Wednesday, 18 June 2025
NewsFeed

‘ผู้ว่าฯ กทม.’ ไม่ขัดหากเปิดผับบาร์ถึงตี 4 คาด!! เริ่มทดลอง ธ.ค.นี้ ก่อนปีใหม่

(16 ต.ค. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความพร้อมในการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิง ถึงเวลา 04.00 น. ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามนโยบายของรัฐบาล ว่า กทม. ไม่ขัดข้องในนโยบายดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ ได้หารือกับทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟพาวเวอร์แห่งชาติ เรื่อง Soft Power ที่เสนอความคิดร่วมกันที่จะทำให้เรื่องดังกล่าวชัดเจน และมีมาตรการรองรับในการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

“ในปัจจุบันยังเห็นผับที่เปิดเกินเวลาอยู่บ้าง ถ้าทุกคนออกมาร่วมกันทำให้ถูกกฎหมาย และทำให้มีระเบียบในการเข้า-ออกให้ชัดเจน ในส่วนของ กทม. ก็ไม่น่าจะมีข้อขัดข้องใด และคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี” นายชัชชาติ กล่าว

พร้อมระบุว่า ในส่วนของการปฏิบัติ อาจจะต้องปรับปรุงการแบ่งโซนให้เหมาะสมกับปัจจุบัน เนื่องจากไม่ค่อยทันสมัยตามการขับเคลื่อนของเมืองที่เปลี่ยนไป โดยต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังสร้างความรำคาญให้ผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง โดยต้องมีกรอบในการปฏิบัติให้ชัดเจน รวมถึงในแง่ของการกำกับดูแล ไม่ให้เยาวชนเข้าสถานบันเทิงและการทำผิดกฎหมายในเรื่องยาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งเชื่อว่าหากทำให้โปร่งใส และมีระเบียบปฏิบัติชัดเจน ย่อมดีกว่าการลักลอบเปิดแบบผิดกฎหมายแน่นอน

นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องในแง่เศรษฐกิจอีกมากมาย เช่น พ่อค้า-แม่ค้าในตลาดที่ขายของและทำอาหาร คนขับรถสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางด้วย จึงเป็นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ให้รอบด้านหลายมิติ โดยคาดว่าเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทดลองเปิดสถานบันเทิงจนถึง 04.00 น. คือ ช่วงเทศกาลปีใหม่ประมาณเดือนธ.ค.นี้

‘จีน’ เร่งพัฒนาระบบ ‘สิทธิบัตร’ รองรับอุสาหกรรมดิจิทัล หลังขึ้นแท่นผู้ส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก

เมื่อวานนี้ (15 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ (14 ต.ค.) สำนักบริหารทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติจีน รายงานว่าการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของจีนได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตของสิทธิบัตรในอุตสาหกรรมดิจิทัล

เซินฉางอวี่ หัวหน้าสำนักบริหารฯ เผยว่าจำนวนการออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ในกลุ่มธุรกิจหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปีในช่วงปี 2016-2022

ขณะเดียวกันจำนวนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ทั้งหมดในภาคธุรกิจเหล่านี้สูงแตะ 1.6 ล้านฉบับ เมื่อนับถึงสิ้นปี 2022 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 38 ของปริมาณสิทธิบัตรภายในประเทศ

จีนได้เพิ่มความพยายามสร้างระบบสิทธิบัตรที่ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล พร้อมกับยกระดับกฎเกณฑ์การตรวจสอบสิทธิบัตรเทคโนโลยีใหม่ เช่น อินเทอร์เน็ต คลังข้อมูลขนาดใหญ่ และปัญญาประดิษฐ์

ดาเรน ถัง ผู้อำนวยการองค์กรทรัพย์สินทางปัญญาโลก กล่าวว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเศรษฐกิจของจีนได้เปลี่ยนผ่านสู่การเป็นหนึ่งในเครื่องจักรขับเคลื่อนนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีอันทรงพลังที่สุดของโลก

