Tuesday, 8 July 2025
NewsFeed

เปิดแผนลดต้นทุนปุ๋ยเคมีช่วยเกษตรกร ลดค่าใช้จ่ายแล้ว 244 ล้านบาท

นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการของศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ที่ได้เข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีในการทำการเกษตรสำหรับการปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเกษตรกรจำนวน 108,036 ราย จาก 394 ศูนย์ ใน 63 จังหวัด พื้นที่ 1.3 ล้านไร่ ได้รับประโยชน์ ปริมาณการใช้ปุ๋ยลดลง 59,047.37 ตัน คิดเป็น 49% 

ทั้งนี้สามารถลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีเฉลี่ยในพืชเศรษฐกิจต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 36.91% คิดเป็นมูลค่ามากถึง 244 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตได้จริง โดยผลผลิตของเกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และเกิดการจ้างงานในธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ประมาณ 2,600 คน 

‘รวย 9999’ ครองแชมป์ จบการประมูลที่ 18.5 ล้าน ‘กรมขนส่ง’ คาดโกยรายได้เข้า กปถ. กว่า 100 ล้าน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 เมษายน ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน ครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ครอบครองป้ายทะเบียนรถลักษณะพิเศษ ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า การจัดประมูลครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลจำนวน 273 ราย จำนวน 84 หมายเลข ผ่านทาง 2 ช่องทาง ได้แก่ ประมูลทางวาจาด้วยตนเอง และ ประมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ผ่านเว็บไซต์ www.tabienrod.com สำหรับการประมูลครั้งนี้มีหมายเลขที่ไฮไลต์ ได้แก่ “รวย 9999” มีผู้สนใจลงทะเบียน 33 ราย ราคาเสนอเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เสนอราคาไป 424 ครั้ง จบการประมูลไปที่ราคา 18,560,000 บาท ใช้เวลาประมูล 45 นาที โดยผู้ประมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ชื่อ Whatever เป็นผู้ชนะการประมูล

รองลงมาคือ หมายเลข “รวย 8888” มีผู้สนใจลงทะเบียน 14 ราย ราคาเสนอเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท เสนอราคาไป 320 ครั้ง จบการประมูลไปที่ราคา 11,100,000 บาท ใช้เวลาประมูล 45 นาที โดยมี น.ส.วาสนา อินทะแสง หรือ เมย์ กรรมการบริษัทรีโว่เมด (ไทยแลนด์) จำกัด อายุ 37 ปี เป็นผู้ชนะการประมูล 

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลแล้วผู้ชนะการประมูลจะต้องชำระค่าหมายเลขทะเบียนที่ประมูลได้ให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประมูลในครั้งนี้ จะได้เงินเข้ากองทุนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน รวมทั้งสนับสนุนเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ซึ่งในปัจจุบันมีเงินอยู่ในกองทุนฯ ประมาณ 4,000 ล้านบาท

นายจิรุตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ขบ. ได้เริ่มเปิดให้ประมูลป้ายทะเบียนสวย ตั้งแต่ปี 2546-2565 หรือกว่า 19 ปี พบว่าป้ายทะเบียน 3 อันดับ ที่ราคาสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 หมายเลข 8กก 8888 ราคา 28,100,000 บาท รองลงมา 1กก 1111 ราคา 25,000,000 บาท

และ ป้ายทะเบียนพิเศษ รวย 9999 ราคา 18,560,000 บาท และเป็นป้ายที่มีสถิติราคาสูงสุดในการประมูลป้ายทะเบียนพิเศษ

เผยอาการล่าสุด ‘น้องอุ้ม’ พยาบาลอุ้มผาง ย้ายออกจากไอซียูแล้ว ‘รู้สึกตัวดี ลืมตาได้เอง’

โรงพยาบาลราชวิถีเผยความคืบหน้าอาการ ‘น้องอุ้ม’ พยาบาลอุ้มผาง ล่าสุดรู้สึกตัวดี ลืมตาได้เอง หายใจเองได้ไม่ต้องใช้ออกซิเจนทางท่อเจาะคอ ย้ายออกจากไอซียูมาพักฟื้นหอผู้ป่วยพิเศษแล้ว

