Tuesday, 17 June 2025
NewsFeed

‘มท.’ ร่วมมือ ‘สตช.-ดีอีเอส’ ปราบปืนเถื่อน ออกมาตรการคุมใช้ปืนเข้ม สั่งห้ามออกใบอนุญาต-พกปืนในจังหวัด พร้อมสกัดซื้อ-ขายออนไลน์

(10 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบ ตามที่กระทรวงมหาดไทย รายงานความคืบหน้า มาตรการควบคุมการพกพาอาวุธปืนและกระสุนปืน รวมถึงสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ดัดแปลงเป็นอาวุธ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในห้างดัง เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดยกระทรวงมหาดไทย ชี้แจง ครม.ว่าได้ออกคำสั่งให้ดำเนินมาตรการ ดังนี้
1.) ให้เข้มงวดเรื่องการออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ระเบิดและดอกไม้ไฟ หรือสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยให้นายทะเบียนผู้มีอำนาจในการอนุญาตออกใบอนุญาต งดออกใบอนุญาต ในการสั่งนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนชนิดแบลงค์กันหรือสิ่งเทียมอาวุธปืนอื่น ที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธโดยง่าย

2.) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งนายทะเบียนในท้องที่ ให้แจ้งคนที่ครอบครองแบลงค์กันและสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ครอบครองอยู่ ให้มาลงทะเบียนลงบันทึกประจำวันในภูมิลำเนาที่อยู่

3.) การขอมีหรือใช้ซึ่งอาวุธปืน หรือการขอซื้อ สั่ง หรือนำเข้าเครื่องกระสุนปืนของสมาคมกีฬายิงปืน การอนุญาตออกใบ ป.3 หรือ ใบ ป.4 ให้แก่สมาคมกีฬายิงปืนให้อนุมัติเฉพาะที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมกีฬาเท่านั้น และเครื่องกระสุนปืนที่สั่งเข้ามาต้องตรงกับอาวุธปืนที่ครอบครอง ห้ามต่างชนิดกันเด็ดขาด

4.) การออกใบอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัว ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการที่จะอนุญาตให้พกพาในจังหวัด จากนี้ให้งดห้ามออกใบอนุญาตพกพาภายในเขตจังหวัด

นอกจากนั้น ได้ขอความร่วมมือไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ร่วมมือกันปราบปรามการซื้อขายอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ผ่านช่องทางออนไลน์ และให้กรมศุลกากรตรวจสอบสิ่งเทียมอาวุธปืนที่นำเข้า ก่อนที่คำสั่งนี้จะประกาศใช้ ให้ตรวจเช็กว่าสิ่งเทียมอาวุธปืนดังกล่าวมีการดัดแปลงนำเข้ามาหรือไม่

นายชัย กล่าวว่า และให้สนามยิงปืนเข้มงวด ตรวจจำนวนผู้มาใช้บริการ โดยจดบันทึกรายละเอียดผู้เข้ามาใช้ทุกคน และอาวุธปืนที่นำมาใช้ต้องได้รับอนุญาต ส่วนกระสุนที่ใช้ในการซ้อมยิงห้ามนำออกจากสนามและต้องตรวจนับให้ชัดเจน

ห้องอาหารจีนหยก โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ “ติ่มซำ” ที่มีบริการบุฟเฟต์เฉพาะมื้อกลางวัน ทำใหม่สดทุกวัน ด้วยคุณภาพ รสชาติ

ห้องอาหารจีนหยก โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ “ติ่มซำ” ที่มีบริการบุฟเฟต์เฉพาะมื้อกลางวัน ทำใหม่สดทุกวัน ด้วยคุณภาพ รสชาติ ห้องอาหารจีนหยก ได้รับการตกแต่งให้มีบรรยากาศหรูหรา โอ่โถ่ง นั่งสบาย ทั้งภายในและภายนอก  บริการด้วยอาหารจีนกวางตุ้งสูตรต้นตำรับหลากหลายสไตล์ให้คุณได้เลือกลิ้มลองมากมาย ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ

