Wednesday, 9 July 2025
NewsFeed

บริษัทเหล็ก-ก่อสร้างสัญชาติจีนโล่ง!! เมื่อผลสอบตึกสตง.ถล่ม ชี้ไปที่ ‘ปูนไร้มาตรฐาน – การออกแบบ - วิธีก่อสร้างมีปัญหา’

ย้อนไปเมื่อ 28 มีนาคม 2568 จากเหตุแผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบถึงกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จากเหตุการณ์วันนั้นทำให้เกิดเหตุตึกสำนักงานอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ ตึก สตง. พังถล่ม 

ท่ามกลางความสูญเสีย และฝุ่นที่คละคลุ้งทุก ๆ ฝ่ายต่างรุมตั้งข้อสังเกตกับตึกดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างอิตาเลียนไทยและไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นวิสาหกิจของจีน ภายใต้กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (ITD-CREC) แม้กระทั่งเหล็กเส้นที่ใช้ก่อสร้างส่วนหนึ่งที่มาจากผู้ผลิตสัญชาติจีน 

กระแสข่าวที่โหมกระหน่ำ อารมณ์ของผู้คนในสังคมมุ่งมั่นหาความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทำให้สัญชาติจีนกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของประชาชนชาวไทย ภายใต้ข้อสังเกตว่า 

1.เหล็กเส้นจากบริษัท ซิน เคอ หยวน จัด หนึ่งในบริษัทสัญชาติจีนไม่ได้มาตรฐาน 
2.การก่อสร้างของบริษัทสัญชาติจีนไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมนี้ขึ้น 

ข้อสังเกตที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะผลทดสอบของเหล็กเส้นนั้น ไม่ได้คำนึงถึงหลักวิทยาศาสตร์เลยว่าทุกวัสดุในการก่อสร้างต่างรับแรงกระทำจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ จนแทบเป็นไปไม่ได้เลยว่าผลการทดสอบจะเป็นเหมือนกับวันที่วัสดุที่เข้ารับการทดสอบอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเหล็กหรือคอนกรีต

เมื่อเวลาผ่านเดือน ผ่านสองเดือน ในที่สุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะแถลงถึงสาเหตุของการพังถล่มของตึก สตง. ท่ามกลางความสงสัยของประชาชนว่า มีสาเหตุจากอะไรกันแน่ โดยนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า 

จากการรายงานของทั้ง 4 สถาบัน เห็นได้ชัดว่ามีความบกพร่องในเรื่องการออกแบบ วิธีการก่อสร้าง โดยเฉพาะเทคนิคการก่อสร้าง ผนังช่องลิฟต์ บันได ซึ่งทางเทคนิคเรียกว่า ผนังรับแรงเฉือน เป็นสิ่งที่เกิดปัญหา ส่วนเรื่องวัสดุและเหล็กเป็นปกติได้มาตรฐานการใช้งานทั่วไป แต่สิ่งที่เกิดปัญหาคือคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน และวิธีการสร้างที่มีปัญหา ซึ่งจากการรายงานยังพบว่ามีการก่อสร้างอีกหลายจุดที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย 

ทั้งการออกแบบและการก่อสร้าง หากปฏิบัติตามกฎหมาย จะสร้างความแข็งแรงให้ตึกมากขึ้น จากการทดลองถือเป็นที่ประจักษ์แน่นอน เป็นไปตามหลักที่ทางสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ใช้สำหรับทดสอบแรงสั่นสะเทือนในเหตุการณ์แผ่นดินไหว

และนายกรัฐมนตรียังกล่าวย้ำอีกว่า "ปัญหาที่แท้จริงเกิดจากการออกแบบ และการก่อสร้างของโครงการนี้ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย" 

จากปากคำของนายกรัฐมนตรี ลองตั้งสติและสรุปข้อเท็จจริงทีละข้อ ๆ อย่างตั้งใจ จะพบว่า

ข้อที่ 1 นายกรัฐมนตรีไม่ได้กล่าวว่าเหล็กจากโรงงาน ซิน เคอ หยวน เป็นเหล็กที่มีปัญหาและเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกรณีตึก สตง. ถล่มเลยแม้แต่น้อย จากข้อความที่ว่า เรื่องวัสดุและเหล็กเป็นปกติได้มาตรฐานการใช้งานทั่วไป

ข้อที่ 2 มีข้อผิดพลาดจากการออกแบบ ซึ่งบริษัทผู้ออกแบบเป็นคนละบริษัทกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่างอิตาเลียนไทยและไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10

