Friday, 16 May 2025
NewsFeed

เพจหมอ ‘Gossipสาสุข’ เผยข้อมูลปัญหา 'ซิโนแวค' ชี้วัคซีนที่ดี คือวัคซีนที่ไทยไม่มี ลั่น ศบค. ควรเร่งฉีดวัคซีนตัวอื่น ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรภูเก็ตใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นบูสเตอร์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค

ภายหลังจากมีคำถามมากมายเกี่ยวกับ วัคซีนซิโนแวค มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่าวัคซีนยี่ห้อนี้ มีประสิทธิผลจริงหรือไม่ รวมทั้งเหตุใดรัฐบาลจึงสั่งเพิ่มแต่ซิโนแวค ที่มีคุณภาพและราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. เพจ Gossipสาสุข ได้โพสต์ข้อความโดยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาของซิโนแวคว่า ปัญหาของ ‘ซิโนแวค’ เริ่มชัดขึ้นทั่วโลก เมื่อวัคซีนที่ดี คือวัคซีนที่ไทยไม่มี ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ประเภทเชื้อตายของบริษัท ‘ซิโนแวค’ ซึ่งถือเป็นวัคซีนหลักของไทยขณะนี้ อย่างน้อยก็ 2 เรื่อง หนึ่ง คือข่าวในอินโดนีเซีย ประเทศที่ใช้ซิโนแวคเป็นประเทศหลัก พบหมอ-บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 แม้จะได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และในจำนวนนี้ เกิน 10 คน มีอาการหนัก ถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล แม้จะยังไม่ชัดว่าด้วยสาเหตุใด แต่ก็อนุมานได้ว่าเป็นเพราะสายพันธุ์เดลต้า ที่พบครั้งแรกในอินเดีย และซิโนแวค ป้องกันได้ไม่ดีมากนัก ทำให้เชื้อไวรัส ทะลุภูมิที่วัคซีนให้ไว้ได้

อีกเรื่องหนึ่งเกิดที่ฮ่องกง ในเวลาไล่เลี่ยกัน การศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคในฮ่องกงนั้นไม่ได้ดีนัก เมื่อเทียบกับวัคซีนหลักอีกตัวของฮ่องกงอย่าง ไฟเซอร์ พร้อมกับมีคำแนะนำให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค เร่งฉีดเข็มที่ 3 เรื่องเหล่านี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศว่าจะสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีก 28 ล้านโดส ตามแผนวัคซีน 150 ล้านโดส ในปี 2565 เพิ่มเติมจากตอนนี้ที่ทั้งฉีดไปแล้ว และจองไปแล้ว 19.5 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้ไทยมีซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักรวม 47.5 ล้านโดส เป็นรองเพียงแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งมี 61 ล้านโดสในขณะนี้เท่านั้น เรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการสาธารณสุขไทย ว่าในเมื่อประสิทธิภาพไม่ได้ดีเทียบเท่ากับตัวอื่น และทั่วโลก มีวัคซีนยี่ห้ออื่นไม่ต่ำกว่าสิบยี่ห้อ เพราะเหตุใดจึงยังยึดติดเฉพาะซิโนแวค

อันที่จริง Gossipสาสุข เคยเอ่ยถึงไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ว่า บุคลากรสาธารณสุขในไทยจำนวนมากนั้น ‘ไม่ไว้ใจ’ ซิโนแวคเอาเสียเลย ตั้งแต่ช่วงแรกๆ คือเมื่อเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะมีการระบาดระลอก 3 เพราะอย่างที่รู้กันก็คือผลทดสอบโดยสถาบัน Butantan ที่บราซิลนั้น พบว่าซิโนแวค มีประสิทธิภาพเพียงแค่ 50% และทั่วโลก ก็แทบไม่มีใครใช้วัคซีนยี่ห้อนี้ ต้องไม่ลืมว่าในเวลานั้น แทบจะอ้างอิงผลการทดลองที่ ‘เป็นบวก’ จากประเทศเดียว คือจากจีน ที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าฉีดไปแล้วหลายสิบล้านโดส และก็หยุดยั้งการระบาดของโรคได้ดี

กระนั้นเอง ก็ยังไม่มีผลการทดลองในผู้สูงอายุ ทำให้ซิโนแวคในช่วงแรก ใช้เฉพาะในวัยทำงาน นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับวัคซีนตัวนี้ หันไปรับแอสตร้าเซเนก้าแทน และกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับก็หนีไม่พ้นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องฉีดไว้ก่อน เพราะถือเป็น ‘กลุ่มเสี่ยง’ มากที่สุด เช่นเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร-ตำรวจ แต่ในเวลานั้น ต้องไม่ลืมว่ามีหลายคนเซ็นเอกสารว่าไม่ขอรับวัคซีนตัวนี้ เพราะเกิดผลข้างเคียงในหลายคน และมีข่าวไม่ค่อยดีว่าเกิดอาการ ‘อัมพฤกษ์ชั่วคราว’ ซึ่งแม้ทีมแพทย์จะออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อใจได้มากนัก

