Monday, 12 May 2025
Lite

‘เป็กกี้ ศรีธัญญา’ เสื้อหลุดกลางเวทีคอนเสิร์ต แจง!! วอนลูกค้าที่ถ่ายคลิปไว้ช่วยลบทิ้งด้วย

(25 ก.ค. 66) ‘เป็กกี้ ศรีธัญญา’ หรือ ‘เป็กกี้-ดรุณี สุทธิพิทักษ์’ นักร้องนักแสดงสาวคนดังได้โพสต์คลิปพร้อมเขียนเล่าเหตุการณ์สุดช็อก เมื่อเสื้อหลุดกลางเวทีด้วยมิได้ตั้งใจ ขณะขึ้นแสดงร้องเต้นแบบจัดเต็มในคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง พร้อมกับร่ำขอวอนลูกค้าและผู้ชม ที่ได้ทำการถ่ายบันทึกภาพหรือคลิป ขณะเกิดเหตุดังกล่าว ให้ลบไฟล์คลิปทิ้งด้วย โดยระบุแคปชันบนอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมกับแนบคลิปที่ตัดมาเพียงสั้น ๆ ในช่วงก่อนเกิดอุบัติเหตุเสื้อหลุดบนเวที ใส่ไว้ภายในโพสต์บนไอจีของสาวเป็กกี้ โดยระบุว่า…

“วันนี้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน #เสื้อหลุด บนเวที คุณลูกค้าท่านไหนถ่ายทัน กราบ ลบทิ้งให้เป็กด้วยนะคะ ภาพหลังจากนี้ ขอบคุณค่ะ วันนี้ขอบพระคุณ #สิงห์ นะคะ”

ในส่วนของแฟนคลับได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าว ด้วยการให้กำลังใจ รวมถึงข้อความที่แสดงความเข้าใจสาวเป็กกี้ต่อเหตุการณ์ดังกล่าวต่าง ๆ

‘หม่ำ จ๊กมก’ สุดทน ยกมือไหว้ 3 รอบงามๆ ลั่น!! “ใครไม่ชอบผมก็อย่าดู เสียอารมณ์เปล่าๆ”

ซูเปอร์สตาร์ตลกของเมืองไทย ‘หม่ำ จ๊กมก’ ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ ‘เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ ที่จัดขึ้นเมื่อวันนี้ (24 กรกฎาคม 66) ที่สยามพารากอน ว่าถึงตอนนี้อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุลื่นล้มในห้องน้ำดีขึ้นมากแล้ว และตอนนี้ที่บ้านก็มีการปรับปรุงใหม่ โดยภรรยาของตนได้เปลี่ยนพื้นห้องน้ำให้เป็นพื้นแบบหยาบ

“อายุมาก จะเดินจะเหินก็ต้องระวัง แล้วคนที่ล้มในห้องน้ำอายุ 50 ขึ้นไประวังด้วยนะ ผมเตือนเลย เพราะว่าผมก็จะลื่นหลายครั้งแล้ว ทำห้องน้ำให้มันด้าน ๆ หยาบ ๆ และไม่ควรล็อกห้องน้ำด้วยนะ เพราะบางทีมันน็อกไปก็เรียบร้อย จอดำไปเลยนะ ระวังตัวกันด้วยคนที่อายุ 50 ขึ้นไป เรื่องกินก็ระวังกันด้วย เดี๋ยวนี้อาหารไม่เหมือนเมื่อก่อน ก็ต้องระวังตัวเองมากขึ้น”

ในเรื่องของงานหม่ำบอกว่าตอนนี้แทบจะไม่ว่างเลย เพราะมีละคร และก็จะมีงานภาพยนตร์ของตัวเอง

“ตอนนี้ก็จะยุ่ง ๆ หน่อย ไม่เคยทำละครไง เล่นเอง กำกับเอง เป็นผู้จัดด้วย โปรดิวซ์เอง บทเองอีก ทำการบ้านเยอะเหมือนกัน”

