Sunday, 19 May 2024
แรงงานไทย

‘สายด่วนสุขภาพจิต’ เปิดสถิติ ม.ค. 66 เผยแรงงานไทยเครียดมากขึ้น ทำงานไร้ความสุข!! สูงอันดับ 1 หลังแห่โทรปรึกษากว่า 5,989 สาย 

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 66 นายพงษ์ศักดิ์ ธงรัตนะ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ 2566 สสส. สานพลัง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พัฒนาโครงการสานเสริมพลังภาคีเครือข่ายและขยายผลองค์กรแห่งสติเพื่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิตด้วยโปรแกรมสติในองค์กร (Mindfulness in Organization : MIO) ภายใต้แนวคิด Happy Workplace มุ่งส่งเสริมให้มีความสุขในการทำงาน ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ลดความเครียด ความวิตกกังวล สู่สังคมที่ร่วมสร้างองค์กรแห่งความสุข โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญร่วมเผยแพร่ความรู้กว่า 60 คน

“ข้อมูลสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เมื่อเดือน ม.ค. 2566 พบวัยแรงงานอายุ 20-59 ปี ขอรับบริการเรื่องความเครียด วิตกกังวล ไม่มีความสุขในการทำงาน สูงอันดับ1 กว่า 5,989 สาย จากทั้งหมด 8,009 สาย สะท้อนความต้องการวิธีจัดการกับปัญหาสุขภาพจิต กลุ่มแรงงานจึงต้องได้รับการดูแลสุขภาวะทุกมิติอย่างจริงจัง ที่ผ่านมา สสส.ร่วมกับ กรมสุขภาพจิต ผลักดันกฎหมายว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2548 กำหนดให้ตรวจสุขภาพประจำปี (การตรวจร่างกายและสภาวะจิตใจ) เป็นสวัสดิการที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประเมินสุขภาพจิตในสถานประกอบการด้วยระบบ Mental Health Check in ปีละ 1 ครั้ง” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. ยังกล่าวอีกว่า สำหรับโปรแกรม MIO ได้นำไปใช้ในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษาแล้วกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ยกระดับเป็นองค์กรสุขภาวะต้นแบบที่เป็นแหล่งเรียนรู้ 25 แห่ง ต่อยอดเป็นนวัตกรรมหนังสือดิจิทัล “เลือก รับ ปรับ ใช้” รวมถึงงานวิจัยด้านประสิทธิผลของ MIO อีก 5 เรื่อง

นายกฯ ส่งความปรารถนาดีถึงผู้ใช้แรงงานทั่วไทย ย้ำ!! ทุกคนล้วนมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

(1 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวปราศรัยเนื่องในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ใช้แรงงานทุกคน เผยแพร่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีโทรทัศน์ต่างๆว่า เนื่องในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2566 ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังผู้ใช้แรงงานทุกคน ย้ำผู้ใช้แรงงานทุกคนถือเป็นบุคลากรที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศที่ต้องได้รับการดูแลเพื่อยกระดับคุณชีวิต พร้อมทั้งพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดแรงงาน และสร้างความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที

ในนามของรัฐบาลขอชื่นชมทุกภาคส่วนและขอบคุณผู้ใช้แรงงานทุกคน ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ตลอดจนมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของตน เพื่อเป็นแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคธุรกิจบริการมาโดยตลอด จนทำให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ พร้อมทั้งสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงท่ามกลางวิกฤติการณ์ของสังคมโลก

‘เสี่ยเฮ้ง’ เสียใจ 2 แรงงานไทยเสียชีวิตในไต้หวัน ประสานทูตแรงงานตรวจสอบ-ช่วยเหลือเร่งด่วน

(4 ส.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณี แรงงานไทยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเหวเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในไต้หวัน ว่า ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจึงกำชับให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบข้อมูลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทูตแรงงานที่ไทเปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือในทันที

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของนางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป พบว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถผู้รับเหมาโครงการของการไฟฟ้าไต้หวัน ขณะขับขึ้นเขาในเขตฟู่ซิง นครเถาหยวน เพื่อส่งคนงานไปทำงาน โดยระหว่างทาง ถนนลื่น จากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้รถไถล ตกลงไปในเหวลึก ซึ่งในรถมีผู้โดยสารและคนขับรวม 6 ราย หน่วยกู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือ นำขึ้นมาได้ทั้งหมด เสียชีวิต 4 ราย อีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานไทย 2 ราย