ตลอดเดือน เม.ย.-พ.ค. ไทยแทบจะใช้ซิโนแวคเป็นวัคซีนหลัก นอกจากบุคลากรทางการแพทย์แล้ว อีกหนึ่งพื้นที่ที่มีการระดมฉีดซิโนแวคก่อนพื้นที่ใดในประเทศ ก็คือภูเก็ต ซึ่งตั้งใจจะเปิดโครงการ ภูเก็ต Sandbox ในวันที่ 1 ก.ค. ตั้งแต่เดือนเม.ย. ภูเก็ตฉีดวัคซีนให้กับประชากรไปแล้วกว่า 3.5 แสนคน เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งหากจะเข้าไทย ต้องเข้าภูเก็ตก่อนเป็นหลัก ก่อนจะเดินทางไปยังจังหวัดอื่นได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กับคนภูเก็ต ก็เพื่อให้คนภูเก็ตมีภูมิพอที่จะรองรับกับชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาจากทั่วโลกได้

ปัญหาก็คือ เมื่อมีการศึกษาออกมาแล้วว่าภูมิคุ้มกันจากซิโนแวคไม่ได้ดีอย่างที่คิด ประกอบกับสถานการณ์การระบาดในไทย มีแนวโน้มที่จะมีสายพันธุ์ ‘เดลต้า’ มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ตามแนวโน้มเดียวกับทั่วโลก เพราะเดลต้านั้น นอกจากจะทะลุทะลวงซิโนแวคแล้ว ยังสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ

นั่นทำให้กลุ่มหลักที่ฉีดซิโนแวคไปแล้วขณะนี้ คือแพทย์-บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนที่ฉีดวัคซีนตัวนี้ไปแล้วหลายล้านคน รวมถึงรัฐมนตรีที่ฉีดวัคซีนตัวนี้บางคน อาทิ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข หรือศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ล้วนมีความเสี่ยงกับโควิด-19 อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนภูเก็ต ที่กลายเป็น ‘ด่านหน้า’ ในการสัมผัสเชื้อนี้กับชาวต่างชาติ ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะสายพันธุ์เดลต้านั้น เริ่มระบาดในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว และองค์การอนามัยโลก คาดว่าจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกในไม่ช้า

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้ว ติดโรคนี้ซ้ำ เท่านั้นยังไม่พอ ยังนำเชื้อไปติดคนที่บ้านอีก ซึ่งทำให้เห็นว่าในสถานการณ์แบบนี้ ซิโนแวคอาจไม่ใช่วัคซีนที่ดี และวัคซีนที่มี ก็อาจไม่ใช่วัคซีนที่ดีอีกต่อไป วันนี้ แม้แต่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังยอมรับว่า ซิโนแวคนั้น ไม่ได้ดีนัก ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ ‘เชียร์’ มาโดยตลอด ซ้ำยังเชียร์ให้ฉีดสองอย่างผสม ซึ่งก็อาจแปลเป็นนัยได้ว่า หากยังฉีดเป็นวงกว้างอย่างนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะ ‘คุมไม่ได้’ ไปเปล่าๆ

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ ศบค. ควรตัดสินใจในเวลานี้ก็คืออาจต้องเร่งฉีดวัคซีนตัวอื่น (ซึ่งในเวลานี้ มีตัวเดียวคือแอสตร้าเซนเนก้า) ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชากรภูเก็ตใหม่อีกรอบ เพื่อเป็นบูสเตอร์ กระตุ้นภูมิคุ้มกันจากซิโนแวค ที่เวลานี้ เริ่มเห็นชัดแล้วว่ากันสายพันธุ์เดลต้าได้น้อย และแม้แต่สายพันธุ์ธรรมดา ก็กระตุ้นภูมิได้ไม่มากนัก ขณะเดียวกัน ก็ควรพิจารณาสั่งซื้อวัคซีนตัวอื่นๆ โดยเฉพาะวัคซีนชนิด mRNA ได้แล้ว จนกว่าจะมีการศึกษาว่า ซิโนแวค ได้ปรับปรุงวัคซีนตัวเอง หรือมีข้อมูลยืนยันว่าสามารถจัดการกับสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้จริง

หากยังสั่งจะแบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้ใช้หลักฐานยืนยัน ไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นทั่วโลก ก็ไม่แปลกที่มีจะมีคนครหาว่า ศบค. และรัฐบาลชุดนี้ อาจมีเรื่อง “ฮั้ว” กับผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายวัคซีน

เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นความตายของประชาชนทั้งสิ้น ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย

 

ที่มา : https://www.facebook.com/gossipsasook/posts/946705655872517


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อบจ.ฉะเชิงเทรา’ สู้โควิด-19 ทุ่มงบกว่า 41 ล้านบาท ให้ 99 หน่วยงานในจังหวัด

นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีมอบเจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ให้กับ 99 หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมพิธีมอบในครั้งนี้ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา

นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทราได้ดำเนินการจัดซื้อเจลแอลกอฮอล์ จำนวน 131,000 ขวด หน้ากากอนามัย 3 ชั้น ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง จำนวน 124,800 กล่อง และน้ำยาฆ่าเชื้อโรค จำนวน 11,520 ลิตร งบประมาณรวมทั้งสิ้น 41,987,000 บาท เพื่อจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆที่ขอรับการสนับสนุน จำนวน 99 แห่ง ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดฉะเชิงเทรา กองพลทหารราบที่ 11 เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา และสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดต่อหรือโรคอุบัติใหม่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์สำหรับป้องกันโรคติดต่อหรือโรคอุบัติใหม่ให้กับประชาชนในจังหวัดฉะเชิงเทราหรือสนับสนุนหน่วยงานอื่นที่ขอรับการสนับสนุนมา รวมถึงเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อหรือโรคอุบัติใหม่อีกด้วย

ที่มา: สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ/ฉะเชิงเทรา

โฆษก ศรชล. เผย กู้อวนใต้เกาะโลซินสำเร็จ พบปะการังเสียหายบางส่วน เร่งปลูกชดเชย เตรียมลงดาบเรือประมงมักง่าย ตัดอวนทิ้งทะเล

วันนี้ (21 มิ.ย. 64) เวลา 08.30 น. พลเรือตรี ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยถึงการปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาสในวันสุดท้าย (20 มิ.ย. 64) ว่า การปฏิบัติภารกิจยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ สภาพอากาศท้องฟ้าแจ่มใส โดยทีมนักดำน้ำได้ทำการดำในช่วงเช้า 2 เที่ยว เพื่อทำการตัดอวนที่เหลือ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถเก็บอวนขึ้นมาได้ทั้งหมดมีน้ำหนักถึง 800 กิโลกรัม ส่วนในช่วงบ่ายได้ทำการดำอีก 1 เที่ยวเพื่อประเมินความเสียหายของปะการังและปลูกซ่อมแซม

จากการสำรวจพบว่า พื้นที่อวนทั้งหมด 2,750 ตารางเมตร พื้นที่ที่อวนปกคลุมปะการัง 550 ตารางเมตร ผลการประเมินความเสียหายของปะการัง พบลักษณะความเสียหายหลักคือปะการังมีสีซีดจางร้อยละ 10 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด รองลงมาคือแตกหัก ร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด และรอยถลอกเสียดสี บางส่วนบาดจนปะการังเคลือบติดกับเนื้ออวน ร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด

นอกจากนั้นยังมี ผลกระทบอื่นที่ไม่ใช่ปะการัง ประกอบด้วยดอกไม้ทะเลและสัตว์หน้าดิน เสียหายเล็กน้อย

สำหรับแผนการดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ได้ปลูกปะการังทดแทนในพื้นที่เสียหายประมาณ 500 เข่งและติดตามผลการดำเนินการในอีก 3 เดือน โดยนักดำน้ำทั้งหมดที่มาจากกองทัพเรือ 16 นายนักดำน้ำของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และอาสาสมัครดำน้ำจำนวน 26 นายรวมทั้งนักข่าวใต้น้ำจำนวน 6 นายปลอดภัย การปฏิบัติการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีอุปสรรคใดๆ โดย พลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) ได้ขอบคุณหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยเฉพาะนักดำน้ำและถ่ายภาพใต้น้ำทั้ง 38 นาย ที่เสียสละเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ จนทำให้ภารกิจได้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี

โฆษก ศรชล. กล่าวว่า สำหรับการติดตามผู้กระทำความผิด ทาง ศรชล. ร่วมกับ ทร./ทช./กรมประมง เพื่อดำเนินการร่วมกัน โดยเบื้องต้น ทช. จะนำของกลางเข้าแจ้งความเพื่อหาผู้กระทำผิด และ ศรชล.ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

1.) ให้ศูนย์ยุทธการตรวจสอบ เรือประมงพานิชย์ ประเภทอวนล้อมจับ ที่มีประวัติเดินทางผ่าน เกาะโลซิน ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 64 - ปัจจุบัน

2.) ซากอวนทั้งหมดที่ตัดมาให้นำอวนมาส่งที่ท่าเรือตรวจประมง ปัตตานี และให้ ศรชล.จังหวัดปัตตานี ตั้งคณะทำงานร่วมกันกับสมาคมประมง และประมงจังหวัด เพื่อหาที่มาของอวน

3.) ให้ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดต่างๆ ตรวจสอบเรือที่แจ้งเข้าว่า อวนบนเรือมีลักษณะตรงกับตัวอย่างที่เก็บมาได้ และอวนบนเรือได้หายไปเนื่องจากการประมงหรือไม่ เพื่อตรวจสอบหาเรือที่กระทำความผิดต่อไป

