Monday, 16 June 2025
NewsFeed

‘3 นักกิจกรรม’ เล่าเปิดใจ หลังเกิดปรากฏการณ์ ‘ส้มเทิร์นแดง’ แฉ!! การเมืองไม่ตรงปก-ระบบทำงานเละเทะ-ใช้วิธีหาเสียงโจมตีคนอื่น

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ประชาไทได้ตีพิมพ์รายงานหัวข้อ ‘เมื่อรักและศรัทธาเสื่อมลง เปิดใจ 3 วัยรุ่นส้มเทิร์นแดง’ เป็นการสัมภาษณ์นักกิจกรรม 3 คน ที่เคยสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคก้าวไกล แต่ได้เปลี่ยนใจมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เรียกว่า ‘ปรากฏการณ์ส้มเทิร์นแดง’ โดย น.ส.ศุกรียา วรรณายุวัฒน์ หรือ ‘มายมิ้นต์’ นิสิตคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ชื่นชอบพรรคอนาคตใหม่ เพราะเป็นการเมืองใหม่ ชื่นชอบนายธนาธร ถึงขนาดในวันที่มีงานแฟนมีตนายธนาธร ตนเป็นแฟนคลับบัตร 2,500 บาท นั่งแถวหน้าถ่ายรูป จับมือ ตอบคำถาม เหมือนกับศิลปิน

ต่อมาได้ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ‘ฟอร์ด’, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และ น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ หรือ ‘เฟลอร์’ กระทั่งช่วงที่นักกิจกรรมถูกจับกุม มายมิ้นต์ร่วมวงรับประทานข้าวกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคก้าวไกล มีคนในโต๊ะถามเขาว่า เมื่อไหร่นายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือว่าพรรคก้าวไกลจะออกมานำ เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวรอลูกเข้าตีนก่อน” ทำให้เกิดคำถามว่าจะรอให้นักกิจกรรมเป็นอันตรายมากกว่านี้ก่อนหรือไม่?

“เขาจะต้องรอให้พวกเราเป็นอันตรายมากกว่านี้ก่อน หรือยังไงกันแน่ เราก็ไม่เข้าใจ สรุปว่าเราเป็นส่วนหนึ่งกันหรือไม่ สรุปว่าเราเป็นอะไรกัน เป็นคนที่สู้ด้วยกัน หรือว่าจริงๆ แล้วม็อบก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่คุณต้องรอจังหวะถึงจะออกมาทำ” มายมิ้นต์ระบุ

ต่อมานายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าม็อบราษฎร และแกนนำหลายคนถูกจับ เมื่อปี 2563 มายมิ้นต์กับเพื่อนจัดแฟลชม็อบที่แยกปทุมวัน ปรากฏว่ามีคนอ้างตัวว่าเป็นดอกเตอร์จากพรรคก้าวไกล ขอให้ตนปราศรัยโจมตีพรรคเพื่อไทยและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เรื่องจับมือกับทหารตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ปรากฏว่าถูกแฟนคลับพรรคเพื่อไทยโจมตีหนัก หลังจากนั้นดอกเตอร์คนดังกล่าวได้เป็น สส. ส่วนตนเมื่อคิดทบทวนก็สงสัยว่าตนถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีพรรคเพื่อไทยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม มายมิ้นต์ไม่พอใจกรณีที่พรรคก้าวไกลใช้วิธีหาเสียงที่โจมตีคนอื่น ตนไม่มีปัญหาที่ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นอดีต กปปส. แต่มีปัญหากับการที่คนที่เคยทำลายประชาธิปไตยมาชี้หน้าด่าว่าคนอื่นไม่มีอุดมการณ์ มาบอกว่าคนอื่นไม่สู้ ไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าเป็นประชาธิปไตยต้องเป็นแบบฉันเท่านั้น ทั้งที่ประชาธิปไตยมีหลากความหมาย หลายรูปแบบ หลายวิธีการ เพราะฉะนั้นคนที่เคยทำลายประชาธิปไตยมาก่อน วันหนึ่งตาสว่างแล้วคิดว่าตัวเองดีกว่าใคร เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้

ส่วนเรื่องระบบการทำงานภายในพรรคก้าวไกล มายมิ้นต์เปิดเผยว่า เคยถูกทิ้งให้รันงาน Tournament อีสปอร์ตของ สส.คนหนึ่ง ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด รวมถึงโปรเจกต์การศึกษาของ สส.จังหวัดหนึ่ง ที่ตนลงแรงลงใจไปมากแต่กลับถูกเทกลางทาง แม้จะเป็นประสบการณ์ส่วนตัว แต่สะท้อนการทำงานของระบบในพรรค เพราะถ้าพรรคยังไม่สามารถจัดการการทำงานในระดับเล็กๆ ให้ราบรื่นได้ แล้วจะไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศได้อย่างไร

มายมิ้นต์ยังฝากความคาดหวังถึงพรรคเพื่อไทย ต้องทำตามสิ่งที่หาเสียงไว้ให้ได้ ซึ่งขณะนี้เป็นพรรคที่ฟังก์ชันที่สุดในเรื่องเศรษฐกิจ เส้นตายที่จะพิสูจน์ฝีมือคือการลดค่าครองชีพของประชาชนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่ารถไฟฟ้า ฉะนั้นตนขอให้พรรคเพื่อไทยดีลอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนได้ประโยชน์

ด้านนายภูมิภัสส์ หิรัญวีวิชญ์ หรือ ‘พัท’ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ที่เปลี่ยนใจมาเชียร์พรรคเพื่อไทย เพราะไม่ชอบระบบการทำงานและท่าทีที่ดูไม่จริงใจของพรรคก้าวไกล รวมถึงรู้สึกประทับใจนโยบายของพรรคเพื่อไทยมากกว่า ที่ผ่านมาเคยเคลื่อนไหวฟ้องศาลปกครองเลื่อนการสอบ TCAS เมื่อเดือน มี.ค. 2564 พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยกลุ่มนักเรียนและติวเตอร์ โดยมีทีมกฎหมายที่คอยให้คำปรึกษา และประสานงานสื่อมวลชน

