Sunday, 5 May 2024
mRNA

'หมอธีระวัฒน์' แนะ ฉีดวัคซีนเชื้อตายให้เด็กก่อน ตามด้วย mRNA ใน 'ปริมาณน้อยที่สุด'

'หมอธีระวัฒน์' ห่วง!! เด็กหัวใจผิดปกติหลังฉีดไฟเซอร์ แนะทางเลือก เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปอาจเป็นเชื้อตาย 2 เข็มก่อน ตามด้วยวัคซีน mRNA ในปริมาณน้อยที่สุด

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha' ระบุว่า หัวใจผิดปกติในเด็กชาย หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (162.2 คน ใน 1 ล้านคน)

การวิเคราะห์ข้อมูล โดย คุณหมอ Tracy Hoeg และคณะ จาก University of California, Davis ภาควิชา Physical Medicine and Rehabilitation

ทั้งนี้โดยใช้ข้อมูลที่มีการรายงานมาในระบบ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากวัคซีน ของชาติ (VAERS) โดยใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 18 มิถุนายน 2564 เด็กอายุ 12 ถึง 17 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัวที่ได้รับวัคซีน mRNA ที่มีอาการและลักษณะเข้าได้กับกล้ามเนื้อหัวใจและเยี่อหุ้มหัวใจอักเสบ

>> เด็กผู้ชายอายุ 12 ถึง 15 เกิดหัวใจอักเสบ 162.2 ต่อล้าน

>> เด็กผู้ชายอายุ 16 ถึง 17 = 94 ต่อล้าน

>> เด็กผู้หญิงอายุ 12 ถึง 15 เกิดหัวใจอักเสบ 13.0 ต่อล้าน

>> เด็กผู้หญิงอายุ 16 ถึง 17 = 13.4 ต่อล้าน

'พงศ์พรหม' แนะ!! เลือก Sinopharm ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ยัน ไม่แอนตี้ mRNA แต่ควรเลือกสิ่งที่เหมาะกับวัย

นายพงศ์พรหม ยามะรัต โพสต์เฟซบุ๊ก 'Pongprom Yamarat' เกี่ยวกับการเลือกฉีดประเภทวัคซีนให้เด็กอายุกว่า  20 ปี ว่า... 

สถิติเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ในต่างประเทศ ที่เจอทั้งปัญหากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (เยอะในเพศชาย) โอกาสการทำงานบกพร่องของรังไข่ (พบในเพศหญิง) หลังจากการฉีด mRNA พุ่งสูงขึ้นจนเลยจุดปลอดภัยไปแล้ว

อยากให้ อย.ไทย เร่งนำผลวิจัยวัคซีนเชื้อตายมาวิเคราะห์เพื่อให้นำ Sinopharm มาเร่งฉีดในเด็กให้ไว

แล้วขออย่ามีใครมาบ่นว่าเอาเด็กมาเป็นหนูทดลองนะครับ

เพราะว่าตอนนี้ตั้งแต่วัคซีนเชื้อตาย ยัน mRNA ที่ฉีดในเด็กทั่วโลกนั้น อยู่ในขั้นทดลองทั้งสิ้น

'หมอยง' มอบทนายแจ้งหมิ่นประมาท หญิงลงคลิป วิจารณ์วัคซีนสูตรไขว้

“หมอยง” มอบทนายแจ้งหมิ่นประมาท!! หญิงลงคลิป วิจารณ์วัคซีนสูตรไขว้ ลง TikTok

จากกรณีมีหญิงอายุ 27 ปี ได้โพสต์คลิป TikTok พูดเสนอความเห็นในลักษณะหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือให้ข้อมูลอันเป็นที่กล่าวหาใส่ร้าย ศ.นพ.ยง จำนวน 2 คลิป

ล่าสุด “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หรือ “หมอยง” ผู้เสียหาย ได้ตรวจสอบพบว่าคลิปที่โพสต์ใน TikTok พูดเสนอความเห็นในลักษณะหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือให้ข้อมูลอันเป็นที่กล่าวหาใส่ร้าย ศ.นพ.ยง จำนวน 2 คลิป จึงได้มอบอำนาจให้ นายพยง โชคชัยเสรี มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี

