Friday, 16 May 2025
Lite

3 กันยายน วันเกิด ‘โดราเอมอน’ แมวการ์ตูนสีฟ้าจากโลกอนาคต

โดราเอมอน เป็นหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคต ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 (ค.ศ. 2112) ลักษณะตัวอ้วนกลมสีฟ้า (เมื่อแรกเกิดมามีสีเหลือง) ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูแทะ 

โดราเอมอน เดิมเป็นหุ่นยนต์พี่เลี้ยงซึ่งคนที่ซื้อโดราเอมอนมาคือเซวาชิ เหลนชายของโนบิตะ วันหนึ่งเซวาชิเกิดอยากรู้สาเหตุที่ฐานะทางบ้านยากจน จึงได้กลับไปในอดีตด้วยไทม์แมชชีน จึงได้รู้ว่าโนบิตะ (ผู้เป็นปู่ทวด) เป็นตัวต้นเหตุ เซวาชิจึงได้ตัดสินใจให้โดราเอมอนย้อนเวลาไปคอยช่วยเหลือดูแลเวลาโนบิตะโดนแกล้งโดยใช้ของวิเศษที่หยิบจากกระเป๋าสี่มิติ

โดราเอมอนมีอวัยวะที่วิเศษสุด ๆ อาทิ มือกลมสีขาวไม่มีนิ้ว แต่ที่มือมีความสามารถในการดูด จึงหยิบจับสิ่งของได้ มีกระดิ่งห้อยคอสีเหลือง มีหนวด 6 เส้น หน้าท้องมีกระเป๋าวิเศษ และมีสวิตช์สำหรับปิด-เปิดที่หาง ถ้าดึงหางปุ๊บ โดราเอมอน ก็จะหยุดการทำงานทันที

โดราเอมอน มีความผูกพันกับเลข 129.3 แทบทุกอย่าง ทั้งน้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม ส่วนสูงขณะยืน 129.3 เซนติเมตร ขณะนั่ง 100 เซนติเมตร กระโดดได้สูง 129.3 เซนติเมตร วิ่งได้เร็ว 129.3 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนของโปรด คือ โดรายากิ ตัวละครโดราเอมอนนั้น ได้รับแรงบันดาลใจเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 เนื่องจากนักวาดการ์ตูนทั้ง 2 ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ ได้ลงโฆษณาการ์ตูนเรื่องใหม่ของเขาทั้งสองไว้ว่าจะมีตัวเอกที่ออกมาจากลิ้นชัก ในนิตยสารการ์ตูนฉบับต้อนรับปีใหม่ แต่ในความจริงแล้วทั้งสองยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้แม้แต่น้อยเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาส่งต้นฉบับก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับทั้งสองเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้แรงบันดาลใจของการ์ตูนชื่อดัง 'โดราเอมอน' เกิดจากฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ หนึ่งในนักวาดการ์ตูน ได้เผอิญเห็นแมวจรจัดที่มักแอบเข้ามาเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ เขามักจะชอบจับแมวตัวนี้มาหาหมัด จนเวลาล่วงเลยมาถึง 4.00 น. ก็ยังไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ ทำให้ฮิโรชิโมโหตัวเองเป็นอย่างมาก และคิดเลยเถิดไปว่าโลกนี้น่าจะมีไทม์แมชชีน เพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต หลังจากนั้นฮิโรชิได้เผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า เมื่อเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เขาตกใจว่าตนเองเผลอหลับไป จึงรีบวิ่งลงจากบันไดบ้านไปสะดุดกับตุ๊กตาล้มลุกญี่ปุ่นของลูกสาวที่ตกอยู่บนพื้น

