Wednesday, 14 May 2025
Lite

เปิดภาพล่าสุด ‘สุชาติ แคปเจอร์’ เน็ตไอดอลในตำนาน  ที่ปังไม่หยุด!! ขึ้นเขียงอัปความอึ๋มของหน้าอก 200 ซีซี

(26 ก.ค. 66) ยังจำกันได้ไหม? ‘สุชาติ แคปเจอร์’ หรือ ‘สุชาติ จันทร์แก้ว’ ชื่อเล่นเธอเรียกตัวเองว่า ญาญ่า หนูน้อยตัวเล็กที่เรียกว่าสร้างสีสันและกลายเป็นไวรัลที่แชร์กันจนยอดเข้าชมคลิปถล่มทลายหลายล้านวิว จนได้เป็นเน็ตไอดอลคนดังในโลกโซเชียล

ล่าสุด สุชาติ แคปเจอร์ ก็ขอขึ้นเขียงทำศัลยกรรมอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่จมูกเหมือนเดิม แต่เป็นการเติมเต็มความเป็นสาวด้วยการเสริมหน้าอก พร้อมกับเผยหลังทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกว่า ทำขนาด 200 ซีซี เนื่องจากคุณหมอบอกว่าทำขนาดนี้พอดีแล้ว เนื่องจากเป็นคนตัวเล็กนั่นเอง เรียกว่า อย่าหยุดสวยจริง ๆ

31 กรกฎาคม พ.ศ. 2466  กำเนิด ‘รถแท็กซี่’ ในประเทศไทย เริ่มออกวิ่งให้บริการเป็นครั้งแรก

วันนี้เมื่อ 100 ปีก่อน รถแท็กซี่ (Taxi) เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย โดย พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เพื่อช่วยทหารอาสาในสงครามโลกครั้งที่ 1 ให้มีอาชีพหลังจากปลดจากราชการ

ในครั้งนั้น ได้นำเอารถเก๋งออสติน (Austin) ขนาดเล็กออกวิ่งรับจ้าง ติดป้ายรับจ้างไว้ข้างหน้า-หลังของตัวรถ คิดค่าโดยสารเป็นไมล์ โดยตกไมล์ละ 15 สตางค์ ซึ่งนับว่าแพงมากเมื่อเทียบราคากับค่าโดยสารในปัจจุบัน ในสมัยนั้นจึงนิยมเรียกกันว่า ‘รถไมล์’ เพราะเก็บค่าโดยสารตามเลขไมล์ระยะทางที่วิ่ง

ในสมัยบุกเบิกใหม่ ๆ นั้นมีรถแท็กซี่อยู่เพียง 14 คัน แต่ก็ประสบปัญหาขาดทุนจนต้องเลิกกิจการในที่สุด เนื่องจากค่าโดยสารแพง ผู้ใช้บริการยังไม่คุ้นเคยจึงไม่ยอมนั่ง ประกอบกับเมืองกรุงเทพฯ ยังมีขนาดเล็ก และมีรถรับจ้างอื่น ๆ อยู่มากและราคาถูกกว่า

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2490 ก็มีผู้นำรถยนต์นั่งมาให้บริการในลักษณะรถแท็กซี่อีกครั้ง รถที่นำมาบริการในช่วงนั้นเป็นรถยี่ห้อ เรโนลต์ (Renault) สมัยนั้นจึงเรียกแท็กซี่ว่า ‘เรโนลต์’ ได้รับความนิยมจากคนทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากสะดวกรวดเร็วกว่ารถจักรยานสามล้อถีบ ซึ่งมีชุกชุมในยุคนั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้อาชีพขับรถแท็กซี่เป็นที่ฮือฮา มีผู้นำรถเก๋งไปทำเป็นรถแท็กซี่กันมากขึ้น จนขยายไปต่างจังหวัด จนต้องมีการควบคุมกำหนดจำนวนรถมาจนถึงทุกวันนี้ 

ปัจจุบันแท็กซี่ในเมืองไทยเป็นรถปรับอากาศ ติดมิเตอร์คิดอัตราค่าโดยสารตามระยะทางและเวลา นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ส่วนบุคคลนำมาให้บริการผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นวิวัฒนาการรถแท็กซี่ในประเทศไทย จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