“จีนได้เติบโตเป็นผู้ส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ (creative goods) จากประเทศกำลังพัฒนาในระดับชั้นนำ และทรัพย์สินทางปัญญามีส่วนสำคัญต่อการเติบโตนี้” ถังกล่าวเสริม

'วราวุธ' เผย!! ขอควงล่ามภาษามือทุกครั้งที่ 'แถลง-สัมภาษณ์' หวังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางหู รับรู้ทุกข้อมูลข่าวสาร

(16 ต.ค. 66) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยถึงความช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางจากอิสราเอลว่า พม.ได้ส่งสหภาพวิชาชีพ เข้าไปพูดคุย 90 ราย แบ่งเป็นผู้ชาย 88 ราย ผู้หญิง 2 ราย ในจำนวน 90 รายนี้ ประสงค์รับการสนับสนุนเรื่องที่พักและค่าใช้จ่ายเดินทาง 29 ราย เป็นจำนวนเงินที่สนับสนุน 28,880 บาท ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และในส่วนแต่ละจังหวัด ได้ให้เจ้าหน้าที่ พม.จ.ทุกจังหวัด ที่มีความพร้อมเข้าไปพูดคุย กับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ มีอยู่ทั้งหมด 18 จังหวัด  

และได้มีการบูรณาการร่วมกับกาชาด และกรมสุขภาพจิตแต่ละจังหวัด เยี่ยมบ้านทุกบ้านที่ได้รับผลกระทบ และมีการประเมินความต้องการปรึกษาฟื้นฟูสภาพจิตใจ 87 ราย พิจารณาเงินสงเคราะห์ 13 ราย และมีการทำแผนช่วยเหลือรายบุคคล ในระยะสั้น ระยะยาว โดยการเยี่ยมครอบครัว แบ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ 16 ราย ครอบครัวที่ถูกจับตัวประกัน 17 ราย และมีสายด่วน 1330 พร้อมให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง 

ขณะเดียวกัน ให้รายงานกับตนทุกวัน พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัว รัฐบาลกำลังประสานงานเร่งพิสูจน์อัตตลักษณ์ ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะทางการอิสราเอลได้การประสานจากหลายประเทศ  ทั้งนี้ รัฐบาลไทยเร่งดำเนิการอยู่ ยืนยันเจ้าหน้าพม.มีพอเพียงในการเข้าไปดูแลเยียวยา

อย่างไรก็ตาม การให้สัมภาษณ์ นายวราวุธ นำล่ามภาษามือ มาแปลในการให้สัมภาษณ์ข้างๆ โดยชี้แจงว่า จากนี้ไปจะมีล่ามภาษามือทุกครั้ง ในการแถลง หรือการสัมภาษณ์ ในการประชุมครม.ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีปัญหาผู้พิการทางหู ส่วนการเดินทางไปภารกิจต่างประเทศ จะพิจารณาเป็นกรณีไป เพราะแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน และการฟังภาษามือต้องเรียน ซึ่งตนเองก็ต้องเรียนและฝึกใช้ภาษามือ พร้อมกันยังได้โชว์สกิลภาษามือ เพลงหมอกและควัน ให้สื่อมวลชนดูด้วย

'พีระพันธุ์' ขีดเส้นอีก 2 สัปดาห์ ราคาเบนซินต้องได้ข้อยุติ ลั่น!! ต้องลงอีกลิตรละ 2.50 บาท เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย

(16 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงพลังงาน เตรียมกลับไปพิจารณาแนวทางการปรับลดราคาค่าน้ำมันเบนซิน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เบื้องต้นจะทำให้เทียบเคียงกับการลดราคาน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน สำหรับการประชุม ครม. ครั้งนี้ กระทรวงพลังงานรายงานรายละเอียดมาแล้วเบื้องต้น 2 ทางเลือก และได้นำมารายงานให้กับที่ประชุม ครม. รับทราบแล้ว แต่ยังไม่โดนและครอบคลุมการช่วยเหลือตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้ 