วันนี้ (7 เม.ย.) เพจ ‘โรงพยาบาลราชวิถี’ ได้ออกประกาศเรื่อง รายงานความคืบหน้าอาการ ‘น้องอุ้ม’ พยาบาลโรงพยาบาลอุ้มผาง มารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลราชวิถี (ฉบับที่ 10) ระบุว่า ความคืบหน้าอาการผู้ป่วยในขณะนี้ พบว่าผู้ป่วยมีอาการคงที่ รู้สึกตัวดี สามารถลืมตาได้เอง แต่ยังไม่ทำตามสั่ง

ฟรุ้ทบอร์ด' หวั่นโควิดระบาดหนักในจีนกระทบการส่งออกผลไม้ไทย แนะผู้ส่งออกเพิ่มการขนส่งทางเรือเป็น 55% พร้อมขยายตลาดบริโภคในประเทศจาก 30% เป็น 40% รับมือกรณีด่านปิด

'ฟรุ้ทบอร์ด' หวั่นโควิดระบาดหนักในจีนกระทบการส่งออกผลไม้ไทย  แนะผู้ส่งออกเพิ่มการขนส่งทางเรือเป็น 55% พร้อมขยายตลาดบริโภคในประเทศจาก 30% เป็น 40% รับมือกรณีด่านปิด

วันนี้ (7 เมษายน 2565) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้มอบหมาย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดกรผลไม้ ครั้งที่ 2/2565  ผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ zoom cloud meeting พร้อมด้วยคณะกรรมการ และ ผู้แทนกรรมการ อาทิ นายธีระชาติ ปางวิรุฬท์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พณ. (แทน รมช.พณ.) นายโอภาส ทองยงค์ รอง.ปลัด.กษ. นายขจร เราประเสริฐ ผู้ตรวจราชการ กษ. นายกฤษธนา ทองประเสริฐ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และ นางสาวปทุมวดี อิ่มทั่ว อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงปักกิ่ง นางสาวอาทินนท์ อินทาพิมพ์ กงสุลฝ่ายเกษตร ประจำการกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ นายปรัตถกร แท่นมณี กงสุลฝ่ายเกษตร ประจำการกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นางมาลินี ยุวนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นฝ่ายเลขานุการ 

ที่ประชุมรับทราบ (1) การแต่งตั้งคำสั่งคณะกรรมการผู้แทนเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ภาคเอกชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่ (2) ความก้าวหน้า สถานการณ์การผลิตไม้ผล ปี 2565 (3) สรุปผลการประชุมเฉพาะกิจการเตรียมการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2565 (4) รายงานความก้าวหน้าของคณะทำงานศึกษาเสถียรภาพกลุ่มสินค้าทุเรียน (5) การรายงานความก้าวหน้าของคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารการตลาด (6) การรายงานสถานการณ์ด่านการส่งออกผลไม้ไปจีน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีน (7)รายงานแนวทางแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ล็อตแรกของไทยไปจีนโดยรถไฟจีน-ลาวให้ใช้เวลาไม่เกิน 3 วันครึ่ง

นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณาหารือ และมีมติ เห็นชอบ ดังนี้...
1.) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ปี 2565 เป็นแนวทางบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 ตามมติคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ จังหวัดได้จัดวางแผนการบริหารจัดการผลไม้ แบบเบ็ดเสร็จได้ด้วยตัวเอง ในเชิงคุณภาพสอดคล้องตามยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ.2565 - 2570 และในเชิงปริมาณ โดยการจัดการความสมดุลเป็นไปตามหลัก อุปสงค์ – อุปทาน 
(1.1) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2565 เพื่อบริหารจัดการผลผลิต
ทุเรียน 729,110 ตัน
มังคุด 221,840 ตัน
เงาะ 216,420 ตัน
ลองกอง 18,994 ตัน
รวมทั้งสิ้น 1,186,364 ตัน
(1.2) เสนอให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และพาณิชย์จังหวัด เป็นฝ่ายเลขานุการ เป็นกลไกหลัก ในการขับเคลื่อนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่จังหวัด ประจำปี 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(1.3) กรณีที่การบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่มีปัญหา มอบหมายให้จังหวัดประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา ใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