รายแรกทราบชื่อคือ นายประสบโชค แสวงแก้ว มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อปี 2556 และมีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 186.75 บาท จากนั้นได้เข้าไปทำงานที่เมืองไทจงต่อมาหลบหนีไปทำงานกับนายจ้างอย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565

รายที่ 2 นายกิตติศักดิ์ ผิวอ่อน มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดศรีษะเกษ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 260.40 บาท

ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 ราย รายแรก นายศตวรรษ เติมประชุม มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพ 4,633 บาท และรายที่ 2 น.ส.พรนภา กลางสุโพธิ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ ไม่เคยมีสถานะเป็นผู้ประกันตนมาก่อน

และจากการตรวจสอบของกรมการจัดหางานทั้ง 4 รายไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกระทรวงการต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานจะได้ประสานความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ผมได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ศรีษะเกษ และบึงกาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยทั้ง 4 รายดังกล่าว ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้ญาติทราบเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะนำศพแรงงานกลับประเทศไทยอย่างไร

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้แรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ขอให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมี 5 วิธี ได้แก่ กรมการจัดหางานจัดส่ง บริษัทจัดหางานจัดส่ง นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานต่างประเทศ และคนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง จึงขอแจ้งเตือนไปยังคนหางานที่ประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าหลงเชื่อนายหน้า และสมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับสิทธิประโยชน์การคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ

ขณะที่ นางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป ยังได้กล่าวเน้นย้ำว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางเข้าไต้หวันโดยใช้ฟรีวีซ่า แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองในการทำงาน จึงขอให้แรงงานไทยที่จะไปทำงานในไต้หวันไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายและผ่านกรมการจัดหางาน เพราะเมื่อประสบเหตุที่ไม่คาดคิดเช่นนี้จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายด้วย

‘อธิบดี กพร.’ ร่วมประชุมเตรียมแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติที่ไอร์แลนด์ หนุนพัฒนาศักยภาพ เสริมทักษะแรงงานไทย สู่ตลาดโลกอย่างมีคุณภาพ

(29 ก.ย. 66) น.ส.บุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการเดินทางเข้าร่วมประชุมที่กรุงดับลิน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ว่า มีการประชุมหารือในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับการจัดงานแข่งขันฝีมือแรงงานระดับนานาชาติ เพื่อให้ผู้แทนของแต่ละประเทศ นำไปเป็นข้อมูลเตรียมความพร้อมจัดส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันต่อไป

ซึ่งครั้งนี้ คณะผู้แทนของประเทศไทย ประกอบด้วยตนในฐานะหัวหน้าคณะ พร้อมด้วย น.ส.พรรวี นาคพิพัฒน์ ผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ ผู้แทนเทคนิคและ น.ส.เยาวลักษณ์ กงษี ผู้ช่วยผู้แทนเทคนิค ได้เข้าร่วมประชุมเตรียมจัดการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 47 เป็นวันที่ 3 ได้หารือร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ (Strategic Development Committee Meeting) ในหลายประเด็น อาทิ บทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ แนวทางการประชาสัมพันธ์ให้การแข่งขันฝีมือแรงงานเป็นที่รู้จัก รวมทั้งให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอแนะด้านการแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งอนาคต (Competitions of the Future) แก่องค์การการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ (World Skills International)

น.ส.บุปผา กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้รับฟังและรวบรวมความเห็นจากสมาชิก ผู้จัดการการแข่งขันแต่ละสาขา และภาคีหุ้นส่วน เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการบริหารการจัดการแข่งขันฝีมือแรงงานในอนาคต ให้สะท้อนความต้องการของตลาดแรงงานทั่วโลกให้มีคุณภาพและมีความยั่งยืน เช่น การจัดการแข่งขันในแต่ละสาขาควรสะท้อนความต้องการของภาคเศรษฐกิจอย่างน้อยใน 3 ทวีป หรือภูมิภาคขึ้นไป และสาขาควรจะมีความแตกต่างกันในด้านมาตรฐานและสมรรถนะหลัก และการจัดสภาพแวดล้อมของการแข่งขันควรสะท้อนสภาพการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรม

การประชุมอีกคณะ คือ คณะกรรมการการแข่งขัน (Competitions Committee Meeting) เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมจัดการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 47 (WorldSkills Lyon 2024) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง 10-15 กันยายน 2567 ณ เมืองลียง สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยที่ประชุมได้เห็นชอบการเสนอแก้ไขกฎการแข่งขัน และเห็นชอบโครงการนำร่องในการแปลเอกสารเป็นภาษาแม่ของผู้แข่งขันล่วงหน้า รวมถึงการหารือแนวทางการอบรมและคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น

ผู้แทนประเทศไทยได้เสนอความเห็นต่อแนวทางการจัดการแข่งขันแห่งอนาคต โดยเน้นย้ำถึงการพัฒนาการจัดการแข่งขันให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล รวมถึงการเสริมสร้างศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันของไทยอีกด้วย” น.ส.บุปผา กล่าวและว่า การจัดส่งเยาวชนไทยเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานในแต่ละระดับ จนก้าวสู่เวทีระดับโลก เป็นการกระตุ้นให้เยาวชนและแรงงานไทยเห็นความสำคัญ ของการพัฒนาศักยภาพด้านทักษะฝีมือ ที่ส่งผลต่ออัตราค่าจ้าง การสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการดำเนินงานที่สอดรับกับนโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ต้องการขับเคลื่อนให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ

‘แรงงานไทยในอิสราเอล’ เล่านาทีระทึก หลังกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตี เผย มีกลุ่มก่อการร้ายลักลอบเข้าประเทศ กราดยิง ปชช.-จับเป็นตัวประกัน

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66 จากกรณีที่ประเทศอิสราเอล ได้ประกาศภาวะสงคราม หลังจากที่กลุ่มฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์ ได้ยิงขีปนาวุธจากกาซาประมาณ 5,000 ลูก ถล่มเข้าไปในประเทศอิสราเอล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเสาร์ (7 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี จนทำให้นายกรัฐมนตรีอิสราเอลต้องประกาศภาวะสงคราม

ล่าสุด ได้มีแรงงานคนไทยในอิสราเอล ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอผ่านช่องติ๊กต็อก ‘dobung’ บอกเล่าเหตุการณ์สุดระทึกที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ยิงขีปนาวุธกลุ่มฮามาส ใส่ประเทศอิสราเอล โดยระบุว่า…

“เช้าวันนี้ (7 ต.ค.) ผมไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุก แต่ผมตื่นเพราะเสียงระเบิด และเสียงฝ้าภายในห้องพักที่ถูกแรงระเบิดปะทะจนสั่นสะเทือน เกิดเป็นเสียงอึกทึกครึกโครม เพราะวันนี้ที่ประเทศอิสราเอลได้เกิดการรบกันขึ้น ซึ่งจริงๆ อาจจะเรียกได้ว่าที่นี่มีการรบกันจนแทบจะเป็นเรื่องปกติเลยก็ว่าได้

สิ่งที่จะสามารถปกป้องผมได้คือ ระบบป้องกันจรวดของอิสราเอล หรือ ‘Iron Dome’ ซึ่งเป็นตัวต่อต้านจรวดที่ฝ่ายตรงข้ามยิงมา และอาจจะป้องกันได้ไม่เต็ม 100% หากจำนวนจรวดที่ฝ่ายตรงข้ามยิงมามีมากเกินจนสกัดไม่ทัน”

เจ้าของช่อง ยังได้กล่าวต่อว่า เหตุการณ์รบที่อิสราเอลครั้งนี้ ค่อนข้างมีความรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นทำให้นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลประกาศ ‘ภาวะสงคราม’ อีกทั้งช่วงที่เกิดเหตุชุลมุนขณะที่ได้มีจรวดถูกยิงเข้ามาเป็นพันๆ ลูก ก็ได้มีกลุ่มก่อการร้ายแทรกซึมเข้ามาในประเทศอิสราเอล โดยแทรกซึมเข้ามาทั้งทางรถยนต์และเครื่องร่อน

โดยหลังจากที่กลุ่มก่อการร้ายได้แทรกซึมเข้ามายังอิสราเอล ก็ได้ทำการกราดยิงประชาชน รวมถึงจับกุมตัวประชาชนไปเป็นตัวประกัน เพื่อใช้ในการเจรจาต่อรองอีกด้วย

“ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ กลุ่มพี่น้องแรงงานคนไทยที่อยู่ใกล้กับฉนวนกาซา ซึ่งเป็นพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอล… ผมขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยนะครับ” เจ้าของช่อง กล่าวทิ้งท้าย