'จ้าวลี่อิง' นางเอกดังแดนมังกรเที่ยวเมืองไทย แวะชิม ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ พร้อมปรุงรสสุดแซ่บ

ทำเอาแฟนๆ อดยิ้มไม่ได้จริงๆ หลังมีการแชร์ภาพของ ‘จ้าวลี่อิ่ง’ (Zhao Liying) นางเอกซุปตาร์จีน วัย 35 ปี ที่แฟน ๆ จดจำจากซีรีส์ ‘จูเซียน กระบี่เทพสังหาร’ (Noble Aspirations), ‘ฉู่เฉียว จอมใจจารชน’ (Princess Agents), ‘ตำนานหมิงหลัน’ (The Story of Ming Lan) รวมถึง ‘นางโจร’ (Legend of Fei) ที่เธอได้ประชันบทบาทกับ ‘หวังอี้ป๋อ’ (Wang Yibo) พระเอกรุ่นน้อง

ภาพที่ปล่อยออกมาเป็นเซ็ตภาพที่เธอคนนี้ลัดฟ้ากลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน และหนนี้เจ้าตัวได้แวะชิม ‘ของดีเมืองไทย’ เป็น ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ หรือ ‘ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก’ แถมเธอยังดูเป็นสายชอบทานของแซ่บ เพราะมีภาพที่เธอตักพริกป่นจากพวกเครื่องปรุงแบบพูนช้อน!!

และก็น่าจะเพราะก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟมาแบบชามเล็กชามน้อยราคาย่อมเยาว์ นางเอกซุปตาร์คนดังก็เลยขอสั่งมาชิมเสียเต็มโต๊ะ ทำเอาแฟน ๆ และชาวเน็ตเห็นแล้วอดยิ้มกันไม่ได้จริง ๆ รวมทั้งพากันคอมเมนต์อวยพรให้ ‘จ้าวลี่อิง’ คนสวยของแฟนๆ ได้พักผ่อนชาร์จพลังระหว่างลัดฟ้ามาเที่ยวเมืองไทยหนนี้อย่างเต็มที่สุด ๆ ไปเลย

‘แจ็คสัน หวัง’ แต่งเต็มยศ สวมบทพนักงานเซเว่น เหล่าอากาเซ่เอ็นดู ลุ้น!! อาชีพต่อไปจะเป็นอะไร

(27 ก.ค. 66) หลังจากที่ปรากฏตัวสุดหล่อในงานอีเวนต๋ขายกาแฟ ก่อนจะไปร่วมเก็บขยะจนเกลี้ยงคลอง ล่าสุด ‘แจ็คสัน หวัง’ ทำแฟน ๆ เซอร์ไพรส์เมื่อโผล่ไปเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น แต่งตัวเต็มยศพร้อมป้ายพนักงานห้อยคอ โดยรับหน้าที่แคชเชียร์ คุยเล่นกับลูกค้า ทำเอาคนแห่ไปใช้บริการกันเพียบ แต่งานนี้โดนแซวหนักเพราะหนุ่มพนักงานสุดหล่อ นั่งรถหรูมาทำงาน แถมยังใส่เครื่องประดับแบรนด์หรูที่ตนเองเป็นพรีเซ็นเตอร์เรียกได้ว่า มาเมืองไทยรอบนี้ แจ็คสัน หวัง กิจกรรมแน่น ทำเอาแฟน ๆ รอดูว่าอาชีพต่อไป magic man คนนี้จะไปเซอร์ไพรส์ทำอะไรต่อ เรียกได้ว่าต้องคอยเกาะติดโซเชียลอัปเดตกันทุกชั่วโมงเลยทีเดียว

‘ก้อย อรัชพร’ อัปเดตเรื่องหัวใจ เผย ตอนนี้ยังไม่รีบมีใคร พร้อมบอก ยินดี!! หาก ‘นิกกี้’ มูฟออนมีความรักครั้งใหม่

(27 ก.ค. 66) หัวใจกำลังจะไม่ว่างเเล้วหรือเปล่าสำหรับ ‘นิกกี้ ณฉัตร’ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ไปออกรายการ What the fast ทางช่องยูทูบของ ดีเจเพชรจ้า เเละได้อัปเดตเรื่องหัวใจว่า น้องฝึกงานก็น่ารักดีเเต่น้องยังเด็กเพิ่งอายุ 21 คือไม่กล้า เราเป็นคนเxี้ยไง เอางี้เส้นพี่เป็นคนเxี้ย ก็พยายามจะเป็นคนดี เพื่อคนที่เรารัก แต่พอมันหมดแล้ว เรื่องส่งเมสเสจก็ไม่มีฝืนตัวเองอยู่

