Monday, 21 April 2025
FBI

2 หน่วยข่าวกรองโลก 'FBI-MI5' ผนึกกำลังต้านจีน ผวา!! นักรบไซเบอร์จีนจ้องขโมยเทคโนโลยี

หากการจับมือร่วมวงสามัคคีกันระหว่าง 'หงส์แดง' และ 'ปีศาจแดง' เพื่อร่วมกันปฏิเสธการขายตั๋วบอลพ่วงบัตรกินข้าวกับนักเตะสโมสรผ่านช่องทางไลฟ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากแล้ว...การที่หัวหน้าหน่วยสืบสวนของ 2 ชาติมหาอำนาจ อย่าง FBI ของสหรัฐฯ และ MI5 ของอังกฤษ จะมาจับมือแถลงข่าวร่วมกันในเวทีเดียวกันนั้นคงเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งกว่า 

แต่วันนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว!!

ไม่นานมานี้ 'เคน แมคคัลลัม' ผู้อำนวยการ MI5 หน่วยงานด้านความมั่นคงของอังกฤษ ร่วมแถลงข่าวคู่กับ 'คริส เวร์ย' ผู้อำนวยการ FBI สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ของ MI5 อาคารเธมส์ เฮาส์ ในกรุงลอนดอน เพื่อเตือนให้ชาวโลกรับรู้ถึงภัยคุกคามจากการจารกรรมข้อมูลทางเทคโนโลโยเพื่อการพาณิชย์โดยนักรบไซเบอร์จากจีน ที่เข้ามาแทรกซึมถึงในประเทศอังกฤษแล้ว 

ผู้อำนวยการ MI5 กล่าวว่า "มีการโจมตี เจาะข้อมูลทางไซเบอร์จากอาชญากรจีนเกิดขึ้นทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้เรามีคดีเพิ่มมากกว่าปี 2018 ถึง 7 เท่า"

ความน่ากลัวของสายลับไซเบอร์จากจีน คือ ค่อย ๆ รุกเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยความอดทน เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยที่เราไม่รู้ตัว และตอนนี้เราพบว่ามีทีมจารกรรมข้อมูลจากจีนก่อคดีอยู่ในแผ่นดินอังกฤษแล้ว

ผู้อำนวยการ MI5 ยังย้ำอย่างชัดเจนดัวยว่า เมื่อพิจารณาจากปริมาณของการโจมตีของฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้ว พวกเราทุกคนตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี งานวิจัยล้ำสมัย และผู้นำในโลกธุรกิจ ล้วนเสี่ยงที่จะถูกจารกรรมฐานข้อมูลสำคัญ ที่อาจนำไปสู่การเสียเปรียบด้านการค้า และสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดได้ 

ด้าน คริส เวร์ย ผู้อำนวยการ FBI กล่าวเสริมว่า ภัยคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ของจีนนั้นมีความซับซ้อน ฝังรากลึก และ กระจายอย่างแพร่หลายมาก ทั้งในสหรัฐฯ อังกฤษ และประเทศพันธมิตรของเรา ทีมอาชญากรรมไซเบอร์จากจีนมีเป้าหมายที่จะขโมยเทคโนโลยีของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตามเพื่อต้องการตัดราคา และครอบครองตลาด 

‘อดีตเจ้าหน้าที่ FBI’ เผย หัวใจหลักในการเอาชีวิตรอดจากเหตุกราดยิง ยกเคสการถอดบทเรียนจากเหตุกราดยิงในโรงเรียน Sandy Hook ที่สหรัฐฯ

จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญที่มีคนร้ายเป็น ด.ช.วัย 14 ปี ลักลอบนำอาวุธปืน บุกเข้าก่อเหตุกราดยิงกลางห้างสยามพารากอน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด ทางเฟซบุ๊กเพจ ‘ดร.โญ มีเรื่องเล่า’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแนะนำวิธีการเอาชีวิตรอดจากเหตุกราดยิง โดยระบุว่า…

หนี-ซ่อน-สู้ : วิธีเอาชีวิตรอดจากเหตุกราดยิง โดยอดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ FBI

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตการเหตุกราดยิงที่สยามพารากอนด้วยครับ เหตุกราดยิงในบ้านเราเริ่มจะมีมากขึ้น เพราะคนบ้าสามารถเข้าถึงอาวุธปืนได้ง่ายขึ้น ในภาพยนตร์ต่างประเทศเจ้าหน้าที่ตำรวจ/ผู้บังคับใช้กฎหมายที่ถูกพักงานหรือถูกปลดหรือถูกไล่ออก สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้จะต้องทำคือ ส่งมอบตรา บัตรประจำตัว และอาวุธปืนประจำตัว

