Wednesday, 18 June 2025
NewsFeed

Kick-off โครงการการพัฒนาระบบกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค

ที่ปรึกษา รมว.อว. ชี้อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความพร้อม เพราะเป็นกลไกเชิงระบบของชาติหรือที่เรียกว่า National Platform อยู่แล้ว แถมมีทั้งมหาวิทยาลัย นักวิจัย นักนวัตกร ห้องปฏิบัติการ เทคโนโลยี เครื่องมือ งานวิจัยขั้นแนวหน้า ขณะที่อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ภาคเหนือชูเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดิจิทัล การท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและอาหาร

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นประธานเปิดงานปฐมนิเทศ (Kick-off) โครงการการพัฒนาระบบกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค (NEC, NeEc, CWEC และ SEC) มีนายเอกพงค์ มุสิกะเจริญ ผอ.กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.) รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผอ.สำนักคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผอ.หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รอง ผอ.ฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. และ ผอ.เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั้ง 44 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วม ที่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ

รศ.ดร.วีระพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ มี จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี จ.นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ภาคกลาง-ตะวันตก มี จ.พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และภาคใต้ มี จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่โฟกัสใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่อีสเทิร์นซีบอร์ดหรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ดเท่านั้น เพื่อมุ่งยกระดับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม และยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก ผ่านการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของพื้นที่ทั้ง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุดมศึกษา และภาคประชาสังคม 

ดังนั้น บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคจะต้องเข้าไปมีบทบาทเชื่อมกับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภูมิภาคให้ได้ เพราะอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ห้องปฏิบัติการ ห้องวิจัย มีผู้เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้น ภาคเอกชนที่จะมาลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาคก็จะมีกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเป็นเครื่องมือในการผลิตสินค้าและบริการได้ ที่สำคัญที่สุด อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีกำลังคน มีนวัตกรจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตและจะมีส่วนช่วยผลักดัน GDP ให้กับประเทศได้

จากนั้น รศ.ดร.วีระพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเป็นกลไกเชิงระบบของชาติหรือที่เรียกว่า National Platform ทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีในการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันของมหาวิทยาลัยในหลายภูมิภาค ดังนั้นเมื่อมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค และมีโฟกัสว่าพื้นที่แต่ละพื้นที่จะทำอะไร อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคก็จะเป็นกลไกสำคัญและเป็นตัวกลางในการเชื่อมโครงสร้างพื้นฐานจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคเข้าสู่การใช้ประโยชน์กับภาคเอกชน ภาคการผลิต ภาคบริการ ซึ่งอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และเมื่อมีการโฟกัสจุดเด่นของแต่ละภูมิภาคก็จะทำให้เกิดการทำงานที่ไม่ทับซ้อนกัน จะทำให้เกิดการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

เมื่อถามว่า ศักยภาพของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคจะสามารถรองรับการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้หรือไม่ รศ.ดร.วีระพงษ์ กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความพร้อมอยู่แล้ว มีทั้งมหาวิทยาลัย นักวิจัย ห้องปฏิบัติการ เครื่องไม้เครื่องมือ งานวิจัยขั้นแนวหน้า การพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค จะทำให้การทำงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ด้าน รศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ มีความพร้อมและได้เตรียมแผนไว้รองรับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ 4 จังหวัดไว้แล้ว นอกจากนี้ มีการเตรียมนำเทคโนโลยีในกลุ่ม BCG มาทำให้เกิด New s-curve เพื่อเป็นตัวเร่งหรือเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในภาคเหนือมีความโดดเด่นในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดิจิทัล การท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  การเกษตรและอาหาร ซึ่งอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ มีคลัสเตอร์ในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ ก็จะมีอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกันออกไป

ขณะที่ รศ.ดร.ปัทมาวดี กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค เกิดขึ้นเพื่อให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทศวรรษที่ 21 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยได้เป็นแกนนำหลักในภาคีสำคัญของโลกด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่ออนาคต และเพื่อการขับเคลื่อนเทคโนโลยีขั้นแนวหน้าสู่อุตสาหกรรมอนาคตที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเข้มข้น มีความสามารถในการเติบโตในอนาคตสูง

