Sunday, 22 June 2025
NewsFeed

'โตเกียว' ทุบสถิติ อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะ 25 องศา ยาวนานมากถึง 141 วันในปี 2023

(5 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเข้าสู่วันที่ 141 ของปีนี้ที่มีอุณหภูมิแตะ 25 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่านั้น ซึ่งนับเป็นสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์

รายงานระบุว่าเมื่อ 12.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น (4 พ.ย.) อุณหภูมิในโตเกียวพุ่งแตะ 26.3 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่สอดคล้องกับฤดูกาล เนื่องจากระบบความกดอากาศสูงส่งผลให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกไปสู่ทางตะวันตกของประเทศ

นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 ที่ใจกลางโตเกียวมีอุณหภูมิสูงแตะ 25 องศาเซลเซียสในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์อุณหภูมิที่กำหนดให้เป็น ‘วันในช่วงฤดูร้อน’ ในญี่ปุ่น

อนึ่ง รายงานในปี 2022 ระบุว่าสถิติสูงสุดของจำนวนวันในช่วงฤดูร้อนในประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ของโตเกียวคือ 140 วัน

‘ซีอีโอ BVLGARI’ แสดงจุดยืน โพสต์รูป ‘ลิซ่า’ ลงไอจีรัวๆ เชื่อ!! ตำแหน่งแอมบาสเดอร์ยังเหนียวแน่น-ไร้ปัญหา

เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.66) จากที่ก่อนหน้านี้ ได้เกิดกระแส จีนแผ่นดินใหญ่ ระงับบัญชี weibo ของศิลปินสาวสวยมากความสามารถอย่าง ‘ลิซ่า BLACKPINK’ จนเกิดกระแสลิซ่าโดนแม่จีนแบน

หลังเข้าร่วมการแสดงโชว์คาบาเรต์ชื่อดัง Crazy Horse ในกรุงปารีสจนดันให้แฮชแท็ก #Lisa社媒账号被封

พร้อมมีคนแอบสังเกตเห็น แบรนด์ดังระดับโลก CELINE และ BVLGARI ลบภาพลิซ่า ออกจาก Weibo อย่างเป็นทางการ

รวมถึงบัญชีอินสตาแกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Jean-Christophe Babin ก็ลบภาพ ที่ถ่ายร่วมกับสมาชิก BLACKPINK เช่นกัน ทำให้ยิ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ไปถึงการตัดสินใจเส้นทางในอนาคตที่มีต่อลิซ่า

ทั้งนี้ก่อนที่ดรามาจะร้อนลุกลามไปกันใหญ่ ล่าสุดทาง ‘ฌอง-คริสตอฟ บาบิน’ ซีอีโอ แบรนด์ดัง BVLGARI ได้มีการโพสต์รูปลิซ่า ลงในอินสตาแกรมส่วนตัวรัว ๆ โดยเป็นคอลเลกชันภาพถ่ายของ ลิซ่าในงานอีเวนต์ต่างๆ ของแบรนด์

ซึ่งถึงแม้ตอนนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกอย่างยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ หลายฝ่ายได้แต่สันนิษฐานว่า การลงภาพของซีอีโอในครั้งนี้ เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทของลิซ่า ในฐานะหนึ่งในแอมบาสเดอร์ที่โด่งดังที่สุดของแบรนด์ และยืนยันว่าทาง BVLGARI ไม่มีปัญหากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

'สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์' ลาออกจากช่อง 3 เผย!! มีผลตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566