ในปี ค.ศ. 2023 จนถึงขณะนี้ (11 พฤษภาคม ค.ศ. 2023) มีเหตุกราดยิงมากกว่า 200 ครั้ง ในสหรัฐอเมริกา

ตามรายงานของ ‘Gun Violence Archive’ องค์กรไม่แสวงผลกำไร ได้ให้นิยามเหตุการณ์กราดยิงครั้งใหญ่ว่า เป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บอย่างน้อย 4 คนขึ้นไป

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหตุกราดยิงเหล่านี้เกิดขึ้นในโบสถ์ คลีนิกหรือโรงพยาบาล โรงเรียนประถมศึกษา และสถานที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง

ศ. Alex del Carmen รองคณบดี และศาสตราจารย์ด้านอาชญวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ Tarleton มลรัฐ Texas กล่าวว่า การรู้วิธีโต้ตอบในการกราดยิงเป็นสิ่งจำเป็นในขณะนี้

“ชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังประสบกับสิ่งนี้ในชีวิตของพวกเขา” ศ. Alex del Carmen บอกกับ NPR (National Public Radio) ในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ “ตอนนี้เราเกือบจะมีหน้าที่ต้องสอนเด็ก ๆ และสมาชิกในครอบครัวว่าควรทำอย่างไรในสถานการณ์เหล่านี้”

ศ. Alex del Carmen บอกกับลูก ๆ ของเขาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ว่า : มีแผนฉุกเฉินเสมอ คำแนะนำทั่วไปได้แก่ : 
- การหลบหนี
- การหลบซ่อน
- การสู้กลับ

จากบทความรำลึกถึงเหยื่อเหตุกราดยิงในโรงเรียน Sandy Hook ครบ 10 ปี Katherine Schweit อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ผู้เขียนเรื่อง ‘Stop the Killing : How to End the Mass Shooting Crisis’ (หยุดการฆ่า : จะยุติวิกฤตการณ์กราดยิงได้อย่างไร) ได้ออกแบบโครงการเผชิญเหตุกราดยิงของหน่วยงานนี้ หลังเหตุกราดยิงที่เหตุกราดยิงในโรงเรียน Sandy Hook ในปี ค.ศ. 2012

“การเตรียมตัวเป็นสิ่งที่ดี” อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ Schweit บอกกับ NPR “แต่อย่ากลัวจนคิดมากไปว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ดิฉันคิดว่า ถ้าคุณย้อนกลับไปดูว่าอาจจะเป็นการซ้อมดับเพลิงในโรงเรียน เราก็ได้ทำให้การฝึกซ้อมหนีไฟเป็นมาตรฐานแล้ว และเราไม่คิดว่าทุกครั้งที่มีการซ้อมดับเพลิงหรือคำเตือนพายุทอร์นาโดว่า เรากำลังจะถูกไฟครอกตายหรือเสียชีวิตในพายุทอร์นาโด”

อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ Schweit กล่าวว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกเมื่อเกิดเหตุกราดยิง สำหรับพลเรือนที่ต้องทำคือ ‘การหลบหนีเสมอ’

แน่นอนว่า การตอบสนองต่อเหตุกราดยิงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน เช่นเดียวกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นใน Uvalde มลรัฐ Texas ที่นั่น มือปืนใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในโรงเรียนประถม Robb ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรออยู่ด้านนอก วิธีตอบสนองของเจ้าหน้าที่จะแตกต่างกันเสมอ ตราบเท่าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วสหรัฐอเมริกา ปฏิบัติตามวิธีการฝึกอบรมที่แตกต่างกันไป (มาตรฐานแห่งชาติที่แนะนำนั้นมีอยู่จริง แต่ก็ยังเป็นเพียงข้อเสนอแนะ)

อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ Schweit เสริมว่า สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า เหตุกราดยิงในที่สาธารณะประเภทนี้คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของการบาดเจ็บจากอาวุธปืนทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ในทุกปีผู้คนถูกฆ่าในบ้านและในละแวกใกล้เคียงมากกว่าในสถานที่สาธารณะ

“ดังนั้น แม้ว่าจะมีข่าวเหตุกราดยิงมากมาย แต่เหตุกราดยิงก็ยังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้อยมาก” อดีตเจ้าหนัาที่พิเศษ Schweit

ถึงกระนั้น กริยาสามคำก็มีคุณค่ามากมาย : หนี ซ่อน สู้ การหนีคือ ทางเลือกที่หนึ่ง ถ้าหนีไม่ได้ก็ต้องซ่อน และถ้าซ่อนไม่ได้ก็ต้องสู้

