Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

องค์การอนามัยโลก เผย ‘ยอดป่วยโควิด-19’ พุ่งทั่วโลก ต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ ขณะที่กังวล พบคนวัยหนุ่มสาวติดเชื้อมากขึ้น จากไวรัสชนิดกลายพันธุ์

21 เม.ย.64 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มขึ้นทั่วโลก เป็นสัปดาห์ที่ 8 แล้ว โดยในสัปดาห์ที่แล้วพบผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 5.2 ล้านราย และมีอัตราป่วยในหมู่คนหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตกกังวล

ทีโดรส กล่าวว่า ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ทำให้ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่มากกว่า 3 ล้านราย ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยหากพิจารณาจากตัวเลขขององค์การ ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แตะระดับ 1 ล้านรายในช่วงเวลา 9 เดือน ต่อมาเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2 ล้านรายใน 4 เดือน และล่าสุดแตะระดับ 3 ล้านรายใน 3 เดือน

ขณะที่อัตราการติดเชื้อและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ที่มีอายุระหว่าง 25-59 ปี เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ที่มีอัตราการแพร่ระบาดสูง และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ใหญ่ที่มีอายุไม่มากนัก

เพื่อรับมือกับความจำเป็นเร่งด่วนด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในทั่วโลก องค์การฯ ได้เผยแพร่เอกสารแสดงความสนใจ (EOI) เมื่อวันศุกร์ (16 เม.ย.) เพื่อก่อตั้งศูนย์ส่งต่อเทคโนโลยีโควิด-19 สำหรับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ด้วยหวังว่าจะช่วยเพิ่มการผลิตวัคซีนให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง

ทีโดรสเรียกร้องให้ผู้ผลิตดั้งเดิมของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดนี้ ส่งต่อเทคโนโลยีและข้อมูลให้กับศูนย์กลาง เพื่อให้ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางแสดงความสนใจของตนในการรับเทคโนโลยีดังกล่าว

“เรามีนวัตกรรมล้ำสมัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งตอนนี้เราจำเป็นต้องใช้นวัตกรรมเพื่อรับรองว่าจะมีผู้เข้าถึงประโยชน์ของวิทยาศาสตร์นี้ได้มากที่สุด” ทีโดรสทิ้งท้าย

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/567405


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘หมอวรงค์’ ผุดแคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" ตั้งคำถามคนไทย 5 ข้อ ‘ระบอบการเมืองแบบนี้’ จะเอาหรือ?

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 พรรคไทยภักดี ที่นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้ไลฟ์สดพร้อมออกแถลงการณ์ภายใต้แคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" โดยมีเนื้อหารับุว่า ปัจจุบันได้เกิดระบอบการเมือง มีการให้ร้าย สร้างความเกลียดชัง ปล่อยเฟคนิวส์ เพื่อให้เกิดการหลงเชื่อในข้อมูลผิด ๆ จนประชาชนและสังคมโซเชียลได้ผลิตคำว่า "สามกีบ" ขึ้นมา และมีการใช้คำคำนี้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ การเมืองระบอบสามกีบ มีลักษณะดังนี้

1.) การทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเขาเชื่อว่า ถ้าสามารถทำลายสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนได้ เขาจะครอบครองทุกอย่างในประเทศไทยได้ แม้แต่รัฐบาล

2.) รื้อรัฐธรรมนูญ 2560 ให้เกิดสภาเดี่ยว ไม่ต้องการ สว. เพราะ สว. สรรหาจากกลุ่มอาชีพ จะยากแก่การควบคุม ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งโดยสภาฯ โดยอ้างคำที่สวยหรูว่า ยึดโยงต่อประชาชน แต่หวังให้ว่าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีการวิ่งเต้นผ่านพรรคการเมือง และท้ายที่สุด ก็เป็นคนของพรรคการเมือง

3.) มุ่งแบ่งแยกประชาชน โดยพุ่งเป้าไปที่เยาวชน คนรุ่นใหม่ ให้หลงคล้อยตาม และสร้างกระแสด้อยค่าคนรุ่นอื่น โจมตีว่าเป็นคนเฒ่า เต่าล้านปี ให้รู้สึกไม่มีคุณค่า เพราะคนรุ่นนี้ จะมีประสบการณ์ และรู้เท่าทันระบอบสามกีบ

