Friday, 18 April 2025
ElonMusk

มัสก์ กลับคำพูด เลิกคิดผลิตEVราคาถูก ยอมรับไม่คุ้มแข่งรถไฟฟ้าจากจีน

(11 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท Tesla ดูเหมือนจะยอมรับกลายๆ ว่าบริษัทจะยกเลิกแผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดรุ่นใหม่ที่ตั้งราคาประมาณ 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.5 แสนบาท) หลังจากที่ก่อนหน้านี้มัสก์ได้เปิดเผยในเดือนเมษายนว่าจะผลิตรถรุ่นดังกล่าวเพื่อเจาะตลาดในระดับล่าง

ในการประชุมประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม มัสก์กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ EV ราคาประหยัดจะไม่มีประโยชน์ เว้นแต่ว่าจะเป็นรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ โดยเขากล่าวว่า “ผมคิดว่าการมีรถยนต์รุ่นธรรมดาที่ราคา 25,000 ดอลลาร์นั้นไม่มีประโยชน์ มันเป็นเรื่องที่โง่เขลา”

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มักส์ออกมาประกาศแผนการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ราคาจับต้องได้ ซึ่งมัสก์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดของรถยนต์รุ่นใหม่ดังกล่าว การออกมาให้ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ เทสลา (Tesla) เพิ่มขึ้นมากกว่า 12% ท่ามกลางผลประกอบการของเทสลาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะมีกำไรต่ำกว่าที่คาดไว้ และรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปีก็ตาม

ที่ผ่านมา รถยนต์ Tesla ราคาประหยัดถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยผลักดันให้ Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก โดยมีเป้าหมายผลิตรถยนต์ถึง 20 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม Tesla ได้ลบเป้าหมายดังกล่าวออกจากรายงาน Impact Report ฉบับล่าสุดในเดือนพฤษภาคม

ช่วงต้นปี มัสก์ยังคงยืนยันแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 และมองว่าจะเป็น ‘คลื่นลูกที่ 2’ ของการเติบโตต่อจาก Model 3 และ Model Y ที่เปิดตัวในปี 2017 และ 2020

นักลงทุนและแฟนๆ ของ Tesla ได้ตั้งชื่อเล่นให้รถยนต์ราคาประหยัดรุ่นนี้ว่า Model 2 โดยคาดว่าจะมีราคาต่ำกว่า Model 3 ซึ่งเริ่มต้นที่ 42,490 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.45 ล้านบาท)

นักวิเคราะห์มองว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของ Tesla ครั้งนี้อาจเป็นเพราะบริษัทตระหนักว่าล่าช้าในการผลิตรถยนต์ราคาประหยัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในจีน จึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ แทนการลงทุนมหาศาลในการผลิตรถรุ่นใหม่

มักส์ชู #EndtheFed หนุนทรัมป์แทรกแซง'แบงก์ชาติ' ให้ปธน.คุมธนาคารกลางสหรัฐด้วยตัวเอง

อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla, X และ SpaceX ได้แสดงการสนับสนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นอิสระขององค์กรนี้ได้

เมื่อวันที่ (8 พ.ย.67) ที่ผ่านมา มัสก์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม X โดยให้การสนับสนุนต่อข้อความของ ไมค์ ลี วุฒิสมาชิกจากรัฐยูทาห์ ที่กล่าวว่า “องค์กรสำคัญต่าง ๆ ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดี เพื่อสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตัวอย่างที่เบี่ยงเบนไปจากแนวทางนี้” พร้อมติดแฮชแท็ก #EndTheFed เพื่อเสนอให้ยกเลิกหรือปรับปรุงการทำงานของธนาคารกลาง

ด้าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เคยกล่าวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่าตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่งแม้ทรัมป์จะเรียกร้อง ซึ่งเป็นท่าทีชัดเจนที่อาจสร้างแรงกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประธาน Fed กับประธานาธิบดีที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่

การเผชิญหน้าครั้งนี้อาจเป็นประเด็นใหญ่ของทรัมป์ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของเขา หากย้อนกลับไปในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ทรัมป์ได้แต่งตั้งพาวเวลล์เป็นประธาน Fed ในปี 2018 ทรัมป์และพาวเวลมีความเห็นไม่ตรงกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนปรนค่าเงินดอลลาร์

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินที่ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งช่วยคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ แต่หากเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่นโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยอาจถูกชะลอ

ก่อนหน้านี้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ทรัมป์มักกล่าวถึงความต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของ Fed หากเขากลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยเขากล่าวเมื่อเดือนสิงหาคมว่า “ผมเชื่อว่าประธานาธิบดีควรมีบทบาทในการกำหนดทิศทาง ผมเองก็มีประสบการณ์ในการสร้างผลกำไรและความสำเร็จ และผมคิดว่าผมมีวิจารณญาณที่ดีกว่าในบางเรื่องมากกว่าธนาคารกลาง”

ทรัมป์ตั้ง 'อีลอน มัสก์' นั่งกระทรวงใหม่ คุมประสิทธิภาพรัฐบาล

(13 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแต่งตั้ง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ SpaceX เป็นหัวหน้ากระทรวงใหม่ "กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล" หรือ Department of Government Efficiency (DOGE) ร่วมกับวิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน การตั้งหน่วยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อลดขนาดรัฐบาล ยกระดับประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายด้านบริหาร 

ทรัมป์ระบุว่าทั้งมัสก์และรามาสวามีจะนำแนวทางการจัดการภาคเอกชนมาประยุกต์ใช้ เพื่อรื้อระบบราชการที่ซับซ้อน ลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐ การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ได้ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา ทำให้มัสก์สามารถคงบทบาทในธุรกิจของเขาต่อไปได้

ทรัมป์กล่าวว่ากระทรวง DOGE จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณของสหรัฐฯ เพื่อผลักดันการปฏิรูปที่ยั่งยืนและท้าทายผ่านมุมมองแบบผู้ประกอบการ โดยตั้งเป้าหมายให้กระบวนการปฏิรูปเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 250 ปีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ 

มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกจากนิตยสาร Forbes คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลทรัมป์ พร้อมรับโอกาสที่จะพัฒนาเทคโนโลยีในหลายด้าน รวมถึง AI และคริปโตเคอร์เรนซี โดยมัสก์เองได้สนับสนุนแคมเปญหาเสียงของทรัมป์อย่างต่อเนื่องและเคยขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันหลายครั้ง 

มัสก์ให้คำมั่นว่าการทำงานของ DOGE จะโปร่งใส โดยเผยว่าทุกขั้นตอนจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้

อเมริกันแห่แบน X หลังมักส์ร่วมครม.ทรัมป์ หันใช้ Bluesky แทน

(15 พ.ย. 67) หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชาวอเมริกันกว่า 115,000 รายพากันยกเลิกบัญชี X และหันไปใช้ Bluesky แทน ท่ามกลางความกังวลเรื่องการแพร่กระจายข้อมูลเท็จและข้อกำหนดการใช้งานใหม่ของ X ที่อาจทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย โดย Bluesky มีจำนวนผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 2.5 ล้านคนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ยอดรวมผู้ใช้งานทะลุ 16 ล้านคน 

Bluesky ซึ่งก่อตั้งโดยแจ็ค ดอร์ซีย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Twitter เน้นการเป็นแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ที่ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ผู้ใช้สามารถโพสต์ข้อความ รูปภาพ และโต้ตอบกับผู้อื่นได้คล้ายกับ X 

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ Bluesky เกิดขึ้นหลังจากที่องค์กรและบุคคลสำคัญ เช่น สำนักข่าว The Guardian และอดีตผู้ประกาศข่าว CNN ดอน เลมอน ประกาศเลิกใช้ X เนื่องจากกังวลเรื่องการควบคุมเนื้อหาที่หละหลวม การแพร่กระจายข้อมูลเท็จในช่วงเลือกตั้ง และการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการให้บริการใหม่ของ X ที่อาจส่งผลต่อข้อกฎหมาย 

แม้ Bluesky จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่จำนวนผู้ใช้รวมยังตามหลัง Threads ซึ่งมีผู้ใช้งานรายเดือน 252 ล้านคน และ X ที่มีผู้ใช้งาน 317 ล้านคน นักวิเคราะห์เชื่อว่า X ยังคงมีความได้เปรียบในฐานะช่องทางสื่อสารสำคัญของทรัมป์ ซึ่งมีอิทธิพลด้านเครือข่าย ทำให้การเติบโตของแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Bluesky เป็นเรื่องที่ท้าทาย

บราซิลลงนามสัญญา SpaceSail เช่าอินเทอร์เน็ตดาวเทียมแทน Starlink

(21 พ.ย.67) บริษัท Telebras ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของบราซิล เปิดเผยว่าได้ทางเลือกใหม่ในการหาคู่สัญญาให้บริการ อินเทอร์เน็ตดาวเทียมสำหรับพื้นที่ห่างไกล โดยบริษัทได้ลงนามในจดหมายแสดงเจตจำนงร่วมกับบริษัท SpaceSail ของจีนแทนที่การพิจารณาเลือกบริษัท Starlink ของอีลอน มัสก์ ท่ามกลางที่รัฐบาลบราซิลกับอีลอน มัสก์ กำลังมีข้อพิพาทกรณีแพลตฟอร์ม x 