เหตุนี้เองทำให้ฮิโรชิเกิดไอเดียขึ้นโดยนำหน้าแมวจรจัดมาผสมกับตุ๊กตาญี่ปุ่น สร้างออกมาเป็นตัวละครหุ่นยนต์แมวจากอนาคตคอยช่วยเหลือเด็กชายที่แสนจะไม่ได้เรื่อง และตั้งชื่อว่า โดราเอมอน เป็นคำผสมระหว่าง 'โดราเนโกะ' กับ 'เอมอน' ในภาษาญี่ปุ่น โดราเนโกะนั้นแปลว่าแมวหลงทาง ส่วนคำว่า 'เอมอน' เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อนของประเทศญี่ปุ่น ชื่อโดราเอม่อน มีทั้งหมด 5 ชื่อ ด้วยกัน ชื่อที่ 1 โดราเอม่อน ชื่อที่ 2 โดเรม่อน ชื่อที่ 3 โดราจัง ชื่อที่ 4 โดราม่อน ชื่อที่ 5 โดราเอม่อนแมวจอมยุ่ง มีน้องสาว ชื่อว่า โดเรมี่

สำหรับโดราเอมอนเคยได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์เอเชีย ให้เป็นหนึ่งในวีรบุรุษของทวีปเอเชีย และในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 มาซาฮิโกะ คามูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ได้แต่งตั้งให้โดราเอมอนเป็นทูตสันถวไมตรีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมของประเทศ โดยนับเป็น 'ทูตแอนิเมชัน' ตัวแรกของประเทศญี่ปุ่น และเจ้าแมวหุ่นยนต์สีฟ้า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 อย่างเป็นทางการอีกด้วย

4 กันยายน พ.ศ. 2351 วันพระราชสมภพ สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 4

วันนี้เมื่อ 215 ปีก่อน เป็น วันพระราชสมภพของ สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 4

เจ้าฟ้าจุฑามณี พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเป็นพระอนุชาร่วมอุทรกับ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร. 4 เมื่อ ร.4 เสด็จขึ้นครองราชย์ ได้ทรงสถาปนาเจ้าฟ้าจุฑามณีขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 ในรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงมีความรู้ในด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ทรงโปรดวิทยากรสมัยใหม่แบบตะวันตกหลายด้าน ทรงพระปรีชาหลายด้าน ทรงสร้างปืนใหญ่ไว้เป็นจำนวนมากเพื่อใช้ป้องกันบ้านเมือง ทรงสร้างเรือกลไฟเป็นลำแรก เป็นผู้บังคับบัญชากรมทหารปืนใหญ่ และผู้บังคับบัญชาทหารเรือไทยเป็นพระองค์แรก

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และเป็นพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระนามเดิมว่า 'เจ้าฟ้าจุฑามณี' หรือ 'เจ้าฟ้าน้อย' เสด็จพระราชสมภพ ณ พระราชวังเดิม เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2351 หลังจากที่สมเด็จพระราชบิดาได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเจ้าฟ้าน้อย จึงได้ตามเสด็จพระบรมชนกนาถและพระราชชนนี มาประทับในพระบรมมหาราชวัง และได้รับการเฉลิมพระนามเป็น 'สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑามณี' หรือ 'เจ้าฟ้าอสุนีบาต'

เมื่อเจ้าฟ้าน้อย ซึ่งในขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เจริญพระชนมายุได้ 16 พรรษา ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2367 ได้เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิม และประทับที่นี่จนถึงปี พ.ศ. 2394

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ อาทิ การทหาร การช่าง วิทยาศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม การกีฬา การละคร การดนตรี และด้านวรรณกรรมอีกทั้งทรงรอบรู้ทางด้านการต่างประเทศอีกด้วย ทรงศึกษาภาษาอังกฤษจากมิชชันนารีอเมริกันจนแตกฉาน และทรงมีพระสหาย เป็นชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมากด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสามารถช่วยราชการด้านการต่างประเทศได้เป็นอย่างดีโดยทรงเป็นที่ปรึกษาในการทำสนธิสัญญาต่าง ๆ

หลังจากที่ได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษกเป็น 'พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว' เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 ทรงมีศักดิ์สูงเสมอพระมหากษัตริย์เป็น 'พระเจ้าประเทศสยามองค์ที่ 2' ได้ทรงย้ายมาประทับ ณ พระบวรราชวัง (ปัจจุบันคือบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) จนสิ้นพระชนม์ลงใน วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2408 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุได้ 58 พรรษา

