Wednesday, 18 June 2025
NewsFeed

‘นายกฯ’ ห่วงคนไทยในเขตสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ สั่งเจ้าหน้าที่อพยพพลเมือง-ช่วยเหลือตัวประกันเร่งด่วน

(11 ต.ค. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้เพิ่มเจ้าหน้าที่เพื่อดูแล ช่วยเหลือคนไทย โดยได้ชี้แจงถึงการทำงานรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการ เริ่มทำงานตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง 

นายชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชี้แจง ว่า สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ดำเนินอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของประชาชนคนไทย ในการเตรียมแผนอพยพคนไทยมีความคืบหน้าเพิ่มเติม 2 ทาง

ทางแรก กลับมาโดยสายการบินพาณิชย์
ทางที่สอง กลับโดยเครื่องบินกองทัพอากาศไปรับ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชุด 
1. อพยพออกมาพรุ่งนี้ถึงไทยวันที่ 12 ต.ค. 66 ประมาณ 15 คน ชุดแรกนี้เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและแรงงานที่อพยพจากพื้นที่เสี่ยงภัย 
2. อพยพประมาณ 140 คน ออกจากไทยในวันที่ 14 ต.ค. 66 เป็นการส่งเครื่องบินกองทัพอากาศ Airbus A340 ไปรับ และจะไปถึงกรุงเทลอาวีฟ นครหลวงของอิสราเอลในวันที่ 15 เพื่อเตรียมพร้อมรับคนไทยกลับบ้านทันทีที่ได้รับอนุญาตจากทางการอิสราเอล 
3. ส่งคนไทยจำนวน 80 คนกลับทางเครื่องบินพาณิชย์ โดยจะถึงกรุงเทพฯในวันที่ 18 ต.ค. 66

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามอพยพคนไทยกลับให้เร็วที่สุดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ในส่วนของผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการพูดคุยกับบรรดามิตรประเทศต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และอยากขอให้ความมั่นใจว่า เราได้ทำทุกทาง และจะพยายามอย่างสูงสุดเพื่อช่วยเหลือ โดยคำนึงถึงอิสรภาพของคนไทยที่ถูกจับตัวไปเป็นสำคัญที่สุด

โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเสริมข้าราชการไปสนับสนุนข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟในภารกิจช่วยเหลือพี่น้องชาวไทย

“ผมขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันเป็นกำลังใจให้ญาติ เพื่อน ของพี่น้องชาวไทยที่กำลังจะกลับมา และอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันปฏิบัติงาน อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือดูแล คนไทยทุกคน” นายชัย กล่าว

ผบ.ตร. เยือนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ร่วมประชุมสภาการศึกษา มอบเงิน 500,000 บาทสนับสนุนการวิจัย พัฒนาคณาจารย์ พร้อมมอบรางวัลนักเรียนนายร้อยตำรวจตามโครงการ “Police Hero” ที่ชนะเลิศการแข่งขันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย Thailand Cyber Top Talent 2023

วันนี้ (10 ต.ค.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในฐานะ อุปนายกสภาการศึกษา รร.นรต. เข้าร่วมประชุมสภาการศึกษา รร.นรต. ครั้งที่ 7/2566 มี ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษา น.ส.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน น.ส.ทัดระวี พรหมสาขา ณ สกลนคร ผอ.กองจัดทำงบประมาณด้านความมั่นคง 1 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการ รร.นรต. พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ เข้าร่วมประชุม  ณ ห้องสัมมนาอาคารประสารราชกิจ รร.นรต.

โดยการประชุมสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจดังกล่าว เป็นไปตาม พ.ร.บ.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พ.ศ.2551 เพื่อขับเคลื่อนภารกิจที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย รวมทั้งกำหนดนโยบายและแผนพัฒนากิจการของโรงเรียนนายร้อยตำรวจทุกมิติ 

ในการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ มอบเงิน 500,000 บาท ให้ รร.นรต. สนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาคณาจารย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำวิจัย เพื่อให้การเรียนการสอนของนักเรียนนายร้อยตำรวจมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้สามารถผลิตนักเรียนนายร้อยตำรวจให้ตรงตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสังคม

นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้มอบรางวัลเพื่อแสดงความยินดีกับนักเรียนนายร้อยตำรวจ ผู้ชนะเลิศการแข่งขันด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย  รายการ Thailand Cyber Top Talent 2023 ระดับอุดมศึกษา ซึ่งสามารถชนะเลิศเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน โดยเป็นสถาบันแรกของประเทศไทยที่สามารถทำได้ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติยกย่องตามโครงการ “Police Hero” ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นดำริ ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ในการต่อยอดโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร. เพื่อสร้างต้นกล้าแห่งความดี เป็นแบบอย่างสืบไป

ผบ.ฉก.นราธิวาส ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมกำลังพล และมอบนโยบายแนวทางการปฎิบัติงาน กองร้อยทหารราบที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ความมั่นใจเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง พร้อมที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชนในทุกเมื่อ 

ที่ ฐานปฎิบัติการบ้านน้อมเกล้า หมู่ 12 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม พบปะ กำลังพลที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะต่างๆ ตลอดจนมอบ นโยบายแนวทางการปฏิบัติงาน ประจำปีงบประมาณ 2567 ในการนี้ ได้ พบปะ พูดคุยกำกับดูแล และแนะนำแนวทางในการปฏิบัติงานให้กับกำลังพล พร้อมกำชับให้กำลังพลปฏิบัติตามนโยบายทและข้อสั่งการของ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก และพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4

เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน โดยได้เน้นย้ำให้ กำลังพลต้องมีความพร้อม ทั้งเครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ทางทหาร อยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ เพิ่มขีดความสามารถให้กับกำลังพล ให้มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ เพื่อนำไปสู่การแก้ไข พัฒนา ต่อไป 

ตามนโยบายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ากองพลทหารราบที่ 15 ได้จัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2  (ฉก.พัน.ร.2) เพื่อควบคุมพื้นที่ และจัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธีตาม สถานการณ์ โดยแบ่งมอบกำลังควบคุมพื้นที " ระดับ กองร้อยทหารราบ จังหวัดละ 1 กองร้อย เป็นลำดับแรก จำนวน 648 อัตรา เพื่อเสริมการปฏิบัติการควบคุมพื้นที่ จากการปรับลดกำลังของทหารพรานนอกพื้นที่ กองทัพภาคที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 10, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 20 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 30 กรมละ 3 กองร้อย รวม 9 กองร้อย จำนวน 810 อัตรา ซึ่งกำลังพลที่เหลือให้อยู่ในความควบคุมของกองพัน พร้อมปฏิบัติตามสถานการณ์ 

โดยหน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2  (ฉก.พัน.ร.2) มีจำนวน 4 กองร้อยทหารราบ ประกอบด้วย 

กองร้อยทหารราบที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 153 ควบคุมพื้นที่ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา  มีที่ตั้งฐานปฎิบัติการ จำนวน 2 ฐาน ได้แก่ ฐานปฎิบัติการบ้านกาโสด หมู่ 5 ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และ ฐานปฏิบัติการบ้านตลาดล่าง หมู่ 2 ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา กองร้อยทหารราบที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 153 ควบคุมพื้นที่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี มีที่ตั้งฐานปฎิบัติการ จำนวน 3 ฐาน ได้แก่ ฐานปฎิบัติการบ้านโต๊ะทูวอ หมู่4 ตำบลปิตูมุดี อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี , ฐานปฎิบัติการวัดโคกหญ้าคา หมู่ 6 ตำบลคลองใหม่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี และฐานปฎิบัติการบ้านคลองใหม่ ตำบลคลองใหม่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี

กองร้อยทหารราบที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 153 ควบคุมพื้นที่ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส  มีที่ตั้งฐานปฎิบัติการ จำนวน 2 ฐาน ได้แก่ ฐานปฎิบัติการบ้านน้อมเกล้า หมู่ 12 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และ ฐานปฎิบัติการสำนักสงฆ์อีสานสามัคคีใต้ หมู่5 บ้านน้ำตก ฐานปฎิบัติการ กองร้อยทหารราบที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 2 จัดกำลังพลจาก กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 152 ปฎิบัติเชิงรุก สนับสนุนทางยุทธวิธี ที่ตั้ง ค่ายพระยาเดชานุชิต ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ครบ 7 ปี

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 เวลา 07.00 น. พลโท ประสาน  แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2566 โดยในปีนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันนวมินทรมหาราช” มีความหมายว่า วันที่ระลึกถึงพระมหาราชรัชกาลที่ 9 ผู้ยิ่งใหญ่ และในปี 2566 นี้เป็นปีแห่งการสวรรคตครบ 7 ปี หรือ “สัตตมวรรษ” โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา ข้าราชการหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกิจกรรมซึ่งประกอบด้วย พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 20 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณลานพื้นแข็งหน้าสโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, พิธีสวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ 10 รูป บริเวณห้องบันเทิงทัพ 3 สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, พิธีวางพวงมาลา และกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ห้องสโมสรบันเทิงทัพ 1 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกิจกรรมบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล ที่บริเวณข้างห้องบันเทิงทัพ 1 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 

นอกจากนี้ยังได้มีกิจกรรมอื่นๆ ที่กองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดกำลังเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อาทิเช่น พิธีวางพวงมาลา, การจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะ, กิจกรรมเผยแพร่เกียรติคุณทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์, และการเชิญชวนกำลังพลและครอบครัว รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลา อีกทั้งกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์พัฒนาปรับภูมิทัศน์ วัดอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และอาสาทำความดี ในรูปแบบและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย

'ขนส่งชื่อดัง' รับ!! ลดค่าคอมไรเดอร์ เป็นไปตามกลไกอุตสาหกรรม ยัน!! กลุ่มพนักงานอ้างถูกใช้งานเกินขอบเขต ไม่เป็นความจริง

(11 ต.ค.66) กรณี เพจสหภาพไรเดอร์ โพสต์ข้อความ “พนักงาน…..ลาออกเกือบทั้งประเทศ ถูกลดค่าคอม และต้องส่งสินค้าต่อวัน 200-500 ชิ้น และทำงานหกโมงเช้าถึงเที่ยงคืนไม่มี OT”

พร้อมระบุว่า “พนักงานบางท่านถูกลดค่าคอมจาก 8,000 บาท เหลือไม่ถึง 500 บาท และบริษัทออกกฎระเบียบใหม่คือพนักงานต้องทำงาน 92% ต้องส่งสินค้าวันละ 300-500 ชิ้น และจะได้ค่าคอมเพียงแค่ 40-80 ชิ้นท่านั้น ที่เหลือคือทำงานฟรี ไม่มีค่าน้ำมัน ค่าคอมมิชชันก็น้อยลง รวมถึงไม่มีค่า OT ยุคที่ทุนขูดรีดแรงงานได้ตามอำเภอใจ รัฐไทยมั่วทำอะไรอยู่?”

ล่าสุด แหล่งข่าวจากบริษัทขนส่งเอกชนรายนี้ ชี้แจงว่า

“กรณีทางบริษัทมีการปรับลดค่าตอบแทนพนักงานจริง เนื่องจากเป็นไปตามกลไกของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีการแข่งขันสูง และเป็นไปตามแผนการดำเนินการของบริษัท

ประกอบกับที่ผ่านมา ทางบริษัทมีการให้ค่าตอบแทนพนักงานสูงกว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด ซึ่งการปรับลดค่าตอบแทน อาจจะนำมาสู่ความไม่พอใจของพนักงานบางส่วน จนตัดสินใจลาออก ทำให้มีอดีตพนักงานบางคนออกมาโจมตีองค์กรผ่านโซเชียลมีเดียในทางเสียหาย โดยประเด็นที่มีการระบุว่า บริษัทให้ทำงานถึง 18 ชม. ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และกรณีให้ส่งสินค้า 300-500 ชิ้นไม่เป็นความจริงเช่นกัน

