Wednesday, 18 June 2025
NewsFeed

‘เชฟเกาหลี’ แชร์ทริค ‘ปิ้งหมูกระทะ’ ไม่ให้เตาไหม้ ด้วยการนำไปต้มก่อนย่าง พร้อมยกให้ ‘ไทย’ เป็นประเทศแห่งซอส หลังเดินทางมาท้าพิสูจน์ความอร่อย

เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.66) เป็นเชฟชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามเกือบ 6 ล้านคน สำหรับ ‘แบคจงวอน’ เชฟ นักชิม นักเขียนเกาหลีชื่อดัง แห่งรายการ Baek Jong won’s Alley Restaurant

ล่าสุด เชฟแบค ก็ได้เดินทางมาพิสูจน์ความอร่อยของร้านอาหารไทย พาไปกิน ปูผัดผงกะหรี่ โจ๊กร้านดัง จิ้มจุ่ม และล่าสุดกับ หมูกระทะ ที่ขอเคลมว่า “ย่างหมูกระทะได้เก่งที่สุดในกรุงเทพฯ” พร้อมโชว์การย่างหมูกระทะแบบเชฟดังเกาหลี พร้อมมิชชั่น จนกว่าจะออกจากร้าน จะไม่ยอมให้กระทะไหม้เด็ดขาด

เชฟแบค มาไปกินหมูกระทะร้านดัง ที่มีหมูหมักซอส ตับ กุ้ง และบอกว่า “ในบรรดาแขกที่มาที่นี่ ผมน่าจะเป็นคนที่ย่างเก่งที่สุด” และยังโชว์ให้ดู โดยบรรยายใต้คลิปว่า

“คนกรุงเทพทุกคนครับ~ ได้ยินมาว่าหมูกระทะเริ่มมาจากที่เกาหลีเหรอครับ~ผมต้องใช้โอกาสนี้บอกวิธีทานหมูย่างที่ถูกต้องแบบเกาหลีหน่อยแล้วล่ะครับ วันนี้เราจะไม่นั่งอยู่กับที่ครับ! ทุกคนช่วยยืนดูเลยนะครับ”

ในคลิปได้บอกเคล็ดลับในการกินไม่ให้เตาไหม้ว่า เอาที่ต้มแล้ว มาไว้ที่ย่าง เพื่อป้องกันเตาไหม้และเอาที่กำลังไหม้ลงไปที่น้ำซุป เพื่อให้น้ำซุปอร่อยขึ้น ซึ่งเมื่อชิมแล้วก็พูดว่า “คงต้องเปิดร้านนี้ที่เกาหลี” เพราะอร่อยจริง ทั้งยังชมไทยว่า ‘ประเทศแห่งซอส’ ในการลองชิมน้ำจิ้มต่างๆ ทั้งสุกี้ และ ซีฟู้ด

ช่วงหนึ่ง แบคจงวอน ยังได้นำน้ำซุป เทราดลงไปที่หมูซึ่งย่างอยู่บนเตาเพิ่มความชื้นด้วย

ขอบคุณคนไทย รักษารสชาติดั้งเดิมให้อยู่ แต่ของเราเริ่มหายไปแล้ว เพราะว่าไปร้านที่ย่างเนื้อ ส่วนใหญ่ทำให้เตาไหม้ ก็เลยสั่งเนื้อเพิ่มไม่ได้ เมนูย่างเนื้อเริ่มหายไป ไม่ใช่เพราะว่าขายไม่ได้นะ ร้านเนื้อมีปัญหาว่าสั่งเพิ่มยาก (เตาไหม้เลยกินเยอะไม่ได้) ก็เลยเริ่มเปลี่ยนเป็นเนื้อธรรมดา

ทั้งนี้ แบคจองวอน ก่อตั้งธุรกิจอาหาร Theborn Korea ในปี 1993 และขยายออกไปมากกว่า 26 แบรนด์ ทั้ง Saemaeul , Bornga ที่คนไทยรู้จัก หรือ Paik’s Beer และ Baek’s Coffee กระจายอยู่ในหลายประเทศ กว่า 1,300 แห่ง

‘นนท์ ธนนท์ - GOT7’ ร่วมเป็นเจ้าภาพงานศพ ‘หนุงหนิง’ แฟนคลับผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงพารากอนที่ผ่านมา