‘ฮอนด้า’ ปรับราคา ‘ซิตี้ อี:เอชอีวี’ ถูกลง เพิ่มความคุ้มค่าให้รถ ‘ซิตี้คาร์ ฟูลไฮบริด’ ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ประหยัดน้ำมันเกินคาด รองรับไลฟ์สไตล์ ‘คนรุ่นใหม่’

(4 ส.ค.67) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความนิยมของตลาดxEV และกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย มอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV ได้ง่ายขึ้น ปรับราคาใหม่ สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ลงทุกรุ่นย่อย โดยรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่รองรับไลฟ์สไตล์หลากหลายของคนยุคใหม่ มาพร้อมระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังให้ทั้งอัตราเร่งแรงเร้าใจ และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมพาคุณเดินทางสู่ทุกจุดหมายและไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่มาพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี 

หรือลูกค้าสามารถเลือกผ่อนเบาดาวน์สบาย กับโปรแกรม ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเริ่มต้น 7,265 บาท/เดือน (คำนวณจาก ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี รุ่น e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20%) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% พร้อมมอบความอุ่นใจในการใช้งานรถฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปีและรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง 

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/promotions

‘นักเตะฝรั่งเศส’ ปะทะเดือด ‘นักเตะอาร์เจนตินา’ หลังกรรมการ เป่านกหวีดจบเกม ปม!! เหยียดเชื้อชาติ ทำตะลุมบอนวุ่นวาย ‘อองรี’ ขอโทษที่ไม่สามารถระงับเหตุได้

(3 ส.ค.67) ภายหลังจบเกมการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2024 รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่สนาม สต๊าด มัตมุต-อัตลานติก บอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส คืนวันที่ 2 ส.ค.67 ระหว่างทีมชาติ ‘ฝรั่งเศส’ พบกับทีมชาติ ‘อาร์เจนตินา’ โดยผลการแข่งขันเป็นทีมเจ้าภาพ เอาชนะ ทัพฟ้าขาวไปได้ 1-0 และหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกมได้เกิดเหตุเหตุการณ์เดือดผู้เล่นทั้งสองทีมตะลุมบอนกัน

ทั้งนี้ ก่อนเกมการแข่งขัน ทั้ง 2 ทีมถูกจับตามองเป็นพิเศษอยู่แล้ว เนื่องจากมีประเด็นเหยียดเชื้อชาติกันมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2022

ต่อมา เอนโซ แฟร์นานเดซ มาเติมเชื้อไฟกับการร้องเพลงดูถูกผู้เล่นฝรั่งเศส หลังคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ก่อนหน้าโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีส จะเริ่มต้นขึ้นไม่กี่สัปดาห์

สำหรับเกมเมื่อคืนวันศุกร์ เพลงชาติอาร์เจนตินาก็ถูกโห่ขับไล่จากแฟนบอลที่บอร์กโดซ์ เช่นเดียวกับผู้เล่นอาร์เจนตินาที่ถูกโห่เป็นระยะด้วย

จนกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม ระหว่างที่ผู้เล่นฝรั่งเศสกำลังวิ่งลงไปในสนามเพื่อฉลองชัยชนะ พวกเขาเกิดไปปะทะกับผู้เล่นอาร์เจนตินาที่ไม่พอใจอะไรสักอย่าง จนเรื่องราวลุกลาม ผู้เล่นและทีมงานกรุเข้าหากัน ทั้งห้ามทัพและผสมโรง

ขณะที่ เอนโซ มิโลท์ ผู้เล่นฝรั่งเศสถูกใบแดงหลังจากที่เกมจบลงแล้วด้วย

โดยมีรายงานข่าวว่า ในอุโมงค์เข้าสนามก็มีเหตุการณ์วุ่นวายในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีก

เธียร์รี่ อองรี กุนซือทีมตราไก่ให้สัมภาษณ์หลังเกม ยืนกรานว่า ชัยชนะในเกมนี้ไม่ใช่การแก้แค้นอาร์เจนตินา ที่เคยชนะพวกเขาตอนฟุตบอลโลก