(6 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) โดย นายพิริยติส ชูพึ่งอาตม์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักการเงินและบัญชี ได้มีหนังสือแจ้งการลาออกจากตำแหน่งของ นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการและผู้บริหาร ของบริษัทฯ โดยระบุว่า นายสุรินทร์ ได้แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัท และบริษัทในเครือทั้งหมด โดยการลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมการบริหาร ได้มีประกาศมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจโทรทัศน์ โดยระบุว่า ตามที่นายสุรินทร์ มีความจำเป็น ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจโทรทัศน์ ในช่วงเวลานี้ได้นั้น ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท บีอีซี ดำเนินงานไปด้วยความราบรื่น ตามมติประชุมคณะกรรมการบริหารครั้งที่ 12 วันที่ 24 ตุลาคม 2566 ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คุณ ฉัตรชัย เทียมทอง ที่ปรึกษากรรมการบริหาร รักษาการ และปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง กรรมการอำนวยการ-สายธุรกิจโทรทัศน์ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริหารและพนักงานทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ตามภาระที่รับผิดชอบตามโครงสร้างการบริหาร และสายบังคับบัญชาตามปกติ และขอให้มั่นใจ บริษัทยังมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำทางด้าน คอนเทนต์และธุรกิจบันเทิงของประเทศไทย

‘อ.เสรี’ เผย!! เดือนธ.ค. ไม่หนาว แถมอุณหภูมิสูงขึ้นเกือบ 2 องศา เตือน!! แม่ค้าอย่าตุนเสื้อกันหนาวเยอะ ส่วนเม.ย. 67 ร้อนแล้งสุดๆ

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 66 รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศของไทยในช่วงปลายปีว่าจะไม่หนาว และปีหน้าจะร้อนแล้งที่สุด โดยให้คำอธิบายว่า…

“#ปลายปีจะไม่หนาวแต่ปีหน้าร้อนแล้งสุดสุด

>>ปลายฝน ฝนก็ตกโดยเฉพาะภาคใต้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ สำหรับน้ำท่วมรอการระบายเป็นเรื่องปกติครับ การคาดการณ์ปริมาณฝนในปีไม่ปกติ (เช่น ปีเอญนิญโญ) มีความคลาดเคลื่อนสูง เช่นปีนี้ การพยากรณ์รายฤดูกาล แบบจำลองโดยส่วนใหญ่ชี้ไปในทิศฝนน้อย แต่ในข้อเท็จจริงปริมาณฝนเดือนกันยายน และเดือนตุลาคม มีมากกว่าปกติประมาณ 30% และ 19% ตามลำดับโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคอีสาน (อย่างไรก็ตามปริมาณฝนสะสมยังคงน้อยกว่าปกติน่ะครับ ยกเว้นภาคอีสาน) ดังนั้นการพยากรณ์ฝนปีนี้จึงพึ่งได้เฉพาะการคาดการณ์ล่วงหน้าเพียง 1 เดือนเท่านั้น เกษตรกร และชาวนาจึงต้องติดตามสถานการณ์ทุกเดือนน่ะครับ

>>แม้ว่าเดือนกันยายน และตุลาคมจะเกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมในบางพื้นที่เช่นภาคเหนือตอนบน และภาคอีสาน แต่เมื่อวิเคราะห์จากดรรชนีฝน SPEI พบว่าช่วง 3-6 เดือนที่ผ่านมา หลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคกลาง ภาคตะวันออก ยังคงมีสถานฝนแล้ง ยกเว้นบริเวณชายขอบฝั่งตะวันตก และตะวันออกเฉียงเหนือริมแม่น้ำโขง

>>และเมื่อวิเคราะห์การกระจายของอุณหภูมิช่วงเดือนธันวาคม และเดือนเมษายนตั้งแต่ปี 2563-2567 พบว่าในเดือนธันวาคมจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทุกปี (ความหนาวเย็น) ยกเว้นปี 2566 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงขึ้นเกือบ 2oC นั่นหมายความว่าปีนี้เราจะไม่หนาว ในขณะเดียวกันอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนเมษายนปี 2567 ก็จะสูงกว่าปกติ 1.5oC เราก็จะร้อนสุด ๆ เหมือนกัน จากปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (โลกร้อน) และสภาพอากาศแปรปรวน (เอ็นนิญโญ) ดังนั้นปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้าเสื้อหนาวอาจจะขายไม่ค่อยดีน่ะครับ พ่อค้า แม่ค้า อย่าสั่งมาตุนเยอะน่ะครับ