(14 ต.ค.66) ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ ‘หนุงหนิง’ หรือ น.ส.เพ็ญพิวรรณ มิตรธรรมพิทักษ์ แฟนคลับ ‘นนท์ ธนนท์ - GOT7’ เหยื่อเด็ก 14 จากเหตุพารากอน ที่เสียชีวิต เมื่อวานนี้ เมื่อเวลาตี 2 กว่าๆ หลังรักษามานานกว่า 10 วัน โดย ‘หนุงหนิง’ ถูกยิงกระสุนโดนจุดสำคัญที่สมอง 2 นัด และที่ชายโครงอีก 2 นัด อาการโคม่า 

ซึ่งภายหลังจากที่เกิดเหตุ ‘นนท์ ธนนท์’ กับ ‘แบมแบม’ และวง GOT7 ได้ส่งกำลังใจให้เธอหายป่วยโดยไวมาเสมอ ล่าสุด ตัวแทนของแม่ ‘หนุงหนิง’ แจ้งข่าวว่า ‘นนท์ ธนนท์’ กับ ‘แบมแบม’ และวง GOT7 ได้ติดต่อเป็นเจ้าภาพ พิธีบำเพ็ญกุศล และฌาปนกิจ ให้ ‘หนุงหนิง’ แฟนคลับ

สำหรับพิธีศพของ ‘หนุงหนิง’ แฟนคลับ ‘นนท์ ธนนท์ - GOT7’ ตัวแทนของแม่ ‘หนุงหนิง’ แจ้งข่าวว่า…

กำหนดงานฌาปนกิจศพ
หนุงหนิง เพ็ญพิวรรณ มิตรธรรมพิทักษ์
ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดบางไผ่พระอารามหลวง  จ.นนทบุรี ศาลา 2 

>> วันที่ 15 ต.ค. 66
กำหนดการรดน้ำศพ เวลา 16:30 น.
สวดอภิธรรมเวลา 19:00 น. 
เจ้าภาพ : #สยามพารากอน

>> วันที่ 16 ต.ค. 66
สวดอภิธรรมเวลา 19:00 น. 
เจ้าภาพ : คุณ #Bambam #Got7

>> วันที่ 17 ต.ค. 66
สวดอภิธรรมเวลา 19:00 น.
เจ้าภาพ : คุณ #นนท์ธนนท์ และครอบครัว

>> วันที่ 18 ต.ค. 66 
รอบแรกครอบครัวเป็นเจ้าภาพ 17:30 น.
รอบสองสวดอภิธรรมเวลา 19:00 น. 
เจ้าภาพ : บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน)

>> ส่วนของงานฌาปนกิจจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ต.ค. 66 
11:00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูป
14:00 น. ฟังพระธรรมเทศนา
16:00 น. ประชุมเพลิง

ขออภัยหากมิได้เรียนเชิญด้วยตัวเองค่ะ
(หากมีการอัปเดตเพิ่มเติมจะรีบแจ้งให้ทราบนะคะ)

‘รัฐบาล’ ขอบคุณ ‘นทท.จีน’ ที่เชื่อมั่น ยืนยันมาไทยเกือบ 6 แสนคน หลังเกิดเหตุกราดยิง สัญญาจะคุมเข้มดูแลความปลอดภัยเต็มที่

(14 ต.ค.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงยืนยันเที่ยวบินและที่พักถึง 5.9 แสนคน รัฐบาลให้สัญญาจะดำเนินมาตรการ ดูแลความปลอดภัย แก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ โดยตัวเลขจากการท่าอากาศยานไทยแสดงว่านักท่องเที่ยวจีนที่จองการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 6.5 แสนคน ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่สยามพารากอน ยังคงยืนยันที่พัก และเที่ยวบินมาที่ไทยถึง 5.9 แสนคน ลดน้อยลงเพียง 9.2% ซึ่งถือว่าเป็นความเบี่ยงเบนที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงสะท้อนได้ว่านักท่องเที่ยวจีนยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะมาเที่ยวเมืองไทยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า เมื่อเทียบกับภาวะปกติที่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวจริงจะแตกต่างจากจำนวนที่จองเข้ามาล่วงหน้าราวๆ +-15% ดังนั้นจึงถือได้ว่า ความแตกต่างของตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยก่อนและหลังเหตุการณ์ที่สยามพารากอนมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ในเกณฑ์ปกติ สะท้อนให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจีนยังคงมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และยืนยันที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเช่นเดิม