เมื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัทเคลื่อนไหวเรื่องสถาบันฯ ร่วมกับม็อบเยาวชน และเรื่องเพศกับกลุ่มเฟมินิสต์ในมหาวิทยาลัย เพราะเห็นว่าไม่มีความเท่าเทียมทางเพศในมหาวิทยาลัย และในขบวนประชาธิปไตยพบว่ามีการแอบถอดถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ซึ่งถือเป็นการข่มขืน และยังมีคนที่เป็นนักข่มขืนขึ้นปราศรัยบนเวที ตนรู้สึกโอเคกับพรรคเพื่อไทยที่ยังมีการจัดนิทรรศการ ขณะที่หลายคนในพรรคก้าวไกลก็มีประเด็นเรื่องเพศ

เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกตั้งคำถามเรื่องพฤติกรรมในครอบครัว ว่าดูย้อนแย้งกับคุณค่าที่พรรคก้าวไกลนำเสนอหรือไม่ เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีที่อดีตผู้สมัคร สส.ก้าวไกล จ.ชัยภูมิ ล่วงละเมิดทางเพศ ส.ก.เขตสาทร ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ โดยผู้เสียหายบางส่วนเป็นผู้เยาว์ และ ส.ก.เขตวัฒนา ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศอดีตลูกจ้างหญิงข้ามเพศ โดยผู้ที่ออกมาเปิดโปงถูกฟ้องหมิ่นประมาททั้งทางอาญา และแพ่ง

สิ่งที่ไม่ชอบคือ ผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกลโพสต์รับอาสาสมัครในหลายพื้นที่ ตนเข้าไปช่วยเขตหนึ่งของ กทม. ผู้สมัครคนนั้นไม่มีความเป็นผู้นำที่มากพอ พรรคไม่เข้ามาควบคุม งานไม่แจกจ่ายอะไรเลย เข้าไปต้องคอยถามตลอดว่าอาทิตย์นี้จะให้ช่วยทำอะไรบ้าง

พัทกล่าวว่า เวลาที่ตนพูดเรื่องเฟมินิสต์ในโซเชียลก็จะมีทัวร์มาลง เมื่อตนเปิดตัวเชียร์พรรคเพื่อไทยทัวร์ก็ลงบ่อยและหนักขึ้นกว่าเดิม ต้องพบนักจิตบำบัดเป็นระยะ ส่วนชีวิตในมหาวิทยาลัยก็มักถูกมองว่าเป็นคนแรงๆ ที่ขับเคลื่อนทุกประเด็น เพราะรู้สึกว่าถูกเบียดขับจากความเป็นกระแสหลักที่ดูมีศีลธรรมสูงส่ง ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่เรียกตัวเองว่า ‘นางแบก’ มักมีอารมณ์ขันแบบจิกกัดตัวเอง ที่เข้าใจกันเองเฉพาะกลุ่ม

ส่วนคำว่า ‘อึงไข่’ เกิดจากการตอบโต้กันของส้ม-แดงในโลกออนไลน์ แล้วนางแบกคนหนึ่งโต้กลับว่าคนเลือกก้าวไกลมักจะบอกว่าก้าวไกลมาจากประชาชน 14 ล้านเสียง ถ้างั้นคนอีก 10.9 ล้านคนที่เลือกเพื่อไทยเป็นอึ่งไข่หรือ ตนบอกว่าเป็นอึ่งไข่ 10.9 ล้านตัวที่เลือกรัฐบาลนี้ แล้วก็มีนักวิชาการคนหนึ่งออกมาพูดว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลอึ่งไข่ ที่เก็บไข่จนเต็มตัว แล้วเดี๋ยวจะต้องโดนคนอีสานจับกิน แล้วจะสูญพันธุ์ ตนจึงสงสัยว่าจินตนาการไปได้อย่างไร ตนแค่ชอบอึ่งไข่ เพราะมันอยู่ในติ๊กต็อก

ขณะที่ น.ส.น้ำฟ้า ปั้นเหน่งเพชร หรือ ‘ฟ้า’ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ตนเคยร่วมทำกิจกรรมกับพรรคก้าวไกลมาก่อน แต่รู้สึกไม่ซื้อในพฤติกรรมหลายๆ อย่างซึ่งดูขัดกับประเด็นที่พรรคพยายามนำเสนอ ตนถูกตั้งคำถามจากคนในคณะเดียวกันว่าทำไมถึงมีจุดยืนแบบนี้ มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันบ้าง แต่เวลาคุยกับคนที่เลือกก้าวไกลก็พบว่าเขามักมีธงในใจ ถ้าตนตอบผิดแผกไปจากนั้นก็จะถูกมองว่าแบกจนบ้ง

ในช่วงที่มีกระแสข่าวลือว่าพรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ในคลาสเรียนหนึ่งอาจารย์พูดในห้องเรียนแบบขำๆ ทำนองว่า คนที่เลือกพรรคเพื่อไทยอาจจะคิดว่าตัวเองโง่ ไม่น่าเลือกเลย แล้วมองหน้าตน เสร็จแล้วก็หันไปมองเพื่อน บอกว่าอันนี้คือล้อกันเล่นเฉยๆ นะ พอดีว่าสนิทกัน ก่อนจะพูดว่า แต่ไม่เป็นไร คนเรามีเงื่อนไขที่ต่างกัน ทำไมถึงเลือกหรือไม่เลือก ที่ตกใจมากกว่าคือมวลบรรยากาศที่เพื่อนทั้งห้องขำ