สำหรับโทษที่กำหนดไว้เกาะโลซินเป็นพื้นที่ห้ามทำประมง ลอบ อวน ตาม พรบ. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาตรา 17 โทษปรับ 100,000 บาท จำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงโทษตาม พรบ. สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ฐานทำให้ปะการังเสียหาย หรือถูกทำลายจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘พรรคกล้า กทม.’ เรียกร้องผู้ประกอบการเปิดเผยรายชื่อผู้ติดเชื้อจริง ป้องกันการระบาดวงกว้าง ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเยียวยาธุรกิจ หากได้รับผลกระทบหลังพบผู้ติดเชื้อ

นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เลขานุการ กลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ว่า แม้จะมีการฉีดวัคซีนต่อเนื่อง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วประเทศยังคงมากกว่า 3,600 คน ต่อวัน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครสูงกว่าถึง 1,200 คน (ข้อมูลวันที่ 19 มิ.ย. 64) ซึ่งจากการลงพื้นที่ ทราบจากประชาชนว่าบางโรงงานหรือบางบริษัทปกปิดข้อมูลลูกจ้างติดเชื้อ เพราะหวั่นกระทบธุรกิจ ประกอบกับถ้าลูกจ้างเป็นผู้แจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อ ก็เกรงกลัวว่าจะถูกเลิกจ้างทำให้ตกงาน จึงไม่มีใครกล้าแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการดูแล อาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ติดเชื้อขยายวงกว้าง เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ต่างๆ ไม่จบสิ้น

“ผมจึงขอวอนไปยังบริษัทและโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ที่มีผู้ติดเชื้อได้ โปรดให้ข้อมูลแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าดำเนินการรับตัวผู้ติดเชื้อมารักษาก่อนที่จะขยายวงกว้างในโรงงานหรือบริษัทของท่าน ทำให้ต้องปิดตัวลงและเสียหายไปมากกว่าเดิม” นายเอกชัย กล่าว

เลขานุการ กลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวว่า เข้าใจว่าผู้ประกอบการหลายคนไม่กล้าแจ้งข้อมูลผู้ติดเชื้อ เพราะกลัวธุรกิจหยุดชะงัก ดังนั้น หากจะให้มาตรการป้องกันการระบาดมีประสิทธิภาพ ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ จึงขอเรียกร้องทั้ง กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดเยียวยาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หากลูกจ้างพนักงานที่ติดเชื้อโควิด ต้องกักตัว เพื่อรักษากิจการต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘วรัชญ์ ครุจิต’ ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค. ระบุถึงประสิทธิภาพของ 2 วัคซีนหลัก ที่ใช้ในประเทศไทย สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียได้

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค.โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Warat Karuchit’ ระบุถึงประเด็น วัคซีนที่ไทยใช้ ป้องกันโควิดสายพันธุ์ Delta ไม่ได้จริงหรือ?

โดย ผศ.ดร.วรัชญ์ ระบุว่า มีคนส่งข้อมูลมาให้ผมหลายคน เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่เราใช้ คือ AstraZeneca และ Sinovac ต่อสายพันธุ์ Delta (อินเดีย) ซึ่งบอกว่า วัคซีนทั้งสองยี่ห้อนี้ ช่วยป้องกันสายพันธุ์อินเดียไม่ได้ ผมจึงลองรวบรวมข้อมูลดูครับ

ข้อมูลที่ผมรวบรวมมา มีดังนี้ครับ

1.) ข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้น ชี้ตรงกันกว่า วัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้า คือวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์/โมเดิร์นน่า) ซึ่งแม้จะลดประสิทธิภาพลงไปบ้าง แต่ก็ยังป้องกันได้ดีหลังจากฉีดสองเข็ม แต่ถ้าฉีดเข็มเดียว ก็น่าจะป้องกันไม่ได้มากเช่นกัน (33%)

2.) แต่ผมจะไม่ใช้เวลากับการอธิบายรายละเอียดของ mRNA มาก เพราะในขณะนี้ไทยเรายังไม่มีใช้ ผมจึงจะลองให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนสองชนิดที่เราใช้ต่อสายพันธุ์ Delta (ซึ่งมีผู้ป่วยด้วยสายพันธุ์นี้ในไทยจริง ข้อมูลที่มีคือมีประมาณ 10% แต่ทั้งหมดอยู่ในสถานพยาบาล และยังไม่มีข้อมูลว่ามีการแพร่ระบาดที่ควบคุมไม่ได้

3.) เริ่มกันที่ AstraZeneca การวิจัยชี้ว่าหากฉีดเข็มเดียว ภูมิคุ้มกันอาจจะยังขึ้นไม่พอต่อการป้องกันการติดเชื้อ แต่ถ้าฉีดสองเข็มแล้ว สามารถป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ 60% และป้องกันการป่วยหนักได้ 92% ซึ่งก็ถือว่าเป็นอัตราที่สูงทีเดียว

