Monday, 9 June 2025
NewsFeed

กสทช. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนแม่สอด

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปราม, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช. สอท., นายสุธีระ พึ่งธรรม ผอ.สำนักกิจการภูมิภาค, นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายภาณุพงษ์ ชัยศรีทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 31, พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สำนักงาน กสทช. และ สอท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมและเสาสัญญาณผิดกฎหมายตามแนวชายแดน อ.แม่สอด จว.ตาก ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีการลักลอบส่งสัญญาณโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บพนันออนไลน์ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในปัจจุบัน

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย และจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด, อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อสกัดไม่ให้มีการเผยแพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาได้มีการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการย้ายฐานปฎิบัติการเข้าสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่ยังสามารถอาศัยสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยได้ และปลอดภัยจากการกวาดล้างจับกุม โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนด้าน อ.แม่สอด จว.ตาก ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและบางส่วนอยู่ภายใต้อิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการร่วมตำรวจและ กสทช. ได้มีการลงพื้นที่หาข่าวจนนำมาสู่การปฎิบัติการในครั้งนี้ โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

​กรณีที่ 1 เข้าจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวน ๒ สถานี และในพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จำนวน 4 สถานี เป็นความผิดฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” ตามมาตรา 6 และ 11 แห่ง พรบ.วิทยุคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ และความผิดฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตแบบที่หนึ่งโดยไม่ได้อนุญาต” ตามมาตรา 67 (1) แห่งพรบ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทำผิด จำนวน 3 ราย ในการนี้ ได้ทำการรื้อถอนสถานีวิทยุคมนาคมผิดกฏหมายดังกล่าวทั้งหมด และทำการยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

​กรณีที่ 2 พบการตั้งสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศ เพื่อนบ้าน ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งทำให้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้ามเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้พื้นที่การให้บริการผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเกินกว่าอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย และล่วงล้ำไปยังอาณาเขตประเทศข้างเคียง โดยตรวจสอบพบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เข้าลักษณะดังกล่าวจำนวนหลายสถานี ในกรณีนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด เร่งแก้ไขปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยให้ถอนการติดตั้งสายอากาศบางจุด หรือ ปรับทิศทางสายอากาศ หรือ ดำเนินการด้วยวิธีอื่นใด มิให้แพร่สัญญาณคลื่นความถี่ออกนอกเขตพื้นที่ประเทศไทย เพื่อให้พื้นที่การให้บริการ อยู่ภายในอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย ​นอกจากนี้ ตั้งแต่ พ.ค.66 - ปัจจุบัน ได้ตรวจพบการจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ลงทะเบียนการใช้งานโดยใช้ชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ใช้งานที่แท้จริงเพื่อจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น จำนวน 7,668 ซิมการ์ด จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 20 คน แบ่งเป็นคนไทย 12 คน และต่างชาติ 8 คน ดำเนินคดีตาม  พรก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

​สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการเดินหน้าปราบปรามสถานีโทรคมนาคมผิดกฏหมาย ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบเสาสัญณาณไม่ให้แพร่สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กวดขันจับกุมผู้ขายและผู้เป็นธุระจัดหา ซิมผี บัญชีม้า เพื่อตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพนันออนไลน์ไม่ให้ทำงานได้สะดวกเหมือนเคย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการผู้รับใบอนุญาตเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีการหารือในการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตีกรอบการใช้เทคโนโลยีให้เป็นไปตามที่ภาครัฐกำหนด สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

​ทั้งนี้ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ให้มีความระมัดระวังการใช้การใช้งานเทคโนโลยี เพราะปัจจุบันแก๊งมิจฉาชีพมีการพัฒนารูปแบบการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา มีการออกอุบายใหม่ๆ ที่เน้นสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เหยื่อตกใจตื่นตระหนก ตกหลุมพรางของแก๊งมิจฉาชีพ ขอให้ประชาชนตั้งสติ อย่าตกใจ ไม่เชื่อ ไม่โอน ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังพบว่า แก๊งมิจฉาชีพได้มีการจ่ายเงินซื้อโฆษณา เพื่อให้ลิงค์หรือเว็บไซด์ปลอมมาแสดงอยู่ในลำดับต้นๆ หรือสามารถเข้าถึงผู้ใช้แพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก มีการปลอมยอดติดตามหรือยอดไลท์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกลวงออนไลน์ต้องการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ กดเข้าไปในลิงค์หรือเว็บไซต์ปลอม ถูกหลอกซ้ำซ้อนสร้างความเสียหายมากขึ้นไปอีก ดังนั้น หากเกิดข้อสงสัยหรือต้องการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ขอให้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