ภายใต้เงื่อนไขใหม่ระหว่าง Telebras และ SpaceSail บริษัทจีนจะรับหน้าที่เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมในบราซิล แต่รายงานยังไม่ได้ระบุรายละเอียดของความร่วมมือดังกล่าว 

นายจุเซลิโน ฟีลโฮ รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารของบราซิลกล่าวว่า SpaceSail มีดาวเทียม 40 ดวงที่อยู่ในวงโคจรแล้วและวางแผนจะส่งดาวเทียมอีก 648 ดวงในอีก 14 เดือนข้างหน้า เมื่อดาวเทียมเหล่านี้ถูกส่งขึ้นสำเร็จ บริษัทจีนจะสามารถให้บริการในบราซิลได้อย่างครอบคลุม

ทั้งนี้ ประเด็นข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลบราซิลกับอีลอน มัสก์ มีขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของบราซิล อเล็กซานเดร เดอ โมราเอส ได้สั่งให้ระงับการใช้งาน X ในประเทศหลังจากที่มัสก์ปฏิเสธที่จะแต่งตั้งตัวแทนทางกฎหมายใหม่สำหรับเครือข่ายสังคมนี้ โดยผู้พิพากษายังได้สั่งอายัดบัญชีของ Starlink ในบราซิลด้วยเหตุผลเดียวกัน

'อีลอน มัสก์' วิจารณ์นายกฯ ออสซี่ เล็งออกกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 16 ใช้โซเชียลมีเดีย

(22 พ.ย.67) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของแพลตฟอร์ม X หรือ ทวิตเตอร์เดิม วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลออสเตรเลียที่เสนอร่างกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้สื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา

มักส์ เขียนข้อความด้วยการรีทวีตข้อความของนายแอนโทนี อัลบานีซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โดยระบุว่า “ดูเหมือนจะเป็นการใช้ช่องทางควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของชาวออสเตรเลียทุกๆ คน” ตอบกลับข้อความของนายกออสเตรเลียที่โพสต์ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการผลักดันร่างกฎหมายนี้

สำหรับร่างกฎหมายห้ามเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย หากผ่านการเห็นชอบจากสภา ร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่งเพื่อปกป้องเยาวชนที่มีความเสี่ยงสูงจากผลร้ายของสื่อออนไลน์ นอกจากนั้นร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดโทษสำหรับสื่อสังคมออนไลน์ที่พยายามละเมิดกฎหมายโดยให้ปรับเงินสูงสุดถึง 49 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ ประมาณ 1,100 ล้านบาทด้วย ซึ่งภาคประชาสังคมส่วนใหญ่ของออสเตรเลียมีความเห็นไปในทางสนับสนุนเพื่อปกป้องเยาวชน

ในประเทศอื่น ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา เคยพยายามกำหนดข้อจำกัดในการใช้โซเชียลมีเดียสำหรับเด็ก โดยมีกฎหมายกำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี แต่ข้อเสนอของออสเตรเลียมีความเข้มงวดมากกว่า โดยกำหนดอายุขั้นต่ำที่ 16 ปี ไม่อนุญาตให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าจะได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก็ตาม

อีลอน มัสก์ ชี้ F-35 แพงไปไม่คุ้มใช้งาน แนะทัพสหรัฐพัฒนาโดรนโจมตีแทน เหมือนที่จีน

(27 พ.ย.67) อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อแห่งเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ที่ได้รับการเสนอชื่อจากโดนัลด์ ทรัมป์ ให้รับผิดชอบในการตัดงบประมาณรัฐบาลกลาง ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์ผ่านแพลตฟอร์ม X เกี่ยวกับการพัฒนาฝูงบินขับไล่รุ่นใหม่ F-35 ว่า เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเกินไป แพงเกินความจำเป็น และไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน

“การผลิตเครื่องบินที่ยังต้องอาศัยนักบินขับ อย่าง F-35 เป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดและล้าสมัยในยุคนี้ เพราะเรามีโดรนที่สามารถทำงานนี้ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิตนักบิน”

มัสก์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การออกแบบ F-35 ล้มเหลว เพราะมันเหมือนกับ 'Rube Goldberg machine' (อุปกรณ์ที่ทำงานง่าย ๆ แต่กลับมีกลไกซับซ้อนเกินไปหรือกระบวนการที่ยืดยาวเกินความจำเป็น) เนื่องจากมันถูกออกแบบให้ทำหลายหน้าที่เกินไป และยังมีราคาสูงเกินไปโดยไม่มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง

พ.อ. คาเรน ควีตคอฟสกี้ อดีตเจ้าหน้าที่เพนตากอน และนายทหารประจำกองทัพอากาศสหรัฐ เผยต่อสปุตนิกว่า สิ่งที่อีลอน มัสก์ กล่าว มีความถูกต้องเพราะ F-35 แทบจะเป็นเครื่องจักร Rube Goldberg สมัยใหม่

ตามข้อมูลของกลาโหมสหรัฐฯพบว่า โครงการพัฒนา F-35 มีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดโครงการหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ควีตคอฟสกี้ ยังกล่าวว่า F-35 ได้รับการออกแบบบนพื้นฐานที่เน้นไปการบริโภคอย่างสูญเปล่าและฟุ่มเฟือย ในขณะที่ผู้นำกองทัพสหรัฐชุดปัจจุบันยังคงติดหล่ม ไม่สามารถแก้ปัญหาการด้านงบประมาณได้ 

คำกล่าวของควีตคอฟสกี้ ยังสอดคล้องกับมาริโอ นาฟัล ผู้ทรงอิทธิพลในแพลตฟอร์ม X ที่แสดงความเห็นด้วยกับมัสก์ โดยว่า จีนกำลังสร้างโดรนจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน คนโง่บางคนก็ยังคงสร้างเครื่องบินขับไล่ที่มีคนขับ เช่น F-35

ขณะที่ แมตต์ เกตซ์ อดีตสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ และผู้ได้รับเลือกจากทรัมป์ให้เป็นอัยการสูงสุด เรียก F-35 ว่า "ที่ทับกระดาษมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์"

สภาล่างสหรัฐฯ ปัดตกร่างงบประมาณของทรัมป์ จับตา government shutdown คืนนี้

(20 ธ.ค.67) สหรัฐกำลังเสี่ยงเผชิญภาวะ 'ชัตดาวน์ทางการคลัง' รอบใหม่ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก โหวตคว่ำร่างงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่สนับสนุนโดยโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี และอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและที่ปรึกษาคนสนิท ส่งผลให้รัฐบาลกลางอาจขาดงบประมาณสำหรับดำเนินงานหากไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคมนี้ (ตามเวลาสหรัฐ)

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติด้วยคะแนน 235 ต่อ 174 เสียง โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 38 คน โหวตค้านร่างงบฯ ฉบับทรัมป์ ที่เปิดช่องให้ยกเลิกเพดานหนี้และสามารถก่อหนี้เพิ่มอย่างมหาศาล ซึ่งกลายเป็นประเด็นขัดแย้งภายในพรรค ขณะที่ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าจะมีการประชุมใหม่เพื่อหาทางออกต่อไป

แม้ว่าพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะเคยบรรลุข้อตกลงร่วมกันในร่างงบประมาณรายจ่ายที่ครอบคลุมเงินช่วยเหลือด้านภัยพิบัติและการเกษตรมูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์และมัสก์กลับออกมาคัดค้านเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม โดยทรัมป์ขู่ว่าจะไม่สนับสนุนสมาชิกสภาที่ไม่ยอมทำตามข้อเสนอของเขา

หากร่างงบประมาณไม่ผ่านภายในกำหนด จะเกิดภาวะรัฐบาลชัตดาวน์ ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานรัฐบาลกลาง 438 แห่งทั่วสหรัฐ รวมถึงการจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง และบริการสาธารณะต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องหยุดชะงัก

ที่จริงแล้ว พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างงบประมาณรายจ่ายที่จะนำมาโหวตในสัปดาห์นี้ได้ โดยพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเงื่อนไขที่ต้องการคือ การอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 1.1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือด้านภัยพิบัติและการเกษตร อย่างไรก็ตาม ทรัมป์และมัสก์ได้ออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

แม้ว่าทรัมป์จะยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ แต่เขามักใช้อิทธิพลทางการเมืองอย่างไม่เป็นทางการเพื่อกดดันฝ่ายนิติบัญญัติ โดยในครั้งนี้ เขาขู่ว่าจะไม่สนับสนุนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต่อต้านเขาในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อกดดันให้มีการปรับแก้ร่างงบประมาณ และเปิดทางให้ระงับการจำกัดเพดานหนี้เป็นเวลา 2 ปี ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยงการต่อรองทางการเมืองเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายชั่วคราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะทำให้รัฐบาลของเขาก่อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนจากพรรครีพับลิกันไม่เห็นด้วย