"เราไม่ถือว่านี่คือการแก้แค้น เพราะฟุตบอลโลกมันคืออีกทีม" อองรี กล่าว

"ผมต้องขอโทษสำหรับเหตุการณ์วุ่นวายในช่วงหลังจบเกม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการและผมไม่สามารถควบคุมมันได้ อันที่จริง พวกเขาได้ให้ใบแดงผู้เล่นด้วย"

ขอนแก่น- 'ธปท.สภอ.' แจง! เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังซื้อของภาคอีสานยังไม่มาก

เศรษฐกิจอีสานมีแรงส่งระยะสั้น จากราคายางพาราและอ้อย และการท่องเที่ยวดีขึ้น แต่แรงส่งยังไม่เพียงพอเนื่องจากเกษตรกรที่ได้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มซึ่งมีสัดส่วนน้อย และรายจ่ายนักท่องเที่ยวยังต่ำ ประกอบกับสถานการณ์การเงินของครัวเรือนที่เปราะบาง ทำให้กำลังซื้อของภาคอีสานยังไม่มาก

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ ห้องปัญญาวิจิตร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) จัดแถลงข่าวเศรษฐกิจ และงานขอบคุณสื่อมวลชน โดยมี ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) เป็นประธานในการจัดแถลงข่าว รายการนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างชุมชน 

ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) กล่าวสรุปว่า เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 2 ปี 2567 เศรษฐกิจอีสานมีแรงส่งระยะสั้น จากราคายางพาราและอ้อย และการท่องเที่ยวดีขึ้น แต่แรงส่งยังไม่เพียงพอเนื่องจากเกษตรกรที่ได้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มซึ่งมีสัดส่วนน้อย และรายจ่ายนักท่องเที่ยวยังต่ำ ประกอบกับสถานการณ์การเงินของครัวเรือนที่เปราะบาง ทำให้กำลังซื้อของภาคอีสานยังไม่มากพอที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ 

นอกจากนั้นยังเห็นสัญญาณเปราะบางลามไปสู่ระดับกลางมากขึ้น จากยอดขายบ้านระดับกลางหดตัว โดยผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้ประจำถูกปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจภาคอีสานปี 2567 จากที่คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อยเป็นไม่ขยายตัว และในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ ร้อยละ 1 จากสภาพภูมิอากาศที่เข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ผลผลิตเกษตรขยายตัวในทุกพืชสำคัญ ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหมวดอาหารขยายตัว ภาคการค้าขยายตัวจากรายได้ภาคเกษตรที่ดีขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ตามปกติ

โปรดเกล้าฯ ให้ ‘พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์’ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในการพระราชทานเพลิงศพ ‘นางชดช้อย ทวีสิน’ วัดเทพศิรินทราวาส กทม.

(3 ส.ค.67) จากกรณี นางชดช้อย ทวีสิน มารดาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 สิริอายุ 96 ปี โดยตั้งศพบำเพ็ญกุศล ที่ศาลากวีนิรมิต วัดเทพศิรินทราวาส กทม.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพระราชทานเครื่องเกียรติยศประกอบศพ นางชดช้อย ทวีสิน

โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง หน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจ ประชาชน และญาติสนิท ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ นางชดช้อย ทวีสิน ในวันอังคารที่ 6 ส.ค. ที่วัดเทพศิรินทราวาส กทม.

โดยหมายกำหนดการ พิธีพระราชทานเพลิงศพ นางชดช้อย ทวีสิน มารดานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีดังนี้