โดยทางเลือกแรก คือ การช่วยเหลือกลุ่มผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เหมือนที่ทำมาก่อนหน้านี้ โดยใช้เงินเดือนละ 95 ล้านบาท 

ส่วนทางเลือกที่ 2 คือ การช่วยเหลือขยายจากผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพิ่มไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยใช้เงินเดือนละ 4,000 ล้านบาท

“กระทรวงพลังงานได้มารายงานข้อเสนอ 2 มาตรการเมื่อเช้า ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะนโยบายของรัฐบาลต้องลดราคาน้ำมันในภาพรวมไม่ใช่ช่วยเหลือเป็นกลุ่ม ๆ จึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำรายละเอียดโดยให้เพิ่มทางเลือกที่ 3 คือลดราคาน้ำมันเบนซินในภาพรวมแบบน้ำมันดีเซล ซึ่งจะนำมาเสนอ ครม. ต่อไป” นายพีระพันธุ์ กล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ได้นำเรื่องนี้รายงานในที่ประชุมครม.รับทราบแล้วว่าวันนี้มีการรายงานความคืบหน้าว่ามี 2 ทาง ซึ่งส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะไม่เป็นไปตามนโยบายที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ว่าจะลดราคาเบนซินให้ได้ราคาต่ำสุดของน้ำมันเบนซิน ส่วนภาระค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนมากแค่ไหน รัฐบาลจะตัดสินใจอีกครั้ง แต่ตอนนี้ขอให้เสนอมา โดยเมื่อเสนอ ครม. แล้ว ครม.ก็เห็นด้วยว่าเอาแนวทางเลือกที่ 3 คือ ลดราคาน้ำมันเบนซินทั้งระบบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายที่จะลดราคาน้ำมันเบนซิน จะทำได้แค่ไหน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เป้าหมายตั้งใจว่าลดให้ไม่น้อยกว่าดีเซล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้ง เช่น ลดลงประมาณ 2.50 บาทต่อลิตร เป็นต้น แต่ตัวเลขชัด ๆ คงต้องไปหารือก่อนว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงวิธีการดำเนินการด้วยว่า จะใช้กลไกไหน ทั้ง การใช้กลไกของการลดภาษีสรรพสามิต หรือ ใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในรายละเอียดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปศึกษารายละเอียดอีกครั้ง โดยเอาเป้าหมายตามหลักการและนโยบายของรัฐบาลไปทำงาน ส่วนวิธีการจะให้ผู้เกี่ยวข้องไปดูอีกที และจะทำให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับวงเงินของการทำเรื่องนี้ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ และขอให้ไปศึกษารายละเอียดอีกว่าทำอย่างไร

รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเห็นว่ามีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างน้ำมันเบนซินหลายอย่าง ทั้งเรื่องระเบียบ กฎหมายต่าง ๆ และควรต้องปรับใหม่ ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องค่าการตลาดนั้น ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรมการมาศึกษาโครงสร้างค่าการตลาดน้ำมันขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อไปรายละเอียดทั้งหมด หากเอกชนไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องยึดของทางราชการเป็นหลัก 

ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องค่าการตลาดอย่างเป็นทางการ เพราะคุยไปก็ไม่มีประโยชน์ และที่ผ่านมาก็แจ้งว่าเป็นความลับทางการค้า เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาอย่างจริงจัง เอาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้คำตอบเลย และถือข้อมูลของเราเป็นทางการ เมื่อให้โอกาสมาชี้แจงทำความเข้าใจเอาตัวเลขมา แล้วไม่มา เมื่อไม่มาก็ช่วยไม่ได้ และคณะกรรมการชุดนี้จะประชุมนัดแรก 18 ตุลาคม นี้ และจะสรุปให้ได้ใน 60 - 90 วัน