2.) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2565เพื่อให้จังหวัดใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการบริหารจัดการผลไม้ในฤดูการผลิตปี 2565
(2.1) แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2565 จำนวน 43,511 ตัน ผ่านกลไกคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.)
(2.2) เสนอให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และพาณิชย์จังหวัด เป็นฝ่ายเลขานุการ เป็นกลไกหลัก ในการขับเคลื่อนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่จังหวัด ประจำปี 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(2.3) กรณีที่การบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่มีปัญหา มอบหมายให้จังหวัดประสานกับฝ่ายเลขานุการคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณา ใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ต่อไป

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในจีนระลอกใหม่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกผลไม้ของไทยที่ประมาทไม่ได้จึงขอให้ผู้ส่งออกเพิ่มการขนส่งทางเรือให้มากที่สุดเป็น 55% และการขนส่งทางรถไฟสายจีน-ลาวในระบบผสม 'ราง-รถ' เป็นทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงของการขนส่งทางรถที่มีความไม่แน่นอนของด่านทางรถที่อาจปิดได้ทุกเมื่อหากเกิดการระบาดของโควิดในพื้นที่ใกล้เคียงแม้ตอนนี้ด่านทุกด่านยกเว้นด่านตงชิงยังเปิดเป็นปกติ รวมทั้งต้องเร่งรณรงค์การบริโภคผลไม้ภายในประเทศให้มากขึ้นจาก 30% เป็น 40% เพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั้งในส่วนของภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือและทุกภาคทั่วประเทศ และขอให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมาตรการเชิงรุกล่วงหน้าตามนโยบายของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำหนด 18 มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 และ แผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ ปี 2565 กรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ จำนวน 5 มาตรการ 21 โครงการ ประกอบไปด้วย มาตรการป้องกันเพื่อเตรียมรองรับเหตุการณ์ไม่ปกติ มาตรการช่วยเหลือในการกระจายสินค้า ควบคุมคุณภาพ และกระตุ้นการบริโภคผลไม้ มาตรการช่วยเหลือสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทย มาตรการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ และมาตรการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ปกติ

ช่วยสังคม!! “เจริญชัย แซ่ชั้น” จากรากหญ้า สู่นักธุรกิจค้าของเก่า ทำบุญแจกข้าวสาร 2,000 กิโล เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้าน ส.รุ่งเรือง ค้าของเก่า ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายเจริญชัย แซ่ชั้น นักธุรกิจค้าของเก่า “ส.รุ่งเรือง ค้าของเก่า” พร้อมด้วยครอบครัวแซ่ชั้น ร่วมตอบแทนสังคมด้วยการทำบุญแจกข้าวสาร อาหารแห้ง จำนวน 2,000 กิโล เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่พิการ และผู้ด้อยโอกาสในเขตพื้นที่แพรกษาและพื้นที่ใกล้เคียง 

โดย นายเจริญชัย แซ่ชั้น นักธุรกิจค้าของเก่า กล่าวว่า เดิมทีนั้น ตนเองมีรากฐานเป็นคนเบตง จ.ยะลา ฐานะทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยอะไร ชีวิตเริ่มจากศูนย์จากเด็กต่างจังหวัดเดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟเงินเดือน 400 บาท อดทนทำงานอย่างหนักใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำด้วยความอดทน ดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเปรียบชีวิตยิ่งกว่าละคร กระทั่ง พาครอบครัวมาอยู่จังหวัดสมุทรปราการ จากเด็กที่เคยลำบาก ปัจจุบัน เป็นนักธุรกิจค้าของเก่า ทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทำให้ครอบครัวแซ่ชั้น มีฐานะที่มั่นคงเป็นที่รักที่รู้จักของเพื่อนๆ นักธุรกิจหลายคน ตนเองจึงนึกถึงผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาส เพราะความที่เคยจน เคยลำบากมาก่อน

เลขาธิการพระปกเกล้า หารือเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประสานความร่วมมือด้านวิชาการ ประชาธิปไตย มุ่งส่งต่อความรู้สู่สากล