ฟ้าเห็นว่ามหาวิทยาลัยไม่มีพื้นที่ให้กับคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ถ้าเลือกพรรคก้าวไกลแล้วยิ่งเป็นนักกิจกรรมจะยิ่งได้รับการเชิดชูมากๆ แต่ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยแล้วพูดอะไรออกมาก็จะถูกจับผิด ตั้งคำถาม ถูกมองว่าจัดตั้ง เป็นไอโอพรรคจ้างมา

ในตอนท้าย ฟ้าคาดหวังต่อพรรคเพื่อไทย คือไม่ควรกระทำการที่ผิดหลักประชาธิปไตย พร้อมยกตัวอย่างเรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ว่า ส.ส.ร.ก็ควรมาจากการเลือกตั้งเป็นสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 50% แม้ว่าตนจะเห็นความเป็นไปได้ของรัฐบาลข้ามขั้วมาตั้งแต่เห็นผลการเลือกตั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ผิดหวังที่พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้จับมือกับพรรคก้าวไกลแล้วไปต่อด้วยกันได้ แต่สุดท้ายถ้ามีก้าวไกลยังไงก็ไม่ผ่าน ส.ว. 250 คน จึงมองว่าก็ต้องเลือกทางที่ไปต่อได้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด

“เพื่อไทยเลือกที่จะเอาอำนาจรัฐที่จะมาจัดการปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนก้าวไกลกินอุดมการณ์มากกว่าที่จะดูที่การกระทำ คนอื่นอาจจะซื้อ แต่เราไม่ซื้อโซลูชันของก้าวไกล ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี แค่เราไม่ซื้อ” ฟ้าระบุ

‘ปารีณา’ ซัด!! ‘หมอพรทิพย์’ ดันทุรัง ร้านอาหารมีสิทธิที่จะไล่ ชี้ เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องยอมรับผลการกระทำของตนเอง

หลังเกิดดรามา ‘คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์’ สว. ถูกชายไทยคนหนึ่งอ้างเป็นเจ้าของร้านอาหารในประเทศไอซ์แลนด์ ไล่ออกจากร้านขณะจะเข้าไปรับประทานอาหาร งานนี้ชาวเน็ตเสียงแตกเป็น 2 ฝ่าย มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของชายคนดังกล่าว

ในจำนวนนี้มีอดีตนักการเมืองคนดัง ‘น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์’ อดีต สส.ราชบุรี ที่โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ว่า…

“#หมอพรทิพย์ #ดันทุรังเอง มันเป็นสิทธิของร้านอาหารนะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดคือ… ไม่ต้อนรับ ไม่ให้บริการ ถ้าครั้งแรกเขาไล่ ก็ควรรีบไป ชัดเจนว่า…หมอพรทิพย์ดันทุรังอยู่ต่อ จึงต้องรับสภาพ”

“เห็นภาพ ไม่ได้รู้สึกเห็นใจท่าน สว. หรือ สส. เลย รู้สึกแต่เสียดายเงินภาษีประชาชน เมื่อช่วงที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาต้องแก้ไขเยอะ ช่วงที่มีประชุมสภา สส. สว. ยังจะมีอารมณ์มาเล่นดนตรีไทยที่ไอซ์แลนด์ได้อย่างไรคะ”

“สุดท้าย บุคคลสาธารณะ ต้องยอมรับผลของการกระทำตนเอง เปรียบเมื่อเจ้าฟ้าชายชาวล์เฉยเมย เมื่อรัฐบาลอังกฤษขึ้นค่าเทอมนักเรียน ถูกปาก้อนหินใส่รถ ทั้งที่ท่านไม่มีหน้าที่อะไรในรัฐบาล หรือโจ ไบเดน ถูกชาวบ้านตะโกนใส่ว่า ฟั..ก ไบเดน สาเหตุจากไบเด้รบริหารประเทศชาติได้พังพินาศ”

‘ไทย’ สุดฮอต!! ครองแชมป์เมืองท่องเที่ยวปลายทางยอดฮิต หลัง ‘นทท.จีน’ ตบเท้าเยือนช่วงหยุดยาวไหว้พระจันทร์-วันชาติ

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ไท่หยวน รายงานสถานการณ์ช่วงหยุดยาวเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีน (29 ก.ย.-6 ต.ค.) ถือเป็นอีกหนึ่ง ‘เวลาทอง’ ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจีน โดยบรรดานักท่องเที่ยวพากันจับจ่ายใช้สอยบนแพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้านการเดินทาง ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศคลาคล่ำเต็มโถงรับรองของสนามบินหลายแห่ง และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหลายประเทศได้ต้อนรับทัพนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดการท่องเที่ยวต่างประเทศในจีน

‘หวังซื่อหัว’ ชาวเมืองไท่หยวน มณฑลซานซีทางตอนเหนือของจีน เป็นนักท่องเที่ยวอีกคนที่เลือกเดินทางเยือนต่างประเทศในช่วงหยุดยาวนี้ โดยหลังจากฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่บ้านแล้ว เขาและครอบครัวได้ตบเท้าขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าสู่จุดหมายยอดนิยมอย่าง ‘ประเทศไทย’ พร้อมแผนการเยือนแลนด์มาร์กชื่อดัง เช่น พระบรมมหาราชวังและเกาะเสม็ด รวมถึงสัมผัสประสบการณ์นวดไทยโบราณ และรับประทานอาหารไทยต้นตำรับรสจัดจ้าน ตลอดระยะเวลา 6 วัน

“เคยมาเที่ยวเมืองไทยแล้วเมื่อหลายปีก่อนและรู้สึกประทับใจมาก พอตอนนี้ไท่หยวนเปิดเที่ยวบินตรงไปยังไทยเลยคิดว่าต้องกลับมาเที่ยวอีก” หวัง กล่าว