>> โดยคลิปที่ 1 เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 64 หลังจากที่มีการนำเสนอข่าว นพ.ยง รับอาสาสมัครฉีดไฟเซอร์-โมเดอร์นา เข็ม 3 แบบครึ่งโดสและเต็มโดส โดยหญิงวัย 27 ปี ได้โพสต์คลิปลง TikTok และวิพากษ์วิจารณ์ถึงสูตรใหม่ดังกล่าว ว่าคนใกล้ตัวเพิ่งเสียชีวิตจากวัคซีนสูตรไขว้ที่ ศ.นพ.ยง เป็นคนคิด พร้อมทั้งระบุว่าให้หยุดคิดวัคซีนสูตรไขว้ เนื่องจากได้รางวัลเยอะแล้ว

รัฐฟลอริด้าประกาศ มหันตภัยจาก 'วัคซีน mRNA' ที่แท้ถูกสร้างมาเป็นอาวุธชีวภาพทำลายชีวิตผู้คน .

(21 ก.ค.66) ผู้ใช้ Blockdit 'ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

รัฐฟลอริด้ามีความกล้าหาญมากที่ออกมาแถลงว่าวัคซีน mRNA ที่ใช้ฉีดแก้โควิด-19 นั้น เป็นอาวุธชีวภาพที่เป็นอันตรายต่อชีวิตผู้ถูกฉีดมากกว่าเป็นคุณและกำลังดำเนินการเพื่อประกาศให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายภายในรัฐ (Florida declare mRNA Covid shots a ‘Bio-Weapon’.  Legislation looking to be passed to make it ILLEGAL to administer any mRNA Covid-19 Vaccine to anybody in the state)

เห็นหรือยังครับ? คำว่า *ทฤษฎีสมคบคิด* (Conspiracy Theory) เป็นวาทกรรมที่ CIA สร้างขึ้นมาเพื่อสกัดมิให้คนเชื่อเมื่อมีคนแฉอาชญากรรมของยิวไซออนิสต์ที่คิดครองโลก 

ข่าวใดก็ตามที่ถูกตราว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด วิญญูชนไทยต้องศึกษาให้ลึกหรือต้องวิจัย แล้วจะเข้าใจความจริงเอง ไม่ต้องรอให้ฝรั่งมาชี้นิ้วว่าควรจะเป็นอย่างไร จักรวรรดิ์นิยมอเมริกานี้เติบโตมาพร้อม ๆ กับนโยบายลดจำนวนประชากรโลก 

ถือว่าทีมผู้บริหารรัฐฟลอริด้ากล้าหาญมากครับ กล้าหาญมากว่าประเทศไทยที่นักการเมืองส่วนใหญ่ถูกล้างสมองด้วยข่าวโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีวิจารณญาณมากพอจะแยกแยะ 

น่าจะเรียกว่าเป็น *ประเทศฟลอริด้า* กันได้แล้วนะครับเพราะนโยบายแตกต่างจากรัฐบาลกลางอย่างสิ้นเชิง เมื่อเปโตรดอลล่าร์ล่มสลายลง ถ้าจะแยกตัวไปเป็นเอกราช ก็ขอให้สำเร็จ

ตอนนี้ เชื่อหรือยังว่าโควิด-19 มาพร้อมๆ กับนโยบายลดจำนวนประชากรโลก? แน่นอนครับ ขอให้ค้นคว้ากันเองและตัดสินใจเองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

‘2 นักวิทย์’ ผู้พัฒนาวัคซีน mRNA ป้องกัน COVID-19 คว้ารางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปี 2023

เมื่อวานนี้ (2 ต.ค.66) รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ประจำปี 2023 ตกเป็นของ Katalin Karikó และ Drew Weissman จากผลงานการค้นพบที่เกี่ยวข้องกับการดัดแปลงนิวคลีโอไซด์เบส (nucleoside base) ซึ่งทำให้สามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 

จากการค้นพบที่ก้าวล้ำของพวกเขาได้เปลี่ยนความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีที่ mRNA มีปฏิสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้สามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ได้สำเร็จ โดยช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่มวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในภัยคุกคามด้านสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์

ข่าวดี!! วันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ Professor Dr. Drew Weissman หนึ่งในผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปีล่าสุด!! จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Nucleoside Modified mRNA-LNP Therapeutics’ 

ในงาน ‘การประชุมวิชาการนานาชาติว่าด้วยการเรียนการสอนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ หลังภาวะการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019’ เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://imsed.ipst.ac.th/ 