‘บิ๊กวิน’ เป็นผู้แทนกองทัพเรือไทยเข้าร่วมการประชุม International Seapower Symposium (ISS) ครั้งที่ 25 ณ วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ ภายใต้แนวคิด ‘Security Through Partnership’

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนกองทัพเรือไทย เข้าร่วมการประชุม International Seapower Symposium (ISS) ครั้งที่ 25 ณ วิทยาลัยการทัพเรือสหรัฐ นิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 - 22 ก.ย.66 

การประชุม ISS จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือตลอดจนผู้นำของหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลจากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสพบปะหารือเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายที่จะยกระดับความมั่นคงทางทะเลและความร่วมมือในการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ในอนาคต

การประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากกองทัพเรือ และหน่วยงานด้านความมั่นคงทางทะเลเข้าร่วมกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูง และหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลของสหรัฐฯ โดยมีการหารือและอภิปรายในเรื่องสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated : IUU fishing) , ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) , เทคโนโลยีไร้คนขับ (Unmaned Technology), การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) และ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย (Humanitarian Assistance and Disaster Relief :HA/DR) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีการหารือแบบทวิภาคีของผู้แทนประเทศต่างๆ ในการนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เข้าหารือแบบทวิภาคีกับ พล.ร.อ.ซามูเอล ปาปาโร ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ ในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือตามโครงการ Maritime Security Initiative (MSI) , การฝึก The Rim of the Pacific Exercise (RIMPAC) และการเสริมสร้างความร่วมมือต่างๆ ระหว่างกองทัพเรือไทย และ กองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งในภาพรวมผลการประชุมและการหารือประสบผลสำเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทุกประการ ภายใต้บรรยากาศความเป็นมิตรไมตรีที่แนบแน่น บรรลุตามกรอบแนวคิดที่ว่า ‘Security Through Partnership’

การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของผู้บัญชาการทหารเรือในการแสดงถึงบทบาทของกองทัพเรือบนเวทีระหว่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรและความร่วมมือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนการแก้ปัญหาที่เกิดจากภัยคุกคามร่วมกัน เพื่อสร้างความมั่นคงทางทะเล และความยั่งยืนในการแสวงหาและการใช้ประโยชน์จากทะเลต่อไปในอนาคต

‘นายกฯ’ สรุปผลสำเร็จ UNGA บริษัทยักษ์ด้าน ‘เทคฯ-การเงิน’ สนลงทุนไทย  ฉุนสื่อ!! ไม่เคยบอกตั้ง ‘ทักษิณ’ ที่ปรึกษา ปัด!! ดิจิทัลวอลเล็ตครอบจังหวัด

(24 ก.ย. 66) ที่ห้องรับรองพิเศษ VIP ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่า การเดินทางครั้งนี้มีภารกิจเยอะ ต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยทำให้ภารกิจ 4 วัน ผ่านไปได้ โดยมีการพบปะผู้นำหลายประเทศ ได้กล่าวสุนทรพจน์ 5 ครั้ง พบกับองค์กรต่างๆ 2 องค์กร ได้พบกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้งเทสลา, ไมโครซอฟต์, กูเกิล, ซิตี้แบงก์, เจ.พี.มอร์แกน, Global ZAC, เอสเต ลอเดอร์ บริษัทเหล่านี้สนใจมาลงทุน บางแห่งมาลงทุนแล้วในรูปแบบต่างๆ ที่ประเทศไทย

หน้าที่ของตนคือ ไปประกาศให้คนรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมและยินดีที่จะให้บริษัทเหล่านี้มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนั้นได้พบกับตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์ก ที่มองเห็นลู่ทางจะให้บริษัทของไทยไปจดทะเบียนที่ตลาดนิวยอร์ก เพราะไม่เคยมีบริษัทใดไปจดทะเบียน และหวังว่าในปีนี้จะได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์กสัก 1 บริษัท

นายเศรษฐา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้พบปะกับประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก ควบคุมฟุตบอลทั้งหมด ได้พูดคุยกันถึงการเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่อาเซียนในปี 2032 หรืออีก 9 ปี เป็นแผนที่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก้าวแรกคือ เราอยากได้รับการสนับสนุนจากฟีฟ่าให้ช่วยดูฟุตบอลรากหญ้า จากเดิมที่เคยให้การสนับสนุนปีละ 2.5 แสนเหรียญต่อปี ตอนนี้เป็นปีละประมาณ 2 ล้านเหรียญ ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก ทำให้คาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้ไปถึงจุดที่ควรจะเป็น

