Saturday, 19 April 2025
DSI

'ดีเอสไอ' เข้าตรวจ 'กองสลากพลัส' สร้างความเชื่อมั่นคนถูกรางวัล ขึ้นเงินได้ปกติ

รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะ ลงพื้นที่สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ซื้อหวยกองสลากพลัส งวดวันที่ 1 ก.พ. 66 หากถูกรางวัลขึ้นเงินได้ตามขั้นตอน

(1 ก.พ. 66) เวลา 11.00 น. ที่บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด อาคาร SSP TOWER 1 ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับการขึ้นสลากกินแบ่งรัฐบาล ในงวดประจำวันที่ 1 ก.พ.66 หากมีการถูกรางวัล

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 66 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีพิเศษ จำนวน 2 คดี คือ คดีพิเศษที่ 288/2565 ในข้อหา 'ร่วมกันฟอกเงิน' และคดีพิเศษที่ 6/2566 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์หรือพนันทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันฟอกเงิน” โดยได้แจ้งข้อหากับ นายพันธ์ธวัช และบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด และได้มีการอายัดบัญชีบัญชีเงินฝากธนาคารที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย

DSI ลงพื้นที่ท่าใหม่ จันทบุรี ตรวจยึด/อายัดทรัพย์คดี Forex 3-D เพิ่มเติม

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566)  พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก วิษณุ  ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ ร้อยตำรวจโท เสฎฐวุฒิ สายป้อง ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 3 และ นางสาวนันท์นภัส  เกยุราพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 36/2563 สนธิกำลังกับ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 2 และกองปฏิบัติการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายค้นศาลจังหวัดจันทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 14/2 ถนนศรีนวดิตถ์ ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี    

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 36/2563 ซึ่งเป็นความผิดฐานฐานฟอกเงิน ในกรณี “การชักชวนให้ลงทุนนำเงินไป ซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่าง ๆ (Forex)  โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60-80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรดฟอเร็กซ์ และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 โดยมีการชักชวนผ่านทางเฟสบุ๊คชื่อ Forex-3D และบัญชี เฟสบุ๊คชื่อ Apirak Krub (นายอภิรักษ์ โกฎธิ)” ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้เพื่อตรวจสอบไว้ก่อนแล้วหลายรายการ ซึ่งต่อมาจากการสืบสวนขยายผล คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบทรัพย์สิน ของนางสาวชนกวนันท์ โกฎธิ หรือ ภคมน สีลุน อดีตภรรยาของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 60/2564 เป็นบ้านพักและที่ดินมีโฉนด ในพื้นที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และยังไม่มีการยึดอายัดไว้ ซึ่งเชื่อว่าได้มาในช่วงเกิดเหตุคดี Forex 3-D และคาดว่าจะมีทรัพย์สินอื่นๆ ซุกซ่อนอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าวด้วย

กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สอท.3 รวบแก๊งแอบอ้าง เป็นตำรวจ หลอกติดตั้งแอพ 'DSI ปลอดภัย' ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี

ตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา กองบังคับการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.3) กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ให้ระดมกวาดล้างผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดี ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม และเกิดผลความเสียหายที่กระทบต่อประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สอท.3 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว น.ส.ปณิตาหรือมิ้น บุญประสงค์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 1 ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา ที่ 496/2566 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 โดยกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันฟอกเงิน ”

‘สมอ.’ ร่วม ‘DSI’ บุกทลายโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน พบ ‘หม้ออบลมร้อน-ไดร์เป่าผม’ เพียบ รวมมูลค่า 7 ล้านบาท!!

(29 มี.ค. 66) นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สมอ.ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าย่านบางขุนเทียน กทม. และกระทุ่มแบน สมุทรสาคร พบสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 30 รายการ กว่า 23,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ DSI ได้นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าจำนวน 2 แห่ง แห่งแรกในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมของ สมอ. ตาม พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 เช่น หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม ที่ม้วนผม หลอดไฟ และเพาเวอร์แบงก์ ฯลฯ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. เเละไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 2,900 ชิ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

แห่งที่ 2 เป็นโกดังเก็บสินค้าในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เตาอบไฟฟ้า หม้ออบลมร้อน ไดร์เป่าผม ที่หนีบผม และโคมไฟ ฯลฯ กว่า 32 รายการ ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และไม่แสดงชื่อผู้รับใบอนุญาต จำนวนกว่า 20,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท จึงยึดอายัดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายทันที ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ สมอ.ควบคุม หากไม่ได้มาตรฐานอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของประชาชนได้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย รายแรกเป็นผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. และรายที่ 2 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจาก สมอ. ซึ่งทั้ง 2 รายนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ต้องระวางโทษกรณีมีไว้เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่ง DSI ฟัน ‘วนรัชต์’ พร้อมพวกรวม 10 ราย  เอาผิดทางอาญา-กม.ฟอกเงิน ปมตกแต่งงบ ‘STARK’

