Friday, 16 May 2025
Econbiz

‘ปักกิ่ง’ ผุดบัตรสวัสดิการเวอร์ชันจีน แจก 200 บาท/เดือน ให้ผู้มีรายได้ต่ำ

ในบ้านเราต้องยอมรับว่า ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ตามสไตล์ ‘บิ๊กตู่โมเดล’ หรือตอนนี้บางคนอาจจะเรียกติดปากกันไปแล้วว่า ‘บัตรลุงตู่’ นั้น เป็นหนึ่งในมาตรการแก้ปัญหาที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันมีการลงทะเบียนสมบูรณ์แล้วราว 19 ล้านคน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในสภาวะของแพง ทั้งอาหารเอย แก๊สหุงต้มเอย ได้ลดภาระค่าครองชีพ และสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการทางสังคมอย่างทั่วถึง 

แนวคิดดังกล่าวค่อนข้างช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับการลงทะเบียนก่อนหน้ากว่า 10 ล้านคน ได้มีโอกาสลดภาระด้านค่าครองชีพลง และช่วยหมุนเศรษฐกิจไปในตัวได้ในระดับหนึ่ง จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าต้นปีที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ นี้ พี่จีนของเรา กำลังเดินตามคอนเซปต์บัตรลุงตู่อยู่หรือไม่

Reporter Journey รายงานว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้เปิดเผยตัวเลขราคาอาหารจากทางการจีน ว่า ราคาอาหารแพงขึ้นเฉลี่ย 6% โดยอาหารที่มีสัดส่วนราคาพุ่งมากที่สุดคือ เนื้อหมู ที่คนจีนนิยมบริโภคมากที่สุด รองลงมาคือ สารพัดผลไม้ที่ราคาปรับตัวแพงขึ้นตาม

แม้ 6% เป็นสัดส่วนที่ทั่วโลกก็เจอกันโดยปกติ ตั้งแต่เรื่องของสงครามรัสเซียยูเครนประมาณ 1 ปี แต่สำหรับจีนเอง มีปัจจัยภายในที่ประชาชนค่อนข้างกระอักกระอ่วนในเรื่องของการทำมาหากิน จากนโยบายโรคระบาดเป็นศูนย์ ที่เจอคนติดเชื้อที ปิดพื้นที่ไปที ทำให้รายได้ของภาคธุรกิจและบริษัทเข้ามาไม่ต่อเนื่อง

เรื่องนี้จึงถือเป็นตัวแปรกระทบต่อคนจีน ประกอบกับเจอเรื่องของเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ที่กำลังเป็นขาขึ้น จึงทำให้ จีนที่ยังไม่ฟื้น เหมือนเจอพิษซ้ำกรรมซัดกระหน่ำจากปัจจัยของโลกไปอีกคำรบ

ดังนั้นการอุดหนุนค่าใช้จ่าย โดยการ ‘โปรยเงิน’ จึงน่าเป็นทางเลือกหนึ่งของการช่วยเหลือ หลังจาก่อนหน้านี้ราวปี 2554 จีนเคยเปิดตัวโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ด้วยการมอบเงินสดให้กับผู้ยากไร้ที่ประสบอยู่ในสภาวะเงินเฟ้อ หรือราคาอาหารแตะระดับที่กำหนด ซึ่งแต่ละเมืองจะมีกำหนดมาตรฐานของตัวเอง เนื่องจากค่าครองชีพแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

ไทยดูดเงินลงทุนกลุ่มสร้างหนังจากต่างประเทศ หลัง ‘บิ๊กตู่’ สนับสนุนการถ่ายทำในไทยต่อเนื่อง

คณะผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เข้าพบ 'บิ๊กตู่' ขอบคุณการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนสร้างภาพยนตร์จากต่างประเทศ