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่เรื่องของยูเอ็น ในภาวะที่มีการแข่งขันและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความแตกแยกค่อนข้างมาก เป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณา ธีมของยูเอ็นในปีนี้คือให้มาดูเรื่องการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน 17 ข้อ โดยกว่า 190 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่เห็นว่าควรมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมไปถึงเรื่องของภาวะโลกร้อน ซึ่งตนได้ประกาศไปว่าไม่ใช่โลกร้อน แต่เป็นโลกเดือดที่เราต้องให้ความสำคัญ ตลอดจนเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากหากมีสงครามระหว่างประเทศมากจะทำให้มีผู้เดือดร้อน มีผู้อพยพลี้ภัย ต้องดูและให้ความเป็นธรรม ที่สำคัญ จุดยืนที่ตนไปประกาศในเวทีนี้คือ ไปประกาศจุดยืนว่าเราเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งยึดมั่น ช่วยผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ และการดำเนินการเศรษฐกิจพอเพียง

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นเรายังได้นำเสนอนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคอัปเกรด ทำให้ประชาชนมีสิทธิเลือกใช้บริการสาธารณสุขของรัฐได้อย่างสมเกียรติ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องดูแลและป้องกันในอนาคต

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่างประเทศที่จะมาลงทุนยังมีความกังวลกับสถานการณ์ในประเทศ หรืออุปสรรคใดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ความกังวลเรื่องนี้ลดหายไปเยอะ และคิดว่าคงไม่มีเรื่องนี้แล้ว แต่จะมีเรื่องกฎหมายบางข้อ และการอำนวยความสะดวกในการธุรกิจ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในการประชุมทั้งบีโอไอและกระทรวงการต่างประเทศต่างไปช่วยกันขยายความว่าเราพร้อมสำหรับการลงทุน พร้อมที่จะรับฟังความเห็น อะไรทำได้จะทำก่อน อะไรที่ต้องแก้ไขกฎกติกา จะมาดูความเหมาะสมอีกครั้ง

เมื่อถามว่า ธุรกิจอะไรที่ต่างชาติให้ความสนใจมากลงทุนมากที่สุด นายเศรษฐา กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท เช่น เทสล่า ที่จะมาดูเรื่องของการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีวี ขณะที่ไมโครซอฟต์ กูเกิ้ล มาดูเรื่องการทำดาต้า เซนเตอร์ ที่จะมีการลงทุนสูงมาก ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อรายสำหรับการลงทุนขั้นต้น

เมื่อถามว่า อุปสรรคด้านกฎหมายต่อการลงทุน เรื่องใดสำคัญที่สุด นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่เราไม่ได้ไปค้าขายระหว่างประเทศมานาน ทำให้บางบริษัทมีความกังวลเวลาที่มาลงทุน จะมีกฎที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ของเราอาจยังไม่มีการดูแลตรงนี้ ซึ่งต้องนำไปพิจารณาดูแลรายละเอียดให้เกิดความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการไปพูดคุยกับบริษัทรายใหญ่ได้ประเมินมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยประมาณเท่าไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเมินได้ลำบาก เพราะภาคอุตสาหกรรม เช่น เทสลา, ไมโครซอฟต์, กูเกิล การลงทุนขั้นต้นประมาณ 5 พันล้านเหรียญ แต่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเงิน อาจจะทำให้เกิดการลงทุนที่สูงมากหากมาตั้งสำนักงานที่ประเทศไทย มีโอกาสที่บริษัทเหล่านั้นอาจเผยแพร่ความน่าอยู่และตัวเลขเศรษฐกิจ ความเจริญของประเทศไทย และนำบริษัทอื่นมาลงไทุนในไทย และในการประชุมเอเปกที่จะเกิดขึ้น อาจจะเชิญบริษัทขนาดกลางเพื่อเปิดโอกาสได้ไปเสนอตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนข้ามชาติที่เราไปลงทุนในประเทศเขา หรือเขามาลงทุนในประเทศเรา เป็นการเปิดช่องทาง สร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชน

เมื่อถามถึงเสียงสะท้อนให้เพิ่มรัศมีการใช้เงินดิจิทัล วอตเล็ต 1 หมื่นบาท เป็นระดับจังหวัด? นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือเป็นข้อเป็นห่วงใยที่ต้องนำมาพิจารณา หากกำหนดให้ใช้ในจังหวัด บางทีการใช้จ่ายก็จะกระจุกตัวอยู่ในอำเภอเมือง แต่เราอยากจะให้อำเภอที่กันดารได้มีโอกาสแจ้งเกิดบ้าง ตรงนี้คณะกรรมการกำลังพิจารณากันอยู่ ในรายละเอียดไม่ต้องเป็นห่วง

เมื่อถามว่าเวลานี้ ไม่มีข้อกังวลเรื่องเม็ดเงินจริงที่จะใช้ในนโยบายนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ครับ ไม่เคยมีความกังวล”