“รัฐบาลไทยขอขอบคุณนักท่องเที่ยวจีนที่เข้าใจประเทศไทย และเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการกำชับการทำงานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการที่ยกมาตรฐานขึ้นอย่างดีที่สุด เพื่อดูแลนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อดูแลพี่น้องคนไทยทุกคน” นายชัย กล่าว

นราธิวาส-ชาวนราธิวาส 300 คน ต้อนรับคณะ รมว.ยุติธรรมในโอกาส เยือน นราธิวาสครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม - ว่าทีเลขาศอ.บต.ร่วมคณะ

บรรยากาศ บริเวณ ท่าอากาศยานนราธิวาส บ้านทอน ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ประชาชน จากจังหวัดนราธิวาส  กว่า 300 คน ต้อนรับ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมกล่าวต้อนรับเป็นภาษามลายู สือลามัตดาตัง ( ยินดีต้อน) อีกทั้งยัง มีเสียง ชื่นชมที่ไม่เคยลืมชาวนราธิวาส  

ในโอกาสนี้ มีคณะผู้ติดตาม รมว.ยุติธรรม ประกอบด้วย นายกูเฮง ยาวอหะชัน เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน (ว่าทีเลขาธิการ ศอ.บต.) นายเสกสรร สุขแสง ผู้ตรวจการราชการกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมบังคับคดี นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตรรองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายเฉลิมชัย บัวจันอัด หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมบังคับคดี นายธวัช เอียดพิมพ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสงขลา ประธานเขต 9 แทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายรัชพล ปาละกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 แทนเลขาธิการปปส. นายจีระพันธุ์ มาชาวป่า นักนิติวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนใต้ (สนว. แทนผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส จากนั้นรมว.ยุติธรรม ได้นำคณะเดินทางไป มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา กรณีโกดังพลุระเบิด อำเภอมูโนะ จังหวัดนราธิวาส  ภายใต้กิจกรรม คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ เพื่อสร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม จำนวน 346 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,241,888 บาท 

นอกจากนี้ ยังมี ข้าราชการ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงจาก ศอ.บต. ร่วมให้การต้อนรับ คณะรมว.ยุติธรรมและ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน (ว่าทีเลขาธิการ ศอ.บต.) ในฐานนะเยือนพื้นที่เป็นครั้งแรก

‘สถานทูตอิหร่าน’ โต้ข่าวปม 'โรนัลโด้' ถูกสั่งโบย 99 ครั้ง หลังทำผิดกม.บ้านเมืองสัมผัสตัวผู้หญิง ยืนยัน!! ไม่เป็นความจริง

(14 ต.ค.66) โรนัลโด้ ตกเป็นข่าว จะถูกลงโทษด้วยการโบย 99 ครั้ง หลังทำผิดกฎหมายบ้านเมืองด้วยการสัมผัสตัวเพศหญิง โดยก่อนหน้านี้ ดาวเตะวัย 38 ปี เดินทางมายังกรุงเตหะรานกับ อัล นาสเซอร์ เพื่อแข่งขันศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก กับทีม เปอร์ซีโปลิส ของอิหร่าน เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา โดยยอดทีมแห่งซาอุดิอาระเบียเอาชนะไปได้ 2-0 ในเกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

นอกเหนือจากแมตช์แข่งขัน โรนัลโด้ ได้เดินทางไปพบกับ ฟาติมา ฮามามี่ ศิลปินวาดภาพชาวอิหร่าน ที่พิการทางร่างกายมากถึง 85% โดยการพบกันของทั้งคู่เกิดจากการร้องขอจากทาง ฟาติมา ด้วยตัวเธอเอง โดยที่เธอต้องการจะมอบรูปภาพที่เธอวาดให้กับ โรนัลโด้ โดยเฉพาะ และมีการถ่ายภาพร่วมกัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว Shargh Daily เปิดเผยว่า ทราบเรื่องมาจากแหล่งข่าวที่เป็นเครือข่ายของตัวเองระบุว่า ทนายความจำนวนหนึ่งได้รวมตัวยื่นร้องเรียน โรนัลโด้ ฐานสัมผัสตัว ฟาติมา ด้วยการสวมกอดเธอ ซึ่งผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองของอิหร่าน ที่ชาย-หญิงที่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจะไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวกันได้ซึ่งนับเป็นสิ่งต้องห้าม