วันอังคารที่ 6 ส.ค. 2567

เวลา 10.00 น. ทำบุญและถวายภัตตาหารเพล

เวลา 13.30 น. พิธีสวดมาติกาบังสุกุล

เวลา 14.30 น. พิธีเคลื่อนศพ

เวลา 17.00 น. พิธีพระราชทานเพลิงศพ

‘สุรพงษ์’ คุยลั่น!! หมดยุค ‘การรถไฟฯ’ ขาดทุน-ติดลบตัวแดง เผย!! มีแผนเพิ่มรายได้ 10 เท่า จาก 2 พันล้าน เป็น 2 หมื่นล้าน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้พบปะกับสมาชิกของ ชมรมคอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์ไทย นำโดย นายณรงค์ ปานนอก ประธานชมรมคอลัมนิสต์ฯ กล่าวถึงภารกิจสำคัญคือ การสร้างรายได้ของ รฟท. ได้ตั้งเป้าผลประกอบการหรืองบดุล จะต้องไม่มีตัวแดง หรือ EBITDA ต้องไม่ติดลบ และต้องเป็นบวก หรือมีกำไร ในปีต่อๆไป โดยให้ปรับแผนงานหารายได้เพิ่มจากธุรกิจทางตรงคือการขนส่งสินค้า เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด จาก 3% ที่มีรายได้เพียง 2,000 ล้านบาท/ปี เป็น 30% ซึ่งรายได้จะเพิ่มเป็น 22,000 ล้านบาท/ปี

“เรื่องนี้ถือเป็นการบ้านของ รฟท. ที่จะต้องไปหาวิธีทำอย่างไรเพื่อไปสู่เป้าหมาย ทั้งด้านการขนสินค้าและผู้โดยสาร อาจหามืออาชีพด้านการตลาดมาช่วย การวางแผนจัดสร้างเส้นทางส่วนต่อขยาย เข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้ามาก ๆ เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ของ รฟท.” รมช.คมนาคม กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของค่าโดยสาร รฟท. ไม่ได้ปรับค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 2538 หรือ 29 ปีแล้ว ซึ่งจะแบ่งผู้โดยสารเป็น 2 ส่วน คือ ด้านบริการเชิงสังคมสำหรับผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐต้องดูแลก็ให้แยกออกมา ส่วนบริการรถไฟเชิงพาณิชย์ ชั้น 2 และชั้น 3 ที่พร้อมจะซื้อตั๋วที่ราคาสูงขึ้นได้ จะทำให้สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ว่าฯรฟท.ต้องไปทำข้อมูลแยกออกมาว่า มีปริมาณผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ และ ผู้โดยสารรถไฟท่องเที่ยว เพื่อกำหนดแผนได้ตรงกับความต้องการของตลาดผู้โดยสาร

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงแผนการปรับปรุงรถไฟไทยว่า ได้ดำเนินการจัดทำรถไฟท่องเที่ยวขบวนรถหรู SRT Royal Blossom ที่จะเปิดบริการเที่ยวแรกในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นี้ นำร่องเส้นทางท่องเที่ยว กรุงเทพฯ -กาญจนบุรี เป็นรถไฟขบวนใหม่ สไตล์ญี่ปุ่น ที่การรถไฟฯ ทำการปรับปรุง หลังได้รับมอบจากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเสร็จสิ้นแล้ว 5 คัน จากจำนวนทั้งหมด 10 คัน ถูกออกแบบสำหรับใช้เดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีการดีไซน์ด้วยความพิถีพิถันจากฝีมือช่างคนไทย ภายในประกอบด้วยระบบสันทนาการครบครัน เพื่อให้ผู้โดยสารสัมผัสบรรยากาศวิวสองข้างทางอย่างเต็มที่ มีการติดตั้งบันไดทางขึ้น-ลงสำหรับรองรับชานชาลาสูง-ต่ำ และรถวีลแชร์ของผู้พิการตามมาตรฐาน Universal 

ขณะที่ภาพรวมการขนส่งทางราง นายสุรพงษ์ฉายภาพความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพมหานคร -  นครราชสีมา) ระยะทางรวม 250.77 กิโลเมตร ภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 33.48% ซึ่งได้กำชับให้การรถไฟฯ เร่งรัดการก่อสร้าง รวมถึงแก้ไขอุปสรรคต่างๆ อาทิ ปัญหาที่ยังติดขัด 2 สัญญา จาก 14 สัญญา ประกอบด้วย 1.สัญญา 4-1 บางซื่อ-ดอนเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อยู่ระหว่างการแก้ไขสัญญาของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในปี 2571 

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 (นครราชสีมา-หนองคาย) ระยะทาง 356 กิโลเมตร วงเงิน 3.3 แสนล้านบาท ปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบและปรับแบบเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ (บอร์ด) และคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ได้ให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมเสนอมายังกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายใน ก.ย.นี้ และสามารถเปิดประมูลพร้อมเริ่มกระบวนการก่อสร้างภายในปี 2567 คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572 