ทั้งนี้ ไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่ครองความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุดแห่งหนึ่งได้ประกาศนโยบายฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นระยะเวลา 5 เดือน ทำให้ปริมาณการสอบถามและจองการเดินทางสู่ไทยและพื้นที่โดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนโยบายดังกล่าวช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายราว 500 หยวน (ราว 2,500 บาท)

ด้านข้อมูลจากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการด้านการเดินทางหลายรายบ่งชี้ว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหยุดยาวเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีนปีนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงหยุดยาวแรกหลังจากการท่องเที่ยวต่างประเทศของจีนเปิดกว้างเต็มรูปแบบในขั้นพื้นฐาน โดยสถิติจากแพลตฟอร์มซีทริป ฟลิกกี และอื่นๆ ระบุว่าการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาวดังกล่าวของปีนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมองว่าจีนในฐานะแหล่งนักท่องเที่ยวขาออกขนาดใหญ่ที่สุดของโลกจะมีบทบาทเชิงบวกต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะหลังจากเร่งเปิดกว้างการเดินทางท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ โดยผลสำรวจจากพีดับบลิวซี (PwC) พบว่าชาวจีนร้อยละ 62 มีแนวโน้มเพิ่มการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ส่งสัญญาณอันดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การบริการ และการค้าปลีก

‘ณัยณพ’ มั่นใจ!! ‘กรีฑาไทย’ เตรียมสร้างชื่อ ศึก ‘เอเชียนพาราเกมส์’ ด้าน ‘โค้ชสุพรต’ เผย ‘ทีมวีลแชร์เรสซิ่ง’ ฟิตเต็มร้อย พร้อมสู้เพื่อชาติ

(1 ต.ค. 66) ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่านักกรีฑาพาราไทย ทั้งประเภทแขน-ขา และ ‘วีลแชร์เรซซิ่ง’ จะสร้างผลงานได้ดีในการแข่งขัน ‘เอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4’ ระหว่างวันที่ 22-28 ตุลาคม 2566 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา

‘ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี’ ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวหลังเดินทางไปดูการฝึกซ้อมของนักกรีฑาพาราไทยว่า “ขณะนี้นักกีฬาของเรามีความพร้อม รวมถึงมีการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่านักกีฬากรีฑาของเราจะสร้างผลงานได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของความสำเร็จ และสถิติที่นักกีฬาจะทำได้ สิ่งสำคัญคือการทำสถิติให้ดีหากเราทำได้ตามเป้าหมายเชื่อว่าเราจะสามารถประสบความสำเร็จรายการนี้ เพื่อการต่อยอดไปสู่พาราลิมปิกเกมส์ในปีหน้าซึ่งเป้าหมายใหญ่ของพวกเรา”

โดย ‘นายสุพรต เพ็งพุ่ม’ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมวีลแชร์เรสซิ่งทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับความพร้อมของทีมวีลแชร์เรสซิ่งทีมชาติไทยในเวลานี้ถือว่ามีความพร้อมแบบเต็มที่แล้วหลังจากที่เรามีการเก็บตัวมาอย่างต่อเนื่อง และนักกีฬาของเราได้ออกไปแข่งขันรายการระดับนานาชาติมาอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนมีความพร้อมและมีความมั่นใจเพื่อลงทำศึกรายการนี้

“ส่วนนักกีฬาหน้าใหม่นั้นก็จะมีนักกีฬาวีลแชร์หญิงซึ่งในครั้งนี้เราหวังจะเป็นรายการที่สร้างเสริมประสบการณ์เพื่อการต่อยอดไปสู่อนาคต เพราะการได้แข่งขันกับนักกีฬาระดับโลกที่มีประสบการณ์สูงก็ทำให้เขามีพัฒนาการที่สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งครั้งเป็นโอกาสที่ดีที่นักกีฬาหน้าใหม่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่” 

ด้าน ‘พนม พุดซา’ โค้ชกีฬากรีฑาพาราไทย เปิดเผยว่า สำหรับทีมกรีฑาพาราไทยมีความพร้อม เพราะมีการเก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่จบศึกอาเซียนพาราเกมส์ ซึ่งนักกีฬาหลายคนก็มีผลงานที่ดีขึ้น ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นและกระหายที่จะไปแข่งขันในเอเชียนพาราเกมส์ครั้งนี้แบบเต็มที่

“ส่วนความหวังของเราในครั้งนี้คงจะเป็นประเภทลู่ วิ่งระยะสั้น อย่าง 200 ม.หญิง อย่าง ‘อุ้ม ศศิราวรรณ อินทโชติ’ ซึ่งเพิ่งไปคว้าเหรียญทองแดง เวิลด์ พารา แอธเลติกส์ แชมเปี้ยนชิป” กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาได้เขาก็มีความมั่นใจมากขึ้น แต่เราก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูง เพราะเราหวังว่าเพียงแค่ให้เขาทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่เท่านั้นเพื่อให้เป็นการกดดันนักกีฬา”

“ส่วนประเภทในประเภทลาน อยากให้โฟกัสเพียงแค่การทำสถิติของตนเองให้ดี และหากนักกีฬาทุกคนทำได้แบบที่ฝึกซ้อมเราก็มีโอกาสที่จะคว้าเหรียญรางวัลได้ ซึ่งนักกีฬาทุกคนมุ่งมั่นที่ทำผลงานให้ดีเพื่อคว้าเหรียญรางวัลมาฝากพี่น้องชาวไทยให้ได้ สุดท้ายอยากขอกำลังใจจากคนไทยช่วยเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทุกคนด้วยและเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เช่นกัน”

