Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

'ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์' เผยขั้นตอนการจอง 'ซิโนฟาร์ม' สำหรับองค์กรและหน่วยงาน เริ่ม 14 มิ.ย.นี้

10 มิถุนายน 2564 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้เปิดเผยขั้นตอนการจองวัคซีนซิโนฟาร์ม ระยะที่ 1 สำหรับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ดังนี้

1.) องค์กรและหน่วยงานลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนโควิดตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” ผ่านระบบออนไลน์ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ที่ https://vaccine.cra.ac.th ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เวลา 8.00 น. เป็นต้นไป

เอกสารนิติบุคคลประกอบการยื่นแจ้งความประสงค์ขอรับจัดสรรวัคซีนตัวเลือกผ่านระบบออนไลน์

- หนังสือรับรองนิติบุคคล หุ้นส่วนบริษัทกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หนังสือจดทะเบียนพาณิชย์ ที่ออกให้ไว้ไม่เกิน 6 เดือน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องจากผู้มีอำนาจลงนาม

หมายเหตุ : สำหรับองค์กรที่เคยส่งหนังสือแจ้งความประสงค์มาแล้วก่อนหน้านั้น ขอให้ท่านดำเนินการลงทะเบียนเข้าระบบเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและลำดับจัดสรรโควตาต่อไป

2.) คณะกรรมการบริหารวัคซีนตัวเลือก ตรวจสอบคุณสมบัติและการจัดสรรโควตาการกระจายวัคซีนตัวเลือก โดยใช้ระยะเวลา 5 วันทำการ นับจากวันที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์

3.) คณะกรรมการบริหารวัคซีนตัวเลือก อนุมัติแจ้งจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร ระบบจะส่งอีเมล์แจ้งรหัสให้องค์กรหน่วยงานเข้าล็อกอินเพื่อรับทราบจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร วิธีการชำระเงิน รอบการจัดส่งวัคซีน และสถานพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีน

4.) องค์กรและหน่วยงาน ทำสัญญาพร้อมชำระเงิน ตามเงื่อนไขข้อตกลง

5.) องค์กรและหน่วยงาน อัพโหลดรายชื่อผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข้าสู่ระบบของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และรอการกระจายวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” ไปยังสถานพยาบาลที่ได้เลือกไว้ตามรอบการจัดส่งที่กำหนด

การเตรียมข้อมูลลงทะเบียนก่อนฉีดสำหรับองค์กรและหน่วยงาน

- เตรียมไฟล์รายชื่อผู้รับวัคซีนตาม Format ที่ได้รับแจ้งจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

- อัพโหลดรายชื่อผู้ฉีดเพื่อลงทะเบียนเข้าระบบตามโควตาวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรในบัญชีของบริษัท

6.) ผู้ที่มีรายชื่อในระบบเข้ารับการฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลที่องค์กรได้เลือกประสานไว้ตามวันเวลาที่กำหนด

วันที่ให้บริการฉีดวัคซีน

- สถานพยาบาลบันทึกข้อมูลผู้เข้าฉีดวัคซีนโดยใส่รหัสบัตรประชาชนหรือสแกนคิวอาร์โค้ดเข้ามาในระบบราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

- สถานพยาบาลสแกนบาร์โค้ดวัคซีนเพื่อบันทึก lot number ยาให้กับผู้เข้ารับการฉีด

ทั้งนี้ ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจะสามารถเช็กข้อมูลการได้รับวัคซีนตัวเลือก ผ่านระบบหมอพร้อมของกระทรวงสาธารณสุขได้เช่นกัน

 