‘เก้า สุภัสสรา’ เผยประสบการณ์ทริประทึก วิ่งวุ่นหาเที่ยวบินกลับไทย หลัง ‘จีน’ ประกาศเตือนพายุ 3 ลูกจ่อถล่ม ‘ฮ่องกง’ ล่าสุดปลอดภัยแล้ว

‘เก้า สุภัสสรา’ โพสต์ไอจีเผยความเคลื่อนไหววันนี้ หลังเจอทริปโกลาหลที่ฮ่องกง พายุเข้า 3 ลูก ต้องรีบวิ่งแจ้นมาสนามบินสุดทุลักทุเล ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่แฟนคลับอดเป็นห่วงหนักมากไม่ได้

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 ‘เก้า สุภัสสรา ธนบุตร’ ดาราสาววัย 28 ปี ได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ทริปการเดินทางระทึกที่สุดเท่าที่ตัวแสนจะบอบบางของเธอเคยเจอมา

หลังจากสาวเก้าเดินทางไปทริปที่ประเทศฮ่องกง แล้วบังเอิญต้องเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนหนัก จากมรสุมพายุเข้าเต็มเปาถึง 3 ลูก จนทำดาราสาวมากความสามารถต้องวิ่งโร่ตีไฟลต์เครื่องบินกลับด่วน แถมต้องออกแรงวิ่งจนแข้งขาอ่อนเพื่อไปสนามบินให้ทันเวลาอีกด้วย

โดยเนื้อหาทั้งหมดที่เก้า สุภัสราเขียนเล่าไว้ในสตอรี่ไอจี ระบุว่า…

“ทริปนี้ โกลาหลมาก ต้องบินกลับพรุ่งนี้แต่พายุเข้า เลยรีบวิ่งมาสนามบินเพื่อหาไฟท์กลับให้ได้ภายในคืนนี้ ทุกไฟท์คือเต็มหมด ทั้งไป ตปท. รอบๆ ไทยก็ด้วย เราเลยตั้งใจรอสแตนด์บายบายทุกสายการบินที่บินไปไทย เพื่อรอที่นั่งหลุด และใช่ค่ะ!! มีคนหลุดพอดีจำนวนคนเราพอดี เราได้กลับไทยก่อนที่ไฟท์พรุ่งนี้จะแคนเซิลทั้งหมด”

“ได้นั่งสายการบิน airasia ecoได้ราคา 13,000 บาทกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพราะว่าเรามีงานถ่ายโฆษณาวันที่ 2 กองจะพังเพราะเราไม่ได้ ! ทริป คือ ทุลักทุเลตั้งแต่ขาไปยันกลับ เป้อกับพี่นิวที่จะมาด้วยกันคือวีซ่าแชงเก้นไม่ให้พาสปอร์ตคืน ทำให้สองคนอดบินไปพร้อมกัน แต่สุดท้ายก็ออกเช้าวันที่เราใกล้จะขึ้นเครื่องไปพอดี สองคนก็เลยตามมาช่วงเย็น”

“กลับมาต่อที่ทริปนี้ ตอนจะกลับ รีบกลับ รร. แพ็กของและวิ่งมาสนามบินหน้าตาตื่นมาก รู้สึกที่คิดถูกในการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะไม่งั้นน่าจะไม่ได้กลับอีกหลายวันเลย”

“มีพายุทั้งหมด 3 ลูก คนตุนของกันแล้ว บางพื้นที่ราบต่ำอพยพแล้ว เพราะดวงจันทร์เต็มดวงทำให้น้ำขึ้นสูงกว่าปกติ พวกเราโชคดีมากที่เดินทางกลับมาได้และปลอดภัย”

“ขอบันทึกให้เป็นทริปที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยไปมา ไม่เคยตื่นเต้น ระทึกอะไรเท่านี้มาก่อน ขอให้เดือนกันยาใจดีกับพวกเราด้วยเถอะ”