>>ในขณะที่เริ่มเข้าสู่ฤดูการทำนาปรัง ฝนก็ตกได้น้ำ ราคาข้าวดีจูงใจให้ชาวนาทำนากันในหลายพื้นที่ ปริมาณน้ำต้นทุน (เฉพาะในลุ่มเจ้าพระยา) ประมาณ 62% (11,000 ล้านลูกบาศ์กเมตร) น้อยกว่าปี 2565 (78%, 14,000 ล้านลูกบาศ์กเมตร) โดยปีที่แล้วมีการจัดสรรน้ำกว่า 5,800 ล้านลูกบาศ์กเมตรทำนาปรังกว่า 7 ล้านไร่ ในลุ่มเจ้าพระยา แต่ปีนี้ ดูจากข้อมูลกระทรวงเกษตรฯ จะมีการจัดสรรน้ำให้ชาวนาเพียง 2,300 ล้านลูกบาศ์กเมตร ซึ่งจะมีพื้นที่ทำนาได้เพียงไม่เกิน 2 ล้านไร่ จาก 8 ล้านไร่ อะไรจะเกิดขึ้น ? พื้นที่นอกเขตชลประทานกว่า 80% โดยเฉพาะในภาคอีสาน ถ้าไม่มีน้ำต้นทุนของตัวเอง (บ่อ สระ ฝายขนาดเล็ก ระบบสูบน้ำเข้าแปลงนา) ประกอบกับอากาศร้อน และแล้งจัดปีหน้า อัตราการระเหยจะเพิ่มขึ้นกว่า 10% ปัญหาเรื่องไฟป่าในภาคเหนือ ฝุ่น PM2.5 และ คลื่นความร้อนในเมืองจะตามมา

>>แม้ว่าการพยากรณ์ฝนรายฤดูกาลอาจจะมีความคลาดเคลื่อน แต่ก็มีความจำเป็นต่อชาวนาในการเตรียมปัจจัยการผลิต เพราะต้นทุนการทำนาจะสูงหากไม่มีการวางแผน ข้อมูลล่าสุดจากแบบจำลองหลายชุดบ่งชี้ปริมาณฝนต้นฝนปี 2567 อาจจะน้อยกว่าปกติ ส่งนัยถึงการเข้าสู่ฤดูฝนที่ล่าช้าออกไป ปริมาณน้ำต้นทุนที่ต้องเตรียมไว้สำหรับช่วงต้นฤดูฝน ? พื้นที่นอกเขตชลประทานกว่า 80% จะต้องเตรียมการรับมือด้วยครับ และที่สำคัญเกษตรกร และชาวนาต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดน่ะครับ เพราะสภาพอากาศ คือชีวิตความเป็นอยู่ของทุกท่าน

Forecast Research Advisor, Climate Change and Disaster Futuretales LAB, MQDC”

‘อินฟลูฯ ชื่อดัง’ ทำคอนเทนต์เอาแบงก์ไปซักตู้หยอดเหรียญ แต่ถูกชาวเน็ตจวกเละ!! หวั่นแบงก์ชำรุด-เยาวชนลอกเลียนแบบ

เมื่อวานนี้ (5 พ.ย. 66) กลายเป็นดรามาสนั่น เมื่อมีผู้ใช้บัญชี เอ็กซ์ (X) หรือ ทวิตเตอร์ รายหนึ่ง ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอ ‘แม่ค้าเซเลป’ รายหนึ่ง ทำคอนเทนต์นำเงินสดใส่ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ

โดยในคลิปวิดีโอ หญิงสาวคนดังกล่าวเผยว่า “ช่วงนี้เชื้อโรคเยอะนะคะ เราก็เลยจะมาทำความสะอาดแบงก์กันหน่อย” พร้อมนำธนบัตร ทั้ง 500 บาท 1,000 บาทไทย ใส่เข้าไปในเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ พร้อมทั้งใส่น้ำยาซักผ้า และกดคำสั่งให้เครื่องทำงาน