‘แรงงานไทยในอิสราเอล’ ชุดแรก 15 คน ถึงไทยแล้ว ‘กต.’ ยืนยัน!! จนท.พร้อมเร่งช่วยคนที่เหลือให้ปลอดภัย

(12 ต.ค.66) เวลาประมาณ 12.25 น. ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กระทรวงแรงงาน กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการนำแรงงานไทยในอิสราเอล ชุดแรกจำนวน 15 คนแรก เดินทางกลับประเทศไทย 

กระทรวงการต่างประเทศนำแรงงานชุดแรก 15 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สู้รบ เดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินพาณิชย์ ‘แอล อัล อิสราเอลแอร์ไลน์’ แบ่งเป็น 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินแรก LY081 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 10.35 น. จำนวน 5 คน และเที่ยวบินที่สอง LY083 ถึงไทยเวลา 12.35 น. จำนวน 10 คน 

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะช่วยให้ประชาชนที่ยังเหลืออยู่ในประเทศอิสราเอลที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์กลับประเทศให้ได้กลับมาประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดมีผู้แจ้งความประสงค์กลับประเทศจำนวน 5,990 คน 

นายปานปรีย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของไทยในอิสราเอลได้ทำงานตลอด และรัฐบาลได้ประสานงานกับหลายประเทศเพื่อที่จะให้ประชาชนได้กลับประเทศไทยเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด แต่สถานการณ์การเดินทางในอิสราเอลยากลำบากมาก เพราะแรงงานไทยในอิสราเอลทำงานอยู่ในพื้นที่ที่กระจัดกระจาย อย่างไรก็ตาม ได้รับแจ้งว่ารัฐบาลอิสราเอลควบคุมสถานการณ์ภายในประเทศได้แล้ว  

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานจะเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และสำหรับแรงงานที่กลับมาไทยแล้วอยากกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก กระทรวงแรงงานจะอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือต่อไป 

‘เศรษฐา’ ยินดี!! อพยพคนไทยกลับถึงประเทศลุล่วง พร้อมสั่ง ‘ก.แรงงาน’ หางานเหมาะสมรองรับ

(6 ต.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 11/2566 หลังเครื่องบินกองทัพอากาศอพยพคนไทยในอิสราเอลจำนวน 130 คน ถึงยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ว่า ก็ดีใจที่คนไทยได้เดินทางกลับประเทศ หลังจากนี้ให้กระทรวงแรงงานช่วยหางานที่เหมาะสมให้ประกอบอาชีพ ส่วนเรื่องการอพยพคนไทยที่เหลือก็พยายามทำอย่างเต็มที่และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ส่วนเที่ยวบินที่รับคนไทยเดินทางกลับยังยืนยันว่าเป็น 32 เที่ยวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างน้อย ต้องมี 32 เที่ยวบิน และจะต้องเพิ่มขึ้น

‘พี่แจ๋ม’ ยอมเสี่ยง!! ขับรถฝ่าแนวทหารในอิสราเอล ช่วยแรงงานไทยหลายชีวิตที่ติดอยู่ในแคมป์คนงาน

(16 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์การสู้รบในประเทศอิสราเอล หลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตี ทำให้แรงงานไทยหลายพันชีวิตได้รับความเดือดร้อน ซึ่งล่าสุดเสียชีวิตแล้ว 29 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 18 คน ขณะที่แรงงานไทยบางส่วนได้รับการช่วยเหลือ อพยพไปในที่ปลอดภัยรวมทั้งเดินทางกลับประเทศไทยบ้างแล้ว

ขณะเดียวกัน สมาชิก TikTok @daphan383 ได้เผยแพร่คลิปของหญิง 2 รายที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอิสราเอล ยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับความเดือดร้อนในแคมป์ต่าง ๆ คือพี่แจ๋มและพี่น้อง โดยมีคลิปของทั้ง 2 คน ขับรถฝ่าแนวของทหารเข้าไปช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ในแคมป์ไม่สามารถออกมาได้

โดยในคลิปพี่แจ๋มและพี่น้องอยู่ในอาการตื่นตระหนก ขณะกำลังขับรถเข้าไปในแคมป์ที่มีแรงงานไทยอยู่เพื่อช่วยเหลือออกมา และมีรถถังและกลุ่มทหารของอิสราเอลเฝ้าประจำการอยู่ ซึ่งทั้งคู่นั้นได้รับการประสานจากแรงงานไทยและญาติให้เข้าไปช่วยเหลือ