ด้านการพัฒนารถทางคู่ ได้ดำเนินการก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่และรถไฟสายใหม่ ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แล้วหลายเส้นทาง ได้แก่ โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ขณะที่เส้นทางรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ก็สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนเช่นกัน เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นการเปิดให้บริการระหว่างสถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร 

จากนั้นมีแผนเปิดใช้ทางคู่เพิ่ม ระหว่างสถานีโพรงมะเดื่อ-บ้านคูบัว ระยะทาง 50 กิโลเมตร และสถานีสะพลี – ด้านเหนือสถานีชุมพร ระยะทาง 12.80 กิโลเมตร ซึ่งตามแผนจะเปิดใช้ทางคู่ตลอดเส้นทาง ช่วงนครปฐม – ชุมพร รวมระยะทาง 420 กิโลเมตร ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2567 

นอกจากนี้ ในปลายปี 2567 จะเปิดให้บริการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงบันไดม้า-คลองขนานจิตร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทาง 29.70 กม. ที่การก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จ เพื่อช่วยลดระยะเวลาเดินทางแก่ประชาชน

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ปัจจุบันก้าวหน้าไปแล้ว ร้อยละ 9.695 และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญา 1 บ้านไผ่ - หนองพอก สัญญา 2 หนองพอก - สะพานมิตรภาพ 3 ก้าวหน้าแล้วร้อยละ 2.578 อีกทั้งยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ที่เตรียมพัฒนาเพิ่มเติมอีก 7 สายทาง ได้แก่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย อยู่ระหว่างเตรียมประกวดราคาก่อสร้าง ส่วนช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการการรถไฟฯ ไปแล้ว อยู่ระหว่างส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคม เสนอขอมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไป

‘ปูติน’ ต้อนรับ 'พลเมืองรัสเซีย' ที่ถูกปล่อยตัว หลังบรรลุ ‘ดีล’ แลกนักโทษ กับชาติตะวันตก

เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ ประธานาธิบดีรัสเซีย เดินทางไปต้อนรับพลเมืองรัสเซียหลายคนที่ได้รับการปล่อยตัวภายใต้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษกับประเทศตะวันตก 

เที่ยวบินพิเศษที่ขนส่งชาวรัสเซียกลุ่มนี้ลงจอดที่ท่าอากาศยานวนูโคโว-2 ในกรุงมอสโก โดยมีการปูพรมแดงและมีกองทหารเกียรติยศจากหน่วยทหารพิเศษของประธานาธิบดีรัสเซียรอต้อนรับ ขณะที่ปูตินได้จับมือและกอดทักทายผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวแต่ละคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘วาดิม คราซิคอฟ’ ที่ได้รับการปล่อยตัวจากเยอรมนี

อังเดร เบลูซอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ผู้อำนวยการหน่วยความมั่นคงกลางของรัสเซีย ได้มาร่วมต้อนรับชาวรัสเซียที่เดินทางกลับมาด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ปูตินได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อความภักดีของชาวรัสเซียกลุ่มดังกล่าว และแสดงความยินดีกับพวกเขาที่ได้เดินทางกลับรัสเซีย

เปิดร่างกฎหมาย ‘กาสิโน’ ขอใบอนุญาต 5 พันล้าน คนไทยเสียค่าเข้าครั้งละ 5 พัน จัดตั้ง ‘สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร’ ทำหน้าที่ ดูแล-ควบคุม

(3 ส.ค.67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลถึงการเดินหน้าโครงการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ว่า ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบรายงาน “รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ” ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานกรรมาธิการฯ ด้วยเสียง 253 ต่อ 0 เสียง เมื่อ 28 มีนาคม 2567

ต่อมา 8 เมษายน 2567 รายงานผลการศึกษาดังกล่าวได้นำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และได้รับการเห็นชอบ พร้อมกับมอบหมายกระทรวงการคลัง รับศึกษาความเป็นไปได้รายละเอียดของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ กาสิโนถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายให้นำมาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ภายใน 30 วัน

จากนั้นวันที่ 4 มิถุนายน 2567 นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.อีกครั้งให้กระทรวงการคลัง โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เร่งรัดการดำเนินการสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมต่อไป