โดยเฉพาะ “ติ่มซำ” ที่มีบริการในรูปแบบบุฟเฟต์เฉพาะมื้อกลางวัน ทำใหม่สดทุกวัน ด้วยคุณภาพ รสชาติและมาตรฐานการคัดสรรวัตถุดิบมากว่า 30 ปี ทั้งประเภทนึ่งและทอด เช่น ขนมจีบกุ้ง ซาลาเปาไส้ต่างๆ ฮะเก๋าหอยเชลล์  กรรเชียงปูนึ่งซีอิ๊ว  ปลากะพงซอสแดง ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดงฮ่องกง เผือกทอด ฟองเต้าหู้ทอด ซี่โครงหมูอ่อนนึ่งเต้าซี่ และ เสี่ยวหลงเปา เป็นต้น  นอกจากนี้ยังสามารถเลือกอิ่มเพิ่มจาก หมวดออเดิร์ฟ (ไก่แช่เหล้า กุ้งทอดครีมสลัด หรือ ยำแมงกะพรุน) หมวดผัดผัก (กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ผักกาดแก้วน้ำมันหอย ผักบุ้งไฟแดง หรือ คะน้าฮ่องกงน้ำมันหอย) หมวดซุป (ซุปเสฉวน หรือ ซุปเยื่อไผ่) หมวดจานหลัก  (ข้าวผัดกุนเชียง หรือ โกยซีหมี่)  หมวดขนมหวาน (สาคูแคนตาลูป หรือ บัวลอยน้ำขิง) และ หมวดเครื่องดื่ม (เก๊กฮวย หรือ ชาจีน) เพียงท่านละ 999 บาท (จากปกติ 1,300 บาท)

ห้องอาหารจีนหยก โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์  เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวันเวลา 11.30 – 14.30 น. และมื้อค่ำ 18.00 – 22.00 น. ตั้งอยู่ชั้น 2 รองรับลูกค้าได้ถึง 220 ที่นั่ง พร้อมห้องส่วนตัวจำนวน 12 ห้อง เพื่อความสะดวกสบายตามความต้องการ

สมาคมแม่บ้านตำรวจเชิญชวนบุตรหลานข้าราชการตำรวจร่วมส่งผลงานการแต่งกลอน “ความภาคภูมิใจในครอบครัวตำรวจ” เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2566 ชิงเงินรางวัล สร้างความภาคภูมิใจ สร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว

วันนี้ (10 ต.ค. 66) คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เปิดเผยว่า สมาคมแม่บ้านตำรวจมีนโยบายมุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และดำเนินกิจกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว รวมถึงสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจในอาชีพ ให้กับครอบครัวตำรวจ

เนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2566 สมาคมแม่บ้านตำรวจได้จัดกิจกรรมประกวดแต่งกลอน “ความภาคภูมิใจในครอบครัวตำรวจ” เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นครอบครัวตำรวจ เพราะตำรวจเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม เป็นที่พึ่งพาของประชาชน และเป็นผู้ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย ครอบครัวตำรวจจึงเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ โดยรับสมัครผลงานจากบุตรข้าราชการตำรวจที่กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา และระดับปริญญาตรี

ผลงานที่ส่งเข้าประกวดเป็นวรรณกรรมประเภทบทกลอนสุภาพ หรือกลอนแปด หรือกาพย์ยานี 11 ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 2 บท เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเอง มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับความภาคภูมิใจในครอบครัวตำรวจ ห้ามลอกเลียนแบบหรือดัดแปลงจากเรื่องใด ๆ หรือละเมิดลิขสิทธิ์โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวดมีสิทธิ์ส่งผลงานได้เพียง 1 เรื่อง สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณานั้น สมาคมแม่บ้านตำรวจจะพิจารณาจากเนื้อหาสาระเป็นไปตามวัตถุประสงค์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สำนวนภาษาถูกต้องเหมาะสม มีอรรถรสชวนอ่าน มีคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์ และมีองค์รวมของความเป็นวรรณกรรม 