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความตระหนกตกใจของแฟนคลับที่หลาย ๆ คนอาจจะยังรู้สึกคลายความกังวลถึงนักแสดงสาวขวัญใจลงไม่ได้ แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่ารอดพ้นวิกฤตที่พาตะลึงมาได้แบบปลอดภัยแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องขออนุญาตนำเซตปลอบประโลมความเป็นห่วงที่ส่งไปถึงได้แค่ในโซเชียล แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่ต้องแสดงออกด้วยเซตภาพถ่ายเซตแฟชั่นเผยความงามเบา ๆ ของเจ้าตัวที่ลงเปิดเผยความดีต่อใจไว้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา โดยเป็นโพสต์ที่ตัวแม่สายความงามแบบมีรสนิยมนี้ได้ติดแคปชันเบา ๆ ไว้ว่า “สวยแบบเต็ม 10 ไม่หักก 💗”

2 กันยายน พ.ศ. 2488 ‘ญี่ปุ่น’ ลงนามยอมจำนน บนเรือรบมิสซูรี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ

มาโมรุ ชิเงมิตซึ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (ในขณะนั้น) ในนามของพระจักรพรรดิลงนามในเอกสารยอมจำนน เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 ถือเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ

ในวันที่ 2 กันยายน 1945 (พ.ศ. 2488) มาโมรุ ชิเงมิตซึ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (ในขณะนั้น) ในนามของพระจักรพรรดิลงนามในเอกสารยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขต่อกลุ่มสัมพันธมิตรเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดลงของ สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ

การลงนามมีขึ้นบนเรือรบมิสซูรีของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลอยลำอยู่เหนืออ่าวโตเกียว โดยพิธีลงนามใช้เวลาเพียง 20 นาที เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงนามทั้งสิ้น 12 รายชื่อ

แม้ฝ่ายทหารจะต่อต้านการยอมจำนนจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่ด้วยความเสียหายของญี่ปุ่นหลังโดนโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูติดๆ กันสองลูกในฮิโรชิมา และนางาซากิ ประกอบกับโซเวียต ยังประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในช่วงเวลาเดียวกัน จึงทำให้กลุ่มการเมืองภายในญี่ปุ่นต้องการยุติสงครามในครั้งนั้น 

ก่อนหน้านั้น รัฐบาลญี่ปุ่นออกแถลงการณ์เห็นด้วยที่จะยอมรับเงื่อนไขการยอมจำนนตามคำประกาศแห่งปอตสดัม (Potsdam Declaration) ในวันที่ 10 สิงหาคม ตามมาด้วยการประกาศยอมแพ้สงครามของพระจักรพรรดิผ่านวิทยุกระจายเสียงในวันที่ 15 สิงหาคม ก่อนที่ญี่ปุ่นจะลงนามในเอกสารยอมจำนนอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กันยายนปีเดียวกัน

‘ใยไหม ชินารดี’ โอดอยากลบภาพจำดาราเด็ก ลั่น!! “หนูโตแล้วค่ะ” พร้อมบอก อยากลองรับบทฆาตกร-โรคจิต เผื่อคนจะสลัดภาพจำได้บ้าง

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 เข้าวงการตั้งแต่ 3 ขวบ ขึ้นแท่นดาราเด็กสุดฮอต และหลายคนจำชื่อและหน้าตากันได้ดี สำหรับ ‘น้องใยไหม ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ’ นักแสดงสาวน้อยมากความสามารถ แถมฉายแววสวยตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้กลายเป็นสาวเต็มตัว อายุ 18 ปีแล้ว

แม้ว่าเจ้าตัวจะกลายมาเป็นนางเอกเต็มตัวแล้ว แต่หลายคนยังติดภาพจำวัยเด็ก และยังมีคนทักอยู่บ่อยๆ ว่า “น้องใยไหมโตแล้วเหรอเนี่ย”

ล่าสุด ‘ใยไหม’ มาร่วมงาน ‘First Preview ละคร Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน’ ในฐานะนักแสดงของเรื่อง ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเธออยากให้คนจำบทบาทใหม่ๆ ในชีวิตนักแสดงของเธอบ้าง 