ข้อที่ 3 แม้มีการกล่าวอ้างว่าพบว่ามีการก่อสร้างในหลายจุดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน แต่จากถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีไม่ปรากฏว่าการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานนั้นมีสาเหตุจากใคร บริษัทใดเป็นผู้รับผิดชอบในจุดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานนั้นกันแน่ และยังมองข้ามบริษัทผู้ควบคุมงานซึ่งจะต้องตรวจสอบทั้งคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง และเทคนิคการก่อสร้างอย่างละเอียด

ในตอนท้ายของการแถลงโดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวจะถูกสรุปเป็นรูปเล่มและส่งต่อให้ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง 

ซึ่งในลำดับต่อไป ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอจะต้องรวบรวมรายงานการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ถ้อยคำจากการสอบปากคำของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หลักฐานอื่น ๆ เพื่อจะให้ได้ข้อมูลที่มั่นคง ชัดเจน และแน่นอน ว่าสาเหตุของอาคาร สตง.ถล่ม เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะรายงานที่นายกรัฐมนตรีแถลงนั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริงสูงสุดไม่ว่ามองจากมุมใด

และหากข้อเท็จจริงไม่สามารถสรุปได้ในท้ายที่สุดว่ามีสาเหตุจากอะไรแบบมั่นใจได้อย่างเต็มที่ ทั้งเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องยึดหลัก “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้” 

และนับจากวินาทีนี้สังคมไทยจำเป็นจะต้องเข้มงวดกวดขันการก่อสร้างในทุก ๆ โครงการอย่างจริงจัง เพราะอย่าลืมว่า ก่อนเกิดเหตุตึก สตง. เคยมีหลายเหตุการณ์ที่นำมาสู่ความสูญเสีย โดยไม่มีแผ่นดินไหวที่แท้จริง มีแต่เพียงแผ่นดินไหวในหัวใจของญาติผู้ต้องสูญเสียเท่านั้น

มูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แถลงข่าวจัดกิจกรรม 'The COP Charity Run 2025' เดิน-วิ่งการกุศลลอยฟ้า ครั้งที่ 1

(8 ก.ค. 68) ณ ห้องประชุมชัยจินดา 1 ชั้น 20 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานกรรมการมูลนิธิ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว พร้อมด้วย พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ร่วมแถลงข่าวการจัดโครงการ “เดิน-วิ่งการกุศลลอยฟ้า ครั้งที่ 1 (The COP Charity Run 2025)” 

กิจกรรมจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลา 03.00 – 08.00 น. บริเวณลานอเนกประสงค์ สะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพ สร้างความรัก ความสามัคคีระหว่างตำรวจและประชาชน รวมถึงระดมทุนสนับสนุนงานด้านสาธารณประโยชน์
การแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. ฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21 กม. ค่าสมัคร 800 บาท (รับเสื้อ Finisher และเหรียญที่ระลึก)
2. มินิมาราธอน ระยะทาง 10 กม. ค่าสมัคร 600 บาท (รับเสื้อและเหรียญที่ระลึก)
3. เดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ ระยะทาง 5 กม. ค่าสมัคร 500 บาท (รับเสื้อและเหรียญที่ระลึก)
4. ประเภท VIP ค่าสมัคร 2,000 บาท (รับเซ็ตเสื้อคอปก เสื้อแขนสั้น เหรียญ 

โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรม)
รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปมอบให้ 3 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่
1. โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์
2. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นทุนการศึกษาและสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจ
3. มูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เพื่อช่วยเหลือข้าราชการตำรวจ ครอบครัว ผู้ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงประชาชนที่ด้อยโอกาส

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว กล่าวว่า “ขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันทำให้กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น เงินทุนที่ได้รับจะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อโรงพยาบาล โรงเรียน และสาธารณประโยชน์อย่างเต็มที่” พร้อมระบุว่า ทางมูลนิธิได้เตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างครบครัน

ด้าน พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลตำรวจจะจัดทีมแพทย์และพยาบาลประจำตลอดเส้นทางการแข่งขัน เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมอย่างใกล้ชิด พร้อมขอบคุณมูลนิธิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และผู้ให้การสนับสนุนทุกฝ่าย โดยยืนยันว่าจะนำเงินที่ได้รับไปใช้ประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วยและผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลตำรวจ

ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page: The COP Charity Run 2025 https://www.facebook.com/TheCOPCharityRun และสมัครออนไลน์ได้ที่ https://www.regis.run/2025thecoprun ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568

สำหรับผู้ประสงค์ร่วมบริจาคสมทบทุน สามารถโอนเงินได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาโรงพยาบาลตำรวจ ชื่อบัญชี มูลนิธิ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขที่บัญชี 982-4-40147-4


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top