Wednesday, 14 May 2025
ไวยาวัจกร

เปิดเบื้องลึก!! ยักยอกทรัพย์ 'วัดบวรฯ' 200 ล้าน มูลเหตุที่ 'ไวยาวัจกร' ควรพึงรับผิดชอบ

นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้...

เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวร 200 ล้าน!!!!

1. เมื่อวานนี้ สื่อมวลชนรายงานข่าวใหญ่ที่ทำให้ตกตะลึงกัน นั่นคือข่าวการที่ตำรวจและ ปปง. เข้าทำการจับกุมและยึดทรัพย์ลูกศิษย์ของสมเด็จพระวันรัต วัดบวรในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นจำนวนมากถึง 200 ล้านบาท

ข่าวดังกล่าวนี้อาจทำให้กระทบต่อเกียรติคุณและความบริสุทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต และอาจกระทบชื่อเสียงของวัดบวรด้วย! ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้

2. ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าจำนวนเงินที่มีการยักยอกรวมถึงทรัพย์สินหลายรายการนั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าประคุณสมเด็จ แต่เป็นทรัพย์สินของวัดที่อยู่ในความดูแลของเจ้าพระคุณสมเด็จ

ดังนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเจ้าพระคุณสมเด็จไม่ได้มีทรัพย์สินส่วนตัวดังที่เป็นข่าว

3. เจ้าประคุณสมเด็จเป็นพระมหาเถระที่เคร่งในพระวินัย ไม่จับตัองเงินทอง

เงินทองทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกร ที่เจ้าประคุณสมเด็จมอบหมายซึ่งเป็นไปตามพระวินัย

ดังนั้นบรรดาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจึงอยู่ในความครอบครองดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งก็คือผู้ต้องหาในคดีนี้

จึงควรเข้าใจในขั้นนี้ว่า ทรัพย์สินที่มีการกล่าวหาว่ายักยอกนั้น เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรเป็นผู้ครอบครองดูแลและจัดการ! การจัดการผิดถูกเป็นเรื่องความรับผิดชอบของไวยาวัจกรนั้น!

4. จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องเงินในการก่อสร้างศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งประคุณสมเด็จได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา

การก่อสร้างนี้มีวงเงินประมาณ 80 ล้านบาท และเงินดังกล่าวก็อยู่ในความดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งมีหน้าที่จัดการให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วง

5. นอกจากเงิน 80,000,000 บาท ดังกล่าวแล้วยังมีวงเงินอีก 2-3 ยอด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบูรณะก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในกิจการของวัด และอยู่ในหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของเจ้าพระคุณสมเด็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกรในการครอบครองดูแลรักษาและจัดการให้เป็นไปโดยถูกต้อง
 

รู้จัก ‘ไวยาวัจกร’ ทำหน้าที่อะไร หลังเกิดเหตุยักยอกเงินวัดบวรฯ 190 ล้าน

สรุปปมมือมืดใกล้ชิด “สมเด็จวันรัต” ก่อเหตุฉกทรัพย์ “วัดบวรฯ และวัดสาขา” 190 ล้าน ไล่เลียงจากจุดเริ่มต้นถึงล่าสุด พร้อมไปทำความรู้จักตำแหน่ง “ไวยาวัจกร” มือการเงินดูแลทรัพย์สินของวัดทั่วไทย  

วันที่ 4 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีกระแสข่าวลูกศิษย์ใกล้ชิดสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ที่ถึงแก่มรณภาพไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถอนเงินในบัญชีของวัดบวรนิเวศฯ และวัดวชิรธรรมาราม วัดสาขา รวม 190 ล้านบาทไปใช้ส่วนตัว

ต่อมามีการเปิดเผยว่า บุคคลที่กระทำแบบนี้คือ “นายเนย” หรือ “นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา” อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหา ประกอบด้วย ฉ้อโกง, ลักทรัพย์, ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และฟอกเงิน และได้ควบคุมตัวนายอภิรัตน์ไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังจากพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลของการผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก

>> สรุปที่มา-คืบหน้าล่าสุด <<

สำหรับที่มาของคดีนี้มาจากมีรายงานข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีผู้ลักลอบเอาเงินจากบัญชีของสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศไปประมาณ 200 ล้านบาท ทำให้คนตั้งคำถามถึงวัดและตัวสมเด็จผู้ล่วงลับว่า ทำอะไรมาถึงมีเงินมากมายขนาดนี้?