“ตอนนี้อายุ 18 ปีแล้วค่ะ (ยิ้ม) ล่าสุดตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 ที่ มศว. คณะอุตสาหกรรม เอกการแสดงค่ะ” น้องใยไหม กล่าว

>> ได้เป็นเฟรชชี่แล้ว?
“จริงๆ ค่อนข้างตื่นเต้นค่ะ เพราะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ และสังคมใหม่ๆ”

>> ตั้งใจเรียนตรงสายเลยใช่ไหม?
“จริงๆ ถ้าตรงสายของหนูตั้งแต่เด็กก็คงจะเป็นนวัตกรรม ค่ะ แต่หนูเคยเล่นละครเวทีตั้งแต่เด็ก ก็รู้สึกว่าเราชอบแนวนี้ ก็เลยอยากลองศึกษาเพิ่มเติม ก็เลยเลือกเข้าศิลปกรรม เพราะว่าศิลปกรรมกับนวัตฯ จะคนละแบบ”

>> ชีวิตตอนเป็นนักแสดงเด็ก กับชีวิตการเป็นนักแสดงวัยรุ่นแตกต่างกันไหม?
“แตกต่างนะคะ เพราะตอนเด็กๆ การตัดสินใจในหลายๆ เรื่องจะไม่ค่อยซับซ้อนเท่าตอนโตเท่าไหร่ แต่พอโตมาและได้รับบทใหม่ๆ ที่โตขึ้น มันก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่ซับซ้อน คดเคี้ยวมากขึ้น”

>> คนก็ทักตลอด?
“ใช่ค่ะ ทุกคนก็จะบอกว่าน้องใยไหมโตแล้วเหรอ (ยิ้ม) จริงๆ มันก็ผ่านมา 15 ปีแล้ว (หัวเราะ)”

>> คนเข้ามาถามเยอะมั้ยกับบทบาทใหม่ๆ ที่เราได้รับ?
“มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่เข้ามาคอมเมนต์ในไอจีหรือเฟซบุ๊กเยอะว่าอายุ 18 แล้วเหรอ โตเร็วจัง”

>> ดีใจมั้ยที่หน้าเรายังบล็อกเดิม ไม่เปลี่ยน?
“(หัวเราะ) ดีใจค่ะ เพราะรู้สึกว่าใบหน้าเราก็เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกคนจำได้”

>> พออายุ 18 แล้วอยากทำอะไรที่แตกต่างจากตอนเป็นเด็กไหม?
“ก็ต้องเรียกว่าแสดงได้ทุกบทแหละค่ะ แต่ในอนาคตก็คงจะมีคาแร็กเตอร์บางอย่างที่ชาเลนจ์ตัวเรามากขึ้น”

>> อยากให้คนมองภาพเราเปลี่ยนไปจากตอนเด็กไหม?
“อยากนะคะ เพราะคนส่วนใหญ่จะติดภาพที่ไหมตอน 3 ขวบ แต่อยากจะบอกว่าโตแล้วนะ (หัวเราะ) ก็อยากให้ทุกคนจำเราในบทบาทใหม่ๆ บ้าง”

>> งานที่เข้ามาเป็นยังไงบ้าง โตขึ้นมั้ย หรือยังมีแนวเด็กๆ อยู่?
“เหมือนตอนนี้เรายังเป็นวัยรุ่น บทต่างๆ ที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เป็น 17-20 ก็เลยอาจจะยังไม่ได้ดูโตมากขนาดนั้น แต่จริงๆ หนูอยากลองเล่นบทโรคจิต ฆาตกร อยากเล่นแนวนั้นเลย เพราะน่าจะทำให้ทุกคนพอจะสลับภาพจำไปได้บ้าง (หัวเราะ) เพราะที่ผ่านมาจะมีบทดรามาที่คนจะจำได้เยอะๆ คนจะจำว่าน้องใยไหมเป็นนักแสดงที่ร้องไห้ได้เก่งๆ ก็เลยรู้สึกว่ามีสกิลอื่นๆ ที่เราทำได้ดีเช่นกัน ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นค่ะ”