นอกจากนี้ยังมีแรงงานไทยถูกระเบิดและถูกยิงได้รับบาดเจ็บแต่กลับถูกนายจ้างบังคับให้ทำงาน ก่อนเข้าไปช่วยเหลือพาส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย และยังมีคลิปที่พี่แจ๋มประสานทางการช่วยพาคนไทยจำนวน 32 คนออกมาจากแคมป์แล้วพาไปอยู่ในที่ปลอดภัย

ขณะที่ชาวเน็ตหลังเห็นวีรกรรมความกล้าของทั้ง 2 คน ต่างก็ยกย่องให้เป็นวีรสตรี เพราะยอมเสี่ยงตายช่วยเหลือพี่น้องคนชาติเดียวกัน โดยไม่กลัวว่าตัวเองจะได้รับอันตรายแต่อย่างใด และพากันชื่นชมในความกล้า โดยล่าสุดพบว่าพี่แจ๋มได้เดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว

‘สุรพงษ์’ สานต่อรัฐฯ จัดรถไฟส่ง ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’ กลับบ้านฟรี พร้อมเปิด ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ เป็นศูนย์ประสานงาน-ช่วยเหลือ

(19 ต.ค.66) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้สนับสนุนภารกิจต้อนรับแรงงานไทย 136 คน ที่เดินทางจากอิสราเอลกลับถึงไทย โดยสายการบิน Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 083 พร้อมจัดรถไฟรับส่งแรงงานไทยเดินทางกลับภูมิลำเนา และเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ของการรถไฟฯ เป็นศูนย์ประสานงาน สำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ตามนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งระดมความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยสงครามจากอิสราเอลโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้ร่วมกันสนับสนุนภารกิจรัฐบาล โดยจัดรถไฟให้กับ แรงงานไทยและครอบครัวที่กลับจากอิสราเอลสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างสะดวก ปลอดภัยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้เปิดพื้นที่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณประตู 2 จัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงานสำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอล เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานและเครือญาติ ใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นศูนย์กลางในการติดต่อ พบปะระหว่างกันได้อย่างสะดวก ตลอดจนใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางกับทุกระบบขนส่งสาธารณะ ให้สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างสวัสดิภาพ

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังร่วมส่งมอบความห่วงใย โดยให้มีการ จัดซุ้มอาหารว่าง และน้ำดื่ม ดูแลแรงงานไทยและครอบครัวที่มารอรับ และเตรียมความพร้อมสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ ช่วยกันดูแลอำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้บริการได้อย่างเพียงพอ โดยไม่กระทบต่อการให้บริการเดินทางแก่ผู้โดยสารประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งกำชับ

นายสุรพงษ์ฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้ร่วมสนับสนุนภารกิจรัฐบาลในการเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และจัดสรรขบวนรถ เพื่อดูแลคนไทยก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ สำหรับเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นเวลา 477 วัน การเปิดขบวนรถไฟโดยสารรับ-ส่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 กลับสู่ภูมิลำเนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์พักคอย ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสรรค์สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม นอกเหนือจากภารกิจหลักในการอำนวยความสะดวกการขนส่งเดินทาง เพื่อยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องคนไทยทุกคนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

‘นายกฯ’ ซัด!! นายจ้างอิสราเอลหัวหมอ ใช้เงินล่อให้อยู่ต่อ วอน!! คนไทยรีบกลับ พร้อมโทรเคลียร์ทูตอิสราเอลให้

(24 ต.ค. 66) สื่อต่างประเทศรายงานว่ากองทัพ อิสราเอลเดินหน้าโจมตีฉนวนกาซา อย่างหนัก ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก โดยอิสราเอลยกระดับการโจมตีในช่วงสองคืนที่ผ่านมา ซึ่งทางกลุ่มฮามาส ระบุว่ามีบ้านเรือนพังทลายไปกว่า 30 หลัง และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน จากการโจมตีพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ที่ห้องเก็บศพ ของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เวลานี้ห้องเย็นเก็บศพ ของโรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะเก็บศพ เพื่อรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ ทำให้มีศพจำนวนมากที่ถูกนำไปฝัง โดยที่ยังไม่มีการตรวจพิสูจน์

ขณะที่สำนักงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ก็เปิดเผยว่า การโจมตีของอิสราเองช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเสียชีวิตไปถึง 29 คน

ด้าน นายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เตือนว่า สงครามบดขยี้กลุ่มฮามาส จะต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่งอิสราเอลจะโจมตีไปจนกว่ากลุ่มฮามาส จะไม่เหลือซาก ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายที่เกรงว่าการสู้รบจะขยายวงกว้างออกไป และเมื่อวานนี้การโจมตีของอิสราเอลเกิดความผิดพลาด ทำให้กองกำลังป้องกันชายแดของอียิปต์หลายนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งอิสราเอลกล่าวยอมรับ และได้ขอโทษทางการอียิปต์แล้ว

>> โรงพยาบาลขาดเชื้อเพลิง

ส่วนการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อวานนี้ มีการจัดส่งเพิ่มอีก 17 คันรถ หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการจัดส่งลอตแรกจำนวน 20 คันรถ ทางการอียิปต์เปิดเผยว่าในวันนี้จะมีการจัดส่งเพิ่มอีก 40 คันรถ ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าจะต้องจัดส่งถึงวันละ 100 คันรถ จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของชาวปาเลสไตน์ 2.4 ล้านคนในฉนวนกาซา และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการจัดส่งเชื้อเพลิงเข้าไปเลย ขณะที่โรงพยาบาลในกาซา จะมีเชื้อเพลิงใช้ในการปั่นไฟได้อีกเพียง 3 วันเท่านั้น

>> บุกช่วยตัวประกัน

พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงยืนยันมีทหารอิสราเอลสิ้นชีพหนึ่งศพ และบาดเจ็บอีก 3 นาย ขณะพยายามบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ที่เมืองข่านยูนิส ในดินแดนฉนวนกาซา และสาเหตุมาจากถูกกลุ่มฮามาสโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถัง

ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ได้มีการปะทะกับกองกำลังทหารอิสราเอลใกล้เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และกลุ่มฮามาสสามารถทำลายรถถังของกองทัพอิสราเอลไปได้ 1 คัน และรถแทรกเตอร์เกลี่ยดินอีก 2 คันในการสู้รบกัน

สำหรับความพยายามบุกช่วยตัวประกันในครั้งนี้ของทหารอิสราเอล เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกลักพาตัวไปกว่า 200 คน ตั้งแต่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะกลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดหลายพันลูกมาโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลกว่า 1,300 ศพ ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่ดำเนินมาอย่างดุเดือด ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 6,000 ศพแล้ว

>> แฉนายกจ้างยิวยื้อจ่ายค่าจ้าง

เวลา 15.07 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและคลัง เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมอย่างพร้อมเพียงกัน โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 20 นาที

ต่อมา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าของสงครามฮามาสกับอิสราเอล ข้อมูลปัจจุบันมีผู้แสดงความประสงค์จะกลับไทย 8,500 คน และถึงวันนี้มาได้ประมาณ 3 พันกว่าคน ขีดความสามารถในการนำคนไทยกลับมาได้ประมาณ 800 คนต่อวัน และสามารถเพิ่มได้อีก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การที่มีคนเปลี่ยนใจไม่กลับมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน เหตุผลหลักคือ ทางนายจ้างอิสราเอลดึงเรื่องการจ่ายเงินไปเป็นวันที่ 10 พ.ย. และมีการอัพค่าจ้างออกไปเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ แต่ทางเราได้ประชุมกันแล้ว ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการทหาร ฝ่ายการต่างประเทศ เรายืนยันว่าแม้ว่าข่าวเรื่องการถล่มจะเบาบางลงไป แต่จริงๆ แล้วความเข้มของสงครามไม่ได้ลดลงไปเลย มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น และอาจจะขยายวงอีกบางประเทศที่ใกล้เคียงด้วย

>> ห่วงคนไทยยังไม่ยอมกลับ

“ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ เป็นอะไรที่เรามั่นใจว่าคงจะเลวร้ายลงไป นี่ขนาดเรียกว่ายังไม่มีเรื่องของการปฏิบัติการภาคพื้นดินเลย ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินในอีก 2-3 วันนี้ ตรงนี้อยากขอเตือนพี่น้องว่ากลับมาเถอะครับ หากญาติพี่น้องอยู่ที่นี่ ขอให้บอกไปที่ญาติพี่น้องที่ทำงานที่นั่นให้กลับมา ต้องขอให้กลับมา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ยังกลับได้อยู่ ถ้าเกิดมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้น การกลับเข้ามาก็จะลำบาก เรื่องการเดินทางเข้าสู่ศูนย์อพยพเพื่อที่จะไปสนามบินก็จะลำบาก อันนี้รัฐบาลเห็นตรงกัน เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องพูดและสื่อสารให้พี่น้องทุกคนได้ทราบ”นายเศรษฐา กล่าว