4.) ส่วน Sinovac นั้น ยังไม่มีรายงานการวิจัย แต่มีข่าวของรอยเตอร์สที่ว่า บุคลากรทางการแพทย์ของเมือง Kudus ที่มีการระบาดของสายพันธุ์ Delta นี้ ติดเชื้อไป 350 คน จากทั้งหมด 5,000 คน ทำให้มีความกังวลกันว่า Sinovac นั้นป้องกันสายพันธุ์ Delta ไม่ได้

เคสนี้ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มดังนี้ครับ

- จากการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าหน่วยงานสาธารณสุขของเมือง Kudus ลงเว็บไซต์ท้องถิ่นคือ Jakarta Globe ตัวเลขคือมีบุคลากรการแพทย์ของเมืองติดเชื้อโควิดทั้งหมด 308 คน จากทั้งหมด 6,085 คน (ส่วนใหญ่ได้ฉีด Sinovac 2 เข็มแล้ว) ดังนั้นก็คิดเป็น 5% ของบุคลากรที่ติดเชื้อ

- 90% เป็นการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรือไม่รุนแรง จึงให้กักตัวที่บ้าน ซึ่งหายแล้วและพร้อมกลับมาทำงานต่อ

- ดังนั้น หัวหน้าหน่วยงานท่านนี้จึงสรุปว่า วัคซีน Sinovac นั้น ‘มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการร้ายแรง’

5.) เพราะฉะนั้น จึงสรุปได้ว่าในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ Delta นั้น วัคซีน mRNA (ไฟเซอร์/โมเดิร์นน่า) สามารถสร้างภูมิได้สูงกว่าชนิดอื่นๆ แต่ก็ต้องฉีดให้ครบ 2 เข็มเช่นกัน ส่วน AstraZeneca (และน่าจะ Johnson&Johnson ด้วย) หากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว ก็ป้องกันการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง แต่ป้องกันการป่วยหนักได้ดีใกล้เคียงกับไฟเซอร์ ส่วน Sinovac ยังไม่มีผลการวิจัย แต่ผลจากกรณีเมือง Kudus ก็แสดงให้เห็นว่า หลังฉีดสองเข็มแล้ว ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อได้ (จากจำนวนผู้ป่วย 5%) และสามารถจะป้องกันอาการป่วยหนักได้ดีเช่นกัน (จากจำนวนผู้ป่วยเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ 90%)

และถ้าถามผม ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนชนิดไหน ยังไงเราก็ยังประมาทไม่ได้ และควรต้องเข้มงวดกับตัวเอง คือใส่แมสก์ ล้างมือ ไม่แออัดให้มากที่สุดอยู่ดี จนกว่าประเทศและโลกเราจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ครับ

https://jakartaglobe.id/news/sinovac-vaccine-protects-health-workers-from-severe-covid19-in-deltahit-kudus

https://www.astrazeneca.com/media-centre/press-releases/2021/

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4700566099958992&id=100000169455098


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วันนี้ (21 มิ.ย.) 4 คู่ เริ่ม 23.00 น. ชี้ชะตาทีมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์

โปรแกรมการแข่งขัน ตารางบอลยูโร 2020 วันจันทร์ที่ 21 มิ.ย. 64

ยูเครน - ออสเตรีย เวลา 23.00 น. ช่อง NBT2HD / Truesport HD (666)

มาซิโดเนีย - เนเธอร์แลนด์ เวลา 23.00 น. ช่อง PPTV 36 / Truesport HD3 (668)

รัสเซีย - เดนมาร์ก เวลา 02.00 น. ช่อง NBT2HD / Truesport HD (666)

ฟินแลนด์ - เบลเยี่ยม เวลา 02.00 น. ช่อง 3 HD (33) / Truesport HD3 (668)


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘สนามปุสกัส อารีนา’ สังเวียนแข้งแห่งฮังการี สนามที่เปิดให้แฟนบอลเข้าชมแบบ 100%

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

เล่นเอาฮือฮา กับภาพผู้ชมในสนามแบบเต็มความจุ ในแมทซ์ ‘ฮังการี-โปรตุเกส’ และแมทซ์ ‘ฮังการี-ฝรั่งเศส’ น่าจะเรียกว่า เป็นภาพครั้งแรกที่มีแฟนบอลเข้ามาแบบเต็มสนาม นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นต้นมา

สนามดังกล่าวนี้ มีชื่อว่า ‘ปุสกัส อารีน่า’ ใช้เป็นสนามเหย้าของทีมชาติฮังการี โดยเหตุผลที่มาของการเปิดให้แฟนบอลได้เข้ามาเชียร์แบบ 100% นั้น เนื่องจากประเทศฮังการี มีการผ่อนคลายกฎและมาตรการต่างๆ เกี่ยวกับโควิด-19 เพื่อรองรับทัวร์นาเม้นท์สำคัญนี้โดยเฉพาะ