>> แสดงว่าภาพจำก็มีผลกับงาน?
“มีค่ะ เพราะส่วนใหญ่เวลาเล่นละครก็จะได้บทดรามาเยอะมากๆ ก็เลยอยากจะได้ลองเล่นบทอื่นๆ ด้วย”

>> ได้เอาสิ่งที่เรียนมาใช้ไหม?
“จริงๆ ที่เรียนที่มหาวิทยาลัยก็คือเพิ่งเปิดเทอมค่ะ ก็เลยยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก แต่หวังว่าในอนาคตถ้าได้เรียนในชั้นปีที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็คงได้เอาสกิลอะไรบางอย่างมาใช้จริงบ้าง”

>> กลัวการทำงานจะกระทบกับผลการเรียนไหม?
“จริงๆ ไม่กลัวนะคะ เพราะที่ผ่านมาเราก็สามารถจัดการเวลาระหว่างเรียนกับทำงานได้ และหวังว่าอนาคตก็คงจะไม่มีอะไรที่ทำให้สองอย่างนี้กระทบกันค่ะ แต่สุดท้ายแล้วไหมก็จะเลือกเรื่องเรียนก่อนอันดับแรกค่ะ”

>> ผลงานตอนนี้?
“ที่เพิ่งถ่ายจบไปก็ Across the Sky และอีกเรื่องนึงก็คือ Shadow เงาล่าตาย ก็เลยยังไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอีเวนต์หรือเป็นงานโปรโมตมากกว่าค่ะ”

>> กลัวในอนาคตมั้ยว่าเราเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องจบช้ากว่าเพื่อน?
“จริงๆ ที่บ้านไหมไม่ซีเรียสเรื่องการเรียน คือไม่ได้ซีเรียสว่าถ้าวันนึงเรางานเยอะขึ้นมา จะต้องจบพร้อมเพื่อน เพราะที่บ้านไหมไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น เขาเข้าใจในการทำงานของเรา แต่ความตั้งใจของไหมก็คือให้จบพร้อมเพื่อน และจริงๆ หนูเป็นคนค่อนข้างซีเรียสเรื่องผลการเรียน ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แต่เราก็อยากจะให้มันดีทั้งคู่ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องการทำงาน”

>> ถ้ารับงานก็จะเลือกไม่ให้กระทบกับเวลาเรียนใช่ไหม?
“ใช่ค่ะ”

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ถูกรถชนท้ายอย่างแรงที่สิงคโปร์ ระบมทั้งหลัง-คอ มึนหัวจนอยากอาเจียน!!

(2 ก.ย. 66) ทำเอาแฟนๆ ตกใจอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ เผยผ่านอินสตาแกรมว่า ตอนนี้ตัวเองขึ้นรถแท็กซี่อยู่ประเทศสิงคโปร์ และถูกรถที่วิ่งตามหลังมาชนโครมใหญ่ จนระบมหลังล่างกับคอ มึนหัวจนอยากอาเจียน ด้านเพื่อนที่มาด้วยกันถูกโทรศัพท์มือถือกระแทกเข้าหน้า

“ต้อนรับการมาถึงสิงคโปร์ ด้วยรถชนจ้า โครมใหญ่มาก โดนชนจากข้างหลัง เพื่อนฝน มือถือหลุดกระเด็นกระแทกตา ส่วนของบุ๋มระบมหลังล่างกับคอ มึนหัวจนอยากอาเจียน แง

ปล. ดีที่เราใส่สายคาด แต่มันแน่นจนตัวไม่ขยับ แต่ก็เกิดแรงกระแทกหนักอยู่”

นอกจากนี้ บุ๋มยังเข้าไปเมนต์ตอบชาวเน็ตที่บอกว่า “ถ้าเจ็บมากให้รีบไปตรวจ” ด้วยข้อความว่า “ตอนนี้รู้สึกชาๆ มึนๆ อยู่”

‘อ้วน รังสิต’ พา ‘มะม่วง-น้องโรฮา’ กลับไทยแล้ว หลังบินไปเกาหลี ง้อคืนดีสำเร็จ หวิดขาเตียงหัก