>> เร่งนำตัวกลับบ้านเกิด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในที่ประชุมตนได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ซึ่งรับปากจะไปดูแลแรงงานที่กลับเข้ามา โดยเพิ่มแรงจูงใจให้รีบกลับเข้ามา เพราะคนที่กลับเข้ามาได้วันละประมาณ 15,000 บาท ก็จะมีการเพิ่มค่าแรงให้อีก เพื่อให้กลับเข้ามาได้อีกเป็นจำนวนที่มากขึ้น ขณะที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นห่วงและช่วยคิดวิธีการที่เวลาแรงงานไทยกลับเข้ามาแล้วจะให้ทำงานอะไร ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสเราเอลส่วนมากเป็นแรงงานภาคเกษตร ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ฉะนั้น การกลับเข้ามา ทางกระทรวงเกษตรฯ อาจจะมีความต้องการที่จะใช้แรงงานตรงนี้ จึงพยายามประกาศออกไปให้ทราบว่าถ้ากลับมาก็มีงานให้ทำอยู่ จะได้รีบๆ กลับมา

>> ประสานช่วยเหลือทุกทาง

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการประสานความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เราประสานทุกช่องทาง แต่ที่ไม่พูดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง เราใช้ทุกวิถีทาง ทั้งผ่านนายกฯมาเลเซีย รวมถึงการที่ตนไปร่วมประชุมเข้าร่วมการประชุม ASEAN - GCC Summit ที่ซาอุดีอาระเบีย ตนก็ได้พูดคุยกับกษัตริย์โอมานและบาห์เรน รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทุกท่านตระหนักดี และทราบถึงสถานภาพของคนไทย ซึ่งเราไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้งเลย และเรามีการสูญเสียที่สูงมาก มีตัวประกัน 19 คน ซึ่งต้องยืนยันว่าเวลานี้ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ทุกเส้นทางเราพยายามทำงานกันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเราบินออกไป แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าบินไปไหน และพบกับใคร แต่ยืนยันว่าเราทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ พยายามทำอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางที่จะนำคนไทยกลับ สะดวกมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รมช.ต่างประเทศยืนยันว่าเราพาคนกลับได้วันหนึ่ง 800-1,000 คนสบายๆ เพียงแต่ว่าบางคนเปลี่ยนใจ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนใจเรื่องการบริหารจัดการเครื่องบินก็มีปัญหา หากจะกลับถึง 1,000 คน เราก็สามารถจัดการได้ และอยากให้แจ้งมา และขอว่าอย่าเปลี่ยนใจเลย วงเงินแค่ไหนก็ไม่คุ้มกับชีวิตหรอก