ที่มา : https://www.facebook.com/309713019886908/photos/a.334788574046019/871308397060698/

https://www.naewna.com/local/579179


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“บิ๊กตู่” สั่งเร่งปรับกฎระเบียบหนุนรัฐบาลดิจิทัล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดย สศช. เสนอให้เร่งรัดการบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้าของภาครัฐต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ ไปปรับปรุงข้อกฎหมายและระเบียบโดยเร็วเพื่อสนับสนุนการเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สศช. ได้รายงานว่าจากการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของรัฐในระยะที่ผ่าน เช่น กรณีการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (ทีพีแม็ป) พบว่า การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐยังมีข้อจำกัด เป็นอุปสรรคสำคัญของการขับเคลื่อนรัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยประเด็นปัญหาหลักคือ แม้ว่าจะมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการข้อมูลและพัฒนารัฐบาลดิจิทัลแล้ว เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 แต่กฎหมายและระเบียบภายในของหน่วยงานต่างๆ ยังเป็นข้อจำกัดในการเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

ดังนั้น สศช.จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบภายในหน่วยงานให้รองรับและสนับสนุนการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ให้สอดคล้องกับกฎหมายหลักด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รวมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรทุกหน่วยงานให้มีทัศนคติที่เอื้อต่อการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยชี้ให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนานโยบายและการปฏิบัติงานด้วยข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในสภาพแวดล้อมของประเทศที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“หมอวรงค์” บี้ “นายกฯ” เลิก ประมูลก่อสร้างรถไฟรางคู่สายเหนือ-อีสาน ชี้! เอื้อประโยชน์​ 5 บริษัท แนะเปิดช่องให้มีการแข่งขันหลากหลาย​

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี และตัวแทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​นายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม​ผ่านนายเสกสากล อัตถาวงศ์ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ยกเลิกโครงการ รถไฟฟ้าทางคู่สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เขียงของและสายอีสาน ช่วงบ้านไผ่- มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการประมูล เนื่องจากพบว่าราคาที่ได้จากการประมูลต่ำกว่าราคากลางเล็กน้อย โดยมีสัดส่วนที่เท่ากันแค่ร้อยละ 0.08  

นพ.วรงค์​ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีเพียง 5 บริษัทที่ผ่านคุณสมบัติ​สามารถประมูลได้จาก 5 สัญญา​ จึงตั้งข้อสังเกต​ชัดเจนว่าอาจเอื้อประโยชน์​หรือไม่ และเหตุผลที่ทำให้ผลการประมูลเป็นเช่นนี้ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ​ไม่นำทีโออาร์ ที่เคยใช้ในการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์​-ชุมพร ในปี 2560 สมัยรัฐบาล คสช. ที่สามารถประหยัดงบประมาณ 2,039 ล้านบาท จากวงเงิน 36,100 ล้านบาท แต่ ร.ฟ.ท. กลับเปลี่ยนทีโออาร์​ ส่งผลให้เสียโอกาสที่จะประหยัดงานค่าก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท จึงขอให้ทบทวนการประมูลดังกล่าวและตรวจสอบความโปร่งใสเพื่อประโยชน์ของประเทศ 

จากเฟซบุ๊ก 'เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้' ของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคนไทยในอเมริกา ได้โพสต์แชร์ประเด็นความจริง กรณีแผ่นป้ายแสดงรายได้ของคนไทยที่ทำงานขับรถบรรทุกในสหรัฐฯ อ้างมีรายได้หลักล้านต่อเดือนว่า...

จากเฟซบุ๊ก 'เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้' ของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคนไทยในอเมริกา ได้โพสต์แชร์ประเด็นความจริง กรณีแผ่นป้ายแสดงรายได้ของคนไทยที่ทำงานขับรถบรรทุกในสหรัฐฯ อ้างมีรายได้หลักล้านต่อเดือนว่า...