ล่าสุด ‘ก้อย อรัชพร’ ได้ออกมาเปิดว่า กับนิกกี้ตอนนี้คุยกันเรื่องหมาอย่างเดียว มีคุยงานบ้างไม่คุยเรื่องส่วนตัวเลย เห็นข่าวความรักครั้งใหม่ของนิกกี้เพราะมีคนส่งมาให้ดูเราก็บอกว่าอะไรที่เขาเเฮปปี้เราก็โอเค มันเป็นชีวิตเขาตอนนี้เราเหมือนเพื่อนกันเเล้วถ้ามูฟออนมีเเฟนใหม่ก็ยินดีด้วย

ส่วนเรื่องหัวใจของตัวเองตอนนี้ไม่รีบ ไม่ได้คุยกับใครจริงจัง อยากฟังตัวเองเยอะ ๆ ว่าเราต้องการอะไร เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องรีบ ทุกวันเราเหนื่อยงานอยู่เเล้วถ้ามีความรักมันจะต้องเป็นความสบายของเรา สบายใจที่ได้อยู่กับเขา

‘ปราง กัญญ์ณรัณ’ สวมชุดไทยเที่ยววัดดังในญี่ปุ่น เผย!! “ปลื้มใจ ได้เผยแพร่ผ้าไทยให้ต่างชาติได้ชม”

เรียกได้ว่าขอเป็นซอฟท์พาวเวอร์แบบเบาๆ สำหรับ ‘ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล’ ที่ล่าสุดเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ก่อนหน้านี้ก็โปรโมตกางเกงมวยไทยใส่เดินกลางชิบุย่าแหล่งสุดฮิตของโตเกียวมาแล้ว

ล่าสุดที่วัดอาซากุสะที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ที่คนไทยมักไปเช่าชุดยูกาตะมาใส่ถ่ายรูปด้วย ครั้งนี้ ‘แม่หญิงจันทร์วาด’ ขอสวนกระแสจัดชุดไทยจิตรลดา ผ้าไหมยกดอกลำพูนสีกลีบบัว ไปใส่ถ่ายรูปหน้าวัดสร้างความแตกต่างและเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัวเสียเลย งานนี้ได้กระแสตอบรับดีมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ทำเอาเจ้าตัวปลื้มสุดๆ

ทั้งนี้ สาวปราง ได้โพสต์รูปสวมชุดไทย พร้อมเขียนแคปชันในอินสตาแกรมส่วนตัว ‘ladiiprang’
ว่า “ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศแล้วได้ใส่ผ้าไทยให้ต่างชาติได้เห็น ปรางภูมิใจมาก รู้สึกรักคนไทย ช่างฝีมือไทยที่ทำของสวย ๆ แบบนี้ และยิ่งดีใจที่มีคนเข้ามาชม ถ่ายรูป และชื่นชอบในผ้าไทย มาโตเกียวครั้งนี้ปรางสวมใส่ชุดผ้าไหมยกดอกลำพูนสีกลีบบัว คู่กับเครื่องประดับผลงาน ครูพิรุณ ศรีเอี่ยมสะอาด ครูช่างศิลปหัตถกรรม ที่เอางานปั้นหุ่นกระบอกมาดีไซน์ลายไทยเป็นตุ้มมาลัยและดอกรัก ปรางเลือกกระเป๋าย่านลิเภาจาก จ.นครศรีธรรมราช ฝีมือคุณนภารัตน์ ทองเสภี ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม สัมผัสงานหัตถศิลป์ไทยทรงคุณค่าได้ที่ @sacit_official รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นแม่หญิงจันทร์วาดของทุกคนเลย :)”

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบพิธีพระบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์

วันนี้เมื่อ 199 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ประสูติแต่สมเด็จพระศรีสุลาไลย หรือ ‘เจ้าจอมมารดาเรียม’ ต่อมาได้รับการเฉลิมพระอิสริยศักดิ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระศรีสุลาลัย เป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2330 ณ พระราชวังเดิม ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

