะในยุคของรัฐบาลไช่ อิงเหวิน เป็นต้นมา

และไม่ได้เป็นมิตรประเทศกันฟรีๆ ไต้หวันซื้ออาวุธสหรัฐสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2020 ในสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนปีนี้ก็เซ็นดีลอาวุธกันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นปีแล้วที่ 5.2 พันล้านเหรียญ เนื้อหมู เนื้อวัวก็อุดหนุนสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ไต้หวันก็ผลิตได้ แถมไร้สารเร่งเนื้อแดงปลอดภัยมากกว่า หรือแม้แต่บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกอย่าง TSMC ก็ยอมไปลงทุนเปิดโรงงานผลิตมูลค่านับหมื่นล้านในสหรัฐ เพื่อป้อนชิพรุ่นใหม่ให้กับสหรัฐฯ โดยเฉพาะ

บวกกับนโยบายแข็งกร้าว ยอมหัก ไม่ยอมงอของรัฐบาลไต้หวัน ที่ไม่ยอมรับไมตรีการทูตวัคซีนจากจีนเลย แม้จีนจะบอกว่าพร้อมส่งวัคซีนมาให้ได้ทันที ขอแค่เอ่ยปาก แต่นอกจากรัฐบาลไต้หวันจะไม่เอาแล้ว ยังแบนอีกต่างหาก

เรียกว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ฝากความหวังทุกอย่างที่สหรัฐฯ เพียงที่เดียว

นาย โก เหวินเจ๋อ นายกเทศมนตรีกรุงไทเป เคยฟาดแรงถึงทูตสหรัฐฯ ประจำไต้หวันว่า ไหนสหรัฐฯ เคยบอกเราไต้หวันเป็นพันธมิตรที่สำคัญ และเรายอมซื้ออาวุธมูลค่ามหาศาล ยอมซื้อเนื้อปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง แต่จนป่านนี้เลยมาเกือบครึ่งปีแล้ว สหรัฐฯ ยังไม่ส่งวัคซีนมาให้เราเลยแม้แต่โดสเดียว มันเป็นไปได้อย่างไร

หรือไต้หวันต้องสถานการณ์หนักเท่ากับอินเดีย ถึงรุนแรงเพียงพอให้สหรัฐฯ หันมามอง

หลังจากทนรอคอยด้วยความอึดอัดมานาน ในที่สุดวันนี้ สหรัฐฯ ก็ส่งวัคซีนมาให้แล้ว มาช้า ดีกว่าไม่มา แต่ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

และก็มีตัวแทนของไต้หวันไปรับวัคซีนล็อตใหญ่จากสหรัฐฯ ด้วยความซาบซึ้งใจ

สำหรับไต้หวันในยุคนี้ ที่เลือกแล้วที่จะร่วมขบวนพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา โดยไม่หวั่นไหวกับคำพูดที่ว่า "มิตรไกล ศัตรูใกล้" เพราะนี่มันยุค 5G ที่ข้อมูลสื่อสารไปไวกว่าแสง ระยะทางของมิตรไกลไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับไต้หวัน

เพียงแต่มิตรไกลคนนั้นเขาจะพร้อมที่จะคิดถึงไต้หวันเป็นคนแรก หรือต้องคอยเตือนถึงนึกขึ้นได้ หรือใช้ไต้หวันเป็นเพียงลูกประทัดใต้เก้าอี้รัฐบาลปักกิ่ง ที่คอยจุดเชื้อโป้งป้าง ยั่วให้ตกใจเล่นเท่านั้นเอง

 