ส่วนประเด็นที่บางโกดังมีพัสดุตกค้าง ยอมรับว่ามีบางจุดที่มีปัญหาจริง จากการที่พนักงานลาออก เช่น พื้นที่ กทม.บางแห่ง ซึ่งบริษัทก็กำลังดำเนินการแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด และยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบภาพรวมการทำงานของทุกสาขา และยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เหมือนเดิม

พัสดุที่ตกค้าง เรามีการรับคนเพิ่ม ดึงจากสาขาใกล้เคียง ที่ไม่ได้มีผลกระทบเข้าไปเติม ซึ่งกำลังเร่งเคลียร์อยู่ แต่เรื่องพัสดุคงค้างกับเรื่องของค่าที่เขาพูดกัน มันคนละเรื่องกัน ทำให้สังคมมองว่าคุณไม่ดูแลพนักงาน พนักงานก็เลยออก ก็เลยมีคนมาส่งพัสดุ ยืนยันเรื่องทั้งหมดไม่ใช่สาเหตุมาจากน้ำท่วม ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม และไม่ใช่เรื่องน้ำมันแพง”

'อรรถวิชช์' ไขก๊อก!! ลาออกรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลุยงานภาคประชาชน เดินหน้าโปรเจกต์แก้กฎหมายเครดิตบูโร ชวนทุกฝ่ายขับเคลื่อน

(11 ต.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่า ตนจะไปทำโปรเจกต์เสนอร่างแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร ฉบับประชาชน ให้ทันสมัยสามารถเข้าถึงสินเชื่ออย่างเป็นธรรม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งกลุ่มภาคประชาชน เครือข่ายลูกหนี้ ธนาคาร และพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย จึงตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โดยได้แจ้งต่อประธานและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าแล้ว

"คนจำนวนมาก เกินกว่า 5 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ในระบบ ไม่มีเงินทุนกลับมาฟื้นอาชีพ ฟื้นกิจการได้ การแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร จะเป็นกลไกสำคัญในปฏิรูประบบสินเชื่อ การลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า จะทำให้คล่องตัวมากขึ้น ในการแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ในการขับเคลื่อนร่างแก้ไขกฎหมายนี้ให้สำเร็จ" ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า ผมได้ร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตไว้แล้ว โดยผมได้หารือกับคุณกรณ์ จาติกวณิช ในรายละเอียดกฎหมายแล้ว ท่านก็พร้อมให้การสนับสนุน ผมหวังว่าการลาออกมาเดินสายพูดคุย ชี้แจงกับกลุ่มและพรรคการเมืองต่างๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

‘สุริยะ’ เร่งสปีดดัน ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ เตรียมชง ครม. ต.ค.นี้ พร้อมลุยโรดโชว์ดึงต่างชาติร่วมทุน ลุ้นเดินเรือยักษ์ใหญ่ร่วม

เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.66) จากช่องยูทูบ MONAI CHANNEL ได้โพสต์คลิปวิดีโออธิบายเกี่ยวกับ ‘โครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร’ ที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าพร้อมเดินหน้าโครงการนี้ต่อ โดยระบุว่า…

ณ ปัจจุบันนี้ หนึ่งในเส้นทางการเดินเรือสำคัญของโลกเป็นการเชื่อมกันระหว่างเอเชียตะวันออก ก็คือประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จากนั้นก็มีการอ้อมผ่านทางทะเลจีนใต้ ผ่านแหลมมลายู สิงคโปร์ ไปสู่ที่มหาสมุทรอินเดีย ไปผ่านอินเดียตอนใต้แล้วค่อยไปออกแถวแอฟริกา จากนั้นไปผ่านคลองสุเอซ เข้าไปต่อที่บริเวณแถบยุโรป และนี่คือเส้นทางการเดินเรือสำคัญ หรือจากยุโรปเองจะมีการส่งสินค้ามาก็ผ่านเส้นทางนี้เช่นกัน