ทรัมป์ต้องการให้สภาคองเกรสจัดการกับปัญหาเพดานหนี้ในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเขาคือการขยายเวลาลดหย่อนภาษี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีคาดการณ์ว่าจะทำให้หนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า จากระดับปัจจุบันที่ 36 ล้านล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ชี้ว่าการขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากภายในพรรครีพับลิกันและการพยายามรวบอำนาจของทรัมป์ ขณะที่แผนการขยายเวลาลดหย่อนภาษีที่เขาผลักดันอาจทำให้หนี้ของรัฐบาลกลางพุ่งสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า จากปัจจุบันที่ 36 ล้านล้านดอลลาร์

อีลอน มัสก์ชูแนวคิดปกครองดาวอังคาร คาดส่งมนุษย์แตะพื้นในอีก 4 ปี

(30 ธ.ค. 67) อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อ SpaceX เสนอความคิดเห็นว่าหากมนุษย์มีการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารในอนาคต ควรเลือกรูปแบบการปกครองด้วยหลักการประชาธิปไตยทางตรง

มักส์ กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ชาวดาวอังคารควรเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะปกครองกันอย่างไร แต่ผมขอแนะนำให้ใช้ประชาธิปไตยทางตรงแทนที่จะเป็นประชาธิปไตยแบบตัวแทน”  

มัสก์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ยานอวกาศ Starship แบบไร้คนขับอาจลงจอดบนดาวอังคารได้ภายในสองปีข้างหน้า และยานที่มีมนุษย์โดยสารอาจเดินทางไปถึงในอีกสี่ปีข้างหน้า  

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน มัสก์ได้กล่าวว่ามนุษยชาติต้องพัฒนาความสามารถในการเดินทางข้ามดวงดาว หากไม่สามารถทำได้ อาจเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในอนาคต เนื่องจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์หรือการชนกันของโลกกับดาวเคราะห์น้อย

TikTok ปฏิเสธข่าวเล็งขายแอป ให้กับ Elon Musk เพื่อเลี่ยงการถูกแบน

(14 ม.ค. 68) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนพิจารณาขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งแบนได้

เจ้าหน้าที่จีนกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขายธุรกิจ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ หากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำสั่งแบนที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันจันทร์  

แม้ทางการจีนต้องการให้ TikTok ยังคงอยู่ภายใต้การบริหารของ ByteDance Ltd ซึ่งเป็นบริษัทแม่ แต่พวกเขาได้เริ่มหารือเกี่ยวกับแผนสำรองที่รวมถึงการขายกิจการให้กับอีลอน  

ByteDance ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งแบนต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จากการหารือล่าสุดพบว่าผู้พิพากษามีแนวโน้มที่จะสนับสนุนคำสั่งแบนดังกล่าว  

ความตึงเครียดเกี่ยวกับการแบน TikTok ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เข้ารับตำแหน่ง พร้อมกับการประกาศนโยบายที่เข้มงวดต่อจีน  

ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ กำหนดเส้นตายให้ ByteDance จนถึงวันที่ 19 มกราคมนี้ เพื่อขาย TikTok มิฉะนั้นจะเผชิญกับคำสั่งแบนในสหรัฐฯ โดยมีข้ออ้างด้านความมั่นคงแห่งชาติ  

TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ประมาณ 170 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติได้แสดงความกังวลว่า TikTok อาจเก็บข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกันและเป็นภัยต่อความมั่นคง สภาคองเกรสจึงลงมติสนับสนุนคำสั่งแบนนี้ในปีที่ผ่านมา  

หาก TikTok ถูกแบน อาจส่งผลดีต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ เช่น Instagram ของ Meta Platforms และ YouTube ของ Alphabet Inc ที่ต่างเปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอสั้นเพื่อตอบรับการแข่งขันจาก TikTok  

การขาย TikTok ให้กับอีลอน มัสก์ อาจช่วยให้แพลตฟอร์มนี้มีแนวทางดำเนินงานที่สอดคล้องกับปรัชญาการบริหารของเขา ซึ่งเคยเปลี่ยนโฉม Twitter ให้กลายเป็น X หลังการเข้าซื้อกิจการในปี 2023

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับอีลอน มัสก์ เว็บไซต์ Variety รายงานเพิ่มเติมว่า ตัวแทนของ TikTok ในอเมริกาได้ออกมาแถลงว่า บริษัทไม่สามารถให้ความเห็นต่อ "เรื่องราวที่มโนขึ้นมา" นี้ได้

คำแถลงดังกล่าวสะท้อนถึงท่าทีของ TikTok ที่ยังคงรักษาความเงียบเกี่ยวกับประเด็นที่มีการพูดถึงในวงกว้าง โดยไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการขายกิจการในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top