สำหรับนักกีฬาพาราไทยรวมถึงเจ้าหน้าที่ทีมทั้งหมด 491 คน จะลงชิงชัยใน ‘เอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4’ ทั้งสิ้น 22 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ยิงธนู, กรีฑา, แบดมินตัน, บอคเซีย, เรือแคนู, หมากรุก, จักรยาน, ฟุตบอล 5 คน, หมากล้อม, โกลบอล, ยูโด, ลอนโบวล์ส, ยกน้ำหนัก, เรือพาย, ยิงปืน, วอลเลย์บอลนั่ง, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, วีลแชร์บาสเกตบอล, วีลแชร์ฟันดาบ และวีลแชร์เทนนิส

ทั้งนี้ ผลงานทัพนักกีฬาพาราไทยในการแข่งขัน ‘เอเชียนพาราเกมส์ 2018’ ครั้งที่ผ่านมา ที่ประเทศอินโดนีเซีย ทำผลงาน 23 เหรียญทอง 32 เหรียญเงิน 50 เหรียญทองแดง จบการแข่งขันในอับดับที่ 7

‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘พณ.จังหวัด-DIT’ ดูแล ปชช.ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม กำชับ!! ป้องกันการกักตุนสินค้าเข้มข้น หวั่นของขาดตลาด-ขึ้นราคา

(1 ต.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดและกรมการค้าภายใน เข้าไปดูแลช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้  ทั้งระหว่างน้ำท่วม และหลังระดับน้ำลดลง ไม่ให้สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นขาดตลาด ให้มีกระจายสินค้าอย่างทั่วถึงและไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบประชาชน ไม่ให้มีการกักตุนสินค้า หากฝ่าฝืนให้มีการดำเนินการกฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้กระจายสินค้า ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะผัก เครื่องมือ น้ำยาทำความสะอาดบ้านและวัสดุก่อสร้าง เพื่อซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลดแล้ว

ขณะเดียวกันให้นำรถโมบายกระจายลงในพื้นที่ในชุมชน ขายของลดราคา จัดกิจกรรมเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เช่น เอาสินค้าในชุมชนไปกระจายช่วยขายในพื้นที่อื่นๆ พร้อมกับขอให้เข้มงวดการติดป้ายแสดงราคาสินค้า ไม่ให้มีการฉวยโอกาส เอาเปรียบผู้บริโภค

📌สรุปเหรียญเอเชียนเกมส์ หางโจว 2022 ประจำวันที่ 30 ก.ย.66 (เฉพาะชาติในกลุ่มประเทศอาเซียน)

📌สรุปเหรียญเอเชียนเกมส์ หางโจว 2022 ประจำวันที่ 30 ก.ย.66 (เฉพาะชาติในกลุ่มประเทศอาเซียน)

ล่าสุด ‘ไทย’ ครองอันดับที่ 6 คว้าเหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง 14 รวมทั้งหมด 25 เหรียญ

‘สมศักดิ์’ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมสุโขทัย กำชับทุกหน่วยเร่งช่วย ปชช. รับ สถานการณ์ยังน่าห่วง เตรียมเสนอแนวทางแก้ปัญหาระยะยาวต่อ ครม.

(1 ต.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ โดยจุดแรก ได้เดินทางไปตรวจประตูระบายน้ำแม่น้ำยม บ้านหาดสะพานจันทร์ อำเภอสวรรคโลก ร่วมประชุมเพื่อสรุปสถานการณ์และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดสุโขทัย กับนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางสาวประภาพรทองปากน้ำ สส.สุโขทัย  นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัย และหัวหน้าส่วนราชการ

โดยนายสุชาติ กล่าวรายงานสรุปว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดสุโขทัย เริ่มมีความน่าเป็นห่วงตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะมีฝนตกเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีน้ำป่าไหลมาจากจังหวัดรอบข้าง ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในจังหวัดเวลานี้ อยู่ในจุดที่ต้องเฝ้าระวัง โดยขณะนี้ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 42 ตำบล 165 หมู่บ้าน 1,365 ครัวเรือน รวมถึงมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 2,483 ไร่ ซึ่งทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อม ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่สั่งการอย่างเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง กระทรวงมหาดไทย ได้เร่งลงพื้นที่แล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้รายงานสถานการณ์และสรุปในเบื้องต้นให้รับฟังแล้ว ซึ่งขณะนี้ มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 1,365 ครัวเรือน เป็นพื้นที่กว่า 62,000 ไร่ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือชาวสุโขทัย ในเรื่องการอพยพนั้น ยังมีน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มวลน้ำ ที่ไหลมาจากจังหวัดแพร่ โดยจากรายงานปริมาณน้ำของวันนี้ เมื่อเทียบกับของเมื่อวานที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า สูงขึ้น จาก 880 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มอีก 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมวลน้ำทั้งหมด จะไหลมารวมอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดสุโขทัย ก็พยายามปล่อยน้ำออกทางด้านซ้ายของแม่น้ำยมเป็นหลัก ซึ่งสามารถปล่อยได้ 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนในวันพรุ่งนี้ ตนได้รับรายงานว่า น้ำน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจจะส่งผลกระทบให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในพื้นที่อำเภอเมือง ยังพบดินสไลด์ริมตลิ่ง ความยาวกว่า 100 เมตร โดยผู้ว่าฯได้นำเอาบิ๊กแบ๊คมากั้นเรียบร้อยแล้ว คาดว่า วันนี้จะสามารถหยุดการไหลของน้ำเข้าในพื้นที่ของอำเภอเมืองได้