ล่าสุด สถานทูตอิหร่าน ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด "เราขอปฏิเสธว่าไม่มีการออกคำสั่งของศาลใดๆ ต่อนักกีฬาต่างชาติคนไหนในอิหร่าน" แถลงการณ์จากสถานทูตสเปน ระบุ

"เรากังวลว่าการตีพิมพ์ข่าวไม่เป็นความจริงเหล่านี้ จะไปกลบเรื่องอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์"

"คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เดินทางไปยังอิหร่านในวันที่ 18-19 กันยายน เพื่อเล่นเกมฟุตบอลอย่างเป็นทางการ และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ การพบกันด้วยความจริงใจและมีมนุษยธรรมของเขากับฟาติมา ฮามามี ยังได้รับการยกย่องและชื่นชมจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ทางด้านกีฬาเป็นอย่างดี"

‘ชาวปาเลสไตน์’ หลายหมื่นคนในฉนวนกาซาแห่อพยพลงใต้ หลัง ‘อิสราเอล’ ขีดเส้น 24 ชม.ให้หนี ก่อนบุกโจมตีฮามาส

(14 ต.ค.66) ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนแห่อพยพลงไปยังพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซาในวันนี้ หลังกำหนดเส้นตายที่อิสราเอลเตือนให้อพยพภายใน 24 ชั่วโมงเริ่มใกล้เข้ามา ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลเพื่อแก้แค้นต่อกลุ่มฮามาสน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเตือนว่า การทิ้งบอมบ์ถล่มทางอากาศต่อฉนวนกาซาตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘เป็นแค่จุดเริ่มต้น’ ของปฏิบัติการเช็กบิลกวาดล้างกลุ่มฮามาส ซึ่งบุกจู่โจมพื้นที่ตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และคร่าชีวิตพลเมืองอิสราเอลไปแล้วกว่า 1,300 คน

ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าได้มีการส่งทหารราบบุกเข้าไปตรวจค้นพื้นที่บางจุดของฉนวนกาซาในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ‘เพื่อกำจัดพวกผู้ก่อการร้ายและคลังอาวุธ’ รวมถึงติดตามหาตัวประกันที่ยังคงสูญหายด้วย

ผู้ที่ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการบุกแบบสายฟ้าแลบของกลุ่มฮามาสส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่บางคนเปรียบเทียบเหตุโจมตีอิสราเอลครั้งนี้ว่าเลวร้ายและน่าตกตะลึงพอๆ กับเหตุวินาศกรรม 9/11

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุว่ากำลังมีการปรึกษาหารือกับรัฐบาลในภูมิภาคเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา เนื่องจากมีชาวปาเลสไตน์นับล้านๆ คน ที่ต้องติดอยู่ในพื้นที่ในสภาพถูกตัดน้ำไฟ และขาดแคลนอาหาร หลังจากที่อิสราเอลใช้มาตรการปิดล้อมแบบเบ็ดเสร็จ

ชาวปาเลสไตน์กว่า 1.1 ล้านคนทางตอนเหนือของฉนวนกาซาได้รับคำเตือนเมื่อวันศุกร์ (13) ให้รีบอพยพลงใต้ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนที่อิสราเอลจะเริ่มต้นปฏิบัติการภาคพื้นดิน ขณะที่กลุ่มฮามาสประกาศกร้าวว่าจะขอสู้ ‘จนเลือดหยดสุดท้าย’ และเรียกร้องให้ประชาชนอย่าละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน

พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า ทหารราบซึ่งมีหน่วยรถถังให้การสนับสนุนได้บุกเข้าไปในบางพื้นที่ของฉนวนกาซาเพื่อโจมตีกองกำลังจรวดของฝ่ายปาเลสไตน์ และหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวประกันที่ถูกจับไป ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลออกมายืนยันว่ามีการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าไปยังฉนวนกาซา นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตการณ์ขึ้น