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ กล่าวว่า โอกาสนี้ ขอเชิญบุตรหลานข้าราชการตำรวจร่วมส่งผลงานการแต่งกลอน “ความภาคภูมิใจในครอบครัวตำรวจ” โดยมีรางวัลการประกวด หน่วยงานละ 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ จำนวน 5,000 บาท โดยรางวัลชนะเลิศของแต่ละกองบัญชาการ หรือเทียบเท่า และกองบังคับการในสังกัดสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะนำไปเผยแพร่ในแอปพลิเคชันแทนใจ , รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 จำนวน 3,000 บาท , รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 จำนวน 2,000 บาท โดยส่งผลงานได้ส่งผลงานทาง e-mail : [email protected] ภายในวันที่ 15 ต.ค.66 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์สมาคมแม่บ้านตำรวจ  https://policewives.police.go.th

เหตุไฉน!! นโยบายบางพรรคจากคนรุ่นใหม่ ไม่โดนใจทุกคน "ก็ใหญ่โตมาจากไหน ถึงมองสถาบันกษัตริย์ไทยไม่สำคัญล่ะ"

เด็กรุ่นใหม่ ๆ อายุยี่สิบต้น จนถึงสามสิบกลาง ๆ รวมถึงคนวัยใกล้ ๆ กันที่คิดต่างจากผมบางคน ชอบถามผมว่า เมื่อเห็นว่านโยบายของบางพรรคการเมืองที่มาจากคนรุ่นใหม่ดีถูกใจ ทำไมผมจึงยังไม่เลือกอยู่ดี ถามว่าทำไม? 

ผมมักตอบกลับไปยาว ๆ ว่า… 

การจะอ่านพฤติกรรมของนักการเมืองไทย ต้องอย่าดูแค่ ‘วาทกรรม’ แต่ต้องดู ‘พฤติกรรม’ ดูเจตนาลึก ๆ ที่ผ่าน ๆ มา ถ้าเราไม่ปัญญาเบา หรือมีอคติจนเกินไปก็จะมองออกได้ง่ายมาก ๆ พรรคการเมืองใดก็ตามที่ลึก ๆ กังขาสถาบันในเรื่องต่าง ๆ ไม่รู้สึกผูกพัน มองเป็นส่วนเกิน มองเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ มองไม่เห็นประโยชน์ จนถึงขั้นคิดล้มล้างทำลาย ก็จะแสดงออกถึงความเป็นปฏิปักษ์ให้สังคมเห็นในวิธีต่าง ๆ ส่วนคนที่จะเลือกพรรคการเมืองแบบนี้ ก็ต้องมีเหตุผลหนึ่งเหตุผลใดตรงกับ ‘แนวคิด’ หรือ ‘อุดมคติ’ ของพรรคการเมืองแบบนี้เท่านั้น 

แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยที่เลือก บางส่วนก็กลัวคนอื่นจะล่วงรู้ว่าตนเองก็แอบไม่เอาสถาบัน ไม่ได้นึกถึงว่าตนเองเกิด และเติบโตมาบนผืนแผ่นดินไทยนี้ได้อย่างร่มเย็น ผาสุข ส่วนสำคัญก็มาจากสถาบันกษัตริย์ไทย 

คำว่า ‘สถาบันกษัตริย์’ หาใช่พระมหากษัตริย์เพียงพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คือราก คือแก่น คือความสำคัญอันดับต้นในความเป็นชาติตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ด้วยบรรพบุรุษของกษัตริย์ กับคนไทยผู้หวงแหนแผ่นดิน ร่วมกันสร้างชาติจนเป็นชาติ ทำให้คนรุ่นต่อ ๆ มามีแผ่นดินอาศัย มีเอกราช มีเสรี มีความภูมิใจ ทำให้คนไทยที่คิดดีไม่กล้าคิดเนรคุณ หรือหลงลืมบุญคุณ ‘ชาติกษัตริย์ไทย’ เพราะจะมีความเชื่อคล้าย ๆ กันว่า คนที่คิดร้ายทำลายชาติ คิดเนรคุณแผ่นดินเกิดของตนเอง ย่อมนำเคราะห์ร้าย นำความหายนะมาสู่ชีวิตของตนเองในไม่ช้าก็เร็ว