‘หมอธีระวัฒน์’ เผยรายงาน ‘วัคซีน mRNA’ ยิ่งฉีดมาก ประสิทธิภาพยิ่งลด ชี้ อาจเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ย้ำ!! ใครฉีดกระตุ้นแล้วไม่จำเป็นฉีดอีก

(17 ธ.ค. 66) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงนี้ ว่า เรื่องการฉีดวัคซีนโควิดสำหรับคนทั่วไปที่มีการฉีดกระตุ้นมาก่อนแล้ว ณ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นอีก

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า รายงานในวารสาร Science ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ธ.ค.2565 มีการอธิบายว่า เมื่อมีการฉีดวัคซีนชนิด mRNA มากขึ้น ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและการป้องกันอาการหนักจะยิ่งลดลงกว่าที่คิด และน่าจะอธิบายถึงว่าทำไมในยุคโอมิครอน จึงมีการติดซ้ำอยู่เรื่อยๆ ซึ่งอธิบายเพิ่มเติมได้ ดังนี้

1.) จาก hybrid immune damping วัคซีนเมื่อฉีดไปแม้จะมากเข็มก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ทั้งแอนติบอดี ระบบบีและทีเซลล์ จะเป็นต่อสายพันธุ์บรรพบุรุษอู่ฮ้่น และเมื่อติดเชื้อโอมิครอนก็เป็นในลักษณะเช่นเดียวกัน (อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.science.org/doi/10.1126/science.abq1841?utm_campaign=SciMag&utm_source=Social&utm_medium=Twitter%20Hybrid%20immune%20damping )

2.) รายงานล่าสุด เมื่อได้รับวัคซีนมากขึ้น แอนติบอดีจะปรับเปลี่ยนเป็น IgG4 ซึ่งทำให้หน้าที่ในการฆ่าไวรัสด้อยลงเมื่อเทียบกับ IgG 1 และ 3 และ อาจอธิบายประสิทธิภาพที่ถูกจำกัดลง (อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.science.org/doi/10.1126/sciimmunol.ade2798)

“ยังเป็นไปได้ว่ายังมีระบบต่อสู้กับไวรัสที่ไม่ผ่านทางเส้นทางดังกล่าว ที่เป็นระบบนักฆ่า จาก innate immunity ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติมากกว่าที่ได้จากวัคซีน หมายความว่า ถ้าติดตามธรรมชาติและอาการไม่หนักและไม่เกิดภาวะลองโควิด ก็จะส่งผลดีได้” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว และว่า จากการที่เบี่ยงเบนไปเป็น IgG4 และอาจเกี่ยวเนื่องไปถึงปรากฏการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นหลากหลาย และที่เราเห็นในโรคทางระบบประสาทและโรคทางสมองอีกหลายชนิด

3.) รายงานจาก รศ.พญ.ปารวี ชีวะอิสระกุล คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ใน วารสาร Nature Scientific report วันที่ 15 มกราคม 2023 พูดถึงวัคซีนหลังเข็ม 3 จะทำให้ T cell exhaustion หรือ T เซลล์ หมดแรง แม้ว่าแอนติบอดีจะขึ้นก็ตาม

ในคนที่ใกล้ชิดผู้ที่ติดเชื้อมีถึง 24.4% ที่มีการติดเชื้อโดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น และผลของการติดเชื้อแม้ว่าไม่มีอาการ จะทำให้มีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเหมือนคนที่ติดเชื้อ

แต่จุดใหญ่สำคัญในรายงานนี้ก็คือ เมื่อพิจารณาถึงการตอบสนองในระบบทีเซลล์ T cell ซึ่งเป็นตัวสำคัญในระบบความจำและเป็นระบบเพชฌฆาตนักฆ่า การฉีดวัคซีนหลายเข็ม และเมื่อมีการติดเชื้อกลับทำให้ทีเซลล์หมดแรง เรียกว่า T cell exhaustion (https://www.nature.com/articles/s41598-023-28101-5)