4.) สร้างความรู้สึกชังชาติ ชังแผ่นดินเกิด กะลาแลนด์ ด้อยค่าประวัติศาสตร์ชาติ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีไทย ให้หลงคล้อยตามตะวันตก โดยใช้คำว่าประชาธิปไตย (จอมปลอม) มาหลอกชี้นำ

5.) ขายชาติและชักศึกเข้าบ้าน สมคบกับสถานทูต และองค์กร NGO เพื่อมาทำลายและสร้างความขัดแย้งในประเทศไทย ปั่นหัวอาจารย์ นิสิตนักศึกษา หรือดึงตัวแทนทูตมาสังเกตการณ์เข้าลักษณะ "ชักศึกเข้าบ้าน" รวมทั้งมีการสมคบคิด และรายงานสถานการณ์ เข้าข่าย "ขายชาติ"

สิ่งเหล่านี้คือระบอบสามกีบ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน พวกเราคนไทย จะยอมให้มีระบอบการเมืองแบบนี้ในประเทศหรือ?

นอกจากนี้ ระบอบสามกีบก็กำลังดำเนินการรื้อรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็มีนักการเมือง ที่มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนผสมโรงฉวยโอกาสนี้รื้อรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา โดยไม่มีประโยชน์ของประชาชนแม้แต่น้อย เช่นการรื้อเพื่อให้ ส.ส. แปรญัตติงบประมาณ หรือให้ ส.ส. ไปวุ่นวายกับระบบราชการได้ ที่สำคัญที่สุดคือการรื้อระบบเลือกตั้ง จากบัตรใบเดียว สู่บัตรสองใบ

ระบบบัตรใบเดียว ออกแบบคัดกรองคนได้สอดคล้องกับสภาพการเมืองไทย เพราะทุกคะแนนจะมีความหมาย ไม่ใช่คะแนนแพ้ตัดทิ้ง ประชาชนจะมีอำนาจมาก ในการลงโทษพรรคการเมือง จะทำลายระบบมุ้งการเมือง นายทุนพรรค นักเลือกตั้ง ตระกูลอิทธิพลประจำจังหวัด ที่สำคัญระบบนี้ ประชาชนจะเลือกได้ทั้ง ส.ส. และนายกรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน

ระบบบัตรสองใบ ในระยะยาว เท่ากับเป็นการแก้เพื่อเอื้อให้ระบอบทักษิณ กลับเข้ามาครอบงำประเทศผ่านการเลือกตั้ง สภาจะเต็มไปด้วยนายทุนและ กลุ่มอิทธิพลจังหวัด ที่สำคัญคือประชาชนจะเลือกได้แค่ ส.ส.และ ส.ส. จะไปเลือกนายกตามที่นายทุนสั่ง ในอนาคตจะเกิดระบบ นายกนอมินินีหุ่นเชิดตามคำสั่ง เหมือนสมัย นายสมัคร นายสมชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และประเทศจะถูกครอบงำจากทุนสามานย์เหมือนเดิม

เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจึงต้องฝาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คิดให้รอบคอบ เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า ประชาชนอึดอัดกับระบอบสามกีบ และค้านการรื้อรัฐธรรมนูญ จึงขอเชิญทุกท่านร่วมลงชื่อ ผ่านแคมเปญ "หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อ ไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ" โดยสแกน QR code หรือคลิกลิงก์ https://1mcampaign.thaipakdee.org


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ดิว อริสรา’ แจ้งความเพื่อนซี้ ‘เบล ลูกบรรยิน’ ปมถูกทำร้ายร่างกายในปาร์ตี้บนเรือยอร์ช

