Friday, 6 June 2025
โควิด

‘หมอยง’ เผย ‘โควิด-19’ มีแนวโน้มระบาดเพิ่มขึ้น พร้อมเตือนให้ระวังสายพันธุ์ HK.2 ติดง่ายกว่าเดิม

(13 พ.ค. 67) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง ‘โควิด19 สายพันธุ์ที่ระบาดอย่างมากและการเฝ้าระวังต่อไป’ โดยระบุว่า…

การระบาดของโควิด 19 มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น และระวังสายพันธุ์ที่เกิดใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงไปจากสายพันธุ์เดิม

การติดตามสายพันธุ์ทั่วโลก ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์ JN โดยเฉพาะสายพันธุ์ JN.1 หรืออยู่ในเครือญาติของ JN.1

สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังและติดง่ายกว่า สายพันธุ์ JN.1 คือสายพันธุ์ HK.2 กำลังจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สายพันธุ์นี้ก็เป็นลูกของ JN.1 ที่กลายพันธุ์ออกมา

สำหรับประเทศไทยการติดตามสายพันธุ์ถึงเดือนเมษายน ขณะนี้ในประเทศไทย มีการศึกษากันน้อยมาก ทางศูนย์ติดตามสายพันธุ์ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์ก็จะรู้หมด เพราะขณะนี้มีตัวอย่างเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะแนวโน้มของการระบาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่มีอาการน้อย ยกเว้นในกลุ่มเปราะบางเท่านั้น

‘หมอธีระวัฒน์’ เผย โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ชี้!! ‘สหรัฐฯ’ พัฒนาเชื้อไวรัสร่วมกับ ‘สถาบันวิจัยอู่ฮั่น’

(19 พ.ค.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์พิเศษสาขาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ว่า ความชั่วปรากฏ พฤษภาคม 2024 ความจริงปรากฏชัดจากที่ถูกป้ายสี ‘โควิดมาจากห้องแล็บ (lab leak)’ ว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องจริง

และเปิดเผยการปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยม ของผู้ที่เป็นหัวหน้าองค์กร เช่น NIH Francis Collins (นายฟรานซิส คอลลินส์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) ของสหรัฐอเมริกา) ที่ abuse ใช้อำนาจในทางที่ผิดในสหรัฐ ทำลายนักวิทยาศาสตร์ที่เสนอหลักฐานของกำเนิดโควิดจริงๆ

และทั้งนี้ยังมีโขลงของผู้มีอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง Fauci (นายแอนโทนี เฟาซี อดีตหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19) และกลุ่มที่บิดเบือน รวมไปถึงหัวหน้า CDC ซึ่งหน่วยงานของสหรัฐ NIH CDC USAID DARPA ผ่านเงินทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงมาที่ตัวกลาง Eco Health Alliance ของ Peter Daszak และทำการวิจัยและพัฒนาไวรัสโควิดกับสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น จนสำเร็จก่อนที่จะเกิดระบาดโควิดในปลายปี 2019 รวมทั้ง NIH ถือสิทธิบัตรครอบครองวัคซีนโควิดก่อนหน้าปี 2018 ด้วยซ้ำ

15 พฤษภาคม 2024 องค์กร Eco Health Alliance ถูกตัดสินจากหลักฐานที่รัฐสภาสืบสวนสอบสวนมาตลอด ยุติเงินทุนที่ได้รับที่นำไปใช้สำหรับตัวเองและส่งผ่านไปให้องค์กรอื่นและประเทศอื่นเก็บไวรัสจากสัตว์ป่าและรายงานข้อมูลมาเพื่อสร้างไวรัสใหม่ และอยู่ในกระบวนการที่องค์กรนี้จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ (disbarment)

คนอื่นๆ ที่เป็นตัวการในเรื่องนี้กำลังถูกทยอยจัดการตามลำดับ และใครที่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตหลาย 10 ล้านคนทั่วโลก และยังเกี่ยวโยงไปถึงวัคซีนโควิดและการปกปิดผลกระทบผลข้างเคียงของวัคซีน

จับตาดูองค์กรใหญ่และหน่วยงานโรงเรียนแพทย์สถาบันในประเทศไทยที่รับเงินทำธุรกิจข้ามชาติจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ทั้งๆ ที่รู้ถึงเรื่องเหล่านี้และอันตรายที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะขึ้นถ้ายังคงทำต่อ แต่เห็นแก่เงินเป็นสรณะ

องค์กรและบุคคลต่างๆ เหล่านี้จะเป็นกลุ่มเดียวกันที่พยายามปิดบังผลกระทบของวัคซีนที่ทำให้ตายและพิการและมีผลในระยะยาว

หลักฐานที่นำมากล่าวนี้มีมากมายและเป็นบันทึกของรัฐสภาสหรัฐฯ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