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องการปฏิบัติการภาคพื้นดิน จุดนี้คือสิ่งที่นายกฯห่วงมากใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง หากมีการปฏิบัติภาคพื้นดินเกิดขึ้น การลำเลียงคนออกมาจากโซนต่างๆ มายังศูนย์พักพิงจะยากยิ่งขึ้น ทีนี้จะทำให้เกิดปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีมีแรงงานบางคนเดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกต้อง และไม่กล้ากลับ เพราะกลัวถูกดำเนินคดีนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามาพูดกันทีหลังได้ ไม่มีปัญหา จัดการได้หมด ขอให้กลับมา อย่างแรกคือความปลอดภัยของแรงงานไทย ทุกคนต้องกลับมาอย่างปลอดภัย เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองหมด อย่าเป็นห่วงในเรื่องนั้น ขอให้เป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องกลับมาโดยเร็ว และขอยืนยันว่าถ้ามารายงานตัวกลับเจ้าหน้าที่ไทยกลับได้แน่นอน ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตถึงรูปแบบการเสียชีวิตของคนไทยที่ดูเหมือนถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยม นายกฯ กล่าวว่า ขอสรุปอย่างนี้ดีกว่า ต้องให้เกียรติญาติพี่น้องและครอบครัว การที่จะพูดเรื่องพวกนี้ บางทีจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจ การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวอยู่แล้ว วิธีการที่เสียชีวิตเกิดขึ้นจากสงครามแล้วกัน ตนคิดว่าสรุปตรงนั้นดีกว่า อย่าไปลงรายละเอียดกันเลยว่าเป็นอะไร ต้องเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย อันนี้ต้องขอร้องเลย ข้อมูลเรามี แต่ไม่อยากเปิดเผย และอย่าเปิดเผยเลยดีกว่าตรงนี้ ตอนนี้ยืนยันว่าอยากให้คนไทยกลับประเทศ โดยฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานของรัฐทุกคนยืนยัน ขอให้กลับมา หากญาติพี่น้องที่ฟังการแถลงข่าวอยู่ อยากให้ไปโน้มน้าวจิตใจญาติของตัวเองให้กลับมา เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม ทางเราก็จะพยายามดูแลให้ดีที่สุดก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปจนไม่สามารถพากลับมาได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสัมภาษณ์รอบแรกเสร็จ นายเศรษฐาได้กลับมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกครั้งว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่จะมีการจ่ายค่าแรงในวันที่ 10 พ.ย. ทั้งที่การจ่ายเงินควรจะต้องเป็นวันที่ 31 ต.ค. ทำให้ชวนคิดได้ว่าทำไมต้องไปจ่ายวันที่ 10 พ.ย. แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและเราไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม แต่คิดไปก็เป็นแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นนายกฯหยิบประเด็นนี้มาพูดก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็น แต่ก็ต้องพูด เพราะจะจ่ายเงินวันที่ 10 พ.ย. แล้วถ้าก่อนหน้านั้นมีอะไรเกิดขึ้น จะได้กลับประเทศหรือไม่ ตนจึงขอให้แรงงานไทยคิดดีๆ ว่าจะอยู่หรือกลับ และตนจะโทรศัพท์หาเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ละเอียดอ่อน และอย่าเอาเรื่องเงินมาแลกกับชีวิตของคนไทย ต้องขอร้อง และเรื่องนี้ควรจะดูแลเราให้ดีกว่านี้ ถ้าเราอยากจะกลับวันไหนก็ควรจะต้องจ่ายค่าแรง ไม่ใช่เอาเงินมาล่อให้เราอยู่ ถ้ามีการสูญเสียเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวว่าจะเกิดเป็นประเด็นดรามาตีกลับในเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ตีกลับก็ตีกลับ ผมก็ต้องรับ หน้าที่ผมคือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน ซึ่งพร้อมน้อมรับ” เมื่อถามว่า จะต้องมีการคุยกับทางการอิสราเอลเพื่อพูดคุยกับนายจ้างด้วยหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ตนจะโทรไปคุยกับทูตอิสราเอลว่ากรณีนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ส่วนจำนวนแรงงานที่ถูกยื้อเอาไว้นั้น ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และขอย้ำว่าให้แรงงานไทยตัดสินใจให้แนวแน่ว่าจะเดินทางกลับหรือไม่กลับ เพราะถ้ามีปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อไหร่ เส้นทางถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถจะออกมาได้ เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม

นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแรงงานไทยที่เสียชีวิต ว่า ตอนนี้เราต้องประสานงานหลายๆ ทาง ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าเป็นใคร คงต้องเริ่มเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบ ส่วนความยากในการพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น เราต้องดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการยืนยันตัวตนของแรงงาน ตนได้คุยกับกับสถาบันนิติเวชที่ไทยแล้ว ซึ่งยอมรับแนวทางการดำเนินการของอิสราเอล

เมื่อถามถึงความท้าทายในการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตในเรื่องแรงงานไทย นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องพยายามคุยกับเขา ว่าแรงงานเราเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้าย หากทุดคนที่ประเทศไทยเป็นห่วง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องรีบกลับมา ก็น่าจะกลับมาได้

เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาสนับสนุนฮามาสในประเทศต่างๆ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยหรือไม่ นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องมองหลายส่วน คงต้องสงวนท่าทีไว้

เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดิน ได้เตรียมมาตรการเพื่อโน้มน้าวคนไทยให้เดินทางกลับหรือไม่ เพราะอาจจะส่งผลให้การประสานงานรับกลับยากยิ่งขึ้น นายจักรพงษ์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไป ในเรื่องของรายได้ที่แรงงานยังไม่ได้ ซึ่งได้พูดคุยกับกระทรวงแรงงานแล้ว ว่าต้องพูดคุยกับนายจ้างอีก 10 กว่าบริษัทที่อิสราเอล เพื่อจะได้ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้แรงงานอยู่ต่อ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top