‘พันทิป’ เตรียม ‘แบ่งรายได้’ ย้อนหลัง 10 ปี ให้ครีเอเตอร์ หวังปลุกฐานผู้ใช้ และให้แพลตฟอร์มกลับมาคึกคัก

(16 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า โซเชียลมีเดียเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและคอนเทนต์มากมาย ซึ่งมีครีเอเตอร์เป็นหัวใจหลักในการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มและขับเคลื่อนคอมมิวนิตี้ของกลุ่มแฟนคลับ ทำให้หลาย ๆ แพลตฟอร์มได้เพิ่มแรงจูงใจให้เกิดสร้างคอนเทนต์ผ่านการให้ผลตอบแทนและเริ่มแบ่งรายได้ให้กับครีเอเตอร์ที่สามารถสร้างเอ็นเกจเมนต์ในจำนวนที่เหมาะสมและค่อนข้างได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี ซึ่งหนึ่งในแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาใช้โมเดลนี้ด้วย คือ ‘พันทิป ดอทคอม’ (Pantip.com)

Pantip.com เป็นเว็บบอร์ด หรือเว็บไซต์สำหรับตั้ง-ตอบกระทู้ และแสดงความเห็นที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2539 ปัจจุบันมีกระทู้มากถึง 41.7 ล้านกระทู้ มีสมาชิกกว่า 7.2 ล้านคน มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 2.6 ล้านคนต่อวัน จำนวนการรับชม (Pageviews) กว่า 7 ล้านหน้าต่อวัน จากทั้งหมด 38 ห้องสนทนาหลากหลายหมวดหมู่ โดยมีรายได้จากการโฆษณาเป็นหลัก

ทั้งนี้ Pantip.com สร้างระบบแบ่งปันรายได้ผ่าน Google Adsense บนเว็บไซต์ครั้งแรก เพื่อให้สมาชิกมีรายได้จากการตั้ง-ตอบกระทู้ ทั้งเก่าและใหม่ โดยมีผลกับกระทู้ย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2556-ปัจจุบัน โดยผู้ใช้สามารถสมัครเข้าระบบตามขั้นตอนที่กำหนดในแบบฟอร์มของ Google AdSense บน Pantip.com และเริ่มรับส่วนแบ่งจากโฆษณาที่เกิดขึ้นเมื่อมียอดเข้าชมกระทู้หลังจากสมัครรับรายได้สำเร็จ

โดย Pantip.com ที่เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางระหว่าง Google Adsense และผู้ใช้งานจะไม่รับส่วนแบ่งรายได้จากการโฆษณา เพื่อให้สมาชิกได้รับผลประโยชน์จากระบบนี้อย่างสูงสุด และส่งเสริมให้เกิดกระทู้คุณภาพที่เข้าถึงผู้อ่านได้มากขึ้น ซึ่งหลักการทำงานของ Google AdSense บน Pantip.com จะเป็นการดึงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหากระทู้ของนั้น ๆ ขึ้นมาแสดง ซึ่งโฆษณาจะสุ่มขึ้นมาตามเงื่อนไขและความเหมาะสม โดยยังคงรักษาบรรยากาศของการสนทนา

สำหรับส่วนแบ่งรายได้บนเว็บไซต์ Pantip.com เป็นการแบ่งระหว่าง 2 ฝั่ง คือกูเกิล (Google) ในอัตรา 32% และสมาชิกเว็บไซต์ในอัตรา 68% ซึ่งสัดส่วนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตตามที่ Google กำหนด ซึ่งระบบของ Google จะทำการนับยอดการแสดงผลสะสมเก็บไว้และคำนวณเป็นรายได้ เมื่อยอดสะสมครบ 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,500 บาท) จึงจะสามารถเบิกถอนได้

สามารถตรวจสอบได้จากหน้าบัญชี Google AdSense ของผู้ใช้งาน โดยการสร้างรายได้จาก Google AdSense บนเว็บไซต์ Pantip.com จะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 ต.ค. 2566

นายวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้ง Pantip.com เปิดเผยว่า จากปริมาณ Pageviews ในแต่ละวัน แสดงให้เห็นถึงความนิยมของ Pantip.com ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เราเล็งเห็นถึงศักยภาพและความสำคัญของ ‘ครีเอเตอร์บนพันทิป’ ในฐานะผู้สร้างคอมมิวนิตี้ตัวจริงเสมอมา และต้องการให้สมาชิกเว็บไซต์ทุกคนสามารถสร้างรายได้จากการสร้างคอนเทนต์บนพันทิป

“จริง ๆ เราต้องการพัฒนาระบบสร้างรายได้ให้กับสมาชิกมานานแล้ว ติดที่ระบบการร่วมรับรายได้ควรสร้างให้มีความเสถียรและแม่นยำ อีกทั้งต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่น บัญชีธนาคาร ชื่อ ที่อยู่ ฯลฯ ทำให้ไม่ง่ายที่พันทิปจะสร้างระบบแบ่งรายได้ขึ้นมาเอง เมื่อ Google นำเสนอระบบการแบ่งรายได้ ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาและบริหารโดย Google จึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะนำมาเอื้อประโยชน์ให้กับสมาชิก”

‘ก.อุตฯ’ กาง 8 มาตรการ ดันอาหารฮาลาลไทยสู่ตลาดโลก พร้อมตั้งเป้ายก ‘ไทย’ เป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาค

(16 ต.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่กระทรวงให้ความสำคัญ โดยตลาดอาหารฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ที่มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเฉลี่ย 13.5% ตามสัดส่วนประชากรมุสลิมโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในปี 2566 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 136,503 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ เช่น ข้าว ธัญพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ ในขณะที่กลุ่มอาหารที่ต้องผ่านการรับรอง เช่น เนื้อสัตว์-อาหารทะเล อาหารแปรรูป ฯลฯ มีอัตราการเติบโตลดลง 7.5% และ 10.3% ตามลำดับ

โดยไทยมีผู้ผลิตอาหารฮาลาลกว่า 15,043 ราย มีร้านอาหารฮาลาลมากกว่า 3,500 ร้าน ดังนั้น หากจะผลักดันให้อาหารฮาลาลของไทยขยายตลาดมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก กระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จึงได้เตรียมมาตรการและแผนงาน รวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลสำหรับรองรับการท่องเที่ยวและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง อาเซียน และเอเชียใต้ เป็นต้น

โดยมีมาตรการที่สำคัญ 8 มาตรการ ได้แก่

1. ขับเคลื่อน Soft Power สู่การยกระดับอาหารฮาลาล ท้องถิ่นภาคใต้ของไทย เช่น แกงปูใบชะพลู ข้าวยำปักษ์ใต้ แกงเหลือง สะตอผัดกุ้ง และอาหารฮาลาลไทยต้นตำรับ เช่น ต้มยำกุ้ง มัสมั่นเนื้อ ข้าวซอยไก่ โดยสนับสนุนให้เป็นอาหารแนะนำที่เสิร์ฟบนเครื่องบินเพื่อเป็นการโปรโมต

2. เชื่อมโยงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฮาลาลที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวมุสลิมกับแหล่งอาหารฮาลาลในพื้นที่ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม การขนส่ง ฯลฯ โดยประสานกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำและขึ้นทะเบียนเมนูอาหารตลอดจนส่งเสริมอาหารฮาลาลในเทศกาลต่าง ๆ เพื่อโปรโมตและสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก

3. ลดข้อจำกัดและปรับปรุงแก้ไขอุปสรรคเกี่ยวกับการขอรับรองตราสัญลักษณ์ฮาลาล โดยให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการรับรอง

4. เจรจา MOU เพื่อเปิดตลาดสินค้าอาหารฮาลาลใหม่ในต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และสาธารณรัฐทูร์เคีย เช่น มาตรการทางด้านภาษี มาตรการการตรวจปล่อยสินค้าให้มีความรวดเร็วมากขึ้น