แต่ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มีการศึกษามาเรียบร้อยแล้ว คือเป็นการทำ ‘ชอร์ตคัท’ ไม่ต้องไปอ้อมแหลมมลายูของทางสิงคโปร์ แต่ผ่านบริเวณแผ่นดินของประเทศไทย โดยจุดเชื่อมสำคัญบริเวณ ‘ทะเลอ่าวไทย’ คือ จังหวัดชุมพร และจุดเชื่อมสำคัญของบริเวณ ‘ทะเลอันดา’ คือ จังหวัดระนอง ซึ่งเราจะมีทั้งรถไฟทางคู่และถนนมอเตอร์เวย์ เพื่อที่จะให้เวลาเหลือ มีการเปลี่ยนโหมด ซึ่งพอมาถึงชุมพรจากนั้นก็ใช้เครื่องออโตเมติกหยิบตู้คอนเทนเนอร์ใส่รถไฟ รถไฟก็จะวิ่งข้ามแผ่นดินมาถึงที่จังหวัดระนอง จากนั้นก็มีระบบอัตโนมัติหยิบตู้คอนเทนเนอร์จากรถไฟไปลงเรือ จากเรือไปต่อมหาสมุทรอินเดียแล้วก็ไปส่งของต่อ ซึ่งจะเป็นเอเชียใต้ แอฟริกา หรือยุโรปก็ได้…

ซึ่งตอนแรกสุดเหมือน คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า…อาจจะไม่เดินหน้าโครงการนี้ต่อ แต่ล่าสุด ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2566 คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ ซึ่งขออนุญาตหยิบยกมาจากข่าวสด 

นายสุริยะกล่าวว่า “โครงการสภาเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย อันดามัน ชุมพรกับระนอง หรือแลนด์บริดจ์ คาดว่าจะเสนอให้ครม. พิจารณาเห็นชอบในหลักการภายใน 2 สัปดาห์นี้” ซึ่งก็คือภายในเดือนตุลาคมนี้ 

“ก่อนจะเดินหน้าไปโรดโชว์ต่างประเทศอย่างยุโรป สหรัฐฯ รวมไปถึงตะวันออกกลาง เพื่อชี้แนะรายละเอียดของโครงการประกอบการจูงใจดึงดูดนักลงทุนให้มาร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วย เพราะโครงการนี้ใช้เม็ดเงินลงทุนตัวเลขกลม ๆ ประมาณ 1 ล้านล้านบาท” นายสุริยะกล่าว

แต่เราจะไม่ใช้งบประมาณจะเป็นการลงทุนของภาคเอกชนทั้งหมด และจากนั้นให้สัมปทานไปยาว ๆ 50 ปีด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนต่างถกเถียงกันเป็นอย่างมาก โดยบางส่วนห่วงเรื่องของการจัดทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และบางส่วนบอกว่าจำเป็นต้องเดินหน้าจะเป็นโครงการที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมหน้าประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการค้า การคมนาคมขนส่ง และแลนด์บริดจ์ที่ว่านี้ จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเดินหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ หรือ SEC โดยปัจจุบันนี้ เรามีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จากนี้ไปเราจะมีแต่ละภาคหมด อย่างภาคเหนือจะมี NEC ส่วนภาคใต้ก็จะมี SEC 