- หนี ไม่ว่ามือปืนจะใช้อาวุธปืนชนิดใดก็ตาม ยิ่งเราอยู่ห่างจากมือปืนได้มากเท่าไร โอกาสรอดชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น “นั่นฟังดูเหมือน ‘เราอยู่ในเขตสงคราม’ มาก แต่ในขณะที่เสียงยิงดังขึ้น เราจะรู้สึกเหมือนอยู่ในเขตสงคราม และการหนีไปจะดีกว่า ถ้าสามารถทำได้” อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ Schweit กล่าว

เมื่อไปที่ไหนก็ตามให้มองหาทางออกปกติหรือฉุกเฉินไว้เสมอ การอพยพออกไปโดยไม่ลังเลหรือรอรวบรวมข้าวของ และหนีต่อไปจนกว่าจะถึงพื้นที่ที่ปลอดภัย

- ซ่อน “นั่นไม่ได้หมายความว่า จะต้องวิ่งหนีเมื่อมีคนยิงใส่เรา” อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ Schweit อธิบาย หากไม่มีเส้นทางหลบหนีที่ปลอดภัย FBI แนะนำให้หาที่ซ่อนดี ๆ ล็อกประตูและกั้นประตู รวมทั้งปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ

- สู้ เมื่อต้นปีนี้ Brandon Tsay บรรยายใน Morning Edition ของ NPR ถึงสิ่งที่เขาคิดเมื่อตัดสินใจต่อสู้ และปลดอาวุธมือปืนใน Monterey Park มลรัฐ  California

“มันจะต้องจบลงที่นี่ นี่คือจุดสิ้นสุดของชีวิตของผม มันจบลงแล้ว ผมจะตายที่นี่” Tsay กล่าว “แต่ที่สุดผมก็รวบรวมความกล้าที่ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร ซึ่งก็สรุปได้ว่า ต้องแย่งปืนออกไปจากเขา ไม่งั้นจะมีคนเจ็บอีกเยอะมาก”

การใช้สิ่งของที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ร่วมกับการจู่โจมนั้น ประสบความสำเร็จในการหยุดยั้งมือปืนในสถานที่ต่าง ๆ เช่นที่ Colorado Springs มลรัฐ Colorado และ Noblesville มลรัฐ Indiana

การวิจัยของ FBI แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ไม่มีอาวุธมักจะช่วยชีวิต และยุติเหตุกราดยิงได้มากกว่าผู้ที่มีอาวุธ “ดังนั้น อย่าเชื่อว่า เราไม่สามารถหยุดมือปืนได้ เราทำได้” อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษ Schweit กล่าว “และก็มีคนทำมาตลอด”

Credit : https://www.npr.org/

ส่วนตัว ในฐานะอดีตนักกีฬายิงปืนหลายมหาวิทยาลัย เคยได้เหรียญรางวัลกีฬามหาวิทยาลัยครบทุกเหรียญ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝึกฝนการใช้อาวุธปืนให้ชำนาญและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและจราจร ซึ่งมีโอกาสเผชิญเหตุก่อน ในสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจจะซ้อมยิงปืนพกแทบจะทุกเดือน มีการบันทึกคะแนนที่ซ้อมยิงไว้ด้วย

รถยนต์สายตรวจทุกคันควรมีปืนยิงเร็วและปืนลูกซองอย่างละกระบอก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีอำนาจการยิงในการเผชิญเหตุมากกว่าผู้ก่อเหตุ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับห้างร้านทางเข้าห้างใหญ่ ๆ มักจะมีซุ้มตรวจจับอาวุธอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ รปภ.ต้องทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยไม่ต้องเกรงใจลูกค้า ตรวจสอบ ตรวจค้น สิ่งของที่อาจจะเป็นอันตราย ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าส่วนใหญ่ นอกจากการซ้อมรับเหตุไฟไหม้แล้ว ต่อไปห้างร้านอาคารต่าง ๆ จะต้องมีการฝึกซ้อมการเผชิญเหตุกราดยิงอีกด้วย

‘FBI’ เตือน 'สหรัฐฯ' เสี่ยงขั้นสูงถูกโจมตี  ผลพวงจากสงคราม 'อิสราเอล-ฮามาส'

(1 พ.ย.66) สงครามอิสราเอล-ฮามาส ทำให้ความเสี่ยงเกิดเหตุโจมตีต่างๆ นานาในสหรัฐฯ พุ่งสูง ท่ามกลางความกังวลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับชุมชนชาวยิวและชาวมุสลิม จากคำเตือนของคริสโตเฟอร์ เรย์ อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ)

"เราประเมินว่าการกระทำต่างๆ ของฮามาสและพันธมิตรของพวกเขา จะถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจ ในแบบที่เราไม่เคยพบเห็นมาก่อนนับตั้งแต่พวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) เริ่มดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่าสถาปนาการปกครองแบบกอหลิบเมื่อปลายปีก่อน" เรย์บอกกับคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภา

"มันเป็นเวลาที่ต้องกังวล เราอยู่ในช่วงเวลาที่อันตราย" เขากล่าว "มันไม่ใช่เวลาแห่งความตื่นตระหนก แต่มันเป็นเวลาแห่งการระแวดระวัง"

ผู้อำนวยการเอฟบีไอรายนี้ ระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย "ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่พวกนักรบฮามาสหรือองค์กรก่อการร้ายต่างชาติอื่นๆ อาจใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งในปัจจุบัน ดำเนินการโจมตีที่นี่ ในแผ่นดินของเรา"

"ความกังวลปัจจุบันทันด่วนที่สุดของเราคือพวกหัวรุนแรง บุคคลหรือกลุ่มต่างๆ อาจได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ต่างๆ ในตะวันออกกลาง และทำการโจมตีเล่นงานชาวอเมริกาที่ออกไปใช้ชีวิตประจำวัน" เขากล่าว "ในนั้นไม่ใช่แค่พวกหัวรุนแรงท้องถิ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากองค์กรก่อการร้ายต่างชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกหัวรุนแรงภายในประเทศ ที่เล็งเป้าเล่นงานประชาคมชาวยิวและชาวมุสลิมด้วย"

เรย์ ได้อ้างถึงเหตุจับกุมชายคนหนึ่งในฮิวสตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ชายคนนี้ได้ทำการศึกษาวิธีการผลิตระเบิดเป็นอย่างดี และได้โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการ ‘สังหารยิง’ รวมถึงเหตุเด็กชายชาวมุสลิมวัย 6 ขวบในอิลลินอยส์ ถูกฆ่าโดยเจ้าของห้องเช่า และเวลานี้กำลังถูกสอบสวนโทษฐานก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง

"สงครามที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง เพิ่มความเสี่ยงเหตุโจมตีเล่นงานพลเมืองอเมริกาในสหรัฐฯ สู่อีกระดับ" เรย์กล่าว

อัลกออิดะห์, รัฐอิสลาม (ไอเอส) และฮิซบอลเลาะห์ ต่างเรียกร้องให้สมุนโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เรย์ บอกว่า เอฟบีไอ ยังไม่ได้พบภัยคุกคามอย่างปัจจุบันทันด่วนที่น่าเชื่อถือ จากองค์กรก่อการร้ายต่างชาติใดๆ

แต่กระนั้นภัยคุกคามที่มีต่อประชาคมชาวยิวในสหรัฐฯ "อยู่ในจุดที่ไม่ไกลจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์" ผู้อำนวยการเอฟบีไอระบุ "ความจริง คือ ประชาคมชาวยิวเป็นเป้าหมายโดยเฉพาะของเกือบทุกๆ องค์กรก่อการร้ายในทุกมิติ" เรย์กล่าว พร้อมบอกว่าชาวยิวมีสัดส่วนคิดเป็นแค่ 2.4% ของประชากรสหรัฐฯ แต่ในบรรดาอาชญากรรมจากความเกลียดชังทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับความศรัทธาในศาสนาเลย มีถึง 60% เลยทีเดียวที่เกี่ยวข้องกับชาวยิว

สตม.รวบลุงมะกันหื่น Overstay พบประวัติเป็นที่ต้องการตัวของ FBI โดยการปล่อยภาพอนาจารเด็ก

กก.4.บก.สส.สตม. จับกุม นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี สัญชาติอเมริกัน ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมริมถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีม จว.นครราชสีมา  

กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนต่างด้าวน่าสงสัยว่าจะอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) โดยพบเห็นคนต่างด้าวดังกล่าวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา จึงได้ไปสืบสวนจนกระทั่งพบคนต่างด้าวลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้งมาปรากฏตัวบริเวณริมถนน เลี่ยงเมืองนครราชสีมา หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ในเบื้องต้นคนต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยแจ้งว่าได้ส่ง หนังสือเดินทางไปยัง สอท.สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อขอออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จึงได้เชิญตัวมายัง ตม.จว.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือในระบบ Biometric พบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี สัญชาติอเมริกัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว จึงได้แจ้ง ข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว หลังจากคดีสิ้นสุด กก.3 บก.สส.สตม. จะได้ดำเนินการผลักดันนายเนกรี หรือ MR.NEGRI ให้เดินทางกลับไปยังสหรัฐอเมริกาต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานสอบสวนกลาง สถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย พบว่า นายเนกรี หรือ MR.NEGRI เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของมลรัฐจอร์เจีย และหน่วยงาน FBI ในคดีแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมลรัฐจอร์เจีย และ FBI ต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top