อ้างอิง:

https://www.aljazeera.com/news/2021/6/19/us-sends-2-5-million-covid-vaccines-to-taiwan

https://time.com/6074433/us-taiwan-covid-19/

https://www.aa.com.tr/en/asia-pacific/taiwan-has-8b-defense-deals-with-us-in-2021-official/2068749

https://www.taiwannews.com.tw/en/news/4211166


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐบาล ยัน "บสย." ช่วยทุกรายเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูฯ 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกพ.ร.ก.ให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (พ.ร.ก.ฟื้นฟู) มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกขนาดและในทุกประเภทธุรกิจให้เข้าถึงสภาพคล่อง โดยผู้กู้จะได้รับการคิดอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินไม่เกิน 2% ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรก และในช่วง 5 ปีแรกอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต้องไม่เกิน 5% ต่อปี และเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสแก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงสินเชื่อ รวมทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของสถาบันการเงิน รัฐบาลได้มอบหมายให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทำหน้าที่ผู้ค้ำประกัน ซึ่งจะค้ำประกันให้กับผู้ได้รับสินเชื่อฟื้นฟูทุกรายเต็มจำนวน ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการขนาดย่อย (ไมโคร ลูกจ้างไม่เกิน 5 คน) เอสเอ็มอี ขนาดใหญ่ และบุคคลธรรมดา เป็นระยะเวลาสูงสุด 10 ปี

ภายใต้ พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่า มียอดสินเชื่อฟื้นฟูที่อนุมัติไปแล้วกว่า 5หมื่นล้านบาท เป็นผู้ประกอบการจำนวน 1.6หมื่นราย ซึ่งสถาบันการเงินจะทยอยส่งให้ บสย. ค้ำประกันทุกราย ทั้งนี้ ณ วันที่ 23 มิ.ย. 64 บสย.ทำการค้ำประกันไปแล้ว จำนวน 1.1 หมื่นราย แยกเป็น ผู้ประกอบการไมโคร  5.5พันราย ขนาดเล็กและกลาง 4.8พันราย ขนาดใหญ่ 700กว่าราย และมากไปกว่าการค้ำประกัน บสย. ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางการเงิน มีทางออกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทำแผนธุรกิจประกอบการขอกู้จากธนาคารอย่างมีความน่าเชื่อถือ 

ขณะเดียวกัน บสย. ยังเข้าร่วมสนับสนุนโครงการ “จับคู่กู้เงิน”  เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคารทั่วประเทศ ให้เข้าถึงมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินจากสถาบันการเงิน ณ วันที่ 22 มิ.ย.64 นี้ มีผู้มาติดต่อขอสินเชื่อแล้ว กว่า 11,185 ราย วงเงินขอสินเชื่อรวม 2,440 ล้านบาท เมื่อได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินแล้ว บสย. จะเข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชี่อต่อไป  ทั้งนี้ โครงการ “จับคู่กู้เงิน” ยังประกาศขยายระยะเวลาถึงวันที่ 30 มิ.ย.64 นี้  
 
“ที่ผ่านมาพบว่ามาตรการสินเชื่อซอฟท์โลนเดิม มีปัญหาตรงที่ผู้ประกอบการบางส่วนยังเข้าไม่ถึง  ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องแก้ไข ครม.จึงได้ออกพ.ร.ก.มาตรการฟื้นฟูฯฉบับใหม่ ที่มีการแก้ไขข้อจำกัดของ พ.ร.ก.ซอฟท์โลนเดิมในหลายประเด็น และล่าสุด นายกฯได้เชิญภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตส่าหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมหารือเพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค ร่วมกันกำหนดแนวทางให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสภาพคล่องมากขึ้น จะได้ประคองธุรกิจและกลับมาฟื้นตัวได้หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย”

กสร. เชิญชวนนายจ้างสร้างภูมิคุ้มกันต้านยาเสพติดให้กับลูกจ้าง ในวันต่อต้านยาเสพติดโลก

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รณรงค์เชิญชวนนายจ้างร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ผ่านกิจกรรมโครงการโรงงานสีขาว และการจัดทำมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เนื่องในโอกาส 26 มิถุนายน วันต่อต้านยาเสพติดโลก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านยาเสพติดให้กับลูกจ้าง