ซึ่ง คุณสุริยะ ได้บอกต่อว่า คาดว่าจะเสนอสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม EIA แล้วเสร็จ ภายในช่วงต้นปี 67 ก่อนจะขับเคลื่อนเรื่องการลงทุนต่อไป เช่นเดียวกับแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง ก็จะให้สนข.ผลักดันเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ‘แลนด์บริดจ์’ ยังไม่จบ…และจะมีการเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน แต่ที่นี่ต้องรอดูว่าครม.จะเห็นชอบหลักการหรือไม่ และถ้าเกิดครม.เห็นชอบหลักการเวลาไปโรดโชว์ต่างประเทศ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจหรือเปล่า…เพราะเป้าหมายสำคัญนักลงทุนต่างชาติที่ต้องให้ความสนใจ คือ บริษัทเดินเรือขนาดใหญ่…

‘ฟิวเจอร์พาร์คฯ’ แจงปมเด็ก 4 ขวบถูกบันไดเลื่อนหนีบนิ้วหลุด ยัน!! ไม่นิ่งนอนใจ ย้ำ!! ระบบบันไดเลื่อนเป็นไปตามมาตรฐาน

จากกรณีที่เพจ ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ part6’ แชร์โพสต์ของกลุ่มข่าวถึงชาวรังสิตที่ระบุข้อความว่า “รบกวนพี่ ๆ ในกลุ่มนี้หน่อยนะคะ ลูกไปห้างชื่อดังย่านรังสิตกับแม่และพ่อ เหตุเกิดเมื่อประมาณวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม ที่ห้างดังกล่าว มีใครพอมีรูปหรือถ่ายภาพ เห็นผู้ชายอุ้มเด็กเลือดไหลไหมคะ พอดีลูกโดนบันไดเลื่อนที่ห้าง หนีบนิ้วขาด แล้วเด็กแค่ 4 ขวบเองค่ะ วอนพี่ ๆ ใครมีรูปหรือคลิปส่งให้หนูหน่อยนะคะ”

นอกจากนี้ เธอได้ระบุเพิ่มเติมว่า “วอนพี่ ๆ ส่งรูปหรือแชตส่วนตัวก็ได้ค่ะ หนูมีลูกคนเดียว หัวอกคนเป็นแม่ใจจะขาด” พร้อมกับโพสต์รูปเด็กชายวัย 4 ขวบ ที่มีการพันผ้าก๊อซพันแผลที่นิ้วมือข้างขวา

หลังจากที่โพสต์มี การเผยแพร่ออกไป ผู้สื่อข่าว พยายามติดต่อไปยังผู้ปกครองของเด็กชายผู้บาดเจ็บดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้และได้ไปติดตาม ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ก็ไม่พบว่า มีการไปลงบันทึกประจำวันหรือว่าแจ้งความไว้

ล่าสุด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ออกประกาศชี้แจงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า จากภาพที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ และสำนักข่าว ณ ขณะนี้ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ขอเรียนแจ้งให้ทราบ ว่าทางศูนย์การค้าฯ เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอุบัติเหตุบริเวณบันไดเลื่อน ในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 14.22 น.

ทางศูนย์ฯ มิได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้รับการแจ้งเหตุก็ได้รีบเข้าไปให้การช่วยเหลือทันที พร้อมทั้ง ประสานส่งตัวเด็กเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลเปาโล โดยมีเจ้าหน้าที่ทางศูนย์ฯ เข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกและได้ดูแลค่ารักษาพยาบาลเด็กอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ทางศูนย์ฯ ตระหนักและคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกท่านเป็นสำคัญ โดยมีมาตรการในการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์การใช้งานต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญ กรณีที่เกิดเหตุได้มีการประสานไปยังบริษัท ที่ดูแลเพื่อทำการตรวจเช็กระบบการทำงานซึ่งได้รับการยืนยันว่าการทำงานเป็นไปตามมาตรฐาน ‘ไม่ได้เกิดจากตัวอุปกรณ์แต่อย่างใด’

กรณีที่ทางศูนย์ฯ มิได้นำภาพวิดีโอขณะเกิดเหตุมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ด้วยศูนย์ฯ คำนึงถึงสิทธิเด็ก และสภาพจิตใจของครอบครัวที่ได้รับอุบัติเหตุในครั้งนี้