(7 เม.ย.65) ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ,ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. ไชยวัฒน์ ค้ำชู ผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง และนางกาญจนา ศรีปัดถา ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้การต้อนรับ H.E. Ms. Orna Sagiv เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย พร้อมคณะ เข้าพบผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้า เพื่อแนะนำตัวเนื่องในโอกาสการเข้ารับตำแหน่งใหม่

ทั้งนี้ยังร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็น บทบาทหน้าที่ของพลเมือง บทบาทหน้าที่ของเยาวชนและความรับผิดชอบต่อสังคม การให้การศึกษาด้านประชาธิปไตย เป็นต้น 

ซึ่งท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลให้ความสนใจในบทบาทหน้าที่ของสถาบันพระปกเกล้าในการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการแก่สาธารณะ จึงมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือในงานด้านวิชาการเพื่อส่งเสริมและยกระดับความรู้ร่วมกัน ทั้ง งานสัมมนาทางวิชาการ งานศึกษาวิจัย รวมถึงหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้า โดยเฉพาะในประเด็นด้าน Peace, Parliament, National Service และ Social Responsibility

สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565

สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565

(7 เม.ย.65) พล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามในหนังสือสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมดูแลประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ระหว่างวันที่ 13-17 เม.ย.65 อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การก่อความไม่สงบเรียบร้อย รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ยังไม่น่าไว้วางใจ 

เพื่อให้การป้องกันปราบปราบอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในห้วงวันหยุดยาวดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่จึงให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้ 

ให้ บช.น.,ภ.1-9,ก.,ปส.,ทท.,สตม,สอท. และ ตชด. จัดทำแผน/มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่และสถานการณ์มากที่สุด โดยให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไป และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.65 เน้นความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง อาวุธปืนและเครื่องกระสุน วัตถุระเบิด และสถานบริการ รวมถึงให้ความสำคัญกับการหลอกลวงออนไลน์ ด้านการเงินและการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ สินค้าที่ผิดกฎหมาย ตามแนวทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยสั่งการไปแล้ว และให้สถานีตำรวจทุกแห่งจัดสายตรวจทุกประเภทออกตรวจตราสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายและสถานที่ที่มีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย และให้คำนึงถึงมาตรการทางสาธารณสุข ทั้งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติและประชาชนทั่วไป 

นอกจากนี้ ให้จัดทำ “โครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” ระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.65 เพื่อเสริมการปฏิบัติในการป้องกันอาชญากรรมที่โดยปกติตำรวจได้ปฏิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เพื่อเป็นทางเลือกที่จะสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน

อีกทางหนึ่ง ประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการฯ โดยการลงทะเบียนผ่าน Application “OBS” หรือสามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการฯได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยหัวหน้าสถานีตำรวจต้องประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินการของโครงการฯนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติรับทราบและเข้าใจถึงแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร ให้เตรียมความพร้อมกำลังพล วัสดุอุปกรณ์ให้สอดคล้องและเหมาะสมในการอำนวยความสะดวกการจราจร เช่น รถยกหรืออุปกรณ์เคลื่อนย้ายรถ กรณีมีเหตุรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ โดยมอบหมายให้ตำรวจทางหลวงเป็นหน่วยงานหลักในการในจัดการจราจรบนถนนทางหลวง และให้ตำรวจท้องที่เป็นหน่วยสนับสนุนในกรณีอำนวยความสะดวกการจราจรในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย  รวมถึงพิจารณาเส้นทางกำหนดเป็นช่องทางเดินรถพิเศษ(Reversible Lane) เส้นทางที่ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เส้นทางลัด เส้นทางเลี่ยง ในการเร่งระบายการจราจร ทั้งกำชับให้กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดในข้อหาหลักที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและส่งผลกระทบต่อการจราจร เช่น การตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร หรือตรวจวัดแอลกอฮอล์ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ส่วนการป้องกันและลดอุบัติเหตุให้แต่พื้นที่ให้นำสถิติข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ สภาพปัญหา มาใช้ในการกำหนดแผนเพื่อหาทางป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน

อย่าหลงเชื่อ!! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้าง ส่งภาพ 'ผบ.ตร.' ข่มขู่หลอกโอนเงิน ด้านตำรวจเชียงใหม่ เร่งติดตามดำเนินคดีกรณีหลอกลวงแม่ค้า