เมื่อถามถึงความชัดเจนกรณีที่มีการตีความการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศ ในการตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษา? นายกฯ กล่าวว่า ทุกท่านต้องแกะเทปดู ตนไม่ได้บอกว่าจะตั้ง แต่บอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรถ้าจะปรึกษาก็ปรึกษาได้ เหมือนกับตนปรึกษากับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่อาจจะเกษียณไปแล้ว หรืออดีตนายกรัฐมนตรี ตนเองได้ไปกราบนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ และนายสมชายวงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ มาแล้ว

"ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งแรก เพิ่งเข้าสู่วงการการเมือง ใครมีความรู้ความสามารถที่ดี ก็พร้อมที่จะปรึกษา พูดแค่นั้น ผมก็พูดแค่นั้น บลูมเบิร์กก็แปลแค่นั้นใช่ไหม อย่าตีความไปกว้างกว่านั้นเลย เพราะเรื่องนี้จะก่อให้เกิดประเด็นโดยไม่ใช่เหตุ" นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการตีความกันไปแบบนั้น นายกฯ กล่าวเสียงเข้ม ว่า “คุณตีความ คุณอย่าตีความ คุณฟังที่ผมพูดสิ”

‘ลิซ่า’ เดอะแบกแห่ง ‘BLACKPINK’ ผู้นำพาวงมาถึงฝั่งฝัน กับ 7 ปีที่ถูกด้อยค่า สู่การผงาดขึ้นมาเป็น ‘ตัวแม่’ ของวงการ

เมื่อไม่นานนี้ นายคมสันชัย สุขพิพัฒน์มงคล นักพากย์เสียงชาวไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นการปฏิเสธต่อสัญญาจ้างกับทางค่าย YG ของ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ โดยระบุว่า…

‘ลิซ่า’ ปฏิเสธเงิน 50 พันล้านวอน หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท ในการต่อสัญญากับค่าย YG เป็นข่าวดังไปทั่วโลก ส่งผลให้หุ้น YG ร่วงกราวรูดทันที 9% สูงที่สุดในรอบปี ลิซ่าปฏิเสธ 2 ครั้ง หุ้นก็ร่วง 2 ครั้ง…

เอาดิ คงลืมไปว่า ลิซ่าทำรายได้เป็นพรีเซนเตอร์แต่ละราย แค่ 1 ปี ก็มีรายได้มากกว่าสัญญาทาส 7 ปีของ YG ไม่รวมค่าตัว Global Brand Ambassador อีกหลายแบรนด์ เฉพาะค่าตัวลิซ่า กับ Celine แบรนด์เดียว ก็ 2,800 ล้านบาทแล้ว มากกว่าถึง 2 เท่า (แค่เดินและยิ้มกับอาภรณ์เลอค่า ไม่ต้องเต้นแร้งเต้นกาให้เปลืองเหงื่อ เปลืองแรง) แถม หลายแบรนด์ดังทั่วโลก พร้อมอ้าแขนรับลิซ่า คนดี น่ารัก นิสัยงาม ก็เป็นเช่นนี้

งานนี้ มีสิทธิ์อย่างมาก ที่ BLACKPINK จะยุบวง คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากครับ เราคงทราบกันดี ถึงความกดขี่ข่มเหงที่ผู้ชายเกาหลีปฏิบัติต่อผู้หญิงเกาหลีด้วยกัน เมื่อครั้งลิซ่าไปอยู่ใหม่ๆ เดินชนลิซ่ายังไม่ขอโทษ กว่าจะมีวันนี้ได้ ลิซ่าทนแล้วทนอีก เป็น ‘สีทนได้’ ทั้งด่า ทั้งเหยียด ใครจะอยากอยู่ต่อ?

ผมเคยไปอยู่เกาหลี จึงรู้ว่า ‘คนเกาหลีไม่ชอบคนไทย’ โดยเฉพาะผู้ชายและผีน้อย ลิซ่า ถูกเหยียดเรื่องชาติพันธุ์ จากบลิ๊งค์เกาหลีบางคน แต่ส่วนใหญ่รักลิซ่ามาก ถึงขนาดแกล้งเป็นลมกลางสนามบิน เพื่อให้ลิซ่ามาเทคแคร์

คนเกาหลี ไม่ชอบคนไทย แต่คนไทย กลับชอบเกาหลีมาก ดารานักร้องไทยรุ่นใหม่ แยกไม่ออกแล้ว เพลงไทย กลายเป็นเพลงเกาหลี หนังไทย กลายเป็นหนังเกาหลี ขนาดเนื้อเรื่องเป็นคนชนบท พระนางยังหน้าเกาหลี บ้าไปแล้ว!!