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันในการแก้ไข ในส่วนของผู้ใช้แรงงาน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันปัญหายาเสพติดในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยกำหนดเป็นนโยบายสำคัญและให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจัดทำเป็นแผนปฏิบัติราชการ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563 – 2565)   ใน 2ตัวชี้วัดได้แก่ จำนวนแรงงานได้รับความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด 1 ล้านคน และสถานประกอบกิจการมีระบบการจัดการด้านยาเสพติด 2,600 แห่ง ซึ่งผลการดำเนินงานในรอบ 8 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 – 31 พฤษภาคม 2564 มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ให้ลูกจ้างได้รับความรู้ 779,190 คน มีสถานประกอบกิจการเข้าร่วมโครงการโรงงานสีขาวและผ่านเกณฑ์ 1,537 แห่ง และในส่วนของสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป หรือสถานประกอบกิจการที่มีความพร้อม ได้ส่งเสริมให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ (มยส.) ซึ่งมีข้อกำหนดและตัวชี้วัดในการประเมินระบบการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ชัดเจนมาขึ้น เช่น มีการจัดตั้งคณะทำงาน มาตรการการเฝ้าระวัง และช่วยเหลือบำบัดรักษา เป็นต้น ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันผ่านการจัดทำมาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (มยส.) แล้ว 307 แห่ง 

อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องในโอกาสวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก จึงขอความร่วมมือนายจ้างเจ้าของสถานประกอบกิจการเข้าร่วมโครงการโรงงานสีขาว ซึ่งเหมาะสำหรับสถานประกอบกิจการขนาดเล็กที่มีลูกจ้าง 1 ถึง 49 คน ในส่วนสถานประกอบกิจการที่มีความพร้อม  ด้านบุคลากร ขอให้จัดทำระบบ มยส. เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต้านยาเสพติดให้กับลูกจ้าง แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นการรวมพลัง ทำความดีเพื่อขจัดสิ้นปัญหายาเสพติดและนำความสงบสุขคืนสู่สังคมไทย ผู้สนใจติดต่อได้ที่กองสวัสดิการแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โทรศัพท์ 0 2245 0080 หรือที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 ถึง 10 สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546

“บิ๊กตู่” สั่งจัดกำลังตร.-เหล่าทัพ เร่งคุมเข้มแคมป์คนงานใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งการเคลื่อนย้ายของประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนใต้

พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า เมื่อ พล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมด่วน หน่วยงาน กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทึวงกลาโหม  เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC เพื่อสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาโควิด 19 จากสถานการณ์ภายในประเทศและภูมิภาคที่ยังคงมีแนวโน้มระบาดต่อไป

สำหรับภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศรอบบ้าน ยังคงรุนแรงและน่ากังวลในมาเลเซีย เมียนมาและกัมพูชา พบการแพร่ระบาดและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองในเมียนมา มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้หลบหนีข้ามแดนมายังไทยมากขึ้น สถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง ระหว่าง 19-23 มิ.ย.64  จับกุมได้จำนวน 830 คน ( เมียนมา 202 คน กัมพูชา 210 คน ลาว 85 คน คนไทย 155 คน และ ผู้นำพา 7 คน )  ขณะที่ภายในประเทศ ยังคงพบการแพร่ระบาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน เป็นระยะในพื้นที่เสี่ยง เช่น แคมป์คนงาน ตลาดสดและชุมชนแออัด ในขณะที่ระบบสาธารณสุข เริ่มมีข้อจำกัดในการรับมือกับผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยสีแดง

ด้านพล.อ.ชัยชาญ ได้เน้นย้ำนโยบายของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับ กอ.รมน. ทุกเหล่าทัพและ ตร. ขอให้เร่งเตรียมและบูรณาการกำลังสนับสนุนข้อกำหนดของ ศบค.ที่จะประกาศบังคับใช้เป็นมาตรการเฉพาะในกรุงเทพมหานครฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อจำกัดควบคุมโรคเฉพาะกลุ่มและกิจกรรมในพื้นที่เสี่ยงสูงอย่างเข้มงวด ไม่ให้ขยายออกนอกพื้นที่จนไม่สามารถควบคุม