เนื่องจาก สมเด็จพระวันรัตในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ยังมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ก่อนที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) จะเข้ามารับตำแหน่งเมื่อครั้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเมื่อปี 2560

โดยธรรมเนียมของธรรมยุตจะถือธรรมเนียมปฏิบัติเคร่งครัดกว่าพระมหานิกาย โดยเฉพาะในเรื่องการจับต้องเงินทอง จะเคร่งครัดกว่าพระมหานิกาย ซึ่งจะไม่มีการจับต้องเลย หรืออย่างมากที่สุด จึงใช้ใบปวารณาแทน กระทั่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงอาจส่งผลต่อความเชื่อศรัทธาต่อหมู่สงฆ์ได้

ต่อมาคืนวันที่ 2 เมษายน 2565 เพจเฟซบุ๊ก ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา ออกมาโพสต์ข้อความแก้ข่าวว่า

#สมเด็จรูปนี้ไม่มีเงินส่วนตัว

เห็นข่าวกรณีไอ้เนย อมเงินวัดไปหลายร้อยล้าน เห็นหลายคนแทนที่จะด่าโจร กลับเสือกมาด่าพระ ผมขอชี้แจงตามความรู้อันน้อยนิดของผมดังนี้นะครับ

1.) สมเด็จฯ ไม่มีเงินส่วนตัวนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นบัญชีวัดที่ท่านปกครองหรือเคยปกครอง ทั้งในนามเจ้าอาวาส (วัดบวรฯ) ในนามรักษาการเจ้าอาวาส (วัดมกุฎ/วัดตรีฯ) ในนามวัดที่ท่านสร้างเองกับมือ (ตราด/บางปะหัน) และในนามมูลนิธิฯ ต่างๆ

2.) บัญชีส่วนตัวเดียวที่มีคือบัญชีปี 43 ในนามพระพรหมมุนี (ยศในขณะนั้น) ซึ่งเป็นบัญชีตาย ไม่เคยถอน ทิ้งไว้เฉยๆ ไม่มีใครทราบยอด

3.) บัญชีเพื่อสาธารณกุศล เช่น สมเด็จพระวันรัตเพื่อกองทุนโรคหัวใจ หรือ สมเด็จพระวันรัตเพื่อพระบาลี เป็นต้น

ดังนั้น การที่คนขับรถธรรมดา จะไปถอนเงินออกจากบัญชีต่างๆ เหล่านี้ได้ เราควรโทษพระที่ตายไปเหรอครับ ทำไมไม่ด่าโจร ด่าระบบคณะสงฆ์ และด่าระบบสถาบันการเงิน ที่เอาเงินออกไปจากระบบ แต่กลายเป็นสังคมทำไมต้องมาก่นด่าพระที่เป็นมะเร็งตาย ทำไมพระถึงต้องถูกด่าโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร

ย้ำนะครับ

คนตายไม่เคยสะสมทรัพย์สินส่วนตัว มีแต่ดูแลทรัพย์สินคณะสงฆ์ส่วนกลาง ทรัพย์สินคณะธรรมยุติ ทรัพย์สินวัด ทรัพย์สินสาธารณกุศล

อย่าไปป้ายสีคนตายว่าเอาเงินไปให้กัน คนตายพูดไม่ได้ แต่เส้นทางทางการเงินที่ตำรวจมีมันชัดนะครับ
ว่า…..

สมเด็จฯ ท่านไม่ได้ให้ แต่โจรมันยักย้ายออกมาเอง
อย่าไปด่าพระ กรุณาด่าโจร
#เข้าใจตรงกันนะครับ

ครั้นล่วงเข้าเช้าวันที่ 3 เมษายน 2565 เพจเฟซบุ๊ก ข่าวสารงานพระพุทธศาสนา โพสต์ข้อความอีก และคราวนี้เป็นแถลงการณ์ของวัดบวรนิเวศวิหาร ใจความว่า

ด้วยสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 มีการตรวจสอบทรัพย์สินและบัญชีของวัดบวรฯ กับของวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในความดูแลของเจ้าประคุณสมเด็จฯ

พบหลักฐานว่ามีบุคคลกระทำการโดยมิชอบนำทรัพย์สินและเงินในบัญชีของวัดไปเป็นของตนเองโดยทุจริตจึงมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และเจ้าพนักงานตำรวจกองปราบปรามได้กระทำการจับกุมผู้กระทำความผิดไปเรียบร้อยแล้ว

คดีอยู่ในระหว่างการฝากขังชั้นสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จึงแถลงมาเพื่อทราบ

จากจุดนี้ จึงนำมาสู่การเปิดโปงพฤติกรรมของลูกศิษย์ใกล้ชิดในที่สุด ซึ่งหากว่ากันตามหน้าที่แล้ว ถือว่าลูกศิษย์คนนี้ปฏิบัติหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็น “ไวยาวัจกร” เลยทีเดียว

แต่แน่นอนว่า ด้วยความคลุมเครือและความไม่ชัดเจนของวงการดงขมิ้น หรือวงการสงฆ์เมืองไทย ทำให้หลายครั้งกว่าเรื่องจะแดง ก็ต้องรอให้ความเสียหายเกิดขึ้นหนัก ๆ ระดับร้อยล้านบาทก่อน

สำหรับตำแหน่งคนถือเงินของวัด หรือ “ไวยาวัจกร” คือ เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ช่วยเหลือวัดในการดูแล, รักษา และจัดการทรัพย์สินของวัดตามที่เจ้าอาวาสมอบหมาย โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) 2535 และกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 18 (2536)

หน้าที่สำคัญของไวยาวัจกรมี 2 หน้าที่คือ

1.) เบิกจ่ายนิตยภัต (เงินเดือนพระ)

2.) ดูแล, รักษา, จัดการ ทรัพย์สินของวัด

โดยทั้ง 2 หน้าที่ จะต้องได้รับมอบหมายจากเจ้าวัดอาวาสเป็นหนังสือทางการก่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top