ส่วนเรื่องที่มด ภรรยาของเขาออกมาป้องหลังมีชาวเน็ตคอมเมนต์แรงถึงตน หม่ำก็บอกว่า “ถ้าไม่ชอบผม ฟังผมชัดๆ ไอ้พวกแบบนี้ มึงอย่าดูกูเลย ปิดผ่านไปเลย เดี๋ยวมึงอารมณ์เสียเปล่าๆ เพราะมึงไม่ชอบกูอยู่แล้วนะ กูขอร้อง (ยกมือไหว้) อย่าดู ไปดูคนอื่น มันไม่ถูกตาอยู่แล้ว แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใครด้วย แต่ถ้าไม่ชอบผม มึงอย่าดูกูเลย (หัวเราะ) กูไหว้มึงล่ะ (ยกมือไหว้) หรือมึงเป็นแฟนคลับกูวะ ไม่ชอบ ๆ แต่ดูจัง แฟนคลับแน่ ๆ เปิดเผยตัวเองมาซะ”

ทั้งนี้ หม่ำบอกว่าเขาไม่ได้เห็นคอมเมนต์ดังกล่าว เพราะปกติก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แต่มีคนมาเล่าให้ฟัง

“ผมเป็นคนไม่ตอบโต้คนอยู่แล้วไง แต่ถ้าไม่ชอบก็อย่าดูผมเลย ดูแล้วมันอารมณ์เสีย แล้วคุณเกลียดคน คุณอยากเห็นหน้าเขาไหม ก็ไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากดูด้วย ก็ไม่ต้องไปดู ไหว้ล่ะ (ยกมือไหว้) ไหว้ 3 รอบละ”

‘อุ้ม ลักขณา’ แชร์ข้อความเศร้า “ไม่มีบางสิ่ง ไม่มีบางคน ก็ไม่เป็นไร” ท่ามกลางกระแสข่าวลือเลิกกับสามี แถมยังอันฟอลไอจีกันอีกด้วย

(25 ก.ค.66) ก่อนหน้านี้ นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ ‘อุ้ม ลักขณา’ ถูกจับตามองความสัมพันธ์กับสามี ‘บอล กฤษณะ’ เพราะเห็นทั้ง 2 คนได้อันฟอลโลว์อินสตาแกรมกันเมื่อไม่นานมานี้ หลังเพจดัง ‘เจ๊มอย 108’ หย่อนคำใบ้ว่า "กูจะไม่ตัดสินใครว่าเลิก หรือไม่เลิก จากการอันฟอลโลว์กัน หรือพวกโพสต์อะไรเศร้า ๆ อีกแล้ว #ผัวเมียสายแซ่บก็เช่นกัน"

โดยล่าสุด ‘อุ้ม ลักขณา’ ได้แชร์ข้อความ Save Zone ที่ปลอยภัย โดยมีเนื้อหาใจความว่า

“Save Zone ที่ปลอดภัย
- อยู่แล้วมีตัวตน
- อยู่แล้วมีคุณค่า
- อยู่แล้วถูกให้ความสำคัญ
- อยู่แล้วไม่เหนื่อย
- อยู่แล้วขี้เล่นมากขึ้น
- อยู่แล้วมีทัศนะคติที่ดีขึ้น
- อยู่แล้วอารมณ์ดีมากกว่าเดิม
- อยู่แล้วมีความสุขแบบไม่ต้องพยายาม
- อยู่แล้วกล้าเล่าทุกอย่างให้ฟัง
#savezone #friendzone #family #duenstyle_"

นอกจากนี้ ‘อุ้ม ลักขณา’ ยังแชร์โพสต์อีกว่า "การมีความสุข ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างในชีวิตจะต้องสมบูรณ์แบบ แต่มันหมายถึงการที่คุณตัดสินใจที่จะมองข้ามความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นไป ไม่มีบางสิ่งไม่มีบางคนก็ไม่เป็นไร ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่" ซึ่งงานนี้ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีการฟันธง ต้องรอให้เจ้าตัวออกมาชี้แจง 

26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 วันเกิด ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย

วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย โดยเจ้าตัวถือเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ที่ผันตัวมาทำงานด้านการเมือง ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุด

‘ทักษิณ ชินวิตร’ เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ปัจจุบันอายุ 74 ปี โดยเจ้าตัวถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ดำรงตำแหน่งในช่วงปี พ.ศ. 2544-2549

ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ทักษิณเป็นที่รู้จักในนามของนักธุรกิจเจ้าของธุรกิจโทรคมนาคม และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กระทั่งในปี พ.ศ. 2537 เจ้าตัวเข้าสู่แวดวงการเมืองภายใต้สังกัดพรรคพลังธรรม และต่อมาได้ก่อตั้งพรรคการเมืองของตัวเองในชื่อ ‘พรรคไทยรักไทย’ ในช่วงปี พ.ศ. 2541

และหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในปี พ.ศ. 2544 พรรคไทยรักไทยได้รับเสียงข้างมากในสภา จึงส่งผลให้ทักษิณ ในฐานะหัวหน้าพรรค ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ก่อนที่อีก 4 ปีต่อมา พรรคไทยรักไทยยังสามารถกุมฐานเสียงในการเลือกตั้งเอาไว้ได้อีกครั้ง ทำให้ทักษิณ ชินวัตร ก้าวสู่การเป็นนายกฯ ของประเทศไทยเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน

ต่อมา รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของทักษิณ ถูกกล่าวหาทั้งในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การฉ้อราษฎร์บังหลวง รวมทั้งเจ้าตัวยังถูกเพ่งเล็งในเรื่องการหลบเลี่ยงภาษี จนเป็นที่มาของเหตุการประท้วง 

กระทั่งเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ในช่วงที่เจ้าตัวเดินทางไปยังต่างประเทศ ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมา เจ้าตัวเดินทางกลับเมืองไทยเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 

แต่หลังจากที่ศาลพิพากษาคดีทุจริตที่ดินย่านรัชดาฯ ซึ่งเจ้าตัวมีความผิด ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ทักษิณก็เดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง และไม่ยอมเดินทางกลับนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ปัจจุบัน ทักษิณ ชินวัตรใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน และยังปรากฎตัว วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ตลอดจนแสดงทัศนะ เรื่องราวกระแสสังคมต่าง ๆ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเป็นประจำ และมีชื่อฉายาใหม่ที่ถูกเรียกขานเพิ่มเติมว่า ‘Tony Woodsome’

วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 74 ปีของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทใด ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าตัวยังคงสร้างความสนใจต่อสังคมไทยได้อยู่เสมอ

27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 วันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

27 กรกฎาคม 2554 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในรัชกาลที่ 6 สิ้นพระชนม์ ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชันษา 85 ปี

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ 6 กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระมารดา ทรงพระประสูติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งเทพพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคตเพียงวันเดียว

โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนักด้วยโรคพระอันตะ มีพระอาการรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลของเหล่าพสกนิกร แต่ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะประชวร ท่านทรงรอฟังข่าวพระประสูติการอย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เวลาประมาณบ่ายโมง พระนางเจ้าสุวัทนาฯ มีพระประสูติการเจ้าฟ้าหญิง ซึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทราบข่าว มีพระราชดำรัสว่า "ก็ดีเหมือนกัน" จากนั้นเมื่อเจ้าพระยารามราฆพได้นำสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยไปเฝ้าฯ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตร ทรงพยายามยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา แต่ก็ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยกพระหัตถ์ได้ 

เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา เมื่อจะเชิญเสด็จพระราชกุมารีกลับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้ง จึงเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาเฝ้าฯ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้ายแห่งพระชนมชีพจนกลางดึกคืนนั้นเองก็เสด็จสวรรคต

เมื่อทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา เริ่มทรงพระอักษร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2473 โดยพระอาจารย์จากโรงเรียนราชินี เช่น หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีและโรงเรียนราชินีบน พร้อมด้วยครูพิศ ภูมิรัตน อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีเป็นผู้ถวายพระอักษร ณ พระตำหนักสวนหงส์ พระราชวังดุสิต 

จากนั้น ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ โรงเรียนราชินี (หมายเลขประจำพระองค์ 1847) แล้วจึงทรงศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกับท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อาจารย์จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ณ ตำหนักสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา เมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุขึ้น มีพระอนามัยไม่สมบูรณ์นัก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้นำสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ไปประทับรักษาพระองค์ ณ ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2480 ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเสด็จไปประทับอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้ ทั้งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา และพระชนนี ได้ทรงย้ายที่ประทับหลายแห่งตามลำดับ คือ ตำหนักแฟร์ฮิลล์ เมืองแคมเบอร์เลย์ มณฑลเซอร์เรย์, ตำหนักหลุยส์เครสเซนต์ เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และตำหนักไดก์โรด (บ้านรื่นฤดี) เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และประสบความยากลำบากอย่างหนัก เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองในช่วงภาวะสงครามจึงทรงประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการทำงานบ้านเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างข้าหลวงชาวต่างประเทศ