เมื่อก่อนมี J-POP K-POP ตอนนี้ไทยมี T-POP ผมดู ผมฟัง ไม่ใช่ T-POP มันเป็น K-POP 100% ครับ ไม่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย

ในขณะที่ลิซ่าเองออกเดี่ยวชุดแรก เธอแสดงความเป็นไทย จนชุดไทย ชฎาไทย รัดเกล้ายอด ขายดีหมดเกลี้ยง ลิซ่ากล้าแสดงความเป็นไทย อวดสายตาชาวโลกอย่างภาคภูมิใจในความเป็นไทย

คนทั่วโลก ไม่ได้รักลิซ่า เพราะร้องเก่ง เต้นเก่ง เซ็กซี่ แต่รักที่ลิซ่า งดงาม อ่อนน้อม มีน้ำใจ กตัญญู และความเป็นไทยของลิซ่าครับ ขนาดลิซ่าทำวงดังมากกว่าใครในวง แต่ลิซ่ากลับได้รับค่าตัวที่ถูกแสนถูกกว่าคนอื่นในวง…

แล้วเป็นไง เงิน 1,317 ล้านบาท ก็ซื้อใจเธอไม่ได้ อย่าลืม ลิซ่าคนเดียวในวง ที่ทำสถิติโลก 
‘Guinness World Records’ มาแล้วหลายสถิติ

อย่าลืมว่าศิลปินเกาหลี เข้าจีนไม่ได้ จีนไม่ต้อนรับ แต่ที่ BLACKPINK เข้าจีนได้ เพราะจีนรักลิซ่ามาก สื่อยกให้เป็น ‘Queen of Dance’

ลิซ่า คือ ‘Soft Power’ ของไทยตัวจริง ความจริงคนทั้งโลกรู้ดีว่า วันนี้ ลิซ่ามีค่ามากกว่าการเป็นเพียงนักร้องนักเต้น ไปเถิดลิซ่า ไปสู่ประตูสวรรค์ โลกที่ยิ่งใหญ่รอเธออยู่ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’

เพราะความดีที่ทำ ชักนำเธอไป ทำบุญมาดีจริงๆ อดีตทำมาดี ปัจจุบันได้ดี ปัจจุบันทำไว้ดี อนาคตย่อมดี (ต้องเกิดอีกกี่ชาติ ผมถึงจะมีเงินเท่าที่ลิซ่าปฏิเสธ)🏠🧔🏻🇹🇭

ข่าวหลายคนพบเจอ ลิซ่าพาหวานใจมาพบพ่อแม่ที่บ้าน ล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยา จุดพลุอลังการสว่างฟ้า แล้วล่องใต้ รับงานที่สมุย ก็วันหยุดเธอนิ…

ความดีของมนุษย์ เทวดาก็ฉุดไม่อยู่แล้วล่ะครับ

ขอแสดงความยินดีครับ

‘ภูมิธรรม’ เปิดงาน ‘คูคลองใส ปี 66’ พร้อมเร่งฟื้นฟูสภาพดิน-น้ำ ย้ำ!! สิ่งแวดล้อมที่ดีถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ

(24 ก.ย. 66) ที่ตลาดน้ำขวัญเรียม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดในพิธี ‘งานคูคลองใส’ ประจำปี 2566 เนื่องในวันอนุรักษ์และรักษาแม่น้ำคูคลองแห่งชาติ และวันเยาวชนแห่งชาติ โดยมีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานมูลนิธิคนรักเมืองมีน นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เข้าร่วมพิธี โดยมีการตักบาตรพระสงฆ์ทางน้ำ ก่อนจะเดินข้ามฝั่งจากวัดบำเพ็ญเหนือไปเปิดพิธียังวัดบำเพ็งใต้

โดยนายภูมิธรร กล่าวภายหลังมอบโล่สนับสนุนการจัดงานและมอบเกียรติบัตร ‘เด็กและเยาวชนดีศรีเมืองมีน’ ว่า ในนามของรัฐบาลและนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งมอบหมายให้ตนมาปฏิบัติภารกิจสำคัญ ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนและเยาวชนที่ได้รับยกย่องให้เป็นเต็กดีศรีเมืองมีนในปีนี้ ขอแสดงความชื่นชมต่อผู้มีเกียรติและหน่วยงานที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ในการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ของสังคม และขอชื่นชมมูลนิธิคนรักเมืองมีน ที่ได้พยายามจัดงาน คูคลองน้ำใสมาอย่างต่อเนื่องถึง 11 ปี โดยมุ่งหวังให้สภาพชุมชนริมฝั่งคลอง และคุณภาพน้ำในคลองแสนแสบสะอาดขึ้น หลายคนคงทราบดีว่าคูคลองในอดีตใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านคมนาคม ขนส่ง อุปโภคบริโภคเป็นที่รองรับหรือระบายน้ำฝน น้ำเสีย เป็นแหล่งผลิตอาหารแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและอุตสาหกรรม

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ แม่น้ำคูคลองยังเป็นแหล่งรวมของศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตที่สั่งสมกันมาตั้งแต่โบราณ แต่สถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้บทบาทของแม่น้ำคูคลองลดความสำคัญลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และวัฒนธรรมในการเป็นอยู่ ทำให้มีการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำคูคลองลดน้อยลง แต่ที่หนักกว่านั้นคือ การบุกรุกคลองและเห็นคูคลองเป็นที่รองรับน้ำทิ้ง ขยะ สภาพแม่น้ำ คูคลองหลายแห่งจึงเป็นอย่างที่เห็น รัฐบาลตระหนักดีว่าทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ดีของประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาของประเทศ และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ภาครัฐจึงมีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมและเร่งฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดินและน้ำคืนสู่ธรรมชาติ ขณะเดียวกัน ภาคเอกชน ทุกคนทุกฝ่ายก็ต้องช่วยเหลือร่วมมือกันด้วย

จากนั้นนายภูมิธรรม ได้ติดป้ายตลาดต้องชม และร่วมกิจกรรมต่างๆ อาทิ เทน้ำ EM ปล่อยพันธุ์ปลา 200,000 ตัว ชมขบวนเรือบุปผชาติ ขบวนเรือสุวรรณหงษ์ (จำลอง) เยี่ยมชมนิทรรศการ และเป็นประธานจับรางวัล Lucky Draw และมอบรางวัลให้กับประชาชนที่จับจ่ายใช้สอยในงานธงฟ้า

‘รมว.กต.ไทย-ซาอุฯ’ เร่งสานต่อพลวัตรความร่วมมือทวิภาคี ส่งเสริมด้านการศึกษา-ท่องเที่ยว หนุนความสัมพันธ์ภาค ปชช.

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 66 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อาล ซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78)

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความมุ่งมั่นที่จะสานต่อพลวัตความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์เมื่อปี 2565 โดยยินดีที่จะได้มีโอกาสพบหารือกันอีกในห้วงการประชุม ASEAN – GCC Summit ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ที่กรุงริยาด และการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดีฯ – ไทย (STCC) ครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือแนวทางการ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน อาทิ การใช้ระบบ e-Visa ของซาอุดีอาระเบีย การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทย และการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างซาอุดีอาระเบียกับภูเก็ต

‘สวีเดน’ เจอดินถล่ม ทำมอเตอร์เวย์เชื่อมกรุงทรุดตัวแตกร้าว รถสัญจรถูกดูดลงหลุมของรอยแยก ปชช.บาดเจ็บหลายราย

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 66 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกิดเหตุดินถล่มจนสร้างความเสียหายให้กับถนนมอเตอร์เวย์ ซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองโกเธนเบิร์ก เมืองใหญ่อันดับ 2 ของสวีเดน กับกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศ ทรุดตัวพังเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่คืนวันศุกร์ (22 ก.ย.) ที่ผ่านมา และยังส่งผลกระทบต่อรถยนต์ประมาณ 10 คันที่กำลังสัญจรไปมา ตลอดจนป่าข้างทาง และพื้นที่ธุรกิจที่ติดกับปั๊มน้ำมันและร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในบริเวณดังกล่าว ให้ได้รับความเสียหาย โดยมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย ซึ่งถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หน่วยกู้ภัยโกเธนเบิร์กแถลงว่า ส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุดินถล่มมีขนาดประมาณ 150 x 100 เมตร อย่างไรก็ตาม เหตุดินถล่มส่งผลกระทบกินพื้นที่ถึงประมาณ 700 x 200 เมตร สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากรถของพวกเขาที่ไถลตัวลงไปพร้อมกับถนนที่ทรุดพังลง ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเฮลิคอปเตอร์

ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีรถยนต์หลายคันและรถบรรทุกคันหนึ่งที่ตกลงไปในหลุม และรอยแตกร้าวของถนนที่ทรุดตัวจากเหตุดินถล่มครั้งนี้

‘พ่อแม่’ พา ‘สแตนดี้ลูกชาย’ สวมชุดครุย ร่วมพิธีจบการศึกษา แม้หัวใจแตกสลาย แต่ขอสานฝันเพื่อคนบนฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘มานพ ชัยนาม’ ได้โพสต์รูปภาพคู่กับสแตนดี้ของลูกชายในชุดครุยปริญญามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พร้อมระบุว่า…

“ใบปริญญาลูกพ่อ รักและคิดถึงที่สุดเจ้าคนเก่งของพ่อ #คนบนฟ้า”

โดยมีกลุ่มญาติ และเพื่อนๆ มาร่วมถ่ายรูปและแสดงความยินดีเพื่อเป็นความทรงจำจำนวนมาก ภายหลังทราบว่าลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ล้ม เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 65 ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปส่งกำลังใจและแชร์ออกไปจำนวนมาก