ล่าสุดกระทรวงการคลัง ได้ยกร่างร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 จากนั้นจะจัดทำรายงานสรุปผลรับฟังความคิดเห็นเพื่อมาประกบในร่างกฎหมาย ก่อนกระทรวงการคลังจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ต่อไป

ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าวมีอยู่ทั้งสิ้น 65 มาตรา แบ่งออกเป็น 9 หมวด ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรการ 2.คณะกรรมการบริหาร 3.สำนักงานกํากับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร 4.เลขาธิการ 5.พนักงานเจ้าหน้าที่ 6.การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร 7.การควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร 8.บทกำหนดโทษ และ 9.บทเฉพาะกาล

ส่วนสาระสำคัญตามมาตราอื่น ๆ มีดังนี้ มาตรา 3 ได้กำหนดความหมายของ ‘สถานบันเทิงครบวงจร’ หมายความว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้หลายประเภทรวมกัน ร่วมกับกาสิโน

‘กาสิโน’ หมายความว่า การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะ

‘ใบอนุญาต’ หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘ผู้รับใบอนุญาต’ หมายความว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘ผู้บริหาร’ หมายความว่า ผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการบริหารงานของผู้รับใบอนุญาต ไม่ว่าโดยพฤติการณ์หรือโดยได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารของผู้รับใบอนุญาต

‘บริษัทในกลุ่ม’ หมายความว่า (1) นิติบุคคลที่ผู้รับใบอนุญาตถือหุ้นตั้งแต่ร้อยละยี่สิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออก

เสียงทั้งหมดของนิติบุคคล (2) นิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นซึ่งถือหุ้นทั้งในนิติบุคคลนั้นและในนิติบุคคลที่เป็นผู้รับใบอนุญาต ตั้งแต่ร้อยละยี่สิบของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของนิติบุคคลและนิติบุคคลที่เป็น ผู้รับใบอนุญาต

‘สำนักงาน’ หมายความว่า สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘พนักงานเจ้าหน้าที่’ หมายความว่า ผู้ซึ่งสำนักงานแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

‘เลขาธิการ’ หมายความว่า เลขาธิการสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

‘รัฐมนตรี’ หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
ในบัญชีแนบท้ายกฎหมาย ระบุค่าธรรมเนียมใบอนุญาตดังนี้

1.การขอรับใบอนุญาต ครั้งละ 100,000 บาท

2.ใบอนุญาต แบ่งเป็น ครั้งแรก ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท

3.ใบอนุญาต (ต่ออายุ) ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี 1,000 ล้านบาท

4.ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100,000 บาท

ประเภทเครื่องเล่น

มาตรา 52 กาสิโนให้กระทำได้เฉพาะในสถานบันเทิงครบวงจรโดยผู้รับใบอนุญาตและให้มีเฉพาะประเภท ดังต่อไปนี้

1 ใช้เครื่องเล่นซึ่งใช้เครื่องกล พลังไฟฟ้า พลังแสงสว่าง หรือพลังอื่นใดที่ใช้เล่นโดย วิธีสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ยิงโยน โยก หมุน หรือวิธีอื่นใดซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ก็ตาม

2 ใช้อุปกรณ์ซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ก็ตาม

ขณะที่ มาตรา 53 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเข้าเล่นหรือเข้าพนันผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้บุคคลภายนอกสถานประกอบการกาสิโนเข้าเล่นหรือเข้าพนันได้

ห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปี – คนไทยต้องเสียค่าเข้า

มาตรา 55 ห้ามมิให้บุคคลดังต่อไปนี้ เข้าไปในสถานประกอบการกาสิโน

1.ผู้มีอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์

2.ผู้ซึ่งสำนักงานสั่งห้ามเข้าสถานประกอบการกาสิโน

3.ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียม ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

4.ผู้ที่มีลักษณะของบุคคลต้องห้ามตามที่สำนักงานประกาศกำหนด

ทั้งนี้ ในบัญชีแนบท้ายกฎหมายระบุค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย ครั้งละ 5,000 บาท

มาตรา 62 ผู้รับใบอนุญาตที่ปล่อยปละละเลยหรือยินยอมให้บุคคลต้องห้าม เข้าไปในสถานประกอบกาสิโน ผู้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 1 แสนบาทให้แก่สำนักงาน