“เราได้โจมตีพวกศัตรูด้วยพลังที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน” เนทันยาฮู แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์วานนี้ (13 ต.ค.) “ผมขอย้ำว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”

ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนตัดสินใจอพยพหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัยหลังได้รับคำเตือนจากอิสราเอล ขณะที่อีกหลายคนประกาศว่าจะไม่ไปไหน

“ตายเสียยังดีกว่าทิ้งที่นี่ไป” โมฮัมหมัด วัย 20 ปี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ด้านนอกอาคารหลังหนึ่งที่ถูกอิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มจนพังราบ

มัสยิดหลายแห่งในกาซาได้ออกประกาศเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ “รักษาบ้านเรือน รักษาดินแดนของพวกท่านไว้”

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และอีกหลายหน่วยงานออกมาเตือนความเสี่ยงเกิด ‘หายนะ’ ครั้งใหญ่ หากพลเรือนนับล้านๆ ถูกบังคับให้ต้องอพยพหนีตายภายในระยะเวลาอันสั้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลยุติการปิดล้อมกาซาเพื่อเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าไป

“เราจำเป็นต้องส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปให้ถึงทุกพื้นที่ในกาซาทันที เพื่อให้ประชาชนที่นั่นได้มีเชื้อเพลิง น้ำ และอาหาร แม้แต่สงครามก็ต้องมีกฎเกณฑ์ด้วย” อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แถลงวานนี้ (13 ต.ค.)

ประธานาธิบดี ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับอิสราเอล อียิปต์ จอร์แดน รัฐบาลอาหรับชาติอื่นๆ รวมถึงยูเอ็น เพื่อแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรมในฉนวนกาซา พร้อมย้ำว่า “ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกฮามาสและการโจมตีอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อน พวกเขาเองก็ทุกข์ทรมานจากผลของสงครามเช่นกัน”

สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกยูเอ็น เตือนว่า “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่จะให้ชาวปาเลสไตน์ทางตอนเหนือของกาซาอพยพลงใต้ภายใน 24 ชั่วโมงตามคำสั่งของอิสราเอล โดยที่ไม่เกิด “ผลลัพธ์ร้ายแรงด้านมนุษยธรรม” ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้รัฐบาลเทลอาวีฟออกมาแสดงความไม่พอใจ และเรียกร้องให้ยูเอ็นหันมาประณามฮามาส และสนับสนุนสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอลจะดีกว่า

ประธานาธิบดี มะห์มูด อับบาส ผู้นำองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) บอกกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่จอร์แดนว่า การบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องอพยพครั้งนี้ไม่ต่างกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1948 ที่คนปาเลสไตน์หลายแสนต้องหนีตายหรือถูกขับไล่ออกจากดินแดนที่เรียกว่า ‘อิสราเอล’ ในปัจจุบัน และพลเรือนกาซาส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานของผู้ที่ต้องลี้ภัยในวันนั้น

ฉนวนกาซาได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างแออัดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และถูกปิดล้อมเอาไว้ทุกด้าน ซึ่งนอกจากมาตรการปิดล้อมของอิสราเอลแล้ว รัฐบาลอียิปต์ก็ไม่เต็มใจที่จะทำตามเสียงเรียกร้องให้เปิดพรมแดนฝั่งกาซาเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ด้วย

ในเขตเวสต์แบงก์ กลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนกาซาได้ยิงปะทะกับกองกำลังความมั่นคงอิสราเอลจนเสียชีวิตไป 16 คน ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์ ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งครั้งนี้อาจลุกลามขยายวงกว้าง โดยเฉพาะบริเวณพรมแดนตอนเหนือของอิสราเอลฝั่งที่ติดกับเลบานอนซึ่งเกิดการปะทะอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าขีปนาวุธที่อิสราเอลยิงข้ามเข้าไปยังตอนใต้ของเลบานอนเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ส่งผลให้ อิสซาม อับดัลลาห์ (Issam Abdallah) ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ เสียชีวิต และยังมีนักข่าวคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีก 6 คน

‘เด็กชายวัย 14’ กินขนม ‘มันฝรั่งเผ็ดที่สุดในโลก’ ตามเทรนด์ฮิต สุดท้ายปวดท้องรุนแรงดับสลด ด้านผู้ผลิตโร่ชี้แจงเตือนข้างกล่องแล้ว