ฮังการีถือเป็น 1 ใน 11 ประเทศที่ได้รับการเป็นเจ้าภาพในศึกยูโรหนนี้ และก็โชคดีมากๆ ว่า ก่อนที่ยูโร 2020 จะเริ่มต้นได้ไม่นาน ทางการได้กระจายการฉีดวัคซีนไปสู่ประชาชนแล้วกว่า 5.3 ล้านคน จากจำนวนประชากรในประเทศทั้งหมด 9.8 ล้านคน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ‘กล้า’ ที่จะเปิดให้แฟนบอลเข้าชมเกมแบบ 100% ที่ความจุกว่า 67,000 คน

ปุสกัส อารีนา จะใช้เป็นสังเวียนในศึกยูโรรอบแรกอีกหนึ่งนัด นั่นคือ ในนัดทีมโปรตุเกสพบฝรั่งเศส และเปิดใช้อีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ซึ่งแน่นอนว่า แฟนบอลสามารถเข้าชมเต็มความจุได้เหมือนเดิม

ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า การแข่งขันในสายเอฟ ที่เป็นกรุ๊ปออฟเดธที่มีเยอรมัน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และฮังการี กลายเป็นเกมที่เตะกันมันส์แทบทุกนัด เพราะบรรยากาศมันได้ ทั้งนักเตะ ทั้งกองเชียร์ ก็เลยจัดกันเต็มเหนี่ยว มันส์ขั้นสุด!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายเจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตือนว่า จีนจะถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก หากจีนไม่ยอมให้มีการสืบหาต้นตอของไวรัสโควิด-19 อย่างจริงใจ

นายซุลลิแวน ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ ว่า จีนจะถูกนานาประเทศตีตัวออกห่าง หากจีนไม่ยอมเปิดทางให้ผู้สอบสวนได้เข้าไปสืบหาต้นตอไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง เพื่อพิสูจน์ว่าไวรัสดังกล่าวมีจุดกำเนิดมาจากที่ใด โดยสหรัฐฯ จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อกดดันต่อไป เพื่อหาว่าไวรัสมาจากที่ใดและใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังกลุ่มประเทศสมาชิกจี7 เรียกร้องให้มีการสืบหาต้นตอไวรัสดังกล่าวอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีไบเดน ยังได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการทบทวนเกี่ยวกับต้นตอของการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติม โดยระบุว่าหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ ยังไม่ล้มสมมติฐานที่ว่า ไวรัสดังกล่าวน่าจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นของจีน

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สนับสนุนทฤษฎีที่ว่า สถาบันไวรัสวิทยาแห่งเมืองอู่ฮั่นอาจเป็นต้นตอของไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 โดยอ้างว่านักวิจัยบางรายในสถาบันแห่งนี้มีอาการที่คล้ายกับอาการของโรคโควิด-19 เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2562 ขณะที่จีนปฏิเสธทฤษฎีนี้มาตลอด

เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) และจีนได้ร่วมกันเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสโควิด-19 โดยได้ข้อสรุปว่า ไวรัสดังกล่าวไม่น่าจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นอย่างที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยไว้

รายงานดังกล่าวระบุว่า ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อจากค้างคาวสู่มนุษย์ผ่านทางสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่เป็นพาหะของโรค

อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ พร้อมกับอีก 13 ชาติ แสดงความกังวลต่อการที่ดับเบิลยูเอชโอ มีความล่าช้าในการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมีการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลที่สมบูรณ์

สหรัฐฯ ได้กล่าวโทษจีนอย่างต่อเนื่องถึงความไม่โปร่งใสในการสืบสวนหาต้นตอของโรค ขณะที่ฝ่ายจีนก็ได้คัดค้านคำกล่าวของสหรัฐฯ มาโดยตลอด

ทั้งนี้ คาดว่าองค์การอนามัยโลกจะดำเนินการสืบหาต้นตอของไวรัสเป็นครั้งที่สอง แต่จะแยกกับการสืบสวนจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ก้าวไกล ชี้ แก้รัฐธรรมนูญหนนี้ ส่อเปิดช่องโกงหนักขึ้น

วันที่ 21 มิ.ย. 64 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยศิริกัญญาบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ นอกจากปัญหาต่างๆ ที่สังคมได้พูดกันแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ยังพูดถึงกันน้อย คือการแก้ไข ม.144 และ 185 ที่จะเปิดช่องให้ ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการและการจัดสรรงบประมาณได้ "โดยไม่มีโทษตามกฎหมาย"

ทั้งนี้ สาระสำคัญของการแก้ไข ม.144 ของนายไพบูลย์ คือยังคงห้ามไม่ให้ ส.ส. ส.ว. และ กมธ. ของร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี, ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณกลางปี, และร่าง พ.ร.บ. โอนงบประมาณ แปรญัตติในเชิงการขอเพิ่มงบประมาณ และยังคงให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ตัดส่วนที่เป็นบทกำหนดโทษ และกลไกในการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นการให้ข้าราชการทำหนังสือแจ้งเมื่อพบการกระทำความผิด การให้อำนาจ ปปช. มีอำนาจส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รวมทั้งส่วนที่ว่าด้วยการเรียกเงินคืน