เมื่อเครื่องซักผ้าทำงาน หญิงสาวคนดังกล่าวก็รีบคว้าด้ามจับฝาเครื่องซักผ้า ก่อนจะพยายามเปิด พร้อมหันมาพูดกับเพื่อนว่า “มันเปิดไม่ได้” ก่อนที่คลิปดังกล่าวจะตัดจบไป

ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์สนั่น มีทั้งคอมเมนต์ที่จวกเละ อาทิ

- ทำไมถึงเอาเงินมาซักเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เงินสกปรกมากนะ แล้วคนที่ใช้คนต่อไปหละ
- ไปดึงฝาแบบนั้น ระวังเครื่องพังนะ
- ในขณะที่ แบงก์ชาติรณรงค์เรื่องธนบัตรเสีย อินฟลูเอนเซอร์ไทยทำอะไรก็ไม่รู้
- คอนเทนต์ขยะ ทำเพื่ออะไร
- บ้งมาก แต่ไปแย้งก็ลูกหาบลง

ขณะที่คอมเมนต์อีกด้านมองว่า ‘หญิงสาว’ คนดังกล่าว น่าจะทำคอนเทนต์เฉยๆ ไม่ได้ใส่ ธนบัตร เข้าไปซักจริงๆ แต่อย่างไรก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี เพราะเป็นอินฟลูเอนเซอร์-แม่ค้าชื่อดัง หากเยาวชนเห็นแล้วทำตาม อาจเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เยาวชน

นอกจากนี้ยังมีคอมเมนต์ที่เผยว่า ‘เงินกับเสื้อผ้าก็สกปรกพอกัน จะดรามาอะไร’ พร้อมทั้งให้กำลังใจแม่ค้าคนดังกล่าว โดยเรื่องราวจะจบลงอย่างไร คงต้องติดตามกัน

นักแสดงหนุ่ม ‘โอ๊ตมีล’ ร่ำไห้ ถูกช่างตัดผมตัดใบหู เย็บ 7 เข็ม ทางร้านนิ่งเงียบไม่รับผิดชอบใดๆ ลั่น!! ตอนนี้เสียสุขภาพจิตสุดๆ

(6 พ.ย. 66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อก (TikTok) ‘Oatmeal’ ซึ่งเป็นของนักแสดงชาย สังกัด เอ็มโฟลว์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้ออกมาอัดคลิปพร้อมขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ สื่อมวลชน ระบุข้อความว่า…

"ในวันที่ 28 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ผมไปรับบริการตัดผมที่ร้านตัดผม ย่านทองหล่อ แล้วเกิดอุบัติเหตุ ช่างตัดผมตัดหู และเย็บไป 7 เข็มครับ หลังจากนั้นทางช่างจ่ายค่ารักษาพยาบาลไป 15,375 บาท และไม่มีการรับผิดชอบอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้ครับ มีการเจรจาไปแล้ว 1 ครั้ง ช่างตัดผมไม่ให้ค่าสินไหมใดๆ ทดแทน

แต่จะให้เงิน 1,500 บาทไปทำประกันที่พ่วงกับบัตรเครดิตครับ ซึ่งผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะให้ไปคุ้มครองตอนไหน ในเมื่อผมเจ็บตัวไปแล้ว และบอกว่าจะดูแลเรื่องแผลเป็น แต่พอสังกัดผมทักถามไป ก็ไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ กลับเงียบเฉย ตอนนี้ผมเป็นแผลเป็นที่ติ่งหูด้านขวาครับ และเสียสุขภาพจิตมาก ๆ ผมในฐานะนักแสดงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ผมไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลยครับ ทั้ง ๆ ที่ผมโดนตัดหูแท้ ๆ วันนี้ผมจึงรวบรวมความกล้าที่อยากจะติดต่อพี่ ๆ สื่อมวลชนในการขอความช่วยเหลือเพื่อความเป็นธรรมครับ"