แผ่นป้ายนี้ไม่อยู่บนฐานความจริง หรือนำเสนอความจริงครึ่งเดียว

1.) ที่บอกว่าอาชีพขับรถรายได้ต่อสัปดาห์ อาทิตย์ละ 15-20 K อาจจะเขียนผิดว่า รายได้นี้น่าจะรายได้ต่อเดือนหรือต่อปี มากกว่าต่ออาทิตย์เพราะไม่มีงานขับรถงานไหนจ่ายขนาดนี้

2.) ต่อให้ทำงานชั่วโมงละ $10 ที่อ้างว่าคืออัตราแรงงานขั้นต่ำ (บางรัฐอัตราค่าแรงต่ำกว่านี้ คือ 7 หรือ 8 ดอลล์) ก็มีเงินผ่อนรถหรือช้อปของแบรนด์ การผ่อนรถในอเมริกาง่ายมาก คนที่นี่ใช้รถมือสองกันส่วนใหญ่ เพราะถ้าซื้อรถใหม่เอี่ยมอ่องป้ายแดง ภาษีจะแรงมากเลยทำให้คนเลี่ยงไปซื้อมือสอง

เต็นท์รถมือสองขายไม่แพง บางคันสภาพพอใช้ ขายแค่สามสี่หมื่นบาทยังมี บางคันขายแค่ $500 หรือ $1000 ตกประมาณไม่เกินสามหมื่นบาท หมายถึงรถที่สภาพเก่าหน่อยประมาณนั้น ถ้าสภาพดีหน่อยก็ราคาสูงหน่อย

การมีรถขับของอเมริกัน ไม่ได้เป็นเครื่องหมายวัดสภาพความรวย หากไม่ได้อยู่เมืองใหญ่ที่มีระบบขนส่งมวลชนดี ทุกคนในเมืองขนาดกลางขนาดเล็กต้องมีรถ เพราะต้องใช้ขับไปทำงานไปซื้อของ รอรถเมล์ประจำเมืองไม่ไหว เพราะนานมากกว่าจะมาคันหนึ่ง แถมบางรัฐหิมะตกยืนรอไม่ได้กลางหิมะ

ส่วนเรื่องช้อปของแบรนด์เนม เมืองไหนมีห้างแบบ Outlet จะเอาของแบรนด์ดังลด 50-75 % มาขาย หรือที่นี่มีร้านแนวแบรนด์เนมครึ่งราคา อย่าง TJ Maxx , Ross และอีกหลายห้าง หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง Macy's ที่จะลดกระหน่ำเรื่อยๆ ตามวาระ เวลาลดราคาลดหนักลดจริง เผลอๆ ราคาถูกกว่า สินค้ายี่ห้อโนเนมในวอลมาร์ท

การอวดเรื่องซื้อแบรนด์เนม จึงเป็นเรื่องความจริงแค่ครึ่งเดียว ของแบรนด์เนมที่ตกรุ่นแต่สภาพดี ใครๆ ก็สามารถหาซื้อได้ ในราคาพอสมควรหากนิยมแบรนด์เนม

บอกว่าขับรถหาเงินได้เท่านั้นเท่านี้ แต่ไม่บอกว่าจ่ายภาษีเท่าไหร่ สมทบเมดิแคร์เท่าไหร่ หักประกันสังคมเท่าไหร่ ค่าครองชีพเท่าไหร่ ค่าผ่อนบ้านหรือเช่าบ้านเท่าไหร่ เหลือจริงเท่าไหร่ต่อเดือน แบบนี้คือพูดไม่หมด เพื่อหวังผลในการปั่นหรือโฆษณาชวนเชื่อ แล้วจำเป็นไหมที่ต้องด้อยค่าประเทศไทย

ขณะที่เพจ 'ไม่น่าจะมีคนอ่าน' ได้โพสต์ลิงก์พร้อมภาพข้อมูลตัวเลขรายได้คนขับรถบรรทุก ปี 2021 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีรายละเอียดแบบต่ำสุด สูงสุด ค่าเฉลี่ยเป็นรายปี เดือน สัปดาห์ ชั่วโมงรวมถึงมีให้ดูแยกเป็นรัฐๆ อีกด้วย >> https://www.talent.com/salary?job=truck+driver

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10219668619089499&id=1337643342


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สภาฯ ไฟเขียว พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุม มีการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ต่อเป็นวันที่ 2 ภายหลังนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายปิด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเวลา 10.35 น. ที่ประชุมได้ส่งมติอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง

เปิดเทอมแล้ว! “คณะก้าวหน้า” ประเดิมหลักสูตร “ประวัติศาสตร์นอกขนบ” ถาม-ตอบ สนุกสนาน “ธงชัย” แนะ “3 แต่” ทลายกรอบกระแสหลัก-ชี้ชนนำสยามเปิดรับเจ้าอาณานิคมเพราะได้ประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะก้าวหน้า โดย คอมมอน สคูล (Common school) ประเดิมกิจกรรม “ตลาดวิชาอนาคตใหม่” เปิดบรรยายหลักสูตร วิชา ประวัติศาสตร์นอกขนบ รายวิชาย่อย สยามยุคกึ่งจักรวรรดิกึ่งอาณานิคม ซึ่งในหัวข้อแรกนี้ ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ Wisconsin Madison สหรัฐอเมริกา บรรยายเรื่อง สยามไม่เคยเสียเอกราชหรือกึ่งอาณานิคม ซึ่งเป็นการบรรยายสดจากประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางผู้เข้าร่วมหลักสูตรกว่า 40 คน โดยมี คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ ดำเนินรายการ

*** “ธงชัย” ชี้ 3 เรื่องเล่าหลักประวัติศาสตร์ “สยามไม่ตกเป็นเมืองขึ้น” - แนะ “3 แต่” มุมมองใหม่ทลายกรอบออกนอกขนบ

ธงชัย เริ่มต้นการบรรยายว่า ความรู้ทางประวัติศาสร์ เป็นฐานอุดมการณ์ของรัฐไทยใน 100 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นฐานความเชื่อที่ถูกพัฒนาจนมาเป็นกรอบมโนทัศน์ใช้ตีความอธิบายข้อเท็จจริงในอดีตมากมาย เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มีเจ้ากรุงเทพฯ เป็นวีรบุรุษ เช่น ประวัติศาตร์ที่ว่าสยามไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ประกอบด้วยเรื่องเล่าหลัก 3 เรื่อง คือ

1.) ถูกคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคม

2.) กษัตริย์ราชวงศ์จักรีต่อต้านการคุกคาม ทำให้รอดพ้นมาได้ และ

3.) กษัตริย์และชนชั้นปกครองผลักดันการปฏิรูปสยามจึงไม่เสียเอกราช ซึ่งหนังสือประวัติศาสตร์ไทย รายการโทรทัศน์ จำนวนมากหนีไม่พ้นเรื่องหลักนี้ และได้กลายเป็นความถูกต้องแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย และถูกท้าทายหรือตรวจสอบน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา

“อย่างไรก็ตาม เราสามารถศึกษาและนำเสนอประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากเดิมได้ เรียกประวัติศาสตร์ 3 แต่ คือ

1.) แต่สยามไม่ได้รักษาเอกราช อยู่ในภาวะกึ่งอาณานิคม ชนชั้นนำได้ประโยชน์

2.) แต่การเสียดินแดนเป็นประวัติศาสตร์ผิดฝาผิดตัวตามทัศนะเจ้าจักรวรรดิที่กรุงเทพฯ และ อำพรางอำนาจรัฐแบบใหม่ของกรุงเทพฯ

3.) แต่การปฏิรูปประเทศมุ่งหมายเพื่อการเมืองภายใน เพื่อสถาปนาอำนาจระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทั้งนี้ สำหรับการบรรยายวันนี้จะเน้นที่หัวข้อที่ 1 เป็นหลักคือ สยามอยู่ในภาวะกึ่งอาณานิคม ใน 2 ประเด็นใหญ่คือ

1.) กึ่งอาณานิคมทางเศรฐกิจ โดยถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจอาณานิคมโลก ในทางกลับกันก็ร่วมมือด้วย และ