‘อีลอน มัสก์’ ร้องเอาผิด ‘เฟาซี’ หลังยอมรับให้ทุนสถาบันวิจัยอู่ฮั่น เพื่อพัฒนาดัดแปลงไวรัสโคโรน่าให้มีความสามารถแพร่เชื้อได้ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 67 จากเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์พิเศษสาขาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ กรณีนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซีอีโอบริษัทเทสล่าและสเปซเอ็กซ์ เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตรองประธานคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ช่วงปี 2564-2565 จากกรณีที่ผู้บริหารสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา (NIH) ยอมรับต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า NIH ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบันวิจัยไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในการพัฒนาดัดแปลงไวรัสโคโรน่าให้มีความสามารถในการแพร่เชื้อได้ดีขึ้น (gain of function) ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปลายปี 2562

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุข้อความในเฟซบุ๊กว่า การให้ทุนในการสร้างไวรัสโควิด จาก สหรัฐไปยังสถาบันวิจัยไวรัส เกิดขึ้นก่อนการระบาดโควิดด้วยซ้ำ สิทธิบัตรวัคซีนของ NIH จดตั้งแต่ปี 2018 ต้นตอโควิดอยู่ที่นี่เอง

ยืนยันชัดเจนจากกรรมาธิการรัฐสภา ถาม NIH ว่า “NIH ให้ทุนสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นในการสร้างไวรัสใหม่ ที่มีความสามารถในการติดเชื้อและแพร่เชื้อ เกิดโรคได้ดีขึ้น หรือที่เรียกว่า gain of function”

คำตอบจาก NIH “ใช่ เราทำเช่นนั้น yes we did”

ในขณะเดียวกัน Elon Musk ประกาศ ต้องเอาโทษ Anthony Fauci ตัวการใหญ่ในเรื่องนี้ให้ได้

อีลอน มัสก์ เรียกร้องให้จับกุมและดำเนินคดีกับนายแพทย์ แอนโธนี เฟาซี เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ NIH เข้ามาเคลียร์กับสภาคองเกรส และยอมรับว่าให้ทุนสนับสนุนการวิจัย แก่สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น

ขณะเดียวกัน องค์กร EcoHealth alliance มีความผิด และพยายามจะกลบเกลื่อนปิดบังหลักฐานในการส่งผ่านทุนให้สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น และ รัฐบาลสหรัฐ department of Health and Services ตัดสินให้ยุติทุนใด ๆ ให้องค์กรนี้ รวมทั้งให้ถอดถอนสิทธิ์ขององค์การนี้ (disbarment)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์ ดังกล่าว ได้อ้างถึงคำให้การของนายแพทย์แอนโทนี่ เฟาซี่ ต่อสภาคองเกรส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งนายเฟาซี่ได้ให้การว่า NIH ไม่ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบันวิจัยที่อู่ฮั่นในการวิจัยไวรัส gain of function แต่อย่างใด

ทั้งนี้ การเรียกร้องของนายอีลอน มัสก์ ให้ดำเนินคดีนายเฟาซี่นั้น ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นข้อหาใด แต่ข้อหาที่ชัดเจนที่สุดคือข้อหาให้การเท็จและโกหกต่อสภาคองเกรส ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี

ศาลสหรัฐฯ สั่งจีนจ่ายเงินชดเชย 24,000 ล้านดอลลาร์ ชี้เป็นต้นเหตุทำให้โลกเข้าใจผิดเกี่ยวกับโควิด-19 และปกปิดข้อมูล

(10 มี.ค. 68) สำนักข่าว The New York Times รายงานว่า ศาลกลางแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ออกคำสั่งให้ สาธารณรัฐประชาชนจีน จ่ายเงินชดใช้ความเสียหายแก่ รัฐมิสซูรี รัฐที่อยู่ทางตอนกลางของสหรัฐฯ จำนวน 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 816,000 ล้านบาท) หลังจากที่ศาลตัดสินว่า จีน ได้ชักนำให้โลกเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ โควิด-19 โดยอ้างว่าจีนได้มีการปกปิดข้อมูลและปล่อยให้ข้อมูลผิดๆ แพร่กระจายออกไปจนกระทบต่อการรับมือการระบาดในระดับโลก

คำตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก รัฐมิสซูรี ยื่นฟ้องร้องรัฐบาลจีนในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลที่ไม่โปร่งใสเกี่ยวกับต้นตอของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าวของจีนทำให้การแพร่ระบาดลุกลามอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อชีวิตและเศรษฐกิจทั่วโลก

ศาลระบุว่า จีนต้องรับผิดชอบในการปกปิดข้อมูลที่สำคัญในช่วงเริ่มต้นของการระบาด ส่งผลให้รัฐบาลและประชาชนในหลายประเทศไม่สามารถเตรียมพร้อมตอบสนองต่อวิกฤตนี้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ รวมถึงความสูญเสียทางชีวิตอย่างมหาศาล

ทั้งนี้ ทางการจีนยังไม่ออกมาชี้แจงหรือแสดงความคิดเห็นต่อคำสั่งของศาลสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจีนอาจจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ เนื่องจากยังคงยืนยันว่าไม่มีการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจมีต้นกำเนิดจากแหล่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน

สำหรับคำตัดสินดังกล่าว ถือเป็นคำตัดสินที่สำคัญในคดีที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบทางกฎหมายในระดับสากลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ยังคงร้อนระอุในหลายประเด็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top