(23 ก.พ. 66) ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหารจากสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ และสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอบคุณที่สนับสนุนมาตรการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมกล่าวว่า ยินดีที่มาตรการของรัฐบาลเห็นผลสำเร็จและเป็นรูปธรรม ซึ่งมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measure) เป็นมาตรการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและดำเนินการผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านเป็นสถานที่ถ่ายทำที่มีความหลากหลาย รวมถึงบุคลากรในประเทศที่มีคุณภาพ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า มาตรการที่รัฐบาลสนับสนุน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทย ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน รวมถึงช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และ Soft Power ของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมให้การสนับสนุนในส่วนที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการไปแล้วนั้น ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลคำนึงแล้วว่าจะช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ประเทศ ชุมชน และประชาชนท้องถิ่น อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ประกอบการฯ ช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อมของไทยไม่ให้เสียหาย ฟื้นฟูภายหลังถ่ายทำ รวมถึงดูแลเรื่องภาพลักษณ์ ให้การถ่ายทำสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดี และชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งจะช่วยประชาสัมพันธ์ต่อยอดสู่ภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนต่อไป

‘เศรษฐีรัสเซีย’ ตีตั๋วเข้าไทย ‘หลบหนาว-ลี้ภัยสงคราม’ แลนด์ดิ้ง ‘ภูเก็ต-พัทยา-เกาะสมุย’ ดันราคาอสังหาฯ พุ่ง

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘หรรสาระ By Jeans Aroonrat’ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่ำ 3 เดือน มากสุด 1 ปี โดยระบุว่า…

หลังจากที่ผู้นำชาติอภิมหาอำนาจอย่าง ‘โจ ไบเดน’ และ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ต่างลั่นกลองรบ เปิดฤกษ์สงครามยูเครน ปี 2 กันไปแล้ว ในลักษณะ ‘ไม่เจ๊ง เราไม่เลิก’

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สงครามคือความสูญเสีย แต่ในอีกมิติที่โลกของเราขับเคลื่อนด้วยระบบเศรษฐกิจนั้น เมื่อมีคนเสีย มันก็ย่อมมีคนได้ เพราะทรัพยากร เงินทุน เป็นสิ่งที่ถ่ายเทกันได้ตลอดเวลา และหนึ่งในประเทศที่มีคนมาเทส้มหล่นให้เป็นสวน เป็นไร่ ก็คือ ประเทศไทยของเรานั่นเอง

เพราะตั้งแต่เกิดสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานับปี ‘ประเทศไทย’ กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่เศรษฐีรัสเซียหลายหมื่นคนเลือกที่จะลี้ภัยสงคราม หนีหนาว มาปักหลักอยู่กันยาว ๆ ซึ่งเมืองยอดฮิตที่เศรษฐีรัสเซียเลือกอยู่มากที่สุดก็คือ ภูเก็ต พัทยา และเกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี)

แต่ถ้าแค่พูดลอย ๆ อาจจะไม่เห็นภาพ จึงต้องหยิบหลักฐานมายันกันตรง ๆ จากข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมือง เฉพาะที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 จนถึงมกราคมปีนี้ (2023) มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามามากกว่า 2.3 แสนคน กลายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดของไทยไปแล้ว ณ เวลานี้

Ikar Airline สายการบินเช่าเหมาลำจากรัสเซียสู่ ภูเก็ต กระบี่ และ อู่ตะเภา มีนักท่องเที่ยวรัสเซียใช้บริการเต็มแทบทุกเที่ยวตั้งแต่ไทยเริ่มเปิดประเทศ นอกจากนี้ยังมีสายการบิน Siberia Airlines ที่เปิดเที่ยวบินจากรัสเซียไปภูเก็ตอีกสัปดาห์ละ 3 เที่ยว เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี Aeroflot ที่เป็นสายการบินหลักของรัสเซีย ที่ได้เพิ่มเที่ยวบินจากหลายเมืองในรัสเซียมายังประเทศไทย ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมั่นใจว่า ภายในปีนี้  2023 จะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเข้ามาบ้านเราไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน

และที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งคือ นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนไม่ได้มามือเปล่า เพราะพวกเขายังหอบเงินมาลงทุน จอง-เช่า-ซื้อ ที่พัก บ้าน คอนโด หรือ รีสอร์ท กันเป็นจำนวนมาก ทำราคาอสังหาริมทรัพย์ในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทยพุ่งเกือบ 3 เท่า จนบางเอเจนซี่ยอมลงทุนจ้างเซลส์ ที่ดูแลลูกค้าต่างชาติเป็นชาวรัสเซียเลยทีเดียว

โซเฟีย มาลีกราวาเรียล นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จากรัสเซียคนหนึ่ง ให้ข้อมูลแก่สำนักข่าวต่างประเทศว่า ตอนนี้ลูกค้าของเธอที่เป็นชาวรัสเซียส่วนใหญ่ เป็นคนหนุ่ม-สาว วัยกำลังทำงานช่วงอายุประมาณ 30-35 ปี และทุกคนล้วนมีฐานะ กำเงินมาเพื่อเช่าที่พักอยู่ยาว ๆ กันตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 1 ปีขึ้นไป

เหตุผลที่มาอยู่ไทยยาว เพราะหนีช่วงฤดูหนาวในรัสเซียก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลัก ๆ เลยคือ หนีการเกณฑ์ทหารไปรบในสงครามยูเครน และหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ที่ทำให้พวกเขาต้องหนีมาพักผ่อน และมองหาแหล่งลงทุน ทำธุรกิจแห่งใหม่ ที่มั่นคงปลอดภัยกว่าในรัสเซียตอนนี้

ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยซบเซาในช่วงยุค Covid-19 กลับมาคึกคักอีกครั้ง จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ในปี 2022 ยอดขายคอนโดมิเนียมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ต เกือบ 40% เป็นของชาวรัสเซีย และเป็นชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมากที่สุด ซึ่งมากกว่าชาวจีน ที่ตามมาเป็นที่ 2 หลายเท่าตัว

เจ้าของกิจการโรงแรมในหาดป่าตอง เล่าว่าตอนนี้ ลูกค้าโรงแรมมากว่า 90% เป็นหนุ่มสาวรัสเซีย แม้แต่รีสอร์ทระดับหรูหลายแห่งถูกจองเต็มยาวข้ามปีโดยกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย หลายคนนำเงินมาจองซื้อบ้าน ในโครงการที่ยังเพิ่งก่อสร้าง โดยวางแผนล่วงหน้าว่าหากสถานการณ์ที่รัสเซียยังไม่ดีขึ้น อาจต้องมาปักหลักอยู่ยาวในไทย

ว่าแต่…ทำไมเศรษฐีมีเงินชาวรัสเซีย ถึงเลือกที่จะมาอยู่พักใจกันที่ประเทศไทย แทนที่จะไปประเทศอื่น ๆ??

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวเร็ว หลังยอดเที่ยวบินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 105%

(24 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่เปิดเผยถึงปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ AOT มีจำนวนเที่ยวบินรวม 150,378 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 105.04%

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 66,829 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 83,549 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมด 23.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 232.93% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 10.98 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 12.03 ล้านคน

‘เฉลิมชัย’ ผุดไอเดียเพิ่มมูลค่ายางพาราไทย สู่ตลาด Sex Toy - Made in Thailand

ไม่นานมานี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

‘Sex Toy - Made In Thailand’ กอบกู้ ‘ยางไทย’ เพิ่มมูลค่า #น้ำยางไทยดีที่สุดของโลก เพื่อกู้ราคายางในไทย

วันนี้เราต้องกล้าตัดสินใจ แปรรูปยางเข้าสู่ตลาด Sex Toy เพื่อทำกำไรเข้าประเทศ และไม่ใช่แค่เรื่องลามกจกเปรต แต่เป็นเรื่องของ ‘สุขภาวะทางเพศ’

ในปี 2021 ที่ผ่านมา ตลาด Sex Toy ทั่วโลก มีขนาด 1.3 ล้านล้านบาท!

ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2016 ตลาด Sex Toy เติบโตขึ้น 300% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ในปี 2030

'บิ๊กตู่' ผลักดันนโยบาย 'อาหารไทย อาหารโลก' เน้น!! การขยายตลาดอาหารไทยไปยังตลาดโลก คู่กับ 'ส่งเสริม' สินค้าฮาลาล อย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 66 รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) พร้อมด้วย...

- ศาสตราจารย์ ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดี ด้านการวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
- พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย 
- นายสามารถ มะลูลีม กรรมการอำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
- นายประสาน ศรีเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี 
- นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง 
- คณะผู้บริหารศวฮ.และเจ้าหน้าที่

ให้การต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะในการเยือนศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พิธีเปิดเริ่มด้วยการกล่าวต้อนรับ โดยศาสตราจารย์ ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดี ด้านการวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การกล่าวสรุปกิจการฮาลาลประเทศไทย โดยพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

จากนั้น รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์ฯ บรรยายสรุปพันธกิจและ กิจกรรมของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ดังนี้...

1. ประวัติและผลงานของ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ
2. โครงสร้างการบริหารกิจการฮาลาลประเทศไทย
3. บทบาทของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมฮาลาล ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบาย และเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล และห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล ณ ชั้น 11 – 13 อาคารวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

‘มาคาเลียส’ ผุดแพ็กเกจสุดพิเศษ เริ่มต้น 3,999 บาท/คืน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-วัยทำงาน ท่องเที่ยวแบบครบวงจร

(24 ก.พ. 66) นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย เดินหน้าลุยตลาดท่องเที่ยวประเทศไทยปี 2566 เต็มรูปแบบภายใต้กลยุทธ์ ‘Customize & Quality Traveler’ เน้นสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพให้นักท่องเที่ยว ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งผ่าน 3 แนวคิด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ (Product) แพลตฟอร์ม (Platform) และพันธมิตร (Partner)

'เพจดัง' เผย ทุนสำรองไทยแกร่ง อันดับ 14 ของโลก ขึ้นแท่นประเทศที่มีทองคำมากที่สุดในภูมิภาค

'เพจลุงตู่ตูน' ยกข้อมูล 'แบงก์ชาติ' เผย สถานะทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย สุดแกร่ง อยู่อันดับ 14 ของโลก เหนือ 'ฝรั่งเศส-อิตาลี' เป็นที่ 2 อาเซียน รองแค่ 'สิงคโปร์' แต่มีทองคำมากสุดในภูมิภาค แถมขึ้นชั้น 'เจ้าหนี้' ปล่อยกู้ IMF ด้วย

วันนี้ (24 ก.พ.66) แฟนเพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ซึ่งสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ข่าวดีประเทศไทย ‘นายกฯ ลุงตู่’ จัดให้' ถึงสถานะทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศไทย โดยระบุว่า...

ประเทศไทย มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากถึง 8,255,996.80 ล้านบาท (237,582.64 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จัดอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลก เหนือประเทศฝรั่งเศส และอิตาลี ที่อยู่ลำดับที่ 15-16 และมีทุนสำรองระหว่างประเทศ ใกล้เคียงกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในลำดับที่ 13

เติบโตต่อเนื่อง!! ‘บิ๊กตู่’ สั่ง เสริมศักยภาพ ‘อินทราโลจิสติกส์’ ไทย หวังมุ่งสู่มาตรฐานสากล-ศูนย์กลางอาเซียน

(25 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งยกระดับและส่งเสริมศักยภาพการจัดการคลังสินค้าไทยสู่มาตรฐานระดับสากล หลังแนวโน้มของอุตสาหกรรมระบบการจัดการคลังสินค้าภายในองค์กร หรือ ‘อินทราโลจิสติกส์’ (Intralogistics) ในปี 2566 คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 10-15%