ทางศูนย์การค้าฯ ขอน้อมรับทุกความคิดเห็นและขอบคุณในคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาในการให้บริการในครั้งต่อไป    

‘นิสสัน’ เปิดแคมเปญ ช่วยลูกค้าประสบภัยน้ำท่วม ถึงสิ้นปี 66 มอบส่วนลดค่าอะไหล่-อุปกรณ์ 30% พร้อมบริการยกรถส่งศูนย์ฟรี

(11 ต.ค.66) ‘นิสสัน ประเทศไทย’ เปิดแคมเปญ ช่วยเหลือลูกค้าประสบภัยรถยนต์เสียหายจาก น้ำท่วม ลดค่าอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง ถึงสิ้นปี 2566

แคมเปญ ‘นิสสันร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม’ จะจัดขึ้นถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยจะมีส่วนลดพิเศษสูงสุด 30% สำหรับค่าอะไหล่, เคมีภัณฑ์, น้ำมันหล่อลื่น และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์

นอกจากนี้ยังมีบริการยกรถที่ประสบภัยน้ำท่วม ไปยังศูนย์บริการนิสสันที่ใกล้ที่สุดฟรี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ

“แคมเปญช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตอกย้ำความมุ่งมั่นของนิสสันในการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบความช่วยเหลือในช่วงเวลาวิกฤติ และแบ่งเบาภาระของลูกค้าให้สามารถดำเนินชีวิต และใช้รถยนต์นิสสันได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด” อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าว

ทั้งนี้ รถยนต์ที่จะได้รับสิทธิครอบคลุมรถยนต์นิสสันทุกรุ่น ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแคมเปญ และสำหรับลูกค้านิสสันที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่รวมลูกค้าที่ได้รับผลประโยชน์ความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย หรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ตร. ตีแผ่ “HOT” หลักคิดในการสังเกตวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นระเบิด 

วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งอาชญากรรมรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านชีวิตร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดจนกระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ สร้างความหวาดกลัวขึ้นในสังคม และเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดคือ เหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า แต่ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง แม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็สร้างความเสียหายได้เป็นจำนวนมาก นั่นก็คือเหตุการณ์วางระเบิดในที่สาธารณะ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอมาตีแผ่หลักคิดในการสังเกต ว่าอะไรคือวัตถุต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายเป็นวัตถุระเบิด โดยใช้หลัก HOT ดังนี้

“H – Hidden” หรือ ถูกซุกซ่อน หมายถึง สิ่งของดังกล่าวถูกวางไว้ในจุดที่มองเห็นได้ยาก หรือถูกซุกซ่อนไว้โดยมีเจตนาอำพรางไม่ให้มองเห็น

“O - Obviously Suspicious” หรือ น่าสงสัย หมายถึง การพบสายไฟ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นส่วนที่คล้ายระเบิด อยู่ที่สิ่งของดังกล่าว

“T - Not Typical” หรือ ผิดปกติ หมายถึง เป็นสิ่งของที่ปกติไม่ควรอยู่ในสถานที่ดังกล่าว หรืออยู่ในบริเวณที่หากมีการระเบิด จะเป็นอันตรายร้ายแรง

โดยหากพี่น้องประชาชนพบเห็นสิ่งของหรือวัตถุใด ที่เข้าข่ายอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ให้สงสัยไว้ก่อนว่าวัตถุดังกล่าวเป็นวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นวัตถุระเบิด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส เว้นระยะห่าง และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบทันที

สุดท้ายนี้ แม้ว่าเหตุระเบิดในประเทศไทยจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ถือเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างร้ายแรง พี่น้องประชาชนจึงควรที่จะศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปฏิบัติในเมื่อเจอวัตถุต้องสงสัย เพื่อเป็นการสร้างสังคมที่ปลอดภัย และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบเห็นวัตถุต้องสงสัย ให้แจ้งให้ผู้รับผิดชอบสถานที่ดังกล่าวทราบโดยเร็ว หรือโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ที่ สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top