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 หลังเดินหน้าง้อภรรยาสาว ‘มะม่วง’ หรือ ‘ปาร์ค ฮยอน ซอน’ ได้สำเร็จ ล่าสุดนักแสดงหนุ่ม ‘อ้วน รังสิต’ ได้เผยคลิปที่ทำเอาแฟนๆ หลายคนใจชื่น เมื่อหนุ่ม ‘อ้วน’ กำลังพา ‘มะม่วง’ และลูกชาย ‘น้องโรฮา’ เดินทางกลับมาอยู่ที่ไทย หลังไปอยู่ที่เกาหลีด้วยกันมานานนับเดือน พร้อมแคปชัน "โรฮากลับไปหาโรงเรียนก่อนนะครับ"

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ ‘อ้วน รังสิต’ ได้โพสต์คลิปไป ก็มีเพื่อนๆ ดาราคนดังเข้าไปคอมเมนต์ร่วมแสดงความยินดีกับครอบครัวนี้กันเป็นจำนวนมาก อาทิ ดีใจจังกลับเมืองไทยแล้ว, ครอบครัวอบอุ่น ฯลฯ

‘BLACKPINK’ ถูกเสนอชื่อเข้าชิง 6 หมวดหมู่ ในงาน VMA สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมทั่วโลกของวงการ K-POP

(3 ก.ย. 66) ตามรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 ก.ย. (เวลาท้องถิ่น) บนเว็บไซต์ VMA 4 สาว BLACKPINK (แบล็คพิงค์) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงใน 6 หมวดหมู่ ได้แก่ ‘Best Editing,’ ‘Best Art Direction,’ ‘Best Choreography,’ ‘Best K-pop,’ ‘Group of the Year,’ และ ‘Show of the Summer.’

เมื่อปีที่แล้ว BLACKPINK (แบล็คพิงค์) สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการแสดงในรายการประกาศรางวัลนี้ด้วยเพลงฮิตของพวกเขา ‘Pink Venom’ ซึ่งกลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปเคป๊อปกลุ่มแรกที่สร้างความสง่างามบนเวที VMA

การเสนอชื่อเข้าชิง VMA ในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมทั่วโลกของ K-pop โดยแสดงให้เห็นการปรากฏตัวอย่างแข็งแกร่งของศิลปินเกาหลีบนเวทีโลก

ไม่เพียงเท่านั้น หนุ่ม ๆ TOMORROW X TOGETHER (TXT) จากค่าย BigHit Entertainment ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงใน 4 หมวดหมู่ด้วยเพลงฮิตของพวกเขา ได้แก่ ‘Sugar Rush Ride’, ‘Group of the Year,’ ‘Song of Summer,’ ‘Push Performance of the Year,’ และ ‘Best K-pop.’

แม้จะมีข้อพิพาทด้านสัญญาอย่างต่อเนื่อง แต่เกิร์ลกรุ๊ป FIFTY FIFTY ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงใน 3 ประเภทด้วยเพลงฮิตระดับโลกของพวกเขาอย่าง ‘Cupid’ ในหมวด ‘Group of the Year,’ ‘Song of Summer’ และ ‘Best K-pop’

จองกุก สมาชิกวง BTS ซึ่งก่อนหน้านี้ขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ต Billboard Hot 100 ด้วยเพลงเดบิวต์เดี่ยวของเขา ‘Seven’ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในหมวด ‘Song of Summer’

นี่เป็นปีที่สองติดต่อกันที่ จองกุก ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในหมวดหมู่นี้ หลังจากที่เขาได้รับการเสนอชื่อเมื่อปีที่แล้วจากการร่วมงานกับ Charlie Puth ในเพลง ‘Left and Right’ ทำให้เขาเป็นศิลปินเดี่ยวชาวเกาหลีคนแรกที่ประสบความสำเร็จนี้

นอกจากนี้ วงอย่าง SEVENTEEN และ NewJeans ยังได้เข้าชิงรายชื่อผู้เข้าชิง ‘Group of the Year’ ในขณะที่ aespa, SEVENTEEN และ Stray Kids มีชื่อเข้าชิงในหมวด ‘Best K-pop’