'นายกฯ' ยัน!! สั่งศึกษาขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ-จนท.รัฐ’ เหตุไม่ได้ปรับขึ้นมานานแล้ว ขีดเส้นสิ้นเดือนนี้ได้ข้อสรุป

(6 พ.ย. 66) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคลัง กล่าวถึงการพิจารณาปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า เรื่องดังกล่าวมีเอกสารสั่งการใช้ศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ ในการที่จะดูในเรื่องของเงินเดือน ซึ่งกระทรวงแรงงานกำลังพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำอยู่ ถ้าจะยกระดับก็ต้องดูทั้งหมดในทุกภาคส่วน ได้มอบให้คณะทำงานศึกษาและมารายงานภายในสิ้นเดือนนี้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างไร

เมื่อถามว่า นอกจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการขึ้นค่าแรง หลังศึกษาแล้วจะมีกรอบหรือไม่ ว่าจะปรับขึ้นภายในปีงบประมาณใด นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องมาดูอีกครั้งถึงจะบอกได้ว่าต้องมีการศึกษาเกิดขึ้น ซึ่งสืบเนื่องตามที่เคยพูดไปแล้วว่าเงินเดือนของข้าราชการและค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว และปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นมาก เราก็เป็นห่วงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการด้วย

เมื่อถามว่า จะสอดรับในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นนโยบายของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หลักการถือว่าสอดคล้อง แต่จำนวนเงินเปอร์เซ็นต์ที่ขึ้นก็ต้องว่ากันไปแต่ละภาคส่วน

เมื่อถามว่า ในส่วนของแรงงานจะขยับขึ้นได้เมื่อไร เพราะนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ออกมาระบุว่า อาจจะไม่ได้ขึ้นเป็น 400 บาทในทุกพื้นที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวต้องฟังรมว.แรงงาน อีกครั้ง ถึงได้บอกว่าต้องมีการศึกษาอีกครั้งทั้งหมด

'สส.แจ้-ปราจีนฯ' จัดหนัก!! แฉ 'เด็กก้าวไกล' เอี่ยวรับเงินโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท

เมื่อวานนี้ (5 พ.ย. 66) นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขับออกจากพรรค หลังถูกตรวจสอบพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Wuttiphong Thonglour - วุฒิพงศ์ ทองเหลา’ ระบุว่า "ผมหยุดให้ข่าวใดๆ หลังจากที่แถลงไปในวันแรก แต่ ผช.สส. ของกรรมการพรรคบางท่าน ยังคงไล่ตีผมไม่หยุด หรือต้องให้ผมต้องพูดทั้งหมด?"

จากนั้น นายวุฒิพงศ์ ยังได้โพสต์ข้อความลงในคอมเมนต์ อีกว่า "ตามข้อมูลหลักฐานที่ผมเคยให้พรรคไป ผู้ช่วย สส. ของปราจีนบุรี (จากโควต้าของพรรค) คนนี้ เกี่ยวพันกับการเอื้อรับผลประโยชน์จากโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท ส่วนเรื่องจะทุจริตหรือไม่ทุจริตก็ไปว่ากันในพรรค ซึ่งผมเดินออกมาแล้ว คงไม่ขอก้าวล่วงกระบวนการ แต่หากพรรคยังปล่อยปะ ให้ช่วย สส. ที่เป็นถึงผู้ช่วยของกรรมการบริหารพรรค ปล่อยข่าวมูลต่างๆ และสร้างความเสียหายกับผมเช่นนี้ ผมอาจจำเป็นต้องชี้แจงจากหลักฐานทั้งหมด ผมต้องการทำ และสร้างการเมืองที่ไม่ทุจริต"

"พ.ต.อ.ทวี" ยันพื้นที่ชายแดนใต้ไม่จำเป็นต้องประกาศ “พื้นที่คุมเข้มพิเศษปราบยาเสพติด” 