ทั้งนี้ได้ย้ำข้อสั่งการ ของนายกฯและรมว.กลาโหม ให้ประสานกับ กทม.และทุกจังหวัด บูรณาการจัดกำลังเร่งด่วนร่วมกัน เข้าไปสนับสนุนควบคุมจำกัดพื้นที่ทุกแคมป์และไซต์คนงานก่อสร้างเป้าหมายทั้งใน กรุงเทพมหานครฯและปริมณฑล ที่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมากทันที  โดยให้เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกและนำเข้าสู่ระบบการรักษาควบคุมโรคโดยเร็ว รวมทั้งขอให้ขยายผลประชาสัมพันธ์ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเยียวยาค่าแรงรายวันระหว่างการควบคุมดังกล่าว  ทั้งนี้ ขอให้ทุกเหล่าทัพ จัดรถครัวสนามพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็น สนับสนุนทุกชุมชนและคลัสเตอร์ที่เข้าไปควบคุมการปฏิบัติไปพร้อมๆกัน

สำหรับพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้  สงขลา ,ยะลา ,นราธิวาส และปัตตานี ให้จัดกำลังสนับสนุนจังหวัด ควบคุมจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนข้ามเขต เพื่อหยุดการกระจายเชื้อสายพันธ์แอฟริกาใต้ที่กำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในมาเลเซียเข้าไทย  ซึ่งปัจจุบันพบการติดเชื้อกับประชาชนใน 4 จว.แล้ว โดยมีการเชื่อมโยงแพร่เชื้อข้ามเขตผ่านการเคลื่อนย้ายของประชาชนไปมา  ทั้งนี้ให้จัดตั้งด่านตรวจร่วม กวดขันและจำกัดไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อนข้ามเขต และประชาชนในพื้นที่กำหนด จนกว่าจะมีมาตรการผ่อนคลาย

พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกเหล่าทัพ ประสานทำงานร่วมกับ สธ.อย่างใกล้ชิด เร่งเข้าไปเสริมและสนับสนุนแก้ปัญหาเร่งด่วนในการขาดแคลนเตียงผู้ป่วยสีแดง โดยให้พิจารณาขยายขีดความสามารถสูงสุดของ รพ.ทหารในสังกัด เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยห้อง ICU รองรับสถานการณ์ และให้เตรียมการสนับสนุนหากจำเป็นต้องจัดสร้างห้องผู้ป่วยความดันลบเพิ่มเติม โดยให้พิจารณาบูรณาการบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกันกับทุกหน่วยงาน   

นอกจากนั้น พล.อ.ชัยชาญ ยังได้ย้ำ ขอให้ กองกำลังป้องกันชายแดนทหารและตำรวจ ยังคงต้องเพิ่มความเข้มงวดกวดขันมาตรการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร และเพิ่มความถี่เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเฉพาะชายแดน มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมา โดยให้เพ่งเล็งคนไทยที่ลักลอบข้ามแดนไปมา กับบ่อนพนันและสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดน และการคงเข้มมาตรการควบคุมโรคควบคู่กันไป

“บิ๊กตู่” ประชุมบอร์ดบีโอไอ เพิ่มสิทธิประโยชน์ดึงนักลงทุน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 2/2564 โดยคาดที่ประชุมจะพิจารณานโยบายสำคัญการปรับปรุงสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมคุณค่าโครงการ (Merit-based Incentives) สร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน การกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม

อีกทั้งที่ประชุมจะมีการพิจารณาในประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ การปรับปรุงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ กาปรับปรุงการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานราชการอื่น 

ทั้งนี้ในการประชุมที่ผ่านมาที่ประชุมได้อนุมัติมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือ ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการไทย รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 100% ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top