แม้จะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของเหล่าคนรักสถาบันชาติกษัตริย์ไทย แต่ที่ผ่านมาก็มีฉายโชว์ให้เห็นจุดจบของคนคิดล้มล้างทำลายมาโดยตลอด 

ผมเกลียดนักการเมืองน้ำเน่า เกลียดการคอร์รัปชันโกงกินทุกรูปแบบ และฝันอยากได้นักการเมืองรุ่นใหม่ที่คิดดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนคนไทยโดยแท้จริง แต่ที่เห็นและมีอยู่ยังไม่เฉียดใกล้มาตรฐานของคนไทยที่รักสถาบันจริง ๆ เลยแม้แต่น้อย ผมอายตัวเอง ถ้าต้องได้ชื่อว่าเป็นคนไทยที่สนับสนุนการกัดเซาะ ล้มล้าง ทำลายสถาบันเบื้องสูงของตัวเอง เพราะสำหรับผม สถาบันคือความมั่นคงที่คนไทยต้องปกป้อง..รักษา ไม่ใช่สิ่งที่เสมอเทียมคนปกติแบบเรา ๆ

ผมคิดแบบนี้ เขาคิดแบบนั้น ผมและเขาเราจึงคุยกันไม่รู้เรื่อง 

นราธิวาส-ผู้การฯ สันติ ผบ.เฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ เตรียมยุทโธปกรณ์ รับมือภัยพิบัติ พร้อมช่วยเหลือประชาชน นราธิวาส

นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ในฐานะ ผู้อานวยการ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ เป็นประธานในพิธีตรวจความพร้อมในการปฏิบัติงานของ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ประจาปี ๒๕๖๗ ณ ลานอเนกประสงค์ กองบังคับการ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส

วันอังคารที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ๕ อำเภอของจังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอบาเจาะ อำเภอยี่งอ อำเภอตากใบ และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจความพร้อมของ กำลังพล กว่า 500 นาย  ยานพาหนะ ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ ประกอบด้วยเฮลิคอปเตอร์ เรือแอร์โบ๊ท เรือตรวจการ รถบรรเทาสาธารณสุข เครื่องมือ และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่าง ๆ ของ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ณ ลานอเนกประสงค์หน้า กองบังคับการ กรมทหารราบที่ ๓ กองพลนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้ ในห้วงที่ผ่านมา จังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตอำเภอตากใบและอำเภอสุไหงโก-ลก จะเป็นพื้นที่ติดกับแม่น้ำกั้นระหว่างชายแดนไทย – มาเลเซีย และเป็นพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยร้ายแรงของจังหวัดทุกปีและในปีนี้ ชาวบ้านตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก ก็พึ่งได้รับความเดือดร้อนจากพลุระเบิด ทางหน่วยศูนย์ฯ จึงได้เตรียมความพร้อมเป็นพิเศษเพื่อความเชื่อมั่นให้กับประชาชนชาวมูโนะ  และประชาชนในทุกพื้นที่ ที่เกิดภัยพิบัติ จากอุทกภัยน้ำท่วมในช่วงเดือน พฤศจิกายน จนถึง มกราคม ของทุกปี จนส่งผลกระทบสร้างความเดือนร้อนต่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เช่น ภัยธรรมชาติ และภัยพิบัติอื่น ๆ ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน หน่วยจึงต้องมีความพร้อมทั้ง กำลังพล ยานพาหนะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาทางให้พี่น้องประชาชนได้รับการช่วยเหลือ และเกิดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของกำลังพล หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือเสมอมา ตามนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ที่ให้กาลังพลของกองทัพเรือทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ สมดั่งคำที่ว่า “เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง”

นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่3 กองพลนาวิกโยธินภาคใต้ค่ายจุฬาภรณ์ ให้ความเชื่อมั่นว่า สำหรับพี่น้องในจังหวัดนราธิวาสหรือพื้นที่ใกล้เคียง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนหน่วยเรามีชุดยุทโธปกรณ์ ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของหน่วยงานเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ จะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทันเหตุการณ์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในปัจจุบันสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น มีความหลากหลาย สามารถสร้างความเสียหาย และความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้น ในฐานะที่พวกเราได้รับภารกิจในด้านการเบาเทาภัย จึงต้องมีความพร้อมที่จะต้องระดมทรัพย์กำลัง เครื่องมือ เครื่องใช้ เพื่อให้การช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

‘สหรัฐฯ’ เร่งส่ง ‘เรือรบ-เครื่องบินรบ’ ครบชุดให้อิสราเอล หนุนตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, วอชิงตัน รายงานว่า ‘ลอยด์ ออสติน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ ‘เพนตากอน’ (Pentagon) ระบุว่า กระทรวงฯ กำลังส่งมอบเรือรบและเครื่องบินขับไล่ไปยังภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนอิสราเอล ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น ระหว่างกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาส (Hamas)

ออสติน กล่าวในแถลงการณ์ว่า เขาได้สั่งการการเคลื่อนไหวของกองเรือบรรทุกเครื่องบินรบยูเอสเอส เจอร์รัลด์ อาร์. ฟอร์ด แคร์ริเออร์ สไตรก์ กรุ๊ป (USS Gerald R. Ford Carrier Strike Group) ซึ่งประกอบไปด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ และเรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถี 4 ลำ ไปยังภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกแล้ว

ออสติน เผยว่า กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มฝูงเครื่องบินรบเอฟ-35 (F-35) เอฟ-15 (F-15) เอฟ-16 (F-16) และเอ-10 (A-10) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในภูมิภาคดังกล่าว พร้อมเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดหาอุปกรณ์และทรัพยากรเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้แก่กองกำลังป้องกันอิสราเอลอย่างรวดเร็ว โดยความช่วยเหลือด้านความมั่นคงรอบแรกของสหรัฐฯ ไปยังอิสราเอล เริ่มส่งมอบเมื่อวันอาทิตย์ (8 ต.ค.) และจะถูกส่งถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

สื่อท้องถิ่นอิสราเอล อ้างอิงเจ้าหน้าที่รัฐบาล รายงานว่า มติข้างต้นของกระทรวงฯ มีขึ้นขณะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ทวีความรุนแรง เมื่อวันเสาร์ (7 ต.ค.) หลังจากที่กลุ่มฮามาสยิงขีปนาวุธหลายพันลูกไปยังอิสราเอล ซึ่งคร่าชีวิตชาวอิสราเอลอย่างน้อย 600 ราย เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (8 ต.ค.)

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ในกาซา เผยว่ากองทัพอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศในกาซา ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมโดยกลุ่มฮามาส ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 313 ราย

เมื่อวันอาทิตย์ (8 ต.ค.) คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “อิสราเอลอยู่ในภาวะสงคราม” โดยระบุในแถลงการณ์ว่าจะดำเนิน ‘ปฏิบัติการทางทหารที่มีนัยสำคัญ’ ในกาซาอีกไม่กี่วันข้างหน้า

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนในส่วนภูมิภาค จัดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 2 ล้านบาท ขยายพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคหลังงานประเพณีทิ้งกระจาดในพื้นที่อีก 5 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 10 ตุลาคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยประชาชนในส่วนภูมิภาค จัดทีมสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา ปลากระป๋อง และขนม แก่ประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และ สระบุรี จังหวัดละ 1,000 ชุด รวมเป็นจำนวน 5,000 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ร่วมในพิธี พร้อมด้วยสมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ
เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung 

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘โย สันต์ทวีสุข’ ปลื้ม!! สวมบทบาท ร.4 ในละครเพลง The King & I นักแสดงคนแรกของไทย ผงาด!! รับบทสำคัญใน West End