กรณีดราม่างานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนบนเรือยอร์ช ที่นางร้ายสาว ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ และ เบล-บุษญา ลูกสาว นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปร่วมงานและมีเรื่องกัน เพราะมีคนที่ติดเชื้อโควิด-19 มาร่วมงานด้วย จนทำให้ทั้งสองสาวต้องกักตัว ก่อนจะมีการเผยแพร่แชทลับที่เบลอ้างว่าได้คุยกับเซบาสเตียน แฟนหนุ่มของดิว ตั้งแต่มีเรื่องไม่เข้าใจกันช่วงวาเลนไทน์

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 เมษายน ที่ สน.ปากคลองสาน น.ส.อริสรา ทองบริสุทธิ์ หรือดิว นักแสดงสาว พร้อม นายสาคร ศิริชัย ทนายความแจ้งความกับ พ.ต.ท.แดนชัย ทูลอ่อง สว. (สอบสวน) สน.ปากคลองสาน ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.กลอยใจ เพื่อนสาวคนสนิทของ น.ส.บุษยา ตั้งภากรณ์ หรือเบล ที่ทำร้ายร่างกายดิว ขณะอยู่บนเรือดังกล่าว โดยมี น.ส.เกวลิน ศรีวรรณา หรือยีน นางเอกสาวชื่อดัง มาเป็นพยาน

น.ส.เกวลินกล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเห็น น.ส.กลอยใจ ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์บนเรือกับดิว จู่ ๆ ดิวก็ล้มลงและมีรอยแดง แถมยังพูดอะไรไม่ออก ซึ่งตนไปคว้าตัวดิวไว้ได้ จังหวะนั้นเห็น น.ส.กลอยใจกำหมัดไว้อยู่ จึงเชื่อว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย เพราะดิวจะไม่ล้มเฉย ๆ และยืนยันว่าดิวไม่ได้ต่อว่าบุพการีหรือพูดจาเหยียดหยามเรื่องแฟนของเบลเลย

ด้านนายสาครกล่าวว่า ดิวเองก็เคารพนับถือนายบรรยิน พ่อของเบล เพราะรู้จักครอบครัวกันมาตั้งแต่เด็ก และไม่เหยียดเพศ ไม่ได้เหยียดเพื่อนสาวสนิทของเบลตามที่มีข่าวออกมา วันนี้จึงพายีนมาเป็นพยานพร้อมนำเอกสารหลักฐานการตรวจร่างกายมาแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี น.ส.กลอยใจ ในเรื่องทำร้ายร่างกาย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

"อนุทิน" แจงแผนจัดหาวัคซีนโควิด 19 เผยหารือ "ไฟเซอร์ฯ" แล้ว รอใบเสนอราคา ย้ำ หากส่งได้ในเดือน มิ.ย. - ก.ค. พร้อม "คว้าหมับ" ทันที

ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด 19 ว่า สนับสนุนในการจัดหาวัคซีนทุกชนิดที่มีความปลอดภัย ทั่วโลกให้การยอมรับ ไม่ได้ระบุเป็นยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง 

ทางทฤษฏีบอกว่า การฉีดวัคซีนได้ร้อยละ 60 ของจำนวนประชากรก็จะมีภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว แต่ทางรัฐบาล ได้ให้เป็นแนวทางว่า ให้เผื่อไว้ที่ร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร สำหรับวันที่ 22 เมษายน 2564 จะเจรจากับตัวแทนผู้ผลิตวัคซีนอีก 2-3 ราย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วงเวลาการจัดส่งวัคซีน ที่ต้องไม่ช้าเกินไป เพราะเราต้องทำให้เกิดความมั่นใจ

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ได้ช้า เพราะผู้ผลิตระบุช่วงเวลาการจัดส่งวัคซีนไว้ในสัญญาตั้งแต่ในเดือนต.ค.2563 ว่าจะส่งให้ในวันที่ 1 มิ.ย.2564 สำหรับ วัคซีนจากไฟเซอร์ยังอยู่ในการเจรจา ซึ่งเราก็ขอให้เขาส่งใบเสนอราคาเงื่อนไข ข้อจำกัดต่างๆ มาให้ตัดสินใจ 