ในขณะที่พระองค์ประสูตินั้น สมเด็จพระราชชนกดำรงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร พระองค์จึงมีสกุลยศชั้นหม่อมเจ้าพระนามว่า ‘หม่อมเจ้าชายทับ’

จนกระทั่ง สมเด็จพระบรมชนกนาถได้รับอุปราชาภิเษกขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในปี พ.ศ. 2349 พระองค์จึงมีพระอิสริยยศเป็น ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าชายทับ’

เมื่อสมเด็จพระราชชนกได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 2 ใน พ.ศ. 2352 พระองค์จึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าชั้นเอก ออกพระนามว่า ‘พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ’

จนนปี พ.ศ. 2356 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรม เป็น ‘พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์’

แต่แล้วในปี พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต โดยที่ยังมิได้ตรัสมอบหมายการสืบราชสันตติวงศ์ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการได้ประชุมปรึกษากันและมีสมานฉันท์เป็น ‘อเนกมหาชนนิกร สโมสรสมมุติ’ ให้เชิญเสด็จ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลำดับที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สืบต่อมา

โดย พระสุพรรณบัฎที่เฉลิมพระปรมาภิไธย ซึ่งทูลเกล้าฯ ถวายในวันทรงรับพระบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.  2367 ก็ยังคงใช้พระปรมาภิไธยเช่นเดียวกับรัชกาลที่ 1 และที่ 2 โดยราษฎรทั่วไปไม่ออกพระนามพระมหากษัตริย์ แต่เรียกว่า ‘พระพุทธเจ้าอยู่หัว’

ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงทรงทำพิธีจารึกพระสุพรรณบัฎถวายพระปรมภิไธยใหม่ว่า ‘พระบาทสมเด็จพระปรมาทิวรเสฎฐ มหาเจษฎาบดินทร์ สยามมินทรวโรดม บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว’

ต่อมา พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ถวายพระนามใหม่เป็น ‘พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทร มหาเจษฎาบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว’ พระปรมภิไธยอย่างย่อคือ ‘พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาเจษฎาบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว’ อักษรพระปรมาภิไธยย่อ คือ ‘จปร.’ หมายถึง ‘พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์ มหาเจษฎาบดินทร์ บรมราชาธิราช’

เมื่อ พ.ศ. 2538 มีพระราชาคณะจาก 15 วัด ได้มีลิขิตเสนอให้ถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า ‘ธรรมิกมหาราช’ ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ออกพระนามพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็น 3 แบบ คือ ‘พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว’ , ‘พระมหาเจษฎาราชเจ้า’ และ ‘พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า’

อันมีความหมายว่า ‘พระมหาราชเจ้าผู้มีพระทัยตั้งมั่นในการบำเพ็ญพระราชกิจ’

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานองค์ตะวันออก เมื่อวันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 สิริรวมพระชนมพรรษา 63 พรรษา 2 วันเวลาที่ครองราชย์ 26 ปี 8 เดือน 12 วัน

ทรงมีพระราชโอรส 22 พระองค์ พระราชธิดา 29 พระองค์ รวม 51 พระองค์ จากเจ้าจอมมารดา 35 ท่านในจำนวนนี้ประสูติก่อนบรมราชาภิเษก 38 พระองค์ และเมื่อบรมราชาภิเษกแล้ว 13 พระองค์ มิได้ทรงสถาปนาเจ้าจอมท่านใดเป็นพระมเหสี พระราชโอรสพระราชธิดา จึงดำรงพระอิสริยฐานันดรศักดิ์เป็น ‘พระองค์เจ้า’ มีสายราชสกุลที่สืบเนื่องมา 13 มหาสาขา ได้แก่ ศิริวงศ์ โกเมน คเนจร งอนรถ ลดาวัลย์ ชุมสาย ปิยากร อุไรพงศ์ อรณพ ลำยอง สุบรรณ สิงหรา ชมพูนุท

พระราชดำรัสสุดท้ายเมื่อก่อนเสด็จสวรรคต ที่ทำให้คนไทยในยุคสืบต่อมาสมควรต้องระลึกถึงไตร่ตรองเสมอเกี่ยวกับบ้านเมือง แม้เวลาจะล่วงแล้ว 153 ปีก็คือ 

“การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่า ก็เห็นจะไม่มีแล้วจะมีอยู่แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้การงานสิ่งใดของเขาที่คิดไว้ ควรจะเรียนเอาไว้ก็เอาอย่างเขาแต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว”

‘Viper Bangkok’ บาร์แฮงค์เอาท์ ย่านสะพานควาย บรรยากาศดี ดนตรีสด พร้อมค็อกเทลสูตรพิเศษ

ค้นพบสวรรค์แห่งความสนุก ค้นหาความสุขกับเครื่องดื่มดีดี ลิ้มลองอาหารเลิศรสในบรรยากาศที่แปลกใหม่กับคนที่รู้ใจ วันนี้ THE STATES TIMES ขอแนะนำที่ร้าน Viper Bangkok

ร้านนี้อยู่ใจกลางเมือง ย่านBTSสะพานควาย ร้านสวย มู๊ดดี น่านั่งมาก แสงสีจัดเต็มถ่ายรูปออกมาคือเริ่ดมากเลยขอบอก ที่สำคัญเพลงเพราะด้วยมีทั้งดนตรีสด และช่วง DJ เครื่องดื่มครบมาก ทั้งเบียร์ ไวน์ และค็อกเทลต่าง ๆ เยอะมากตอบโจทย์ทุกคนอย่างแน่นอน

ตัดมาที่เมนูอาหารก็จัดเต็มไม่แพ้กัน เริ่มจาก ไข่ปลาหมึกทอดคลุกซอส กรอบนอกหนึบในกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติสุดฟิน หรือจะจานเส้นอย่างผัดหมี่กระเฉดกุ้งแม่น้ำ หอมกลิ่นคั่วกระทะกุ้งตัวใหญ่มาก สายแซบต้องยำดิบรวม หมึกกุ้งปลาสดมาก อร่อยฉ่ำ ๆ ทุกเมนูกินคู่กับเครื่องดื่มลงตัวมาก ใครกำลังมองหาที่แฮงค์เอาท์ โซนสะพานควายรีบแท็กชวนเพื่อน ๆ ด่วน สามารถโทรไปสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 093-624-9268

‘มิกค์ ทองระย้า’ ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล เทิดพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

(27 ก.ค. 66) ‘มิกค์​ ชรินทร์​ ทองระย้า’ นักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ‘mik_thongraya’ โดยระบุว่า…

“เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2566 ช่อง 7HD จัดกิจกรรม ‘7HD รวมใจถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ นำโดย นายพัฒนพงค์ หนูพันธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นักแสดง ผู้ประกาศข่าว และเจ้าหน้าที่ จากช่อง 7HD ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

‘อ้วน รังสิต’ อัดคลิปขอโทษภรรยา หลังหอบลูกหนีกลับเกาหลี เหตุทะเลาะกันแรง แถมตนใช้อารมณ์ตัดสิน สัญญาจะไม่ทำอีก

(27 ก.ค. 66) ทำเอาหลายคนต่างส่งกำลังใจให้กับ ‘อ้วน รังสิต ศิรนานนท์’ หลังเจ้าตัวได้โพสต์โซเชียลรูปภรรยาสาวชาวเกาหลี ‘ปาร์คฮยอนซอน’ หรือ ‘มะม่วง’ พร้อมข้อความว่า ‘Come back please’ และยังได้อัดคลิปลงเพจ Fatmango family โดยใช้แคปชันว่า “มะม่วง ผมขอโทษ เราอย่าเลิกกันเลย” โดยในคลิป อ้วน รังสิต ได้ระบายความในใจไว้ว่า….