(14 ต.ค.66) เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานเหตุการณ์น่าสลดที่เกิดขึ้นในสหรัฐ เมื่อเด็กชายวัย 14 ปี ที่อาศัยอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ มีอาการปวดท้องรุนแรง จนหมดสติเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังจากลองกินขนมมันฝรั่งทอดที่เผ็ดที่สุดในโลกตามเทรนด์ฮิต ‘One Chip Challenge’ ที่กำลังเป็นกระแสไวรัล

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เผยว่า เด็กชายดังกล่าวชื่อ แฮร์ริส โวโลบาห์ ได้ลองกินมันฝรั่งทอดที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนให้เขา หลังจากนั้นก็รู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง โรงเรียนจึงโทรตามแม่ของเขามารับ เด็กชายบอกว่ารู้สึกดีขึ้นหลังจากกลับมาพักที่บ้าน แต่สุดท้ายก็หมดสติเมื่อช่วงเย็น ตามเวลาท้องถิ่น จนไม่ตอบสนอง ทางบ้านจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนแพทย์จะแจ้งในเวลาต่อมาว่า เขาเสียชีวิตแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางด้านบริษัทผู้ผลิตมันฝรั่งรสเผ็ดนี้ ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ทางเราเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการเสียชีวิตของโวโลบาห์” พร้อมยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์จะยังคงเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร แต่มีวัยรุ่นจำนวนมากไม่ใส่ใจต่อคำเตือนบนบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ทางบริษัทกำลังทำงานร่วมกับผู้ค้าปลีกในการนำขนมดังกล่าวออกจากชั้นวางด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน แม้ว่าขนมดังกล่าวจะถูกดึงออกจากชั้นวางขายตามร้านค้าปลีกแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าบริษัทจะยุติการผลิตโดยสิ้นเชิงหรือไม่ ขณะที่ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กล่าวว่า แผ่นแป้งตอร์ติญาซึ่งทำจากพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก 2 ชนิด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ จึงแนะนำให้ผู้ปกครองคอยเตือนลูกๆ ว่า อย่าเข้าร่วมกิจกรรมนี้

ทั้งนี้ ขนมดังกล่าวผลิตตั้งแต่ปี 2559 บรรจุภัณฑ์เป็นกล่องรูปโลงศพประดับด้วยหัวกะโหลกสีแดง พร้อมฉลากที่เน้นคำเตือนอย่างชัดเจนระบุว่า “มันฝรั่งทอดไม่เหมาะสำหรับเด็กหรือผู้ที่ไวต่ออาหารรสเผ็ด” และกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ เนื่องจากมีคำโฆษณาว่า “เผ็ดที่สุดในโลก” ทำให้เหล่าผู้คนในโลกออนไลน์ต่างพากันท้าลอง ว่าพวกเขาสามารถลิ้มรสความเผ็ดและทนกับความเผ็ดร้อนจากขนมกล่องนี้ได้หรือไม่?

ตำรวจ ปส. โค่นเครือข่ายยาเสพติดใหญ่ในภาคอีสาน พบหลังถูกปล่อยตัวยังลอบขนยาบ้ากว่า 6.4 ล้านเม็ด

ตามนโยบายการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน หรือใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน และใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยงพล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 สามารถจับกุมเครือข่ายใหญ่ ลักลอบขนยาบ้า 6,440,000 เม็ด 

วันที่ 12 ต.ค.66 เวลาประมาณ 21.30-22.50 น. ตำรวจ ปส. บก.ปส.2 ร่วมจับกุม 4 ผู้ต้องหาคือ นายจงกล, นายบุญมี, น.ส.สุจิตรา และนางสำราญ ได้ที่บริเวณปั้มน้ำมันคาลเท๊กส์ อ.คำตากล้า จ.สกลนคร ต่อเนื่อง ริมถนนสาย 22 ถนนนิตโย อ.พังโคน จ.สกลนคร และ ริมถนนสาย 22 ถนนนิตโย อ.หนองหาน จ.อุดรธานี 