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65 ปีที่ผ่านมา เจ้าของเฟซบุ๊ก ยังได้โพสต์รูปภาพพิธีฌาปนกิจ และอาลัยการจากไปของลูกชาย โดยระบุว่า…

“ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะลูก พ่อกับแม่หัวใจสลายเมื่อรู้ว่าลูกจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ได้ข่าวร้าย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย

น้ำตาไหล รินรุด สุดจะฝืน
กราบวิงวอน เทพไท้ให้ลูกคืน
แม้ดึกดื่น เพียงใด หลับไม่ลง
ลูกกลับมา เพียงร่าง ไร้ชีวิต
เหมือนดวงจิต พ่อแม่แยก แตกเป็นผง
ความใฝ่ฝัน นั้นหมาย สลายลง
แม้ฝึกปลง ใจล่วงหน้า เจียนบ้าตาย

ลูกเอ๋ยลูกพ่อ หัวใจของพ่อแม่นี้แตกสลายเหลือเกิน อยากให้ลูกกลับ มาเร็วไวแต่ปฏิหาริย์ไม่มีจริง ทำไมลูกต้องรีบจากพ่อกับแม่ไป ทำไมลูก ทำไม พ่ออยากให้ลูกรับรู้ไว้ว่าพ่อกับแม่รักลูกที่สุดของหัวใจนะ ลูกรักและคิดถึงที่สุดลูกบ่าวพ่อ”

ทั้งนี้ พ่อแม่ของน้องเล่าว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุ 1 วัน ลูกชายได้มาบอกว่า ตัวเองเรียนจบและเตรียมรับปริญญาแล้วนะ สามารถทำความฝันให้พ่อกับแม่ได้สำเร็จแล้ว หากได้ทำงานแล้วจะเอาเงินเดือนให้พ่อกับแม่หมดเลย ก่อนจะขอออกไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

ต่อมาทางมหาวิทยาลัยได้ส่งใบสำเร็จการศึกษามาให้ พ่อและแม่ของน้องจึงอยากสานฝันให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจสั่งทำสแตนดี้รูปลูกชายใส่ชุดครุย ก่อนนำไปมหาวิทยาลัยให้ทุกคนมาร่วมถ่ายรูปกันเป็นครั้งสุดท้าย

‘ตร.ไซเบอร์’ เผย 3 ภัยออนไลน์ที่คนร้ายนิยมใช้หลอกเหยื่อ เตือน!! ข้าราชการวัยเกษียณ-ปชช. ระวังกลลวงมิจฉาชีพ

(24 ก.ย. 66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. เปิดเผยว่า ตามที่ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี จะมีข้าราชการต่างๆ ครบกำหนดอายุการรับราชการ หรือที่เรียกว่า ‘เกษียณอายุราชการ’ นั้น ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีมิจฉาชีพมักนำมาใช้หลอกลวงประชาชน หรือนำมาแสวงหาผลประโยชน์โดยผิดกฎหมาย โดยจากการตรวจสอบสถิติผ่านระบบศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ที่ผ่านมานั้น พบ 3 เรื่องที่มิจฉาชีพนำมากล่าวอ้าง หรือแอบอ้างในการหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน ดังนี้

1.) หลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยมิจฉาชีพจะสร้างช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ แอบอ้างบุคคล หรือบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการลงทน หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ทองคำ เหรียญดิจิทัล พลังงาน เป็นต้น โดยมีการใช้คำโฆษณาสวยหรู อ้างว่าเป็นการลงทุนของผู้สูงวัยใกล้เกษียณอายุ เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินหลักพันบาท แต่ได้ผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว

2.) หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์มือถือ โดยมิจฉาชีพจะโทรศัพท์ไปยังผู้เสียหาย ซึ่งเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ หรือกำลังจะเกษียณอายุราชการ แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง แจ้งว่าจะขอทำการตรวจสอบข้อมูลการรับบำนาญให้ทำการลงทะเบียนยืนยันตัวตน หรือแจ้งว่าจะได้รับเงินประกันบำนาญ ให้ทำการอัพเดตข้อมูล จากนั้น หลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันกรมบัญชีกลางปลอม ‘Digital Pension’ ผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือลิงก์ที่ส่งให้ จากนั้น ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินสแกนใบหน้า และให้สิทธิการเข้าถึง และควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ กระทั่งมิจฉาชีพโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย

3.) หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) โดยมิจฉาชีพจะสร้างโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์เป็นชาวต่างชาติ เป็นข้าราชการทหาร หน้าตาดี หลอกลวงผู้เสียหายให้หลงรัก มีความเชื่อใจ อยากมาใช้ชีวิตเกษียณอายุกับผู้เสียหายในประเทศ ต่อมาอ้างว่าจะส่งสิ่งของมาให้ แต่ภายในกล่องเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หลอกผู้เสียหายให้โอนเงินจ่ายค่าขนส่ง ค่ารับรองต่อต้านการฟอกเงิน ค่าภาษี ไปให้กับมิจฉาชีพ