เหมือนภาคเหนือ 11 อำเภอ “เชียงใหม่-เชียงราย” ที่เพิ่งประกาศดีเดย์ 1 ธ.ค. แจงภาคกลาง-ภาคใต้ คือพื้นที่แพร่ระบาดและทางผ่าน หากไม่มีเจ้าหน้าที่กับผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง ยาเสพติดย่อมไปไม่ถึง มั่นใจกลไกที่มี “เอาอยู่”

เมื่อวานนี้ ( 5 พ.ย.66 ) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการใช้มาตรการพิเศษในการสกัดกั้นยาเสพติดลำเลียงเข้าพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ จะมีการนำมาใช้กับชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่ว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ถึงขนาดต้องประกาศมาตรการพิเศษตามมาตรา 5 ของประมวลกฎหมายยาเสพติด เพราะมีกฎหมาย ศอ.บต. (พระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553) และกฎหมายพิเศษอื่นๆ ประกาศใช้อยู่แล้ว

อนี่ง เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ย.66 พ.ต.อ.ทวี เดินทางไปที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ประชุมร่วมกับแม่ทัพน้อยที่ 3 และสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 พร้อมประกาศว่า รัฐบาลเตรียมใช้นโยบายสำคัญ คือ ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5 (10) ในการกำหนดพื้นที่พิเศษ และโครงสร้างเฉพาะเพื่อดำเนินการในพื้นที่ที่มีปัญหาการนำเข้ายาเสพติดรุนแรง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ใน 11 อำเภอ โดยจะมีการจัดตั้ง “หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์” เป็นหน่วยที่มีเอกภาพในการบริหารจัดการอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้าสู่เขตภาคเหนือ ในระยะ 1 ปี โดยจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ธ.ค.2566 จนถึงสิ้นปี 2567 ให้ทางกองทัพภาคที่ 3 และ ป.ป.ส. เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนภารกิจ ควบคู่ไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแนวชายแดน

“การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายของรัฐบาลที่เป็นปัญหาเร่งด่วน เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องการแก้ไขให้เห็นผลภายใน 1 ปี ทว่าแต่ละพื้นที่มีลักษณะแตกต่างกัน คือยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้า จากการตรวจพิสูจน์ ไม่มีโรงงานผลิต ในประเทศไทย ทั้งหมดเป็นยาเสพติดที่ถูกลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน การประกาศนโยบายแต่ละพื้นที่จึงมีลักษณะที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะพื้นที่ทีมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติด คือภาคเหนือกับภาคอีสานของประเทศไทย โดยเฉลี่ยภาคเหนือประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ภาคอีสานประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องใช้มาตรการพิเศษในการสกัดกั้น” 

“แต่พื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด พื้นที่ที่เป็นทางผ่าน คือพื้นที่ทางภาคกลางและภาคใต้ การแก้ปัญหาเรื่องผู้เสพยาเสพติด ผู้ค้ารายย่อย ผู้มาเกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคใต้นั้น อาจจะไม่ถึงขนาดต้องประกาศตามมาตรา 5 เรามีกฎหมาย ศอ.บต. และกฎหมายเกี่ยวข้องใช้ในพื้นที่อยู่แล้ว” พ.ต.อ.ทวี อธิบาย 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าอวีกว่า มาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการทั่วประเทศ คือต้องทำให้ประชาชนที่ติดยาเสพยาได้รับการแก้ไข สิ่งหนึ่งคือต้องบำบัดฟื้นฟู ไม่ว่าเม็ดเดียวหรือหลายเม็ด ถือเป็นรายย่อย 