ห้ามโฆษณา – จ่ายใต้โต๊ะ

มาตรา 58 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการ เชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เกี่ยวกับกาสิโน หรือให้ผู้ใดดำเนินการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารประกาศกำหนด

ให้ถือว่าการจ่ายค่าจ้างหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดให้แก่บุคคลใด โดยผู้รับใบอนุญาตหรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้รับใบอนุญาต โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลผู้รับค่าจ้างหรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่นใดต้องเพิ่มยอดการเข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโน ไม่ว่าการจ่ายค่าจ้างหรือผลตอบแทนจะคำนวณจากมูลค่าการเข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโนหรือไม่ก็ตาม เป็นการเชิญชวนหรือโฆษณาตามวรรคหนึ่ง

ให้ถือว่าการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่เป็นการชักจูงให้บุคคลใดมีความประสงค์จะเข้าเล่น หรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโน เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายตามวรรคหนึ่ง

ให้สินเชื่อผู้เล่น

มาตรา 59 ผู้รับใบอนุญาตสามารถให้สินเชื่อแก่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

‘พิธา’ หารือ ‘ทูต-อุปทูต-เจ้าหน้าที่’ จากยุโรป 18 ประเทศ กรณี ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ นัดวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล

(3 ส.ค.67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความใน X ว่า … 

ขอบคุณท่านทูต อุปทูตและเจ้าหน้าที่จากประเทศในยุโรป @EUinThailand ภายใต้การนำของท่านทูต @DavidDalyEUรวมทั้งหมด 18 ประเทศ ; ออสเตรีย, เบลเยียม, เช็กเกีย, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮังการี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์,โปแลนด์, โปรตุเกส,โรมาเนีย, สโลวาเกีย, สเปนและสวีเดน  ที่ได้แลกเปลี่ยนกับผมและทีมก้าวไกลเป็นอย่างดีครับ

มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.67) เอกอัครราชทูตและอุปทูตจากหลายประเทศ ได้พบปะพูดคุยกับ นายพิธา และคณะจากพรรคก้าวไกล ที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตเยอรมัน เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤติประชาธิปไตยในประเทศไทย และกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้

‘น้องเมย์’ รับ!! พ่ายรอบ 8 คนสุดท้าย เพราะคู่แข่งมาดีมาก เผย!! ยังไม่ทิ้งฝัน 'โอลิมปิก' แต่ขอดูสภาพร่างกายก่อน

(3 ส.ค.67) ภายหลังการแข่งขันน้องเมย์ เปิดเผยว่า ปฏิกิริยาในการเล่นของฝั่งตรงข้ามวันนี้ดีมาก ทำให้เราไม่สามารถที่จะคว้าชัยชนะได้

‘เกมตลอดปีไม่ได้เจอเกมเบียด และการเจอกับท็อปเพลเยอร์ เขาสามารถจับจุดในเกมช่วงเวลาสำคัญได้ดีเยี่ยมมากสมราคามือแปดของโลก’

‘น้องเมย์’ ระบุว่า เค้าบีบออกลูกไม่ถึง พอคิดเยอะจับอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะลูกบุกเลยแก้ไม่ได้ พอคิดเยอะ ๆ ร่างกายมันช้าลงโดยอัตโนมัติ สุดท้ายแล้วหนูก็เหมือนกับแพ้ความคิดตัวเอง

ต่อข้อซักถามที่ว่า เป็นโอลิมปิกสุดท้ายของเธอแล้วหรือไม่ ‘เมย์’ ตอบว่า ขอดูสภาพร่างกายก่อน เป็นปีต่อปี ใจจริงอยากกลับมาเล่นอีก ส่วน เอเชียนเกมส์ พร้อม ลงเล่นแต่ว่าการแข่งขันซีเกมส์คงพอแล้ว

‘การเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายได้ 3 สมัย เสียดายทุกครั้งครั้งนี้ก็ถือว่าใกล้เคียงมากแต่เสียดายที่สุดก็คือที่ลอนดอน เนื่องจากว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะได้เข้ารอบรองชนะเลิศแล้ว’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top