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 – 17 ก.ย.66 การหลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 4 จำนวน 26,827 เรื่อง หรือคิดเป็น 8.18% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 14,313 ล้านบาท การหลอกลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบฯ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 9 มีจำนวน 8,158 เรื่อง หรือคิดเป็น 2.49% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 862 ล้านบาท และการหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน มีประชาชนตกเป็นเหยื่อสูงเป็นลำดับที่ 12 มีจำนวน 2,621 เรื่อง หรือคิดเป็น 0.80% ของเรื่องที่มีการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 881 ล้านบาท

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ส่งข้อความสั้น หรือโทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

โฆษก บช.สอท.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมายังคงพบว่า มีการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มิจฉาชีพมักจะเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เปลี่ยนชื่อหน่วยงานไปตามวันเวลา หรือสถานการณ์ในแต่ละช่วง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ แอบอ้างโครงการของรัฐฯ การหลอกลวงให้อัปเดตข้อมูลเพื่อยืนยันตัวบุคคล หรือหลอกลวงสร้างสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ อาศัยความความโลภ ความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือในการหลอกลวง ​ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกันการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวดัง ต่อไปนี้

1.) ระมัดระวังการชักชวนจากคนที่เพิ่งรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า หรือเป็นคนต่างชาติหน้าตาดี ที่เข้ามาตีสนิทแล้วชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม หรือแอปพลิเคชันต่างประเทศ อ้างว่าลงทุนแล้วได้ผลกำไรสูง การันตีผลกำไรแน่นอน

2.) มิจฉาชีพมักอ้างว่ารู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยบุคคลที่มักนำรูปและชื่อมาแอบอ้างนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงหรือมีความรู้ด้านการลงทุน พร้อมสร้างเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกลวงเหยื่อ

3.) หลีกเลี่ยงการลงทุนหรือข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยง่าย โดยเฉพาะเรื่องเงิน” และ “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ”

4.) ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ที่ www.sec.or.th/seccheckfirst

5.) ระวังการกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือที่ส่งมาให้ทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือช่องทางที่ให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของหน่วยงานนั้นๆ

6.) ระวังการรับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก โดยมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นจริงหรือไม่ ผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ หรือผ่านเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง

7.) การติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน App Store หรือ Play Store จะมีความปลอดภัยมากกว่า แต่จะต้องตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวเป็นของหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ ป้องกันมิจฉาชีพสร้างแอปพลิเคชันปลอมนั้นขึ้นมา

8.) ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น ไม่กรอก หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงบนสื่อสังคมออนไลน์

9.) หมั่นติดตามข่าวสารของทางราชการอยู่เสมอ

ชลบุรี-นักวิ่งไทย-เทศ ร่วมแข่ง LOMA RUN ON THE BEACH 2023 คึกคัก 

เวลา 04.45 น. วันที่ 24 ก.ย.66 นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมและมอบรางวัลในการแข่งขันเดิน-วิ่ง การกุศล "LOMA RUN ON THE BEACH 2023" โดยมี พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ สารวัตรจราจร สภ.เมืองพัทยา นางสาวไพรชิตร เจตะภัย เจ้าของลิขสิทธิ์ LOMA RUN ON THE BEACH ทีมงานมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย ร่วมเป็นเกียรติในการปล่อยตัวนักกีฬา ณ ชายหาดจอมเทียน บริเวณลานดงตาล (ใกล้ สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล)

สำหรับกิจกรรม เดิน-วิ่ง การกุศล "LOMA RUN ON THE BEACH 2023" จัดโดยความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยา และมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ณ ชายหาดจอมเทียน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบของเมืองกีฬา (Sport City) ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยาและนักท่องเที่ยว มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ รวมทั้งสนับสนุนงานการกุศลเพื่อเด็ก เยาวชน และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนงานช่วยเหลือเด็กของมูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย และสนับสนุนงานสังคมสงเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ของ โรงพยาบาลเมืองพัทยา

โดยแบ่งการแข่งขัน ออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะ 21 กิโลเมตร (Haft Marathon), ระยะ 10 กิโลเมตร (Mini Marathon) และระยะ 5 กิโลเมตร (Fun Run) ซึ่งในปีนี้พบว่า มีนักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติ จำนวนกว่า 1,800 คน เข้าร่วมการแข่งขันในประเภทต่างๆ อย่างคึกคัก นอกจากจะเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่สร้างสีสันและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับเมืองพัทยา ได้อีกทางหนึ่งด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top