ก.ล.ต. ส่ง DSI กล่าวโทษ "ชนินทร์ -วนรัชต์ - ศรัทธา"รวม 10 ราย กรณีตกแต่งงบการเงินของ STARK เปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และกระทำโดยทุจริตหลอกลวง เอาผิดทางอาญา-กม.ฟอกเงิน

สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  กล่าวโทษบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) กรรมการ อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบ รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 

โดย ก.ล.ต. กล่าวโทษบุคคลดังต่อไปนี้ (1) บริษัท STARK (2) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (4) นายชินวัฒน์ อัศวโภคี (5) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ (6) นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม (7) บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) (8) บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) (9) บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด และ (10) บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 

ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ว่า บุคคลข้างต้นได้ร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ

อีกทั้ง STARK มีการเปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน โดยเปิดเผยงบการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบการเงินดังกล่าว รวมทั้งปกปิดข้อความจริงในข้อมูลในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบแสดงรายการข้อมูลสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ STARK ว่าได้มีการเข้าลงทุนในบริษัท LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc แล้ว ทั้งที่ยังเข้าลงทุนในกิจการดังกล่าวไม่เสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ ปรากฏว่าหลังจากที่ STARK ได้รับเงินหุ้นกู้และเงินเพิ่มทุน พบการโอนเงินออกจาก STARK และบริษัทย่อยไปยังบริษัทหรือบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการตกแต่งงบการเงินด้วย

การกระทำของบุคคลรวม 10 รายข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 312 และมาตรา 281/2 วรรค 2 ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 มาตรา 278 มาตรา 281/10 ประกอบมาตรา 300 มาตรา 306 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (แล้วแต่กรณี) ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 10 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากกรณีที่กล่าวโทษในครั้งนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริต โดยจะประสานความร่วมมือกับ DSI ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีการเปิดเผยให้ทราบต่อไป 

ในการตรวจสอบเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง. DSI และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

DSI แถลงความคืบหน้า 1 เดือนหลังจากรับคดีหุ้น Stark เป็นคดีพิเศษ

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีการทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 
เป็นคดีพิเศษที่ 57/2566 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 นั้น ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้มีการแจ้งความคืบหน้าผ่านทางสื่อมวลชน และช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ให้ประชาชนและสังคมทราบเป็นระยะแล้วนั้น

ล่าสุด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาแล้วจำนวน 2 ราย คือ 
นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ และนางสาวยสบวร อำมฤต ส่วน นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ นั้น พนักงานสอบสวน คดีพิเศษได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ผู้ต้องหาขอเลื่อนนัด อ้างเหตุป่วย โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงประกอบเหตุขอเลื่อนนัด

สำหรับนายชนินทร์ เย็นสุดใจ นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ติดตามตัวมาเพื่อดำเนินคดี โดยกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการประสานองค์การตำรวจสากล (Interpol) ผ่าน กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งข้อมูลบุคคลตามหมายจับรายนี้ ขอความร่วมมือออกประกาศองค์การตำรวจสากลสีน้ำเงิน (หมายน้ำเงิน) ในสารบบฐาน i24/7 เพื่อความร่วมมือสมาชิกตำรวจสากล จำนวน 149 ประเทศทั่วโลก ในการสืบสวนหาถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามขั้นตอนขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามกฎหมายต่อไป และได้ขอความร่วมมือกรมการกงสุลให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548

ในส่วนของการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือถึงสำนักงานที่ดิน
ขออายัดอสังหาริมทรัพย์ทางทะเบียน ประกอบด้วยที่ดินจำนวน 2 แปลง และบ้านจำนวน 1 หลัง ไว้เพื่อตรวจสอบตามกฎหมายแล้ว

นอกจากนี้ ได้มีการสอบสวนพยานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด ไว้จำนวนหนึ่งแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเพิ่มเติม 

ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีข้อสั่งการเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเร่งติดตามยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เคลื่อนไหว!! หลังโดนหมายเรียกคดี Forex-3D ขอยืนยันความบริสุทธิ์ เตรียมหอบหลักฐานเข้าพบ DSI 8 ส.ค.นี้