"3 ปีที่ผ่านมา ที่บทบัญญัติมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ แสดงให้เราเห็นแล้วว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเส้นแบ่งที่ไม่ชัดว่าอะไรคือการกระทำที่มีผลต่อการเพิ่มงบประมาณ ที่ผ่านมาก็มีกรรมาธิการก็สามารถลงมติเพื่อเพิ่มงบให้หน่วยงานอยู่ แน่นอนว่าเราแปรญัตติไม่ได้ แต่การแสดงความคิดเห็นว่างบสวัสดิการประชาชนควรเพิ่มขึ้น เราทำได้หรือไม่ ซึ่งความไม่ชัดเจนตรงนี้ทำให้เกิดการตีความกฎหมายอย่างไม่มีขีดจำกัด และเป็นเครื่องมือในการโจมตีกันทางการเมือง อย่างที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลโดนในช่วงหลังการอภิปรายงบประมาณที่ผ่านมา"

"แต่ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้แก้ไขเรื่องที่เป็นปัญหาตรงนี้ ส่วนที่เป็นปัญหายังคงอยู่ แต่เลือกไปตัดส่วนบทกำหนดโทษ และบทที่ว่าด้วยกลไกการตรวจสอบแทน ส่วนนี้ทำให้ดิฉันเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ของนายไพบูลย์เป็นการแก้เพื่อเอื้อให้พวกของตนมีช่องในการแทรกแซงงบประมาณเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องรับผิดมากกว่า"

นอกจากนี้ ศิริกัญญา บอกว่าเรามองการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาตรา 144 อย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ที่เดิมกำหนด ห้าม ส.ส. และ ส.ว. เอาไว้ 3 เรื่อง คือ

1.) ห้ามแทรกแซงการทำงานในหน้าที่ของราชการ รัฐวิสาหกิจ และอปท.

2.) ห้ามทำให้ตนมีส่วนในการใช้งบประมาณหรือมีส่วนในการเห็นชอบโครงการของหน่วยงานรัฐ

3.) ห้ามแทรกแซงการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเงินเดือน หรือการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการ

ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคพลังประชารัฐกำลังจะแก้ไขนี้ ตัด 2 ข้อแรกออก เหลือเพียงการห้ามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายเพียงข้อเดียว

"จะเห็นว่าสิ่งที่ร่างรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐแก้ไข จะบอกว่าแก้เพราะต้องการทำลายภาพความไม่ไว้ใจนักการเมืองที่เขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ก็คงจะไม่ใช่ เพราะการแก้ทั้ง 2 มาตราไม่ได้แก้ที่สาระสำคัญของความไม่ไว้ใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเลย แต่เป็นการแก้เพื่อทำลายกลไกการตรวจสอบ และข้อห้ามที่ทำให้ตนเองแทรกแซงข้าราชการและงบประมาณยากเท่านั้น"

สุดท้าย ศิริกัญญาตั้งข้อสังเกตว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้าน มีส่วนแผนงานฟื้นฟูฯ ที่เป็นเหมือน "เช็คเปล่า" ให้รัฐบาลเอาไปใช้ได้ในปีงบประมาณหน้าอีกประมาณ 170,000 ล้านบาท จะมีการตั้งงบประมาณโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของฐานรากที่เป็นโครงการระดับจังหวัดราว 45,000 ล้านบาท รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการเปิดให้ ส.ส. และ ส.ว. เข้ามาแทรกแซงการเริ่มทำงบประมาณของปี 2566 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งหน้า น่าสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ อาจจะเป็นการเปิดทาง "หาเงินเลือกตั้ง" สำหรับนักการเมืองบางกลุ่ม"

"ดิฉันคิดว่า ประเด็นเรื่อง ส.ส. เข้าไปมีส่วนในการผลักดันโครงการพัฒนาในพื้นที่หรือไม่ รวมทั้งเรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญบนฐานความไม่ไว้วางใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันในเชิงหลักการ และการถกเถียงก็ยังไม่จบ แต่ชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ไม่ได้แตะต้องส่วนที่เป็นหัวใจของข้อถกเถียงเหล่านั้น"

"ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ คือการยอมรับว่านักการเมืองไม่น่าไว้วางใจ และทิ้งส่วนที่มีปัญหาเอาไว้แบบเดิม แต่ไปแก้ไขส่วนที่เป็นกลไกตรวจสอบเพื่อให้นักการเมืองสามารถกระทำผิดได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องรับโทษ"