“สมมติว่าพรุ่งนี้เขาส่งใบเสนอราคามา จะส่งให้ได้ 10 ล้านโดสภายในเดือน มิ.ย.หรือ เดือน ก.ค. ปีนี้ รับรองว่าคว้าหมับเลย เพราะเราไม่ต้องการขี่ม้าตัวเดียว เราต้องมีทางเลือก แต่เราต้องมีม้าหลักก่อน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าวัคซีนไฟเซอร์ หากได้มาจะฉีดให้กลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มวัยรุ่นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากเราได้มา 10 ล้านโดส เราก็ฉีดให้กลุ่มอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ถ้าได้เพิ่มมากขึ้น ก็ฉีดกับกลุ่มทั่วไปได้ ซึ่งรัฐบาลฟังทุกเสียงแนะนำ 

ต่แกรณีพบอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในบุคลากรทางการแพทย์ 6 รายที่ จ.ระยอง นายอนุทิน กล่าวว่า รับทราบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีข้อสรุปมาหลายสมมติฐาน แต่การพิจารณาและออกข้อสรุปนั้นต้องให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ไม่ใช่ออกมาในหลายแนวทาง ซึ่งอาจารย์แต่ละท่านจะประชุมหารือกัน โดยมี ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการดูแลเรื่องความปลอดภัยจากการใช้วัคซีน ประชุมร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

นายอนุทิน กล่าวว่า อาการไม่พึงประสงค์ของการฉีดวัคซีน สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงต้องมีการเฝ้าระวังสังเกตอาการหลังฉีด 30 นาที หากเกิดอะไรขึ้นจะได้เข้าสู่ระบบช่วยเหลือได้ทันที ส่วนใหญ่ที่ฉีดไปแล้วไม่มีผลข้างเคียงอะไร ตนก็ฉีดวัคซีนของซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ไม่มีอาการข้างเคียงอะไรแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของร่างกายมนุษย์แต่ละคนต่างกัน แต่ทุกรายก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ แต่ถึงอย่างเราก็ต้องระวังมากขึ้น

“ส่วนจะมีการระงับหรือฉีดต่อนั้นต้องได้รับความเห็นจากคณะกรรมการชุดนี้ก่อน รมว.สธ. ไปสั่งไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของวิชาการ เรื่องการแพทย์ ดังนั้นตอนนี้ไม่มีคำสั่งชะลอฉีด มีแต่คำสั่งให้เฝ้าระวัง สังเกตอาการมากเป็นพิเศษ และให้ความช่วยเหลืออาการที่ไม่พึงประสงค์” นายอนุทิน กล่าว

“ครูกัลยา” กำชับผู้บริหารสถานศึกษาในกำกับ เตรียมพื้นที่พร้อมรองรับโรงพยาบาลสนามกรณีโควิด-19 ขยายวงกว้างขึ้น

ครูกัลยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้าง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก พร้อมสั่งการให้โรงเรียนในกำกับดูแลปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเตรียมพื้นที่บริเวณโรงเรียนพร้อมปรับใช้ให้เป็นโรงพยาบาลสนามตามหลักสาธารณสุข หากโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า คุณหญิงกัลยา มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในปัจจุบันที่เริ่มรุนแรงขึ้น โดยได้สั่งการให้สถานศึกษาในกำกับทุกแห่งปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และให้สถานศึกษาในกำกับจัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับเป็นโรงพยาบาลสนามได้หากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น และโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ

“คุณหญิงกัลยา ได้สั่งการให้ผู้บริหารในโรงเรียนที่กำกับดูแล เตรียมพื้นที่ให้พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะมีความรุนแรง และขยายวงกว้างขึ้น หากโรงพยาบาลในพื้นที่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอ เพื่อเป็นที่พักสำหรับการสังเกตอาการผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย เพื่อป้องกันการระบาดสู่บุคคลภายนอกและชุมชน” นางดรุณวรรณ กล่าว