(24 ก.ค. 66) หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกอีก 8 ราย ให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังสอบพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D พบว่าในจำนวนนี้มีดารานักแสดงชายชื่อดังเกี่ยวข้อง 1 ราย นัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 8 ส.ค. ส่วนอีก 1 รายเป็นดีเจชายชื่อดัง นัดหมายให้เข้าพบพนักงานสอบสวนวันที่ 17 ส.ค. ที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ซึ่งล่าสุดมีชื่อของนักแสดงดัง ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ และดีเจชื่อดังอย่าง ‘เพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย’ ที่ทางดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียก

ล่าสุด แหล่งข่าวคนใกล้ชิด ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ได้เผยว่า ตอนนี้ฟิล์มทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว เจ้าตัวไม่ได้ซีเรียสอะไร พร้อมที่จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ ซึ่งคาดว่าฟิล์มจะเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง เพราะเท่าที่ทราบฟิล์มได้มีการโทรเข้าไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ถึงเรื่องดังกล่าว และได้ชี้แจงเบื้องต้นไปแล้ว โดยฟิล์มจะนำหลักฐานไปชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนเองอีกครั้งในวันที่ 8 ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ฟิล์ม เข้าไปเกี่ยวข้องกับ คดีเงิน Forex-3D ได้อย่างไร แหล่งข่าวคนดังกล่าว เผยว่า เมื่อประมาณปี 2561 ทางผู้บริหาร Forex-3D ได้มีการว่าจ้างบริษัทของฟิล์มให้ทำงานด้วย เป็นเรื่องของการว่าจ้างงาน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการไปหลอกให้ประชาชนมาร่วมลงทุน ทางบริษัทของฟิล์มก็มีหลักฐานการว่าจ้างอยู่ ซึ่งฟิล์มจะนำหลักฐานดังกล่าวไปชี้แจงความบริสุทธิ์ของตนด้วย

‘ดีเจเพชรจ้า’ แถลงเส้นทางการเงิน หลังถูกโยงคดี Forex-3D ลั่น!! “เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ไม่มีวันทำเด็ดขาด”

(24 ก.ค. 66) ล่าสุด ‘ดีเจเพชรจ้า’ ชี้แจงผ่านไอจี หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าทางดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจง หลังพบเส้นทางเงินเชื่อมโยงกับคดีฟอกเงิน Forex-3D ซึ่ง ‘ดีเจเพชรจ้า’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า...

"ผมของแถลงหน่อยนะครับ ก่อนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จากข่าวที่ออกมานะครับหลังจากได้รับหมายไปก็ติดต่อเข้าไปสอบถามทราบข้อมูลมา เกี่ยวกับเงิน 50,000 บาท มีการโอนระหว่างบัญชีกันจึงได้ตรวจสอบ และพบว่าเงินนั้นคือการจ้างในการ post ภาพจาก show room รถแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2018 วันที่ 1 พ.ค. 2018 ทางผมมีหลักฐาน สำหรับเรื่องนี้ครับ เรื่องไม่ดี หลอกเงินชาวบ้าน ผมไม่มีวันทำเด็ดขาด ขอบคุณที่กำลังใจครับที่ส่งมา"

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าแบบละเอียดในคลิปว่า "ดีเอสไอออกหมายเรียกให้ไปเป็นพยานเรื่อง Forex-3D ผมได้หมายมาแล้วจริง ว่าให้ไปให้การเป็นพยาน เราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเราไปเกี่ยวพันได้ยังไง เพราะส่วนตัวไม่รู้จักคุณอภิรักษ์เลย"

"และไม่เคยทำธุรกรรมแชร์ลูกโซ่อะไรเลย ไม่เคยเชื่อด้วยว่ามันจะได้เงิน และไม่เคยชวน แต่โทรไปถามแล้วบังเอิญว่ามีการโอนเงิน ระหว่างบัญชีของคุณอภิรักษ์ และบัญชีของผม มียอดเงิน 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ปี 2018 มี 1 ยอดถ้วน โอนเข้ามาเมื่อ 5 ปีแล้ว"

"ตอนแรกผมก็งงว่าคุณอภิรักษ์เขาโอนเงินอะไรให้ผม ปรากฏว่าวันที่ 1 พ.ค. 2018 ลองไปย้อนในไอจีว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นไหม ก็ไปเจอวันที่ดังกล่าวจริง ๆ มีการโสพต์ภาพของผมผ่านทางไอจี เป็นภาพเพจโชว์รูมรถ ตอนนั้นทำรายการเกี่ยวกับรถ ซึ่งก็มีการจ้างโปรโมตโชว์รูมที่ชื่อว่า RKK โดยมีลูกค้า 1 ท่านไดเร็กแมสเสจทางไอจี ให้ผมช่วยโปรโมตเพจ เป็นภาพแคปหน้าจอเพจของเขาส่งมาให้ผมโพสต์ ก็ได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ก็เป็นอันว่า ผมเพิ่งมารู้ว่าคนที่จ่ายเงินคือ คนชื่ออภิรักษ์ ผมไม่ทราบด้วยซ้ำว่าใครที่เป็นคนติดต่อ DM มา"