"ดิฉันคิดว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐอยากแก้ไขปัญหาจริงๆ แก้ไขเนื้อความที่ไม่ไว้ใจนักการเมือง และทำให้กลไกการผลักดันงบประมาณลงพื้นที่ที่ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว ให้ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ ทำอย่างโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้ ไม่ใช่ปกปิดสิ่งที่พวกท่านทำกันเป็นปกติเอาไว้ให้อยู่นอกระบบ แล้วไปตัดกลไกการตรวจสอบที่จะยิ่งทำให้การผลักดันงบประมาณยิ่งไม่มีการตรวจสอบ และเปิดช่องให้เกิดการคอร์รัปชันง่ายขึ้นไปอีก" ศิริกัญญากล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.ว่าการกระทรวงแรงงาน ส่งต่อซิมการ์ดออนไลน์ หนุนทักษะคนพิการและกลุ่มเปราะบาง

ณ ห้องบริเวณห้องโถง ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน "ศาสตราจารย์  ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานแถลงข่าวการรับมอบวัสดุฝึกอบรมซิมการ์ดพัฒนาฝีมือแรงงานออนไลน์เพื่อช่วยเหลือแรงงานคนพิการ และกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์

โควิด-19 จาก นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำไปมอบให้แก่แรงงานกลุ่มคนพิการ และกลุ่มเปราะบางในการสนับสนุนการพัฒนาทักษะออนไลน์ โดยมี นายชูศักดิ์  จันทยานนท์ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนรับมอบ

ศาสตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังจากเป็นประธานว่า กระทรวงแรงงาน ภายใต้การนำของรัฐบาล "พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปรับตัวให้ทันกับความปกติใหม่ (New Normal) และมีทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต โดยแรงงานคนพิการและกลุ่มเปราะบางถือได้ว่าเป็นกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวไม่น้อยไปกว่าแรงงานกลุ่มอื่นๆ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จึงให้การสนับสนุนจัดซื้อซิมการ์ด จำนวน 500 ชุด ที่ผลิตโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ "สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย" นำไปแจกจ่ายให้แก่แรงงานคนพิการและกลุ่มเปราะบาง นำไปใช้ในการฝึกอบรมต่อไป

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) จัดหลักสูตรฝึกอบรมออนไลน์ฟรีผ่านแอปพลิเคชัน Zoom Meeting โดยเน้นหลักสูตรด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัล โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อการประยุกต์ใช้งาน และการประกอบอาชีพอิสระ กว่า 50 หลักสูตร ให้แก่แรงงานทั่วไป ได้แก่ Microsoft Excel Advanced เทคนิคการสร้างร้านค้าและขายสินค้าออนไลน์ การใช้สมาร์ทโฟนขายสินค้าออนไลน์ การซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน เป็นต้น ซึ่งคนพิการและแรงงานกลุ่มเปราะบาง สามารถร่วมการฝึกอบรมได้ทุกหลักสูตรตามความสนใจและความเหมาะสม นอกจากภารกิจด้านการฝึกอบรมแล้ว กพร.ยังมีภารกิจส่งเสริมมาตรฐานฝีมือแรงงาน การรับรองความรู้ความสามารถ การส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานในสถานประกอบกิจการ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมการสร้างเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน หากท่านใดต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือ ดูข้อมูลทางเว็บไซต์ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน www.dsd.go.th

นางประภาพร สู่สุข  อายุ  62 ปี ตัวแทนแรงงานกลุ่มคนเปราะบาง เล่าว่า เดิมตนประกอบอาชีพนวดแผนไทย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ร้านนวดต้องปิดชั่วคราวซึ่งตนไม่มีอาชีพเสริม ว่างงานไม่มีรายได้แต่เมื่อได้รับ ซิมการ์ดจาก กพร.มีความตั้งใจอยากจะเรียนออนไลน์ในหลักสูตรขายสินค้าออนไลน์เพราะตนมีฝีมือในการประกอบอาหารหลากหลายเมนู จึงคิดว่าจะทำอาหารกล่องประกาศขายทางสื่อโซเชียลหารายได้ช่วงระหว่างรอการคลายล็อคสถานการณ์โควิด

นายสายัณฑ์  ดีเลิศ อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลสิทธิประโยชน์และบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์ให้คนพิการของสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ตัวแทนคนพิการซึ่งมีความพิการทางการเคลื่อนไหว เล่าว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้รับซิมการ์ด และขอขอบคุณภาครัฐที่เล็งเห็นคุณค่าคนพิการ ทำให้ไม่รู้สึกเดียวดายในสังคม ทั้งนี้ ซิมการ์ดที่ได้รับจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคนพิการให้กว้างไกล นอกจากใช้ในการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆที่ทาง กพร.จัดให้แล้วยังช่วยต่อยอดในการประกอบอาชีพ ซึ่งตนมีความรู้เกี่ยวกับการซ่อมแซมอุปกรณ์ของคนพิการ จะใช้สิ่งนี้ให้เป็นโอกาสในการเปิดรับงานซ่อม และรับงานวิทยากรให้ความรู้แก่คนพิการและแรงงานทั่วไปที่สนใจ ช่วยให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ และตั้งใจจะใช้ซิมการ์ดนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุดสมกับที่ กพร.มอบให้มา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top