โดยก่อนการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจ ปส.ได้ติดตามพฤติการณ์ของขบวนการค้ายาเสพติดที่มีนางสำราญ (ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีนี้) ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจากจากเรือนจำ และพบว่า นางสำราญ ยังมีการสั่งการให้เครือข่ายลักลอบขน ยาเสพติดล็อตใหญ่ให้ลูกค้า จึงเฝ้าสืบสวนติดตามพฤติการณ์ ต่อมาวันที่ 12 ต.ค.66 เวลาประมาณ 21.30 น. ตำรวจปส.2 ได้ติดตามรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียนxx 3367กทม. รถยนต์ฮอนด้า ทะเบียน xx 1473 กทม. และรถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน xx 9750 สกลนคร ซึ่งขับขี่ไปอยู่ในพื้นที่ จ.สกลนคร เมื่อไปถึงปั้มน้ำมันคาลเท็กซ์ อ.คำตากล้าจ.สกลนคร ตำรวจ ปส.2 จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน xx 3367 กทม. 

มีนายจงกล เป็นผู้ขับขี่ ผลการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 6,440,000 เม็ด อยู่ในรถคันดังกล่าว ซึ่งนายจงกล รับว่าเป็นยาเสพติดที่กำลังขนไปส่งลูกค้าในพื้นที่ตอนใน ตำรวจ ปส.2 จึงแจ้งข้อหาจับกุมและยึดยาเสพติดเป็นของกลาง จากนั้นได้ติดตามไปสกัดจับกุม รถยนต์ฮอนด้า ทะเบียน xx 1473 กทม. ได้ที่บริเวณ อ.พังโคน จ.สกลนคร โดยมีนายบุญมีเป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.สุจิตรา นั่งไปด้วย ซึ่งทั้งสอง รับว่าทำหน้าที่เป็นรถนำทางสังเกตการณ์ให้รถขนยาเสพติด และตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามไปจับกุม รถยนต์ฟอร์ด ทะเบียน xx 9750 สกลนคร ได้ที่บริเวณ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี โดยมีนางสำราญ เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งรับว่าทำหน้าที่เป็นรถนำทางให้รถขนยาเสพติดเช่นกัน ในเบื้องต้นผู้ต้องหารับว่า การขนยาเสพติดครั้งนี้ใช้รถยนต์ถึง 3 คัน เนื่องจากผู้ต้องหากลุ่มนี้เคยถูกจับมาแล้ว จึงเพิ่มความระมัดระวัง โดยใช้รถยนต์คันแรกเป็นรถนำทางด้านหน้า เพื่อตรวจดูด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดูรถที่ติดตามขบวนยาเสพติดใช้รถยนต์คันที่2 เป็นรถบรรทุกยาเสพติด และรถยนต์คันสุดท้ายทำหน้าที่ปิดท้ายขบวน คอยคุ้มกันรถบรรทุกยาเสพติด จากนั้นตำรวจ ปส.2 จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.2 ดำเนินคดี และสอบสวนขยายผลหาผู้สั่งการและกลุ่มขบวนการยาเสพติดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดต่อไป

‘รพ.นครพิงค์’ ผ่าตัด ‘หญิงตั้งครรภ์ในช่องท้อง’ สำเร็จเป็นครั้งแรก นับเป็นเคสยากที่มีโอกาสรอดต่ำ และอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่-ลูก

(14 ต.ค.66) เพจ ‘โรงพยาบาลนครพิงค์’ ได้โพสต์ภาพขณะทีมแพทย์ผ่าตัดหญิงตั้งครรภ์อายุ 23 ปี ที่ตั้งครรภ์ในช่องท้อง (Abdominal pregnancy) ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยทางเพจระบุข้อความว่า "การตั้งครรภ์ในช่องท้อง(Abdominal Pregnancy) คือการตั้งครรภ์นอกมดลูกรูปแบบหนึ่ง ที่ตัวอ่อนมีการฝังตัวในช่องท้อง นอกมดลูก นอกท่อนำไข่ ซึ่งการตั้งครรภ์ลักษณะนี้พบได้น้อยมาก แต่มีอันตรายรุนแรงถึงชีวิตทั้งมารดาและทารก และมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าการตั้งครรภ์นอกมดลูกแบบอื่นๆ

เนื่องจากการฝังตัวในตำแหน่งที่ผิดปกติ ตัวอ่อนจึงมีโอกาสรอดชีวิตต่ำมากและมักจะเสียชีวิตตั้งแต่อายุครรภ์น้อยๆมีน้อยรายที่จะสามารถตั้งครรภ์ต่อจนให้กำเนิดทารกได้