2.) กึ่งอาณานิคมทางการเมือง เราระแวงต่างชาติ แต่เราก็ฉวยโอกาสนี้มาเพื่อสร้างการเมืองภายในด้วย” ธงชัย กล่าว

“บิ๊กตู่” ตั้ง “ธนกร” นั่งโฆษกฯ ศบศ.แจงงานเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายธนกร วังบุญบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ตามที่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ศบศ.เสนอ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแก่สื่อมวลชน รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน

“บิ๊กป้อม” ขึงขังยันไม่เคยส่งสัญญาณลูกพรรคเตรียมพร้อมยุบสภา “ลั่น” อยู่ครบเทอม ไม่กังวลสถานการณ์การเมือง โทษสื่อเขียนกันเองประชุม พปชร.ขอนแก่น ปัดตอบห่วง "บิ๊กตู่" หรือไม่หลังแจงเดือดกลางสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวว่าส่งสัญญาณกับลูกพรรคให้เตรียมความพร้อมในทางการเมืองที่อาจะมีการยุบสภาในเวลาอันใกล้นี้ว่า มันครบปีครบเทอมแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่มีอะไรเลย สื่อว่ากันและเขียนกันไปเองทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “ครบเทอมมันกี่ปี ยืนยันว่ากระแสข่าวที่ออกมาไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเลย สื่อเขียนข่าวกันเองทั้งนั้น” เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ แต่ถ้าครบเทอมเวลามันก็คือ 4 ปี

เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม โดยไม่มีการยุบสภาก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สถานการณ์ข้างหน้าผมคิดคนเดียวไม่ได้ต้องคิดกันหลายๆ พรรคหลายๆ คน ว่ามีความเหมาะสมขนาดไหนและสถานการณ์เป็นอย่างไร” และในส่วนของพรรคพปชร. ทุกคนก็เห็นแล้วว่ามีความเข้มแข็งหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการไปดูดใครเข้ามาอยู่กับพรรค สื่อคิดกันไปเองทั้งนั้น 

เมื่อถามย้ำว่าพรรคเตรียมการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค จะให้ตนมาบอกอะไร เพราะมีคนที่เขาไม่อยากรู้ก็เยอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการเอง อย่างไรก็ตามจะต้องพูดคุยกับสมาชิกพรรคว่าจะเอาอย่างไรไม่ใช่เรื่องของตนเพียงคนเดียว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการประชุมพรรคในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ที่ จ.ขอนแก่น เป็นความจริงหรือไม่ หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องการประชุมพรรคเลื่อนมาตั้งนานแล้ว เพราะเกี่ยวข้องใน รายละเอียดตามข้อกฎหมายที่ต้องชี้แจงให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ ในเรื่องของงบดุลประจำปี ซึ่งพรรคเลื่อนประชุมมาโดยตลอด “และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวันที่จะประชุม ว่าเป็นเมื่อไหร่ ยืนยันยังไม่มีอะไรออกมาเลยนอกจากสื่อที่ไปพูดกันเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับส.ส. บ้างหรือยังเรื่องการเสียบบัตรแทนกันหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดออกมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนั่นเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งก็ว่ากันไป 

ทั้งนี้ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลอะไรต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้หรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี เห็นหน้าผมแล้วเป็นอย่างไรมีความกังวลหรือไม่” 

เมื่อถามว่าเป็นห่วงน้องชายอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ ซึ่งล่าสุดมีการชี้แจงดุเดือดในสภาวานนี้ (9 มิ.ย.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สื่อก็ดูเองว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็ดูกันเอง”

“บิ๊กแก้ว” พร้อมส่ง ทหาร คุมแคมป์แรงงาน กทม. พร้อมตั้งจุดตรวจเข้า-ออก ชุดลาดตระเวณ กั้นรั้วลาดหนาม สกัดเคลื่อนย้าย