“หลังจากนี้ ผมและคณะ จะเดินทางไปจังหวัดแพร่ เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงมาก จึงได้กำชับให้ผมรีบลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ผมจะกลับมาประชุมที่จังหวัดสุโขทัยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสรุปแนวทางทั้งหมด นำไปเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยขอยืนยันว่า ผมทำงานการเมืองมา 40 ปี เห็นปัญหานี้มาโดยตลอด ซึ่งจะพยายามแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ‘OTOP Midyear 2023’ โกยรายได้ทะลุ 400 ล้าน ชวนซื้อของไทย-ใช้ของไทย หนุนเงินทองหมุนเวียนในประเทศ

(1 ต.ค. 66) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย คุณสุภานัน นิราษิท ภริยา เยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการ OTOP ในงาน OTOP Midyear 2023 โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุลชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร จันทมฤก อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมให้การต้อนรับและนำชม

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับงาน ‘OTOP Midyear 2023’ โดยตลอด 8 วันที่ผ่านมา ได้รับความเมตตาและการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนร่วมจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อเลือกหาอุดหนุนสินค้าชุมชนของผู้ประกอบการ จนมียอดจำหน่ายสูงถึง 375 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท คาดว่าก่อนปิดงานในช่วง 21.00 น.วันนี้ จะมียอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

ซึ่งการจัดงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ในครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นให้คนไทยเชื่อมั่นในสินค้าที่เกิดจากภูมิปัญญาพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรดีหรือประเสริฐไปกว่าคนไทยเราช่วยกัน เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปไหน หมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ

“ผมกล้าการันตีว่า สินค้า OTOP นี้ดีกว่าสินค้าแบรนด์เนมแน่นอน ดีกว่า ทนกว่า คุ้มค่ากว่า เกิดประโยชน์ เกิดคุณค่ามากกว่า และในด้านการส่งเสริม Soft Power เรามีกรมการพัฒนาชุมชน มีทีมไปเสริมทักษะ เสริมเรื่องคุณค่า คุณภาพ มูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องประชาชน เราช่วยยกระดับทำให้สินค้าของไทยที่ทำด้วยคนไทย ได้รับการเสริมสร้างความรู้ให้เขารู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศ ณ เวลานี้เป็นยังไง ดังสโลแกน ‘ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที’ ที่สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ ณ วันนี้เรามีผ้าไทยลายแบบไหนที่คนชื่นชมชื่นชอบ ออกแบบยังไง ใช้ยังไง ใช้วัสดุอะไร ใช้เส้นด้ายยังไงที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศคนไทย ใส่แล้วไม่ร้อน ไม่อึดอัด ดูแลรักษาง่าย เรามีกรมการพัฒนาชุมชนไปช่วยในเรื่องของการ สร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับชาวบ้าน เพื่อทำให้สินค้า OTOP เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ได้รับความนิยมชมชอบในระดับสากล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมอุดหนุน ร่วมให้กำลังใจ ผู้ประกอบการ OTOP ในงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ที่มีร้านค้ามากกว่า 2,000 ร้าน ทั้งของกิน ของใช้ และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากทั่วฟ้าเมืองไทย 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายยังมีของดีๆ อีกจำนวนมาก มีร้านอาหารโซน OTOP ชวนชิม ซึ่งโซนนี้ขอการันตีว่าของกินเด็ดๆ ที่ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินหรือขับรถยนต์ไปกินทั่วประเทศ ได้มารวมที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี และวันนี้เอง พี่น้อง OTOP จะได้จำหน่ายสินค้าในลักษณะ ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นมากมาย โดยสามารถเดินทางมาเลือกซื้อสินค้า OTOP กันได้ถึงเวลา 21.00 น.วันนี้

โดยตลอดการเยี่ยมชมงาน นายอนุทินฯ ได้สาธิตตีขิม และเป่าขลุ่ย บริเวณโซนศิลปิน OTOP และเดินพบปะให้กำลังใจผู้ประกอบการ เลือกซื้อสินค้า พร้อมทั้งทักทาย และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวชมงานด้วยความเป็นกันเอง

เปิดประวัติ ‘โฟร์ท นฤมล’ อดีตนักร้องดังจากยุค 90  สู่นายแบงก์หญิงคนแรกของ ‘ธนาคารซิตี้แบงก์’

(1 ต.ค. 66) หากพูดถึงชื่อ ‘โฟร์ท-นฤมล จิวังกูร’ หลายคนอาจคุ้นเคยในฐานะนักร้องหญิงแห่งค่ายอาร์เอส เจ้าของผลงานเพลงต่าง ๆ ในยุค 90

แต่อีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบาทหลัก คือ การเป็น ‘นายธนาคารหญิง (Banker)’ และเป็นหนึ่งในผู้บริหารธนาคาร กับชั่วโมงบินบนเส้นทางสายการเงินที่เข้าใกล้ 3 ทศวรรษแล้ว

และล่าสุด ธนาคารซิตี้แบงก์ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวนฤมล จิวังกูร ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย (Citi Country Officer for Thailand) ดูแลรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจภายในประเทศไทย

วันนี้ทางเราได้รวบรวมเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้บริหารคนเก่ง ให้ทำความรู้จักกัน

จบปริญญาโทด้านการเงิน ทำงานกับแบงก์ระดับโลก
‘นฤมล จิวังกูร’ หรือ ‘โฟร์ท’ เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2515 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ และระดับอุดมศึกษา ปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะศิลปศาสตร์ (เอกภาษาอังกฤษ) และปริญญาโทจาก California State University คณะบริหารธุรกิจ (เอกบริหารการเงิน)

เริ่มต้นการทำงาน ด้วยการเป็นนักร้องจากการรวมกลุ่มกับเพื่อนนักร้องหญิง 3 คนคือ โฟร์ท นฤมล จิวังกูร, อัยย์ พรรณี วีรานุกูล และอ๊อด พิรุณ ยิ้มพงษ์ ออกอัลบั้มในนามวง ‘เอ็กซิท (Exit)’ ชื่อชุด ‘ทางออกของความรู้สึก’ ออกวางจำหน่ายเมื่อ เมษายน พ.ศ. 2536