“ตอนนี้ก็ได้เผชิญกับ…เรียกว่าเป็นสิ่งที่เศร้าใจ ทุกข์ใจ แล้วก็หนักใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ คือแต่ละครอบครัวก็มีปัญหาชีวิต มีปัญหาครอบครัวที่แตกต่างกันไป ทุกๆ ครอบครัวก็มีปัญหาแหละ แต่ครอบครัวผมเรียกว่ามันก็มาถึงจุดที่เรียกว่า ทางตันของความรัก ชีวิตครอบครัวเลยก็ว่าได้นะครับ

ตอนนี้ที่บ้านหลังนี้ภรรยากับลูกของผมก็ไม่ได้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่าเขาทั้งสองคนบินกลับไปที่เกาหลีแล้วครับ เพราะว่าทุกครั้งที่เรามีปัญหาทะเลาะกัน ตัวผมเองก็เรียกว่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาก็ว่าได้ หลายครั้งผมก็จะพูดกับเขาว่า ถ้าคุณไม่มีความสุข คุณมีปัญหา ไม่ชอบใจ คุณก็กลับเกาหลีไปเลย

ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายๆ ครั้งที่ผมพูดแบบนี้ แต่ว่าครั้งนี้เขากลับเกาหลีจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่จุกอกจริงๆ ว่า เขาทำอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะทำได้ เขาเพิ่งกลับไปเมื่อคืนนี้เอง ช่วงนั้นผมออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อน เขาก็พาลูกบินกลับเกาหลีไปเลย กลับมาที่บ้าน มองไปที่บริเวณบ้าน ก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้เราสร้างขึ้นมาเพื่อภรรยาและลูก ถ้าเขาไม่อยู่แล้วบ้านจะมีความหมายอะไร

ปัญหาที่มันเข้ามาในชีวิต ที่มันสะสมมา มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากเลยที่เราควรที่จะแก้ปัญหาและจัดการกับมันให้ได้ แต่สิ่งที่ทำ ผมกลับใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหามากเกิน จนทำให้กระทบกระเทือนจิตใจทั้งสองฝ่ายแล้วก็ลูกด้วย เราเป็นผู้นำครอบครัวทำไมเรื่องแค่นี้เรากลับเห็นแก่ตัว เรากลับใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทุกอย่าง

ตอนแรกเลยผมคิดว่าทำไมผมต้องยอม ทำไมผมต้องไปคุยกับเขาก่อน แต่หลังจากที่อารมณ์มันดีขึ้น ก็เลยคิดได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องใช้ทิฐิในการตัดสินกับปัญหาชีวิตหรือว่าใช้อารมณ์ เพราะว่าการใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาอะไรที่จะคอยเหมือนเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟ มันก็มีแต่แย่ลง

เพราะฉะนั้นผมก็จะพูดตรงนี้เลยว่าผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมก็สัญญากับทุกคน สัญญากับมะม่วงแล้วก็ลูกของผมว่า ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เพราะว่าตัวลูกเองก็คงอยากจะมีพ่อ มีแม่ ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วก็รักกัน

ลองนึกย้อนไปวันที่เรารักกัน เราแต่งงานกัน วันที่สัญญากันว่าจะรักกันแล้วจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป พอเรานึกย้อนกลับไปแล้ว ก็เลยดึงสติได้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันไม่ถูก ทำไมเราถึงทำได้แค่นี้ ความอดทนทำไมเรามีแค่นี้ เราจะต้องใช้ความอดทนให้มากกว่านี้ เพื่อประคับประคองให้ครอบครัวเราไปต่อได้ และอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพื่อใคร อยากน้อยก็เพื่อลูกของเราเอง

หลังจากนี้ผมจะทำให้ภรรยาแล้วก็ลูก แล้วก็อุทิศชีวิตทั้งหมดเพื่อเขา วันไหนที่มีปัญหากันอีกหรือว่าต้องทะเลาะกัน ก็จะมีคลิปนี้ที่ผมจะมาย้อนดูได้และคอยเตือนตัวเองว่า เราควรจะทำตัวอย่างไร ก็ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้กับผมแล้วก็ครอบครัวของเราด้วยนะครับ

และสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาในชีวิตหรือปัญหาครอบครัว ก็ขอให้ทุกคนผ่านพ้นไปให้ได้ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา แล้วก็รักกันให้มากๆ เพราะว่าไม่มีใครที่ไหนจะรักและหวังดีกับเรามากเท่ากับครอบครัวของเราเอง

หลังจากนี้ผมก็วางแผนจะไปขอโทษและไปง้อเขาที่เกาหลี และให้เขายกโทษ ให้อภัยและกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสุขกันเหมือนเดิมนะครับ”

งานนี้มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจ อ้วน รังสิต ให้รีบบินไปเกาหลี ง้อภรรยาให้สำเร็จ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top