นอกจากนี้ Stray Kids และ TOMORROW X TOGETHER ยังรวมอยู่ในรายชื่อนักแสดง ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะแสดงสดในพิธีมอบรางวัล

‘นิกกิ้ ณฉัตร’ ไม่สบายจนต้องแอดมิท นอนดูอาการที่ รพ. ด้าน ‘ก้อย’ ส่งกำลังใจ ชาวเน็ตชมมิตรภาพยังสวยงามเสมอ

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 66 ทำเอาแฟนคลับและเพื่อนในวงการบันเทิง แห่ส่งกำลังใจให้นักแสดงหนุ่ม ‘นิกกี้ ณฉัตร’ หายป่วยไวๆ หลังจากที่เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ภาพตัวเองขณะไม่สบาย นอนอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมแคปชันว่า…

“มา MRI Scan ผลออกมาเเล้ว คุณหมอบอก ไม่เจอ ผมเลยถาม ไม่เจอเนื้องอก? หมอบอก ไม่เจอ สมองงง นั้นนน!!”

ซึ่งงานนี้ทางด้านนักแสดงสาว ‘ก้อย อรัชพร’ อดีตแฟนสาวก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ว่า “หาสักที หายไวๆ ค่ะ” ซึ่งหนุ่มนิกกี้ ก็ตอบกลับว่า “หายป่วย?” งานนี้ทำเอาแฟนคลับแห่ชมมิตรภาพ และความน่ารักของทั้งคู่กันอย่างล้มหลาม

‘บุ๋ม ปนัดดา’ เปิดค่ารักษาที่สิงคโปร์ โดนไปจุกๆ 2 หมื่นบาท หลังเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนท้าย เข้าโรงพยาบาลแค่วันเดียว

(3 ก.ย. 66) ถึงคราวฟาดเคราะห์จริงๆ สำหรับ ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ที่ก่อนหน้านี้เธอได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @boompanadda ว่าได้ประสบอุบัติเหตุขณะนั่งรถเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ โดยถูกรถยนต์ชนจากบริเวณด้านหลังรถยนต์ที่เธอนั่งมาเข้าอย่างแรง ซึ่งในเวลาต่อมา ‘บุ๋ม ปนัดดา’ เผยว่าได้เดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว โดยระบุแคปชันว่า

“อ่ะ! ไม่รอดค่ะ เพื่อนฝนมึนหัว อาเจียนหลายรอบ ส่วนบุ๋มปวดร้าวหลังล่างและคอ อาเจียนมีเลือดปน 2 รอบ หมอฉีดยาและเอ็กซเรย์เรียบร้อย ผลตรวจคือ Muscle Spasm กล้ามเนื้อตรงคอกับหลังล่างอักเสบเฉียบพลัน มีผลกับเส้นประสาท ก็ค่อยๆ รักษากันไปค่ะ ขอบคุณทุกความห่วงใยนะคะ มาสิงคโปร์เป็น 100 ครั้งไม่เคยเจออุบัติเหตุบนถนน ไม่นึกว่าจะมาเจอกับตัวเอง ต้องขอขอบคุณน้องโบว์ชมพู @bow_bowchompoo ที่มาช่วยดูแลที่ รพ. จนเรียบร้อยทุกอย่าง ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ”

ล่าสุด ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมอัปเดตอาการอีกครั้งและเผยถึงค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลในประเทศสิงคโปร์ว่า “หายดีแล้วทุกคน เพราะเจอค่ารักษาหมอไปสองหมื่นกว่า ประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลที่สิงคโปร์ เอกซเรย์คอกับหลัง ฉีดยาแก้ปวดหนึ่งเข็ม ยากลับบ้านสี่อย่าง ยาคลายกล้ามเนื้อ แก้อาเจียน บำรุงประสาท และแผ่นแปะแก้ปวด พร้อมกับค่าเจอหมอตอนดึก ค่าเอกสารที่ขอกลับบ้าน 20,000 กว่าบาท หายดีเลยจ้า แม่แข็งแรงแล้ว จริงจิ๊งงง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top