ในขณะที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ทรงประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น ได้ทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส และเปียโนกับพระอาจารย์ชาวต่างประเทศ และได้เสด็จไปทรงศึกษาในโรงเรียนประจำสตรีชื่อโรงเรียนเซเครดฮาร์ต แคว้นเวลส์

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่พระองค์ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ พระองค์และพระชนนีมีพระกรุณาต่อชาวไทยในประเทศอังกฤษ โดยทรงโปรดให้เข้าเฝ้า และจัดประทานเลี้ยงให้อยู่เสมอ และพระราชทานพระกรุณาแก่กิจการต่าง ๆ ของชาวไทยอยู่เป็นประจำ ทรงร่วมงานของสามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในสหราชอาณาจักร เป็นประจำ

นอกจากนี้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ยังทรงอุทิศพระองค์ช่วยเหลือกิจการสภากาชาดอังกฤษ ประทานแก่ทหารและผู้ประสบภัยสงครามด้วยการเสด็จไปทรงบำเพ็ญประโยชน์ ทั้งม้วนผ้าพันแผล จัดยา และเวชภัณฑ์ ทางสภากาชาดอังกฤษจึงได้ถวายเกียรติบัตรประกาศพระกรุณา และในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีพระชนมชีพหลังการสละราชสมบัติแล้ว พระองค์และพระชนนีได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่เสมอ

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2502 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ได้เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร ได้ทรงแบ่งเบาพระราชภาระของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยเสด็จออกเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองทั้งใกล้ไกล พร้อมพระราชทานพระอนุเคราะห์แก่ผู้ยากไร้อยู่เสมอ ครั้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระวัยขึ้นกระทั่งทรงสามารถแบ่งเบาพระราชกรณียกิจได้ ประกอบกับพระองค์มีพระชนมายุสูงขึ้น จึงได้เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารน้อยลง เมื่อพระองค์มีพระชันษาสูงขึ้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เข้าเฝ้าและได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์อยู่เนือง ๆ

จนกระทั่ง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา มีพระชันษาที่มากขึ้น ทำให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ประชวรด้วยอาการตามพระชันษา คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชจึงได้เฝ้าระวังพระอาการอย่างใกล้ชิด ในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเริ่มมีพระอาการเส้นพระโลหิตอุดตัน ทำให้ทรงขยับพระวรกายด้านซ้ายยากขึ้น คณะแพทย์จึงได้ถวายพระโอสถ และมีนางพยาบาลถวายการดูแล อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพระองค์จะทรงรับสั่งได้น้อยลง แต่ก็ทรงเข้าพระทัยทุกอย่างเป็นอย่างดีด้วยการพยักพระพักตร์ 

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเข้าประทับรักษาตัวในโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยมีคณะแพทย์ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่อาการพระประชวรได้ทรุดลงตามลำดับ ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จะได้สิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา 16 นาฬิกา 33 นาที ของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สิริรวมพระชันษา 85 ปี

28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวิชราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ภายหลังทรงมีพระราชดำรัสตอบรับคำกราบบังคมทูลเชิญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.  2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ

ทรงมีพระเชษฐภคินี คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ขณะนั้นทรงเจริญพระชนมายุ 20 พรรษา นับเป็นกระบวนการสืบราชสันตติวงศ์ที่ชัดเจนตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467

>>การศึกษา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเริ่มการศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท สหราชอาณาจักร

หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ ด้านการทหาร จากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย

หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทย ทรงศึกษาต่อสาขาวิชานิติศาสตร์รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

>>ทรงผนวช
วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราช วาสนมหาเถร วัดราชบพิธ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ถวายพระสมณนามว่า วชิราลงฺกรโณ ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครบ 15 วัน ทรงลาผนวช

>>พระราชกรณียกิจ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์มาโดยตลอด เพื่อแบ่งเบาพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งในการพระราชพิธีสำคัญ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรไทย และพระราชพิธีทางศาสนาต่าง ๆ

นอกจากนี้ได้เสด็จติดตามสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปแปรพระราชฐานประทับแรมตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยทรงติดตามความก้าวหน้าด้านการชลประทาน การสร้างเขื่อนต่าง ๆ และพระราชทานแนวพระราชดำริให้กรมชลประทานแก้ปัญหาตามที่ชาวบ้านกราบทูล ส่งให้ราษฎรมีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างอุดมสมบูรณ์และช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน

ด้านการแพทย์และสาธารณสุข 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจ เช่น เมื่อรัฐบาลได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ พระองค์ก็ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดโรงพยาบาลทุกแห่งและทรงเยี่ยมโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย

ด้านการศึกษา 
ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสนับสนุนให้กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร 6 แห่ง ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ พระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ และในด้านการอุดมศึกษา พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเสด็จฯ แทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ

ทรงจัดตั้งโครงการทุนการศึกษาพระราชทานด้วยทรงมีพระราชปณิธานในการสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนไทย และในปี 2553 มีพระราชดำริให้จัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารขึ้น โดยทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนทุนพระราชทานทุกรุ่นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีอัตราสูงกว่าร้อยละ 97 โดยผู้ได้รับทุนพระราชทานไม่มีภาระผูกพันที่ต้องใช้ทุนคืน และเมื่อจบการศึกษา ทรงเปิดโอกาสให้สมัครเข้าถวายงานเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ได้ตามความสมัครใจ

ด้านสังคมสงเคราะห์ 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรทรงพระกรุณาห่วงใยการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ด้อยโอกาส ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชุมชนแออัดของกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติด

ด้านการต่างประเทศ 
ทรงเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีป เช่น ประเทศอิตาลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น อิหร่าน เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา สาธารณรัฐเปรู ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นอกจากจะมุ่งเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการทอดพระเนตรและศึกษากิจการต่างๆ ที่จะทรงนำประโยชน์มาใช้ในการพัฒนาประเทศไทย เช่น เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชมกิจการทหาร ศิลปวัฒนธรรม อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน

ด้านเกษตรกรรม 
ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมกิจการด้านเกษตรกรรม เช่น เสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชพิธีพืชมงคล

ด้านพระศาสนา 
ทรงเสด็จฯ แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนาเป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานถ้วยรางวัล การทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านระดับประเทศ

ด้านการกีฬา 
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทั้งในผู้แทนพระองค์และในส่วนของพระองค์เอง เช่น พระราชทานไฟพระฤกษ์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ พระราชทานพระราชวโรกาสให้นักกีฬาไทยเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับพระราชทานรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยม

ด้านการทหาร 
ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการด้านการทหารมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นอกจากทรงรับการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงพระวิริยะอุตสาหะเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน ทรงรับราชการทหารมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.2518 และทรงดำรงพระยศทางทหารของ 3 เหล่าทัพ คือ พล.อ. พล.ร.อ. พล.อ.อ. โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จ.ตราด อีกทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีการด้านทหาร อาทิ งานวันราชวัลลภ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยความวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ทั้งที่ทรงปฏิบัติแทนพระองค์และทรงปฏิบัติในส่วนพระองค์เองล้วนเป็นไปเพื่อประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้ามั่นคงและเพื่อประชาชนชาวไทยได้มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

'แจ็คสันหวัง' พาครอบครัวดินเนอร์มื้อพิเศษที่ 'สมบูรณ์โภชนา' สุดแฮปปี้เมนูยอดฮิต 'ปูผัดผงกะหรี่ – กุ้งผัดพริกเกลือ'

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 'แจ็คสัน หวัง' ซุปตาร์ระดับโลก ที่ล่าสุดเจ้าตัวมาเยือนไทยอีกครั้ง เพื่อมาร่วมงานและสร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับชาวไทย ได้ตะลุยกินอาหารยามค่ำ พร้อมกับครอบครัวมาด้วย

โดยช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. แจ็คสัน ได้พาคุณพ่อคุณแม่ไปทานอาหารรอบดึก โดยได้เลือกร้านสมบูรณ์โภชนา สาขาสุรวงศ์ เป็นอาหารมื้อค่ำและมื้อพิเศษสำหรับครอบครัว 

สำหรับเมนูที่แจ็คสันหวังและครอบครัวสั่งมาทานนั้น เป็นเมนูยอดฮิตและจัดเต็มทุกเมนู อาทิ ปูผัดผงกะหรี่, กุ้งอบวุ้นเส้น, กุ้งผัดพริกเกลือ, ไก่ผัดเม็ดมะม่วง, หอยจ๊อ, ข้าวผัดปู ตบท้ายด้วยของหวานแบบไทยๆ ข้าวเหนียวมะม่วง โดยเมนูที่สั่งมานั้น ถือเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อของทางร้านสมบูรณ์โภชนาและเป็นเมนูที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่ง 