จากกรณีแม่ค้าขายขนม ที่ศูนย์การค้ากลางเมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินโดยนำภาพ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาใช้ในการข่มขู่ จนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินไปให้ 

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2565 พ.ต.อ.ไพศาล นันตา โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แม่ปิง จว.เชียงใหม่ และให้การว่า คนร้ายใช้วิธีการเดิมในการแอบอ้าง 

“วิธีการของคนร้ายโทรศัพท์ติดต่อเข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จังหวัดเชียงราย มีพัสดุเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งถูกอายัดไว้ และโอนสายให้คุยกับชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจระดับสารวัตร พร้อมทั้งยังส่งรูปภาพของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาทำการข่มขู่ ทำให้แม่ค้าขายขนมรายนี้ เกิดความหวาดกลัวว่า จะถูกจับกุมดำเนินคดี จึงยอมโอนเงินจำนวน 2,000 บาท ที่เตรียมจะนำไปซื้อสมุด และหนังสือให้ลูกชาย ไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้ร่วมกระทำการมาดำเนินการตามกฎหมาย 

“ในเบื้องต้นไปประสานธนาคารผู้รับโอน เพื่อขออายัดบัญชีแล้ว  และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาต่อไป ซึ่งดำเนินการดังกล่าวร่วมกับการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร พฤติการณ์ใหม่ ๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลามาแจ้งยังพี่น้องประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอให้ประชาชนได้ติดตามข่าวสารของทางราชการและบอกต่อญาติและครอบครัวเพื่อป้องกันมิให้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ได้โดยง่าย”

“เฉลิมชัย” สั่งฟัน แอบอ้างเป็นที่ปรึกษา เคลียร์ล้งทุเรียนอ่อนจันทบุรี ด้าน “อลงกรณ์” มอบฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีพร้อมขับจากสมาขิกพรรค

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากกรณีมีบุคคลแอบอ้างเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี เข้าเคลียร์ล้งทุเรียนอ่อน  จากการตรวจสอบบุคคลดังกล่าว ยืนยันได้ว่าไม่มีการแต่งตั้งและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับตนทั้งสิ้น ถ้าหากกรณีบุคคลดังกล่าวมีการกระทำใดที่เข้าข่ายผิดกฏหมายขอให้ดำเนินการตามกฏหมายได้ทันที

ทั้งนี้นโยบายปราบปรามทุเรียนอ่อน เป็นนโยบายของตน ซึ่งดำเนินการมาตลอด 2 ปีกว่าและดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียนได้ราคาที่เป็นธรรม และตนอยากจะเน้นย้ำว่า การขายทุเรียนอ่อนถือเป็นการบ่อนทำลายวงการทุเรียนที่ตนยอมไม่ได้อยู่แล้ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ทันทีที่ทราบเรื่องได้ประสานกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีและท่านผอ.สวพ.6ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลผู้แอบอ้างและให้ยึดนโยบายปราบปรามทุเรียนอ่อนอย่างเด็ดขาดอย่ากลัวเกรงอิทธิพลใดๆ

‘หมอธีระวัฒน์’ ชี้ชัดควรฉีดวัคซีนกี่เข็ม ลั่นไม่ต่อต้าน แต่ไม่อยากให้ฉีดมากไป

‘หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา’ ลั่นไม่เคยต่อต้านวัคซีน แค่ต้องการให้ฉีดไม่มากเกินไป เผยชัดแท้จริงต้องฉีดกี่เข็มกันแน่

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า

“ประกาศให้ทราบทั่วกันนะครับ ไม่เคยต่อต้านวัคซีนแต่ต้องการให้ฉีดไม่มากเกินไปคือ 3 หรือ 4 ถ้าเริ่มต้นด้วยเชื้อตายสองเข็มก็ต่อด้วย ชั้นผิวหนัง 2 เข็ม PZ หรือ MDN เริ่มต้นด้วย AZ 2 เข็ม ก็ต่อด้วย ชั้นผิวหนัง PZ หรือ MDN เข็มเดียวพอ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top