ข้อมูลการศึกษาของรัฐบาลออสเตรเลียเอง ในสัตว์ทดลองจากการฉีดวัคซีน mRNA เข้าที่กล้ามเนื้อและดูการกระจายตัวของวัคซีนจากการติดตามตัวด้วย radioactive particle ซึ่งเป็นมาตรฐานในการศึกษาทั่วไป ทำในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 และข้อมูลไม่มีการเปิดเผยจนกระทั่งในปี 2023 ตามกฏหมายที่ต้องมีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลทุกชิ้นจึงทำให้ทราบความจริง

การศึกษาพบว่า แม้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อก็ตาม จะแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดและเข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย หมายความว่า ตัววัคซีนนั้นจะเข้าไปกำหนดให้เซลล์ในอวัยวะต่างๆ ผลิตโปรตีนหนามขึ้นมา และหมายความว่าจะสามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่าข้อมูลที่เราได้รับทราบแต่ต้นว่าวัคซีนจะอยู่เฉพาะที่กล้ามเนื้อที่แขนตรงตำแหน่งที่ฉีดเท่านั้นและจะสลายหายไปภายในสองถึงสามวัน

ความจริงดังกล่าวได้รับการยืนยันจากการติดตามผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ และรายงานในปี 2023 โดยพบว่าจะมีวัคซีนล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดได้นานอย่างน้อย 28 วันด้วยกัน และอาจจะเป็นเครื่องอธิบายได้ว่า ทำไมผลแทรกซ้อนของวัคซีนซึ่งดูเหมือนว่าตามรายงานว่าจะไม่มากก็ตาม แต่สามารถเกิดขึ้นได้ และยังเกิดได้ในระยะเวลาที่ห่างจากการฉีดได้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนก็ได้ (จากผู้ป่วยที่เราได้รับและพิสูจน์ว่ามีส่วนของวัคซีนจริงในอวัยวะสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง) [https://youtu.be/fVNFFtmb9gA 
Vaccine encephalitis and myocarditis
]

รายงานผู้เสียชีวิต 21 วัน หลังจากได้รับ mRNA วัคซีนซึ่งเป็นเข็มที่สาม ด้วยอาการสมองอักเสบและหัวใจอักเสบ ครอบครัวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพิสูจน์ การพิสูจน์ศพ พบโปรตีนหนาม spike ในสมองและเนื้อเยื่อหัวใจ และการอักเสบ โดยไม่พบโปรตีนอื่นของโควิด nucleocapsid protein (NP) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโควิดเพราะถ้าเกิดจากการติดเชื้อจะต้องพบ NP ด้วย

การเกิดในสักษณะเช่นนี้ พวกเราที่ดูผู้ป่วยมีความจำเป็นที่ต้องถามประวัติเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อและรวมทั้งประวัติการได้รับวัคซีนด้วย ทั้งนี้อาจจะมีการรักษาได้ทันท่วงที (https://www.mdpi.com/2076-393X/10/10/1651)

ดังนั้น การฉีดวัคซีน mRNA ต้องประเมินความเสี่ยงของหัวใจอักเสบ ถึงแม้เข้าใจว่าเกิดไม่มาก แต่ถ้าเกิดแล้วความรุนแรงอาจสูง

รายงานจากคณะแพทย์เยอรมัน ทางพยาธิวิทยาที่มีชื่อเสียง พิสูจน์จากการตรวจศพ ของผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA และเสียชีวิตเฉียบพลัน ภายใน 7 วัน จำนวน 25 ราย อายุ 45 -75 ปี โดยแสดงความผิดปกติในกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มหัวใจ มีการอักเสบเป็นหย่อมๆ และทำให้สามารถสรุปได้ว่าทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดปกติ รายงานวันที่ 27 พฤศจิกายน 2022 [Clinical research in cardiology (Springer verlag)]

ทั้งนี้ ตัวเลขจริงอาจจะมากกว่าที่ประเมิน และความรุนแรงของกล้ามเนื่อหัวใจอักเสบอาจจะมากกว่าที่เคยคิดหรือไม่ เนื่องจากการรายงานทั่วโลกเป็น retrospective แบบย้อนหลัง และมักตัดประเด็นเฉียบพลันออก โดยลักษณะของอาการเช่นนี้ เป็น sudden death คือหัวใจหยุดเต้นกระทันหัน จากกระแสไฟฟ้าผิดปกติ ไม่ใช่หัวใจวาย ทujพอมีเวลาและมีอาการให้เห็นก่อน

ผลแทรกซ้อนของวัคซีนจากความเป็นไปได้ จะเพ่งเล็งประเด็นที่ (1) และ (2) โดยอาจมองข้าม (3)