เมื่อวานนี้ที่อังกฤษ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการละครเพลงต้องบันทึกไว้ เมื่อคนไทยได้ขึ้นเล่นบทบาทสำคัญอย่าง King Mongkut หรือรัชกาลที่ 4 ในละครเพลง The King & I ซึ่งตลอด 72 ปีที่เปิดการแสดงมาทั่วโลก ยังไม่มีคนไทยแท้ๆ ได้เล่นบทนี้เลย

‘Sam Yo’ หรือ โย สันต์ทวีสุข (Yo Santhaveesuk) นักแสดงเชื้อชาติไทยที่เกิดและโตที่อังกฤษ เป็นนักแสดงที่โรงละคร West End มาตั้งแต่ปี 2000 ได้ร่วมเป็นนักแสดงในละครเพลงอย่าง Anything Goes, Aladdin และยังเป็นหนึ่งในนักแสดง The King & I โปรดักชัน Revival ที่เปิดตัวใน West End เมื่อปี 2015 (โปรดักชันเดียวกับที่ แก้ม - กุลกรณ์พัฒน์ ได้ร่วมแสดง) เขาประกาศว่าจะกลับมาร่วมแสดงกับโปรดักชัน UK Tour ในเดือนกันยายนที่ผ่านมากับบทบาท Kralahome และเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ทัวร์เดินทางไปแสดงในเมือง Oxford เขาก็ได้แจ้งข่าวว่าจะได้ขึ้นเล่นบท The King of Siam ซึ่งเป็นบทที่เขาเป็นนักแสดงแทนหรือ Understudy อยู่

เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของละครเพลงเรื่องนี้เลยที่มีคนไทยได้เล่นบทบาทสำคัญนี้ และนอกจากนี้ยังมี ‘Kitt Pakapom’ นักแสดงคนไทยที่เพิ่งแสดง WATERFALL a new musical และได้เป็นหนึ่งในนักแสดงหมู่มวลในโปรดักชันนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

‘Sam Yo’ นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็นฟิตเนสโค้ชของ Peloton Interactive ในปี 2019 และเคยดูแลคอมมูนิตี้ “Thai UK Football” ที่พ่อของเขาเป็นผู้ก่อตั้ง เพื่อเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์คนไทยและอังกฤษ และยังพาเด็กไทยในถิ่นทุรกันดารมาเล่นฟุตบอลในสเตเดี้ยมใหญ่ๆ ในอังกฤษ

The King and I ละครเพลงอิงเนื้อหาจากหนังสือ Anna and the King of Siam เล่าประสบการณ์ชีวิตของแอนนา ลีโอโนเวนส์ หญิงสาวชาวอังกฤษที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษแก่พระราชโอรสและธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากการดัดแปลงเป็นละครเพลง ยังมีภาพยนตร์และการ์ตูนแอนิเมชันอีกด้วย

‘สำนักจุฬาราชมนตรี’ ขอ ‘รบ.ไทย’ แสดงจุดยืนเป็นกลาง หลัง ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’ สู้รบ ชี้!! อ่อนไหว-ซับซ้อน

(10 ต.ค. 66) สำนักจุฬาราชมนตรี แถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี เรื่อง เหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ระบุว่า สำนักจุฬาราชมนตรี ขอแสดงความเสียใจต่อกรณีการเสียชีวิตของชาวไทยที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และขอให้รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการในการปกป้องให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนชาวไทยที่ถูกจับกุมตัว และบางส่วนที่ยังอยู่ในพื้นที่การปะทะอย่างเร่งด่วน สำนักจุฬาราชมนตรีขอเป็นกำลังใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลไทยจะสามารถช่วยเหลือประชาชนชาวไทยให้พ้นจากภัยอันตรายจากสถานการณ์เฉพาะหน้าที่กำลังเกิดขึ้น

สำนักจุฬาราชมนตรีขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้ง 2 ฝ่ายจากความรุนแรง และขอเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายยุติความรุนแรงและการสู้รบกัน และมีความจำเป็นที่จะต้องหันหน้าเข้ามาเจรจากันเพื่อคืนความสงบให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์

สำนักจุฬาราชมนตรีขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรักษาความเป็นกลางทางการเมืองร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ ต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพราะความขัดแย้งนี้มีความซับซ้อน มีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนชาวยิว คริสต์ และมุสลิมทั่วภูมิภาค

ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีสนับสนุนการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อความจำเป็นในการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่ได้รับผลกระทบให้มีความปลอดภัยและให้ได้รับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในสถานการณ์เฉพาะหน้าในครั้งนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด

สำนักจุฬาราชมนตรี ขอประทานพรจากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดให้ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นได้ยุติลงโดยเร็วและนำสันติภาพและความสงบสุขมาสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเร็ววันต่อไป

‘รมว.แรงงาน’ ชูนโยบายเร่งด่วน แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานท่องเที่ยว พร้อมอัดฉีดงบอัปสกิล ‘ภาษา-การบริการ’ มั่นใจ!! มีงานทำ-รายได้สูง

(10 ต.ค. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นโยบายด้านพัฒนาทักษะแรงงานในระยะเร่งด่วนตอนนี้ คือการ Upskill แรงงานภาคการท่องเที่ยว เพราะขาดแคลนแรงงานทางด้านนี้มาก จึงต้องเร่งฝึกทักษะและอบรมในสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวและบริการ

อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ท่านเศรษฐา ทวีสิน ได้ไปต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวบินแรก หลังการประกาศนโยบาย ‘วีซ่าฟรี’ แสดงความพร้อมของไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยรัฐบาลคาดการณ์รายได้ที่จะเข้าประเทศกว่า 2.38 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานหลักในการดูแลกำลังแรงงานของประเทศ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ส่งเสริมให้แรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแรงงานที่มีผลิตภาพสูง มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การ Upskill และ Reskill ให้แรงงานมีทักษะที่จำเป็นในการทำงาน โดยเติมเต็มทักษะด้านภาษาต่างประเทศ และส่งเสริมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ หลักสูตรฝึกอบรม เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน เพื่อการทำงาน, การสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อการท่องเที่ยว, นวดแผนไทย สปา, งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม, สปาตะวันตก, การจัดการด้านอาหารและโภชนาการบนเรือ, การบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพ

โดยบูรณาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อสำรวจความต้องการแรงงานและการพัฒนาทักษะฝีมือในส่วนที่แรงงานยังขาดแคลน เพื่อพัฒนากำลังแรงงานภาคท่องเที่ยวให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบกิจการ ในปี 2566 กำลังแรงงานภาคการท่องเที่ยวและบริการเข้ารับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ทั้งในส่วนที่ภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินการรวมจำนวน 288,438 คน เป็นผู้มีงานทำร้อยละ 93.20 ผู้ผ่านการพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถรักษาฐานรายได้คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 51,450.19 ล้านบาท/ปี

สำหรับในปีนี้ ได้สั่งการให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งผลิตและเพิ่มทักษะแรงงานภาคท่องเที่ยวและบริการ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างเร่งด่วน

ทางด้านของนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนที่กรมดำเนินการเอง ได้วางเป้าหมายและงบประมาณไปยังหน่วยฝึกที่มีทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานภาคการท่องเที่ยว รวมกว่า30,000 คน โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น กระบี่ ภูเก็ต พังงา พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย กรุงเทพฯเป็นต้น

พร้อมได้กำชับให้หน่วยฝึกคัดเลือกหลักสูตรที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการให้บริการ อาทิ การฝึกด้านภาษาต่างประเทศ กรณีที่เป็นแรงงานที่อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยว มีการจัดหลักสูตรเกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของชุมชน การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นฝากของที่ระลึก ส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในชุมชน เพื่อให้แรงงานในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ตั้งแต่ระดับชุมชน

ทั้งนี้ ได้แจ้งให้หน่วยฝึกไปสำรวจความต้องการแรงงานจากผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ด้วย สำหรับผู้ที่สนในเข้าฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว สามารถสมัครได้ที่สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1506 กด 4


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top