‘DSI’ สั่งฟ้อง ‘นอท-แทนไท’ พร้อมพวก  ฐานโยงฟอกเงินพนันกว่า 500 ล้าน

(13 ส.ค. 66) จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยกองคดียาเสพติด นำโดย นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการกองคดียาเสพติด และคณะพนักงานสอบสวน ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 6/2566 เกี่ยวกับแพลตฟอร์มลอตเตอรี่ออนไลน์ของ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ ‘นอท กองสลากพลัส’ และบรรดานายทุนของนายพันธ์ธวัช ไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด นายพงษธร อินอำนวย ผอ.กองคดียาเสพติด และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 6/2566 ตนได้มีการประสานกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการนับจำนวนสลากลอตเตอรี่ที่ได้ยึดมาจากกองสลากพลัส และตรวจสอบว่าเป็นสลากลอตเตอรี่จริงหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการนับจำนวนของกลาง อีกทั้งเจ้าหน้าที่งานธุรการจะต้องทำการบันทึกลงเลขในเอกสารว่า ลอตเตอรี่จำนวนดังกล่าวนี้มีทั้งหมดกี่ใบ เป็นหมายเลขใด และจากงวดใดบ้าง ซึ่งจำนวนของกลางลอตเตอรี่ที่ได้ตรวจยึดมีประมาณ 10 ล้านฉบับ

ส่วนจำนวนผู้ต้องหาที่คณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องมี 4 ราย ประกอบด้วย นิติบุคคล 2 ราย ได้แก่ 1.) บริษัท ไททันแคปปิตอล กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด 2.) บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ส่วนบุคคลอีก 2 ราย คือ 1.) นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) กองสลากพลัส และ 2.) นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไททันแคปปิตอล กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด

โดยสั่งฟ้องความผิด 2 ข้อกล่าวหา ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันและร่วมกันฟอกเงิน ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนเตรียมส่งสำนวนให้พนักงานอัยการคดีพิเศษภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้

นายพงษธร เผยอีกว่า สำหรับสำนวนคดีพิเศษที่ 6/2566 นี้ดำเนินการในส่วนของการขายลอตเตอรี่บนแพลตฟอร์มกองสลากพลัส เพราะจากพยานหลักฐานพบว่าเป็นการจัดให้มีการเล่นพนัน เนื่องจากทางนายพันธ์ธวัช ได้มีการกำหนดราคา เข้าลักษณะการรับกิน - รับจ่ายเอง โดยการเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นองค์ประกอบในการเล่น โดยมีนายแทนไท รับหน้าที่เป็นนายทุนให้ อีกทั้งเมื่อนายแทนไทต้องรับเงินจากนายพันธ์ธวัช เจ้าตัวจะใช้บัญชีธนาคารบริษัท ไททันแคปปิตอล กรุ๊ปโฮล ดิ้ง จำกัด ในการรับเงิน จึงทำให้ทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันในเรื่องเส้นทางการเงินและถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนจำนวนเงินที่มีการโอนจากบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัชไปยังนายแทนไท พบมูลค่า 200 ล้านบาท ขณะที่เส้นเงินจากนายแทนไทโอนไปยังนายพันธ์ธวัช มีมูลค่า 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายแทนไทก็ยังไม่ได้เงินคืนจากนายพันธ์ธวัช จากการร่วมลงทุนกองสลากพลัส ซึ่งนายแทนไทก็ได้ยื่นเอกสารแจ้งมายังดีเอสไอว่า ได้ดำเนินการฟ้องเรื่องเงินกับนายพันธ์ธวัช แต่พนักงานสอบสวนก็ยืนยันว่าให้พิสูจน์เรื่องนี้ในชั้นศาลแทน เพราะพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ในตอนนี้ พนักงานสอบสวนสามารถใช้พิจารณาจนเห็นสมควรแก่การสั่งฟ้องทั้ง 4 ราย ตามฐานความผิดข้างต้น