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า คุณหญิงกัลยา มีความเป็นห่วงประชาชนและนักเรียนเป็นอย่างมาก และ ย้ำเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นผู้พักค้างประจำในโรงเรียนต่าง ๆ ที่ยังอาศัยอยู่ที่บ้านที่มีผู้ปกครองเป็นกลุ่มผู้สูงอายุในระหว่างปิดเทอม ให้ยึดหลัก D-M-H-T-T ของกรมควบคุมโรคเพื่อหยุดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อ ทั้งนี้หากมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานศึกษาในกำกับนั้นจะจัดขึ้นตามหลักสาธารณสุข เพื่อดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ให้มาอยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ นอกจากจะเพื่อลดความเสี่ยงแพร่เชื้อในชุมชนแล้วยังจะเป็นการดีกว่าหากผู้ป่วยได้อยู่ใกล้ทีมแพทย์อีกด้วย

แรงงานนอกระบบ เฮ!! ครม.มีมติให้ ก.แรงงาน แก้ไขขยายวัตถุประสงค์ กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการขยายวัตถุประสงค์กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพและโอนเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านมาอยู่ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... ทำให้แรงงานนอกระบบเข้าถึงแหล่งทุนประกอบอาชีพ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอให้กระทรวงแรงงานควรบูรณาการด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบภายใต้หน่วยงานและทุนหมุนเวียนภายใต้การกำกับดูแล

ของกระทรวงแรงงาน หรือดำเนินการขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำงานที่บ้านของกรมการจัดหางานให้ครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบ และเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานดำเนินการขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพและโอนเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านมาอยู่ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... ต่อไป 

โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยแรงงานนอกระบบกว่า 22 ล้านคน จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ซึ่งกำกับดูแลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพแรงงานนอกระบบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบว่า ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาเห็นชอบให้กระทรวงแรงงานบูรณาการด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบภายใต้ทุนหมุนเวียนในการกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน หรือดำเนินการขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ของกรมการจัดหางาน ให้ครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .... 

เพื่อนำกองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้านมารวมไว้ภายใต้กองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ แล้วเสร็จ จะเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนให้กระทรวงการคลังและคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนพิจารณาอีกครั้ง

“การขยายวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ในครั้งนี้จะช่วยให้แรงงานนอกระบบที่มีอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งทุนของภาคเอกชน มีทุนกู้ยืมสำหรับประกอบอาชีพ โดยการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการจ่ายค่าสมาชิกเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานนอกระบบด้วยกันเอง รวมทั้งมีงบประมาณ ในการดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบในการประกอบอาชีพการพัฒนาทักษะฝีมือ การคุ้มครองสภาพการทำงานที่เหมาะสม และการสร้างหลักประกันทางสังคมที่มั่นคง” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

กองทัพอากาศจัดพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ณ อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา)

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.ผป เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ที่อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา)  โดยมี พล.อ.ต.นายแพทย์ สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, นายแพทย์ภูมินทร์  ศิลาพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และนายประเสริฐ  บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท โกลบอล เคมิคอล เข้าร่วมพิธี 

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อหลากหลายอาชีพเพิ่มมากขึ้น และขยายวงกว้างไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว กระทรวงกลาโหมจึงได้สั่งการให้เหล่าทัพจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น เพื่อรองรับขีดจำกัดของสถานพยาบาลต่างๆ

กองทัพอากาศ โดยโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศและราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  ซึ่งมีหนังสือบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงร่วมมือกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ขึ้น ที่บริเวณพื้นที่ อาคารฝึกและทดสอบสมรรถภาพทหารอากาศ 2 (สนามกีฬาจันทรุเบกษา) โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเหมาะสมสูงสุด ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการและสามารถดูแลตัวเองได้ สามารถรองรับผู้ติดเชื้อทั้งประชาชนและกำลังพลของกองทัพอากาศได้จำนวน 120 เตียง โดยมีการแบ่งโซนการเฝ้าระวังของผู้ป่วยชาย ที่ชั้นล่าง จำนวน 70 เตียง และโซนการเฝ้าระวังของผู้ป่วยหญิง ที่ชั้นบน จำนวน 50 เตียง 

โดยมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แต่ละเตียงเรียบร้อย ได้แก่ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ตู้เก็บของ ถังขยะ และพัดลมส่วนตัว นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง การรักษาความปลอดภัยภายในอาคารด้วยการ CCTV รอบอาคาร (22 จุด) และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารอากาศ ดูแลรักษาความปลอดภัยภายนอกอาคาร   พร้อมกันนี้ได้นำน้องถาดหลุม หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติซึ่งเป็นผลงานวิจัยของโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช มาใช้ในการลำเลียงอาหาร ยา เสื้อผ้า ให้แก่ผู้ติดเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ด้วย

สำหรับตัวอาคารมีรั้วกั้นโดยรอบพื้นที่ การกำหนดเส้นทางการเข้าออก ทั้งเส้นทางที่ปลอดเชื้อ และเส้นทางกรณีฉุกเฉิน  ซึ่งมีการซักซ้อมการปฏิบัติให้แก่เจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้กองทัพอากาศขอให้ประชาชนและกำลังพลของกองทัพอากาศมั่นใจว่า โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง) ได้รับการตรวจและรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตลอดจนมีความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ เวชภัณฑ์สิ่งอำนวยความสะดวก  พร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 

โดยกรมแพทย์ทหารอากาศ กำหนดหลักเกณฑ์ในการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ ดังนี้
• จะต้องเป็นผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาจาก รพ.ภูมิพล ฯ แล้ว 3-4 วันและมีอาการคงที่
• อายุมากกว่า 18 ปี น้อยกว่า 60 ปี 
• ช่วยเหลือตัวเองได้ดี
• น้ำหนักตัวไม่เกิน 90 กก.
• ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่หอบ 
• ไม่มีโรคประจำตัว ยกเว้น โรคความดันโลหิตสูงที่สามารถความคุมอาการโรคได้
• ไม่มีภาวะทางจิตเวช
• ไม่ใช้สารเสพติด
• สื่อสารภาษาไทยได้ดี

ทั้งนี้กองทัพอากาศจะใช้ขีดความสามารถทั้งด้านกำลังพล และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเพื่อการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมุ่งหวังให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และปลอดภัยจากเชื้อโควิด19  ตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“เสกสกล” ย้ำ “นายกฯ”ไม่ยุบสภาฯ” ลั่น ยังทำงานได้ ซัดฝ่ายค้าน ปล่อยข่าวหวังผลการเมือง เย้ย “พท.-ก้าวไกล” ลต.ใหม่ จะได้ส.ส.หรือไม่

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่มีสมาชิกพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ประเมินสถานการณ์ทางการเมือง และเมื่อสภาฯผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 ผ่าน อาจนำไปสู่การยุบสภาฯ ว่า ยืนยันว่ายังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้นายกฯต้องยุบสภาฯ ส่วนจากการระบาดโควิด-19 นายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาและทำได้ดีโดยไม่ย่อท้อ โยเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 ระบาด นายกฯ และสมาชิก รัฐสภา จะต้องร่วมกันอยู่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ทอดทิ้งประชาชน ส่วนการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังเหนียวแน่นมีเสถียรภาพ ทุกพรรคยึดปัญหาประเทศชาติประชาชนเป็นตัวตั้ง แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างบ้างถือเป็นเรื่องประชาธิปไตย สุดท้ายทุกคนยังทำงานร่วมกันได้เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

นายเสกสกล กล่าวว่า ยืนยันว่านายกฯจะอยู่จนครบเทอม เพราะเป็นชายชาติทหาร ไม่มีวันหนีปัญหา ไม่ทอดทิ้งประชาชน ไม่ถอดใจ หากเป็นนายกฯคนอื่นที่ต้องเจอกับสถานการณ์ เช่นนี้คงจะถอดใจและยุบสภาหรือลาออกไปแล้ว จึงขอร้องสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน อย่าพูดหรือวิเคราะห์เรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริง ปล่อยข่าวเท็จเรื่องการยุบสภาฯ เพราะไม่เป็นผลดีต่อใคร และกระทบต่อความเชื่อต่อนักลงทุน ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ ประชาชนเกิดความสับสน และควรใช้เวลาไปช่วยประชาชน หรือที่อยากให้ยุบสภาฯเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่ตนมั่นใจว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคฝ่ายค้าน เช่น พรรคก้าวไกล จะไม่เหลือ ส.ส.ในพรรคสักคน ส่วนพรรคเพื่อไทยส.ส.คงลดลง เพราะเล่นการเมือง ไม่เคยลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ในช่วงที่เจอวิกฤตโควิด ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายนักการเมืองและพรรคการเมืองประเภทดีแต่พูด ไม่เคยลงมือทำประโยชน์ต่อประชาชน