แน่นอนว่า การเดินทางมาเยือนร้านสมบูรณ์โภชนาของ แจ็คสัน และครอบครัวในครั้งนี้ ก็ทำให้บรรดาเชฟในร้านต่างรู้สึกประทับใจที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสแสดงฝีมือให้นักร้องดังระดับโลกได้เพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศในเมืองไทย ที่เจ้าตัวก็ดูเอ็นจอยอีตติ้งแบบสุด ๆ

‘คริสติน่า’ โพสต์รูปบนเตียง แต่ชาวเน็ตดันโฟกัสผิดจุด อึ้ง!! อายุ 56 จริงไหม สงสัย!! ไปทำอะไรมาหน้าเด็กขึ้น

(25 ก.ค. 66) เรียกได้ว่าเป็นนักร้องที่สวยตลอดกาลอย่าง ‘คริสติน่า อากีล่าร์’ ในวัย 56 ปี ที่มีผลงานออกมาให้แฟน ๆ ได้รับชม แต่ช่วงหลังได้มีแฟน ๆ ชมว่าไปทำอะไรมาทำไมหน้าเด็กมาก

ล่าสุด ‘คริสติน่า’ ได้โพสต์รูปภาพที่นอนบนเตียง แต่ทำเอาชาวเน็ตนั้นแอบเขินแทน โดยได้ระบุแคปชันว่า “It's Sunday, let's stay in bed”

ท่ามกลางแฟน ๆ เข้ามาโฟกัสทั้งชุดของคริสติน่าไปจนถึงความหน้าเด็ก และคอมเมนต์กันสนั่น เช่น เอารูปตอน 22 มาลงเปล่าครับ, คนสวยทำหนูละลายมากค่า, อันนี้รูปน้องสาวพี่ติ๊นาอีกคนนึงใช่ไหม สวยน่ารัก สดใส มาก ๆ เป็นต้น

‘เกรซ กาญจน์เกล้า’ จัดหนักจัดเต็ม แปลงโฉมเป็นบาร์บี้ เสื้อผ้าหน้าผม เป๊ะ!! เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ทุกกระเบียดนิ้ว

(24 ก.ค. 66) ได้เวลาแปลงโฉมอีกครั้ง สำหรับนักร้อง-นักแสดงสาวสวย ‘เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า’ ต้องบอกว่านอกจากจะสวยมากความสามารถทั้งร้องทั้งเต้นแล้ว เธอยังสร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับแฟน ๆ อีกด้วย

โดยช่วงนี้กระแสภาพยนตร์เรื่อง Barbie กำลังโด่งดังไปทั่วโลก งานนี้สาวเกรซก็ไม่พลาดที่จะแปลงโฉม เนรมิตรลุคจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมออกมาเป๊ะเหมือนดั่งตุ๊กตาบาร์บี้จริง เรียกว่าเป๊ะทุกจุดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจริง ๆ

‘เต๋า สมชาย’ โผกอด ‘นัท มีเรีย’ หลังพบกันอีกครั้ง เกิดเป็นภาพความประทับแก่เหล่าแฟนเพลงที่ยังคิดถึง

(25 ก.ค. 66) แม้จะแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองแต่ก็ยังมีมิตรภาพที่สวยงามให้กันเสมอมา สำหรับ เต๋า สมชาย และ นัท มีเรีย ที่ล่าสุดทั้งคู่ได้มีโอกาสร่วมงานกันอีกครั้งในคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเต๋าได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอเบื้องหลังการซ้อม ที่ได้เจอนัทอีกครั้งพร้อมโผเข้ากอดกัน ซึ่งเต๋าก็ได้เขียนข้อความบอกว่า

“ดีใจนะ ที่เราได้เจอคุณ @myriabenedetti และเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์… บนเวทีอันยิ่งใหญ่ ด้วยกัน

#GrammyRSConcerts
#90sVersary
#ข้ามยุคมาเต้น
#ไทยประกันชีวิต
#ไม่แน่จริงไม่มาหรอก
#ถึงได้ชื่อสมชายตลอด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top