ผู้ป่วยรายนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์อายุ 23 ปี ครรภ์ที่สอง อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ มีหมู่เลือด Rh ลบ และมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ได้รับการส่งตัวจากโรงพยาบาลชุมชน มาตรวจฝากครรภ์ที่รพ.นครพิงค์พบว่าเป็นการตั้งครรภ์ในช่องท้อง ทารกอยู่นอกมดลูก อยู่ในท่าขวาง โดยรกเกาะเหนือยอดมดลูกทางด้านขวาและปีกมดลูกขวา

ทีมสูตินรีแพทย์โรงพยาบาลนครพิงค์ จึงได้ตัดสินใจ ผ่าตัดทำคลอดทารก ให้กำเนิดทารกเพศหญิง น้ำหนักแรกเกิด2,050 กรัม ปลอดภัยทั้งมารดาและทารก"

‘จุลพันธ์’ ยัน!! เงื่อนไขแจกเงินดิจิทัล ไม่สนเรื่อง 'รวย-จน' ชี้!! มุ่งหวังกระตุ้น ศก. ไม่ใช่สงเคราะห์คนยากจน

(14 ต.ค.66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยัน กระแสข่าวเกี่ยวกับการตัดสิทธิ์คนที่มีรายได้สูงหรือการเตรียมวงเงินไว้เพียง 4 แสนล้านสำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทนั้น ไม่ใช่ความจริง เพราะขณะนี้โครงการยังไม่ได้สรุปรายละเอียดออกมา โดยคณะอนุกรรมการอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ คาดจะได้ข้อสรุปโดยเร็วภายใน 2 สัปดาห์นี้

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นในส่วนที่มีข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งในส่วนการพิจารณาเงื่อนไขการแจกเงิน เราไม่ได้ดูเรื่องความรวยหรือจน เพราะเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือคนยากจน แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือมุมมองการใช้จ่ายของคนที่มีรายได้สูงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่หรือเพียงเอาเงินไปออมแทน

“เราได้ให้การบ้านต่ออนุกรรมการไปพิจารณาในเงื่อนไขสำหรับกลุ่มคนที่ควรได้รับเป็นอย่างไร เช่น หลักเกณฑ์การดูคนรวยเป็นอย่างไร เช่น ควรดูที่เงินฝาก ที่ดิน หรือการเสียภาษี เราก็อยากถามกลับไปยังผู้เสนอความคิดนี้ว่ามีข้อเสนอเรื่องนี้อย่างไร รัฐบาลพร้อมรับฟังมาปรับเงื่อนไข ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมและมีความชัดเจน” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกออกมาเตือนรัฐบาลทั่วโลกให้พยายามรักษาวินัยการเงินการคลังท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เขายืนยันว่า รัฐบาลจะรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด แต่รัฐบาลก็จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตสูงกว่าศักยภาพ

“ปัญหาเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมานั้น ทำให้เงินประชาชนขาดมือ เราจึงต้องเติมเงินเข้าไปให้ เพื่อให้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายรัฐ”นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ในแง่วงเงินที่เราจะนำมาใช้นั้น จะไม่ถึง 5.6 แสนล้านบาทแน่นอน เพราะคนที่มีอายุเกิน 16 ปี มีแค่ 5.48 ล้านคน ดังนั้น จะมีกรอบเต็มที่แค่ 5.48 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมเงื่อนไขที่ดูความจำเป็นของกลุ่มคนและคนที่ไม่มาร่วมโครงการ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เขายังกล่าวถึงเงื่อนไขในการสมัครร่วมโครงการเบื้องต้นนั้น ยืนยันไม่ต้องมีการลงทะเบียน แต่ต้องทำการยืนยันตัวตนด้วยระบบเควายซี จากนั้น กดรับสิทธิ์ จะได้เข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ สำหรับผู้ที่เคยร่วมโครงการรัฐที่ผ่านมา 40 ล้านคน ที่ได้เควายซีไปแล้วก็ไม่ต้องมายืนยันตัวตน ฉะนั้น จึงเหลือเพียงสิบล้านคนเท่านั้น ที่จะต้องมายืนยันตัวตน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top