"อย่าเลอะเทอะเพ้อเจ้อ ฝันกลางวัน ตามที่พรรคฝ่ายค้าน คิดเพ้อไปเองว่านายกฯจะยุบสภา ฝันแบบลมๆแล้งๆ ถึงอย่างไรรัฐบาลต้องอยู่จนครบวาระ และนายกฯไม่มีวันหนีปัญหาโดยทิ้งความเดือดร้อนไว้ให้ประชาชนเอาตัวรอดแน่นอน ขอให้เชื่อในตัวและหัวใจที่หนักแน่น แข็งแกร่ง อดทน ของนายกฯ

"ธิษะณา" แกนนำกลุ่ม Resolution ตอก "หมอวรงค์" มโนไปเอง ปมระบอบสามกีบ ชี้แก้รธน.ปี 60 คือการทำลายหัวใจกลไกสืบทอดอำนาจคสช.

นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ หนึ่งในแกนนำกลุ่ม Resolution ที่จัดกิจกรรมร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญเปิดทางสู่ประชาธิปไตย ภายใต้แคมเปญ “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” กล่าวถึงการแถลงข่าวของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี ว่า ระบอบสามกีบที่นายวรงค์กล่าวอ้างนั้นไม่มีจริงและเป็นเพียงการนั่งเทียนกล่าวหาประชาชนเท่านั้น และการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่เท่ากับการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย การล้มล้างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นผ่านการรัฐประหารทั้งนั้น รวมทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ที่นายวรงค์พยายามปกป้องก็มีที่มาจากการรัฐประหารเช่นกัน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีปัญหาทั้งในเชิงเนื้อหาและความชอบธรรม สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยไม่จบไม่สิ้น และมีเจตนาเพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช.

นางสาวธิษะณา กล่าวอีกว่า การแก้ไขต้นตอของวิกฤตการเมืองและวิกฤตอื่นๆ ในประเทศไทยจึงจำเป็นต้องมุ่งทำลายปัญหาที่เป็นหัวใจสำคัญของกลไกการสืบทอดอำนาจจากระบอบประยุทธ์และรัฐบาลชุดปัจจุบัน จึงเป็นสาเหตุให้พวกเราออกมารณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ประเด็นใหญ่ คือ 1.ล้มวุฒิสภา–เดินหน้าสภาเดี่ยว 2.โละศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ–ปฏิรูปที่มา อำนาจ การตรวจสอบ 3.เลิกยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป–ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ 4.ล้างมรดกรัฐประหาร–หยุดวงจรอุบาทว์ขวางประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าการแก้ไขรายมาตราจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการรณรงค์เพื่อทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ อีกทั้งการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ก็ได้เปิดให้ทุกคนซึ่งมีสิทธิลงชื่อตามกฎหมายมาร่วมกันเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศทั้งในงานเปิดแคมเปญและการส่งเอกสารทางจดหมาย

“ไม่แน่ใจว่าการแถลงข่าวของนายวรงค์ครั้งนี้ ต้องการ ‘ตีวัวกระทบคราด’ หรือไม่ เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราของพรรคพลังประชารัฐต่างหากที่เสนอให้เปลี่ยนบัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบ เป็นบัตร 2 ใบ ซึ่งการแก้ไขระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ระบอบประชาธิปไตย และเป็นประโยชน์ต่อการเดินหน้าประเทศไทย เช่น ประเด็น ส.ว. ที่มีอำนาจสูงมาก ทั้งโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สวนทางกับที่มาที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร แต่กลับไม่มีการเสนอแก้ไขกัน” นางสาวธิษะณา กล่าว