ในปี พ.ศ. 2539 ได้ออกอัลบั้มร่วมกับ ‘ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว’ และสามารถ สุขกนิษฐ อัลบั้ม ‘Something in R & B’ ออกวางจำหน่ายเมื่อ กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ก่อนที่จะยุบไปหลังจากนั้น

หลังจากยุบวงก็มีผลงานเพลงประกอบละคร ภาพยนตร์ และงานร้องประสานเสียงให้กับศิลปินมากมายหลายคน

และในปีเดียวกัน โฟร์ท นฤมล เริ่มต้นทำงานในสายงานธนาคารในปี 2539 ก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ในสายงานห้องค้า (Global Markets) ในส่วน Trading ทำให้เธอได้เห็นสภาพการทำงานของตลาดการเงินที่ผันผวนท่ามกลางวิกฤตนั้นที่ต้องการการวิเคราะห์และการตัดสินใจฉับไวในตลาดเงิน

โฟร์ท นฤมล เล่าว่า ความท้าทายในการทำงานช่วงแรก ๆ คือผู้ร่วมงานรอบตัวซึ่งล้วนจบทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เธอต้องใช้ความอดทน ความตั้งใจ พร้อมเรียนรู้และวิ่งเข้าหาโอกาส เพราะเวลาทุกนาทีมีค่าและสำคัญ

จากนั้นได้ย้ายไปทำงานในสายงานอื่น ๆ ใน Global Markets ไม่ว่าจะเป็น Corporate Sale ทำหน้าที่หลักดูแลด้านการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ของลูกค้าองค์กรต่าง ๆ รวมถึงการคิด Solution ในการบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนทางตลาดเงินโดยใช้ด้านตราสารอนุพันธ์

ทำหน้าที่ดูแล หา Solution และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้านการเงินและการลงทุนให้ลูกค้าองค์กรและสถาบันการเงิน ทำให้ได้ประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ยึดเป็นหลักในการทำงานคือต้องทำให้ดีเพราะนี่คืองานที่ได้รับมอบหมาย

นายแบงก์หญิงคนนี้ เคยเล่าว่า “ค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร แล้วขับเคลื่อนตัวเองไปหาสิ่ง ๆ นั้น การเปิดรับความท้าทายใหม่ ๆ จะทำให้เราเรียนรู้ ได้ประสบการณ์ และค้นพบว่าอะไรคือสิ่งที่เราสนใจมากที่สุด”

เส้นทางการเป็นนายแบงก์หญิง ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 2558 โฟร์ท นฤมล เข้ารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดเงินตลาดทุน และหลักทรัพย์บริการ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ซึ่งคือตำแหน่งปัจจุบัน และเป็นผู้หญิงคนแรกในสายงานนี้ขององค์กรในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ช่วงที่รับตำแหน่งใหม่ ๆ มีคนกล่าวกับเธอว่า “ยินดีต้อนรับสู่เกมของผู้ชาย” แม้จะเป็นคำกล่าวทักทายที่ทำให้ตกใจในครั้งแรกที่ได้ยิน แต่นั่นถือเป็นคำแนะนำและนำมาใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะการดึงเอาจุดเด่นและข้อดีของการเป็นผู้หญิงเข้ามาเติมเต็มในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

กระทั่งล่าสุด ‘ธนาคารซิตี้แบงก์’ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวนฤมล จิวังกูร ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย (Citi Country Officer for Thailand) ดูแลรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจภายในประเทศไทย โดยขึ้นตรงต่อ นายอมล กุปเต ผู้บริหารใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน (Head of South Asia and Asean for Citi) และมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

‘นายแบงก์’ คืองานหลัก ‘นักร้อง’ คืองานอดิเรก
หลังจากงานหลักของ โฟร์ท นฤมล เปลี่ยนเป็น นายธนาคาร ตามสายที่จบการศึกษามา แต่เส้นทางการเป็นศิลปิน นักร้อง ยังไม่ได้หายไปไหน

โฟร์ท นฤมล ตัดสินใจทำงานเป็นนายธนาคารควบคู่ไปกับการเป็นศิลปิน โดยใช้วันหยุดจากการทำงานที่ธนาคารไปทำงานอดิเรกที่รักคือการร้องเพลงโดยที่ผู้ใหญ่ของทั้งสององค์กรเข้าใจและให้โอกาส

เส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยว เริ่มต้นขึ้นในสังกัด อาร์.เอส.โปรโมชั่น หลังเซ็นสัญญาออกอัลบั้มเมื่อปี 2541 โดยได้มีผลงานอัลบั้มออกมาจำนวนมากในช่วงระหว่างปี 2542-2548 ดังนี้

ปี 2536 : อัลบั้ม Exit
ปี 2539 : อัลบั้ม Something in R&B
ปี 2542 : อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว’
ปี 2542 : อัลบั้ม Fourth
ปี 2543 : อัลบั้ม ธรรพ์ณธร-โฟร์ท Fire&Ice
ปี 2543 : อัลบั้ม Magic Love
ปี 2544 : อัลบั้มพิเศษ ‘The Celebration’
ปี 2544 : อัลบั้มพิเศษ ‘Impression’
ปี 2544 : อัลบั้มพิเศษ ‘Zodiac’
ปี 2545 : อัลบั้ม Fourth Secret
ปี 2545 : อัลบั้มพิเศษ ‘Inspiration’
ปี 2546 : อัลบั้ม ธรรพ์ณธร-โฟร์ท แสงและเงา
ปี 2547 : อัลบั้มพิเศษ ‘DREAMS by Parn Fourth Piano’
ปี 2547 : อัลบั้มพิเศษ ‘Unforgettable’
ปี 2548 : อัลบั้ม Real Me
ปี 2548 : อัลบั้มพิเศษ ‘คิดถึงแม่ เรียงความเรื่องแม่’
ปี 2548 : อัลบั้มพิเศษ ‘All My Life’

โดยผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักอย่างมากมาย อาทิ นาฬิกาทราย, คนที่ใช่ (ในวันที่ผิด), ไม่มีฉันคนนั้นอีกแล้ว, หมายความว่ายังไง และเพลง เหตุผล เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากออกอัลบั้มพิเศษ ‘All My Life’ โฟร์ท นฤมล ก็หันหลังให้กับวงการบันเทิง ก่อนจะกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ในเพลง ‘เจ็บเพื่อรัก’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบละคร เพลิงรักเพลิงแค้น ทางช่อง 3

ความสำเร็จของการเป็น ‘นายแบงก์หญิง’
ตลอดช่วงที่ ‘โฟร์ท นฤมล’ ทำหน้าที่เป็นนายแบงก์หญิง เคยได้รับรางวัล Best Secondary Market Contribution จากกระทรวงการคลัง ในงาน Ministry of Finance Award 2019 (MOF Award) รางวัลที่มอบให้สถาบันการเงินคู่ค้าพันธบัตรของกระทรวงการคลังที่มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมสภาพคล่องของพันธบัตรรัฐบาล โดยมีมูลค่าธุรกรรม ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรองสูงสุดในปี 2019 ถือเป็นรางวัลสำคัญต่อสายงานที่เธอกำลังทำอยู่ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนในองค์กรต้องเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ พร้อมพัฒนา ทุกอย่างให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ให้ความสำคัญกับทุกคนในองค์กร
ตลอดระยะเวลาการทำงาน เธอเผยว่าจะให้ความสำคัญกับบุคลากรหรือทีมงาน เพราะองค์กรไม่สามารถขับเคลื่อนได้เพียงแค่คนเดียว เนื่องจากโลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงทุกวัน หากมีบุคลากรที่พร้อมก้าวไปข้างหน้าก็จะสามารถนำพาทุกคนและองค์กรไปถึงเป้าหมายที่วางไว้

และไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร ทุกคนต้องช่วยกันเติมเต็มสิ่งที่อีกฝ่ายขาด พร้อมเลือกใช้ข้อดีของแต่ละฝ่ายที่มี เพื่อให้เกิดความสมดุล การทำงานต้องไม่กลัวที่จะกล่าวคำปฏิเสธ ต้องกล้าบอกสิ่งที่คิด สิ่งที่รู้สึก หรือความตั้งใจที่จะทำ องค์กรเปิดกว้างและเห็นความสำคัญของบุคลากร สนับสนุนให้พนักงานแสดงความสามารถและมีโอกาสเติบโตในสายงาน

‘สว.สมชาย’ รับไม่ได้!! พนง.ร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ไล่ ‘หมอพรทิพย์’ ทั้งที่ ‘คนยุโรป-ทั่วโลก’ ต่างนับถือชื่นชม สมัยลงไปลุยช่วยสึนามิ

(1 ต.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตผู้อำนวยการร่วมด้วยช่วยกัน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

ภาพและข้อความนี้มีความหมายยิ่งครับ

ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยรู้จัก ‘คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์’ เป็นการส่วนตัวมาก่อน เพิ่งพบเจอกันครั้งแรกเมื่อช่วงเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547

คุณหญิงหมอพรทิพย์ ลงไปลุยทำงานสึนามิ ระดมสรรพกำลังช่วยตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์ ศพนิรนามทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมากมาย หลายพันศพ

คนยุโรปและทั่วโลกนับถือคุณหมอ ซึ่งเป็นทั้งญาติผู้สูญหายและในระดับรัฐบาลขอบคุณและชื่นชมในความทุ่มเทเสียสละของคุณหญิงหมออย่างยิ่ง

ผมจำเหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้นได้ดี เพราะเป็นผู้นำทีมร่วมด้วยช่วยกันลงไปร่วมช่วยผู้ประสบภัย ค้นหาศพ และร่วมสร้างบ้านน็อกดาวน์ ฯลฯ

จึงได้พบและรู้จักกับคุณหมอครั้งแรกที่นั่น ที่วัดย่านยาว ซึ่งคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นศพนิรนามที่ต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์หลายร้อยหลายพันศพ

ช่วงนั้นทราบข่าวจากสื่อว่า คุณหมอและทีมพิสูจน์อัตลักษณ์ ต้องการกล้องถ่ายรูปความคมชัดสูง10 หรือ 20 ล้านพิกเซล (ในสมัยนั้น)

ผมจึงได้ประสานกับผู้บริหารยูคอมและร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อจัดหาและร่วมส่งมอบให้ทีมงานนิติวิทยาศาสตร์ของคุณหมอ ร่วมสนับสนุนงานดังกล่าวด้วยความศรัทธาในทันที

วันนี้เห็นสิ่งที่คุณหมอเสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติและโลกแล้ว ถูกกระทำเช่นนี้แล้ว รับไม่ได้ครับ

เพราะเทียบชั้นกันไม่ได้เลยกับเด็กทำครัวคนหนึ่งที่ไอซ์แลนด์ ไม่เคยสร้างผลงานใดๆ ให้ประเทศชาติ กลับมีพฤติกรรมต่ำๆ ออกมาในคลิปที่คุกคามขับไล่ออกจากร้าน ด้วยความคลั่งไคล้การเมืองสุดโต่งแบบนั้น

ส่วนตัวผมถือว่าหยาบคายต่ำชั้นมากครับ
เพราะถ้านับคุณค่าคนกันแล้ว  
คนละระดับ คนละโลกกันเลยครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top