“เรื่องยาเสพติด ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ที่มีอิทธิพลเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปอยู่เบื้องหลังแล้ว ยาเสพติดจะไปไม่ถึงภาคใต้ และเราควรจับมือกับมาเลเซียเพื่อร่วมกันทำงาน ต่อไปนี้อยากเห็นชุมชน สถาบันการศึกษา ร่วมกันบำบัดฟื้นฟู เอาเยาวชนที่มีคุณภาพกลับคืนสู่ครอบครัว กลับคืนสู่โรงเรียนและสังคมให้ได้ นี่เป็นวาระที่เราจะทำภายใน 1 ปี”

@@ ยาบ้าเกิน 5 เม็ดถือเป็นผู้ค้า ส่อทำนักโทษพุ่ง 1 หมื่นคน

ต่อข้อถามถึงจำนวนยาเสพติดที่เคยเสนอว่าหากครอบครองเกิน 10 เม็ดจะถือเป็นผู้ค้า ถ้าต่ำกว่า 10 เม็ดเป็นผู้เสพ ต้องเข้ารับการบำบัด ทว่าสุดท้ายหน่วยงานอื่น รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขสรุปตัวเลขที่ 5 เม็ด หากครอบครองเกิน 5 เม็ดจะเป็นผู้ค้า จะทำให้มีปัญหาตามมาหรือไม่ 

ประเด็นนี้ พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า “จะ 5 เม็ดหรือ 10 เม็ดอยู่ที่เป้าหมาย ถ้าเป็นผู้เสพต้องดูข้อมูลความรุนแรงทางการแพทย์ เทียบกับปริมาณการใช้ แต่ถ้าเป็นผู้ค้า ถ้ากำหนด 10 เม็ด เขาก็พกพา 9 เม็ด ถ้ากฎหมายกำหนด 5 เม็ด เขาก็จะพกพา 4 เม็ด คาดการณ์ว่าหลักเกณฑ์ใหม่นี้จะทำให้มีนักโทษเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 คน”

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ผบ.ตร. สุ่มตรวจเยี่ยมหน่วย ด่านตม.เชียงแสน

ผบ.ตร. สุ่มตรวจเยี่ยมหน่วย ด่าน ตม.เชียงแสน ไม่แจ้งล่วงหน้า กำชับ 4 เน้นหนัก "ความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมเทคโนโลยี และสวัสดิการขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา" เพื่อเร่งขับเคลื่อนการดูแลพี่น้องประชาชนตามนโยบายรัฐบาล

วานนี้ (5 พ.ย.66)  เวลา 13.45 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน จว.เชียงราย ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า พบ ร.ต.อ.มานพ ใจปลา รอง สว.ด่าน ตม.เชียงแสน พร้อมเจ้าหน้าที่ ด่าน ตม.เชียงแสน  อยู่ปฏิบัติหน้าที่

ผบ.ตร. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ด่าน ตม.เชียงแสน ให้ความสำคัญกับอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อน เอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนคนไทยที่อาจถูกหลอกลวงให้เดินทางไปทำงานที่ผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเน้นย้ำให้ความสำคัญกับการป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ โดยให้ร่วมบูรณาการกำลังกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ และขอให้ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านเชียงแสนอย่างเต็มกำลัง เพื่อตอบสนองนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี 

โดย ผบ.ตร. ยังได้ร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสนอย่างเรียบง่าย เพื่อพูดคุย สอบถามสภาพปัญหา ข้อขัดข้อง ในการทำงาน และอยากทราบข้อเสนอแนะเพื่อนำไปพิจารณาจัดสรรสวัสดิการ เสริมสร้างขวัญกำลังใจของพี่น้องข้าราชการตำรวจและครอบครัว 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้กล่าวชื่นชมข้าราชการตำรวจทุกนายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง แม้จะเป็นการมาตรวจเยี่ยมโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่รู้สึกประทับใจ โดย ผบ.ตร. ยังย้ำเสมอ ไม่ต้องการให้ข้าราชการตำรวจมาดูแล ผบ.ตร. ขอให้เอาเวลาที่มีไปดูแลพี่น้องประชาชนให้ดี และผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อร่วมกันสร้าง "องค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมาย ในระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา" ไปด้วยกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top