1.) เรื่องเส้นเลือดในหัวใจตัน หรือ
2.) ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไป คือหัวใจวาย แต่ในกรณีนี้
3.) เป็นกระจุกของเซลล์อักเสบที่อยู่ในกล้ามเนื้อหัวใจและเยี่อหุ้มหัวใจ ที่ไปขัดขวางเส้นใยประสาทนำไฟฟ้าของหัวใจ ทำให้หยุดเต้นกระทันหัน และถ้ากระตุ้นหัวใจ ขึ้นมาได้ จะตามต่อด้วยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั่วไป ทำให้หัวใจบีบตัวไม่ไหวตามด้วยหัวใจวาย

ศึกษาได้จาก VDO ซึ่งอธิบายรายละเอียดของรายงานชิ้นนี้ และ เอกสารตัวจริง และแสดงเนื้อเยื่อหัวใจที่มีการอักเสบเป็นหย่อมกระจุก
- https://youtu.be/j_DdSMn55cA
- https://link.springer.com/article/10.1007/s00392-022-02129-5#Sec3
- https://link.springer.com/article/10.1007/s00392-022-02129-5#Tab2

นอกจากนั้น มีการเปิดเผยผลข้างเคียงรุนแรงจากวัคซีน mRNA ในเดือนกันยายน 2022 ในวารสาร vaccine ทั้งนี้เป็นข้อมูลจริงที่ได้ระหว่างมีการดำเนินการศึกษาเฟสที่สามในมนุษย์ แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยมาก่อน

ผู้ศึกษาและวิจัยได้เรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสอย่างชัดเจนและต้องประเมินประโยชน์และผลข้างเคียงรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งนี้โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิดซึ่งเชื้ออ่อนกำลังลงไปมาก เมื่อฉีดไปมากขึ้นเรื่อยๆ
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/36055877/

ผลวิจัยล่าสุดระบุ!! ฉีดวัคซีน mRNA 'ไฟเซอร์-โมเดอร์นา' เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

(20 ก.พ.67) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Warat Gap' ระบุว่า...

การวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับผลของวัคซีนโควิด ซึ่งใช้กลุ่มตัวอย่างถึง 99 ล้านคน มากที่สุดเท่าที่เคยทำมา ยืนยันว่า คนที่ฉีดวัคซีน mRNA (ไฟเซอร์-โมเดอร์นา) เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และคนฉีดวัคซีน Viral Vector (Astra Zeneca) เพิ่มความเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดสมองตีบ

โดยกลุ่มผู้รับวัคซีนที่เกิดอาการมากที่สุด คือกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 2 เข็ม รองลงมาคือคนฉีดวัคซีนโมเดิร์นน่า 1 เข็ม และ 4 เข็ม 

...วัคซีนเทพอ่ะนะ คนที่เรียกร้อง ด่าทอรัฐบาลตอนนั้น ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรหน่อยเหรอครับ 

https://www.msn.com/en-us/money/other/largest-covid-vaccine-study-yet-finds-links-to-health-conditions/ar-BB1iuvvi 

'หมอธีระวัฒน์' เผย!! พบแท่งย้วยสีขาว คล้ายหนวดปลาหมึกในคนที่ฉีด mRNA ชี้!! ปรากฏการณ์นี้ไม่พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและคนที่ตายจากโควิด

(20 ก.พ.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก 'ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha' ระบุว่า...

คนที่ยังไม่ตายหรือตายแล้ว จากวัคซีนโควิด mRNA พบ : แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ไม่เคยพบมาก่อน

รายละเอียด ยูทูบ John Campbell white clots USA Part 1 และ 2
(Part 1 https://youtu.be/nLl69c46JK0?si=NzXljM-mE9WY0Y2Z)
(Part 2 https://youtu.be/-o20mtbsL7Q?si=VZZgMR2d34MlI5Sc)

จากรูปจะพบของเหลวที่ดูดจากช่องท้อง บริเวณใกล้ตับอ่อน คนป่วย ที่ยังมีชีวิต และรูปจากคนป่วยที่กำลังจะเสียชีวิต รักษาด้วยการผ่าตัดไม่ทัน และตาย รวมทั้งรายอื่นที่เสียชีวิตไปแล้วและลากสิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแดง carotid ที่ไปเลี้ยงสมอง