จากข้อมูลโดยสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย การเติบโตของระบบการจัดการคลังสินค้าภายในองค์กร (อินทราโลจิสติกส์) ซึ่งในปี 2565 มีมูลค่าถึง 6,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2564 ประมาณ 5-8% พร้อมมองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ที่เริ่มฟื้นตัว และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทย กับต่างประเทศมากขึ้น และเชื่อว่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ขยายตัวได้ดีถึง 10-15% เทียบเท่าก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19

สมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทยยังเตรียมจัดงาน LogiMAT | Intelligent Warehouse 2023 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อแสดงสินค้าชั้นนำที่เกี่ยวกับนวัตกรรมในการวางระบบคลังสินค้า และนำเสนอเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าในอนาคต โดยจะเป็นงานที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการ ผู้มีศักยภาพด้านการลงทุน และผู้มีส่วนตัดสินใจขับเคลื่อนองค์กร จากทั้งไทยและนานาชาติมากกว่า 100 แบรนด์/บริษัท สามารถดึงดูดนักลงทุนด้านโลจิสติกส์และผู้ที่สนใจได้มากกว่า 6 พันคน ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดในงานรวมกว่า 1,000 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรียินดีที่อุตสาหกรรมคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ อินทราโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่ง และระบบโลจิสติกส์มาโดยตลอด พร้อมยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการจัดการคลังสินค้าไทยสู่มาตรฐานระดับสากล เพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต” นายอนุชา กล่าว

เปิดแล้ว!! สะพานมิตรภาพ ไทย-กัมพูชา 'หนองเอี่ยน-สตึงบท' จุดผ่านแดนแห่งใหม่ รองรับสินค้า ส่วนหนึ่งของถนนสายเอเชีย

ไม่นานมานี้ เฟซบุ๊กเพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้รายงานความคืบหน้าสะพานมิตรภาพ 'ไทย-กัมพูชา' ระบุว่า...

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไปอรัญประเทศมา เลยเอาความคืบหน้าของโครงการถนน สะพานมิตรภาพ และด่านผ่านแดนแห่งใหม่ หนองเอี่ยน-สตึงบท ที่เสร็จมาพักหนึ่ง 

ซึ่งตอนนี้เร่งเปิดให้บริการเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหา การขีดขวางจราจรของตัวเศษซากอาคารอาคาร จากไฟไหม้คาสิโน ในฝั่งกัมพูชา เมื่อสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา

โดย สะพานมิตรภาพ หนองเอี่ยน-สตึงบท แห่งนี้ เป็นด่านที่เน้นรองรับการขนส่งสินค้า ซึ่งในฝั่งกัมพูชาจะบรรจบกับบ้านสตึงบท ที่จะลึกเข้ามาในฝั่งกัมพูชา ไม่ผ่านเมืองปอยเปต ที่มีปัญหาจราจรติดขัด และผ่านแหล่งชุมชน

>> รายละเอียดโครงการ ถนน และสะพานมิตรภาพ หนองเอี่ยน-สตึงบท

ในปัจจุบัน ด่านอรัญประเทศ มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออก มากกว่า 100,000 ล้านบาท!!!

ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาด่านพรมแดนและการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ)

ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ...

- ถนนเลี่ยงเมืองอรัญประเทศ เชื่อมต่อ ด่านชายแดน หนองเอี่ยน-สตึงบท ระยะทาง 30 กิโลเมตร เป็นถนนคอนกรีต ขนาด 4 ช่องจราจร

- สะพานมิตรภาพหนองเอี่ยน-สตึงบท ขนาด 2 ช่องจราจร ระยะทาง 620 เมตร

- ด่านพรมแดนอรัญประเทศแห่งใหม่ (หนองเอี่ยน) 

ลิงก์ภาพรวมโครงการ

http://www.stabundamrong.go.th/web/asean/asean_15.pdf


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top