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณี ศบค. ประสานหน่วยงานความมั่นคงให้ส่ง กำลังทหาร ตำรวจ คุมเข้มแคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม. หลังพบว่ายังมีการเคลื่อนย้าย ว่าเป็นภาพรวมของนโยบาย ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะเข้าไปดูแลในการควบคุม ตั้งแต่การตั้งจุดตรวจ การตรวจสถานที่ต่างๆ

ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากมีการตรวจแคมป์คนงาน ที่เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาด โควิด-19 และยังมีการเคลื่อนย้ายกันออกไป ทั้งนี้ต้องไปดูว่า ศบค.ได้กำหนด แคมป์คนงานในแต่ละพื้นที่เอาไว้อย่างไร

ซึ่งในแนวทางปฏิบัติหากมีกรณีเช่นนี้เราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจวแคมป์แรงงาน จะต้องได้รับการควบคุมแบบไหน การเข้าออก สามารถเล็ดออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเครื่องกีดขวางมากั้นช่องโหว่ที่ยังปิดไม่ได้หรือไม่ เช่น รั้วลวดหนาม

โดยประสานกับผู้ประกอบการที่ดูแลพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบโดย

1.) จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเข้า-ออก และพิจารณาเป็นกรณีไปหากจำเป็นต้องเข้า-ออก

2.) ลาดตระเวนในพื้นที่เพื่อให้ไม่ให้มีการลักลอบ 

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นส่วนเสริม และใช้ สารวัตรทหาร(สห.) ในการปฏิบัติงาน ยกเว้นกรณีมีแคมป์แรงงานหลายแห่งทีต้องควบคุม จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า แคมป์แรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเหล่าทัพใด ก็จะประสานเหล่าทัพนั้นส่งกำลังทหารไปดูแล

ศธ.แจง แนวทาง 4 ON รับเปิดเรียน 14 มิ.ย.นี้ ย้ำ 4 จ.แดงเข้ม ยังไม่ให้ใช้พื้นที่ทำการสอน ชี้ บุคลากร ข้ามจว.หากมีความเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือศบค.แถลงว่า ศบค.ชุดเล็กได้พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียนภาค 1/2564 ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งถึงความพร้อมโดยให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน เหมาะสมกับสถานการณ์และสอดคล้องกับการเรียนวิถีใหม่ในรูปแบบ 4 ON โดยแยกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 4 จังหวัด ให้เปิดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่บริเวณโรงเรียนหรือสถานศึกษา ทำการเรียนการสอน แต่ให้จัดการเรียนการสอน 4 รูปแบบ คือ

1.) ทางออนไลน์ หรือการเรียนผ่านช่องทางออนไลน์

2.) ออนแอร์ หรือการเรียนรู้ผ่านดีแอลทีวี หรือทางดิจิตอลทีวี

3.) ออนดีมานหรือการเรียนการสอนผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ

4.) ออนแฮนด์ หรือการจัดส่งหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนรู้ถึงบ้านทางไปรษณีย์เท่านั้น

สำหรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 17 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 56 จังหวัด (สีส้ม) สามารถจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานได้ เช่น เรียนในที่ตั้งสามารถทำได้ โดยโรงเรียนทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน ไทยสต็อปโควิด 44 ข้อ และมีมาตรการปลอดภัยเพียงพอที่จะเปิดการเรียนได้ โดยการใช้สถานที่ของโรงเรียนต้องผ่านการประเมิน จากนั้นให้โรงเรียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำการเปิดเรียนในที่ตั้งสถานศึกษา ส่วนกรุงเทพฯ ได้เพิ่มช่องทางออนสกูลไลน์ หรือมีกลุ่มไลน์แต่ละห้องเรียนหรือรายวิชา

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมบุคลากร โดยเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากบุคลากรต้องข้ามพื้นที่จากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯขอให้ทุกคนสำรวจความเสี่ยงของตัวเองและสังเกตอาการ ไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้กักตัว 14 วัน ก่อนติดต่อประสานงานกับบุคคลอื่น และสถานศึกษาต้องเอาใจใส่บุตรหลานที่จะเดินทางไปเรียนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top