นางสาวธิษะณา กล่าวอีกว่า นายวรงค์กำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่า ส.ส. จะเข้าไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากกลุ่มนายทุนและเป็นนอมินี ซึ่งถ้ามองจากข้อเท็จจริง นี่คือสิ่งที่ ส.ว. ทั้ง 250 คน กำลังทำอยู่โดยไม่มีแตกแถวแม้แต่คนเดียว ยกมือเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่ร้ายกาจกว่านั้นคือ ส.ว. 250 คนนี้มาจากการสรรหาและแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งก็มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า และยังเป็นคนเดียวกับที่นายวรงค์และพรรคพวกสมคบกันล้มการเลือกตั้ง สร้างความวุ่นวาย จนเป็นข้ออ้างให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 อีกด้วย ดังนั้น การยกเลิก ส.ว. และทำให้การทำรัฐประหารมีความผิด จึงเป็นหนึ่งในข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของกลุ่ม Resolution ด้วย

"วิโรจน์" บอก ปชช.อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ปมผู้รับวัคซีน 6 ราย มีอาการคล้ายอัมพฤกษ์ ย้ำ สธ.เร่งชี้เเจงเหตุใดไม่ระงับฉีดซิโนแวก ชี้ รบ.ควรกระจายความเสี่ยงในการจัดซื้อวัคซีน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พบผู้รับวัคซีน 6 ราย มีอาการไม่พึงประสงค์ (AEFI) ในลักษณะคล้ายอัมพฤกษ์ หลังได้รับวัคซีนซิโนแวก ว่า การฉีดวัคซีนไม่ว่าชนิดใด การเกิดผลข้างเคียงขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป ในกรณีของซิโนแวกซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตาย ซึ่งปกติแล้วแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่เชื้อที่ไม่สูงนัก แต่มักจะเป็นที่ยอมรับกันว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าวัคซีนประเภทอื่น ซึ่งผลข้างเคียงที่ถูกตรวจพบในครั้งนี้คงต้องรอฟังผลการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า มีความร้ายแรงขนาดไหน เป็นผลที่เกิดขึ้นกับวัคซีนเฉพาะล็อต J2021030001m6dik หรือไม่ มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นกรณีทั่วไปหรือเปล่า หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับประชากรกลุ่มใด ซึ่งถ้าพบว่ามีสมมติฐานใดที่เป็นที่น่ากังวลก็คงจะมีการกำหนดข้อบ่งชี้ในการใช้เพิ่มเติมออกมา

“จากที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่มีการระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราวก่อนระหว่างที่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น คาดว่ากระทรวงสาธารณสุขคงมีการประเมินแล้วว่า อาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว คณะแพทย์ยังสามารถที่จะดูแลให้หายเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่น่าจะให้คำตอบนี้ได้ดีที่สุดน่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งประชาชนคงต้องรอฟังคำตอบอีกครั้งหนึ่งว่าเหตุใดจึงไม่มีความจำเป็นต้องระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราวเอาไว้ก่อน" นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยิ่งสะท้อนถึงความสำคัญถึงการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน หากรัฐบาลมีการสำรองวัคซีนไว้อย่างหลากหลาย สมดุล หากเกิดอุบัติการณ์ใดขึ้นกับวัคซีนตัวใด รัฐบาลก็จะยังคงดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่สามารถระงับการฉีดวัคซีนที่อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงไว้เป็นการชั่วคราวก่อนได้ ปัจจุบันนี้ในสถานการณ์ที่ประเทศไม่ได้มีวัคซีนทางเลือกที่มากเพียงพอ หากระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราาว ก็อาจทำให้การฉีดวัคซีนสะดุดหยุดลง นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจที่จะระงับการฉีดวัคซีนซิโนแวกเป็นการชั่วคราวทำได้ยากขึ้น

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนเป็นประโยชน์ต่อทั้งตนเองและสังคมมากกว่าการไม่ฉีด และย้ำว่าประชาชนยังไม่มีความจำเป็นต้องตื่นตระหนกจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อกรณีนี้จากกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top