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับจำนวนเงิน 200 ล้านบาท ที่ถูกโอนจากบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัชไปยังบัญชีธนาคารของนายแทนไทนั้น นายแทนไทได้เคยเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยชี้แจงว่า เงินจำนวน 200 ล้านบาท ที่ให้นายพันธ์ธวัชกู้ยืมเป็นเงินของบริษัท โดยแบ่งเป็น 2 ยอด ได้แก่ 150 ล้านบาท และ 50 ล้านบาท และเป็นการจ่ายผ่านแคชเชียร์เช็ค ส่วนสาเหตุที่ไว้วางใจให้กู้ยืมเงิน เนื่องมาจากฝั่งนายพันธ์ธวัชมีการติดต่อมา เพื่อเสนอแนวทางการทำธุรกิจ อยากได้เงินกู้ รวมถึงนายพันธ์ธวัชยังได้แจ้งว่า จะกู้ยืมเงินเพื่อไปประกอบธุรกิจสลากกินแบ่งออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่นายพันธ์ธวัชมีกระแสข่าวเกิดขึ้น นายแทนไทได้พยายามบอกยกเลิกสัญญา กระทั่งนายพันธ์ธวัชได้นัดหมายวันที่ 30 ม.ค. 66 เพื่อทำการโอนคืนเงินให้นายแทนไท สำหรับสาเหตุที่นายแทนไทต้องยกเลิกสัญญาเพราะว่าในฐานะนายทุน ก็จะต้องพิจารณาว่านายพันธ์ธวัชและบริษัทฯ จะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้หรือไม่ เพราะนายแทนไทก็มีความจำเป็นต้องปกป้องเงินทุนของตัวเองด้วย พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าเงินที่นายแทนไทให้นายพันธ์ธวัชกู้ยืมเป็นเงินที่ได้จากการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด ไม่ใช่เงินจากการทำธุรกิจผิดกฎหมายแต่อย่างใด

DSI ประสานความร่วมมือ O.U.R. ปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายเผยแพร่ภาพลามกอนาจารเด็ก

วันนี้ (วันที่ 14 สิงหาคม 2566) ภายใต้การอำนวยการของพันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายเขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายยศสันธ์ เรืองสรรงามสิริ รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนคดีละเมิดทางเพศเด็ก พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันตรวจค้นและจับกุมชายไทย 1 ราย อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีพฤติการณ์โฆษณาขายสื่อลามกอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ในแพลตฟอร์มไลน์ ในราคาตั้งแต่ 150-500 บาท พบภาพนิ่งและคลิปวิดีโอลามกอนาจารเด็กสวมชุดนักเรียนระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา เป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 5,000 ไฟล์ โดยมีเจ้าหน้าที่ O.U.R. ประสานความร่วมมือในการปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ส่วนคดีละเมิดทางเพศเด็ก ได้ทำการสอบสวนกรณีนี้เป็นคดีพิเศษที่ 37/2566 และได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหารายดังกล่าว และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งในตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จึงได้แจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์ทางเพศจากบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยมีการโฆษณาเชิญชวนให้สมัครเข้ากลุ่มไลน์เพื่อดูสื่อลามกอนาจาร และแสวงหาประโยชน์จากการผลิตและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก  จากนั้นได้แจ้งข้อหาให้ทราบว่าเป็นความผิดฐานครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, ส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น, เพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลาย โดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, ประกอบการค้าหรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชนให้เช่าสื่อลามกอนาจารเด็ก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287/1, 287/2 และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 14 (4),(5) 

ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ได้มีการประสานความร่วมมือกับองค์การ Operation Underground Railroad (O.U.R.) โดยมีการใช้ “ฮิดู” สุนัขปฏิบัติการ ซึ่งเป็น ESD K9 นานาชาติตัวแรกของ O.U.R. ที่ได้รับการฝึกฝนจาก Jordan Detection Training Center ช่วยค้นหาอุปกรณ์เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่อีกด้วย ถือเป็นการบูรณาการร่วมกันกับทุกภาคส่วน เพื่อต่อต้านอาชญากรรมการละเมิดทางเพศเด็กและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก 

การแสวงหาประโยชน์เกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็กเป็นอาชญากรรมที่นานาชาติให้ความสำคัญ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและสิทธิของเด็ก หากผู้ปกครองช่วยสอดส่องพฤติการณ์ของบุตรหลาน จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะช่วยปกป้องบุตรหลานจากภัยดังกล่าวได้ ทั้งนี้ หากมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับละเมิดทางเพศเด็ก หรือมีการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทรศัพท์สายด่วน 1202 (ฟรีทั่วประเทศ) โดยข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top