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้พบมาก่อนที่จะมีวัคซีนโควิดและไม่ได้เจอในคนที่ตายจากโควิด หรือโรคอื่น

และยังมีรายงานก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมนี ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา

‘ฝรั่งเศส’ เสนอร่าง กม.ห้ามคนวิจารณ์ ‘วัคซีนโควิด mRNA’ เพราะจะกลายเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำ-ปรับ

เมื่อไม่นานมานี้ สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีการเสนอร่างกฎหมายใหม่ในฝรั่งเศสที่อาจทำให้การวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA กลายเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับเงิน 45,000 ยูโร สถานการณ์นี้เป็นบททดสอบสมดุลระหว่างเรื่องสาธารณสุขและเสรีภาพการแสดงออก โหมกระพือประเด็นถกเถียงทั่วโลกเกี่ยวกับค่านิยมประชาธิปไตยและอำนาจของรัฐบาลในยุคศตวรรษที่ 21

โดยข้อเสนอร่างกฎหมายใหม่นี้ กระพือเสียงอึกทึกครึกโครมบนท้องถนนของฝรั่งเศส ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลในหมู่พลเมือง โดยเวลานี้บรรดาสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างดังกล่าว ที่อาจเปลี่ยนภูมิทัศน์ด้านสาธารณสุขในประเทศแห่งอย่างรุนแรง

รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอร่างกฎหมายนี้มีเป้าหมายทำให้การวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA เป็นความผิดทางอาญา ความเคลื่อนไหวที่มีโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี และปรับเงินอย่างหนักหน่วง 45,000 ยูโร (ประมาณ 1,750,000 บาท) อย่างไรก็ตาม แก่นกลางในประเด็นนี้ไม่ใช่แค่การคลอดกฎหมายฉบับหนึ่ง แต่มันเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการทดสอบสมดุลระหว่างการปกป้องระบบสาธารณสุขกับการธำรงไว้ซึ่งข้อเท็จจริงตามระบอบประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพการแสดงออก

ปมคำสัญญาของประเด็นโต้เถียงนี้ก็คือท่าทีของรัฐบาลฝรั่งเศสที่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว พวกผู้เสนออ้างว่ายามที่กำลังเผชิญโรคระบาดใหญ่ระดับโลก ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับวัคซีนอาจเป็นอันตราย และเป็นไปได้ที่อาจนำไปสู่ความลังเลใจของประชาชนในการเข้ารับวัคซีน และบ่อนทำลายความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไว้รัส พวกเขามองว่ากฎหมายเช่นนี้เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องความผาสุกโดยรวม

อย่างไรก็ตาม พวกวิพากษ์วิจารณ์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการบุกรุกเสรีภาพส่วนบุคคลอย่างน่าเป็นกังวล พวกเขาเกรงว่าการลงโทษพวกที่วิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด mRNA อาจกลายเป็นแบบอย่างของการกัดเซาะเสรีภาพการแสดงออก ต่อข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นแบ่งใดๆ ในอนาคตเกี่ยวกับประเด็นสาธารณสุขกับเสรีภาพการแสดงออก

ฝรั่งเศสไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่กำลังหาทางจัดการเกี่ยวกับสมดุลระหว่างความจำเป็นด้านสาธารณสุขกับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล โดยหลายชาติทั่วโลกได้บังคับใช้มาตรการต่างๆ ในการต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคระบาดใหญ่ บางส่วนเลือกใช้ยุทธการมอบการศึกษาแก่ประชาชน ขณะที่อื่นๆ ใช้มาตรการทางกฎหมายอันเข้มข้น

อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสถูกจับตามองเป็นพิเศษเพราะว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานพวกวิพากษ์วิจารณ์วัคซีน mRNA โดยเฉพาะ และกำหนดบทลงโทษรุนแรง

ท่ามกลางการถกเถียงทั้งในแง่ของกฎหมายและในทางการเมือง ผู้คนชาวฝรั่งเศสมีความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างผสมผสานและมีหลายมุมมอง ไล่ตั้งแต่สนับสนุนรัฐบาลใช้มาตรการเข้มงวดกับการบิดเบือนข้อมูล ไปจนถึงแสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อผลกระทบที่น่าตกใจต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงออก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top