5. พัฒนาผู้ผลิตอาหารฮาลาลไทยตอบโจทย์ผู้บริโภคมุสลิมรุ่นใหม่ เช่น ขนมขบเคี้ยว และอาหารเพื่อสุขภาพ โดยมีการสนับสนุนพื้นที่ในห้างโมเดิร์นเทรด

6. สร้างเครือข่ายความร่วมมืออาหารฮาลาลไทย กับประเทศเป้าหมาย โดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ roadshow ในตลาดที่มีศักยภาพ เช่น อาเซียน ตะวันออกกลาง เอเชียใต้

7. พัฒนานิคมอุตสาหกรรมฮาลาลของ กนอ. ร่วมกับ ศอ.บต. ในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งยกระดับศูนย์พัฒนาสินค้าอาหารของสถาบันอาหารใน จ.สงขลา ให้ครอบคลุมการพัฒนาสินค้าอาหารฮาลาลต้นแบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์

8. พัฒนาและจัดทำ role model ในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อยกระดับสถานประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร เช่น โรงฆ่าสัตว์ โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ ฯลฯ ให้ได้มาตรฐานฮาลาลเพื่อการส่งออก รวมทั้งพัฒนาสายพันธุ์วัวใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการส่งออกไปยังประเทศที่มีกำลังซื้อสูง

ทั้งนี้ ในการดำเนินการจะร่วมเป็นเครือข่ายกับมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาในพื้นที่เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมในภูมิภาค โดยทั้งหมดจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุน ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เพื่อให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางฮาลาลภูมิภาคอย่างยั่งยืน

'เพื่อไทย' ตอกย้ำ!! ทำทันทีเพื่อประชาชน รถไฟฟ้า 'สีม่วง-แดง' 20 บาทตลอดสาย

(16 ต.ค. 66) นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ถึงสถานีเตาปูน และสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อถึงสถานีรังสิต สูงสุดไม่เกิน 20 บาท โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 

...และทันทีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สส. และ สก.ของพรรคเพื่อไทย ได้มาร่วมทดลองใช้บริการและตรวจสอบความพร้อมการให้บริการรถไฟฟ้าในราคาค่าโดยสารใหม่ 20 บาท ที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อด้วย...

1. นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยประกาศหาเสียงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยการปรับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง จากเดิมประชาชนต้องจ่าย 14-42 บาท และสายสีแดง 12-42 บาท มาเป็นราคาเดียว 20 บาท ช่วยลดภาระค่าครองชีพ ทำให้พี่น้องประชาชนตอบรับในการเดินหน้านโยบายของพรรคเพื่อไทยตามที่ได้หาเสียงไว้ และติดตามเฝ้ารอนโยบายอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมายที่จะทยอยตามมา

2. นางสาวชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน ต่างมีเสียงสะท้อนให้ สก. พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ ในราคาไม่แพง ทุกคนมีสิทธิ์ใช้บริการของรัฐอย่างเท่าเทียม จึงเห็นด้วยและสนับสนุนนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ขอขอบคุณรัฐบาลที่ผลักดันให้เป็นจริงในเวลาไม่นาน และขอให้ลดค่าบริการของรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ เช่นกัน

3. คณะของพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ตรวจความพร้อมให้บริการรถไฟฟ้าที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ประกอบด้วย สก.พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร, นางสาวชญาดา วิภัติภูมิประเทศ รองประธานสภากรุงเทพมหานคร, นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.ลาดกระบัง, นายวิพุธ ศรีวะอุไร ส.ก.เขตบางรัก, นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ส.ก.เขตบึงกุ่ม, นางสาวมธุรส เบนท์ เขตสะพานสูง, นางสาวนภัสสร พละระวีพงษ์ ส.ก.เขตบางกะปิ นายรัฐพงศ์ ระหงษ์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม., นายภัทร ภมรมนตรี อดีตผู้สมัคร สส.กทม., นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย

‘พี่แจ๋ม’ ยอมเสี่ยง!! ขับรถฝ่าแนวทหารในอิสราเอล ช่วยแรงงานไทยหลายชีวิตที่ติดอยู่ในแคมป์คนงาน

(16 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์การสู้รบในประเทศอิสราเอล หลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตี ทำให้แรงงานไทยหลายพันชีวิตได้รับความเดือดร้อน ซึ่งล่าสุดเสียชีวิตแล้ว 29 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 18 คน ขณะที่แรงงานไทยบางส่วนได้รับการช่วยเหลือ อพยพไปในที่ปลอดภัยรวมทั้งเดินทางกลับประเทศไทยบ้างแล้ว

ขณะเดียวกัน สมาชิก TikTok @daphan383 ได้เผยแพร่คลิปของหญิง 2 รายที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอิสราเอล ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับความเดือดร้อนในแคมป์ต่าง ๆ คือพี่แจ๋มและพี่น้อง โดยมีคลิปของทั้ง 2 คน ขับรถฝ่าแนวของทหารเข้าไปช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ในแคมป์ไม่สามารถออกมาได้

โดยในคลิปพี่แจ๋มและพี่น้องอยู่ในอาการตื่นตระหนก ขณะกำลังขับรถเข้าไปในแคมป์ที่มีแรงงานไทยอยู่เพื่อช่วยเหลือออกมา และมีรถถังและกลุ่มทหารของอิสราเอลเฝ้าประจำการอยู่ ซึ่งทั้งคู่นั้นได้รับการประสานจากแรงงานไทยและญาติให้เข้าไปช่วยเหลือ

นอกจากนี้ยังมีแรงงานไทยถูกระเบิดและถูกยิงได้รับบาดเจ็บแต่กลับถูกนายจ้างบังคับให้ทำงาน ก่อนเข้าไปช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย และยังมีคลิปที่พี่แจ๋มประสานทางการช่วยพาคนไทยจำนวน 32 คนออกมาจากแคมป์แล้วพาไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ขณะที่ชาวเน็ตหลังเห็นวีรกรรมความกล้าของทั้ง 2 คน ต่างก็ยกย่องให้เป็นวีรสตรี เพราะยอมเสี่ยงตายช่วยเหลือพี่น้องคนชาติเดียวกัน โดยไม่กลัวว่าตัวเองจะได้รับอันตรายแต่อย่างใด และพากันชื่นชมในความกล้า โดยล่าสุดพบว่าพี่แจ๋มได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว

‘หุ้น YG’ ดิ่ง -2% บวกลือหึ่ง!! ‘ลิซ่า’ อาจจับมือ Columbia Records หลัง ‘CEO-ผู้จัดการฝ่ายการตลาดดิจิทัล’ แห่ติดตามอินสตาแกรม

เมื่อวานนี้ (15 ต.ค. 66) หลังจากที่ Jenifer Mallory CEO ของ Columbia Records ติดตาม 'ลิซ่า' ใน IG และตอนนี้ Chika Ifediora (ผู้จัดการฝ่ายการตลาดดิจิทัลของ Columbia Records) ก็กดติดตาม ‘ลิซ่า’ ซึ่งเป็นสมาชิก BLACKPINK เพียงคนเดียวที่ติดตามใน IG ซึ่ง Chika จะติดตามนักร้องจาก Columbia Records เท่านั้น (ยกเว้น Billie Eilish)

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้การต่อสัญญาของ BlackPink กับค่าย YG Entertainment ก็ยังไม่มีวี่แววความคืบหน้าแต่อย่างใด อีกทั้ง ยังมีรายงานหุ้น YG Entertainment ร่วง -2% สุดท้ายแล้วแฟนๆ ยังลุ้นอีกเช่นเคยว่าทั้ง 4 สาว จะต่อสัญญากับค่าย YG Entertainment เหมือนเดิมหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top