‘เสี่ยเฮ้ง’ เสียใจ 2 แรงงานไทยเสียชีวิตในไต้หวัน ประสานทูตแรงงานตรวจสอบ-ช่วยเหลือเร่งด่วน

(4 ส.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณี แรงงานไทยประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเหวเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในไต้หวัน ว่า ในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตจึงกำชับให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบข้อมูลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทูตแรงงานที่ไทเปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือในทันที

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของนางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป พบว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ได้เกิดอุบัติเหตุรถผู้รับเหมาโครงการของการไฟฟ้าไต้หวัน ขณะขับขึ้นเขาในเขตฟู่ซิง นครเถาหยวน เพื่อส่งคนงานไปทำงาน โดยระหว่างทาง ถนนลื่น จากฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้รถไถล ตกลงไปในเหวลึก ซึ่งในรถมีผู้โดยสารและคนขับรวม 6 ราย หน่วยกู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือ นำขึ้นมาได้ทั้งหมด เสียชีวิต 4 ราย อีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นแรงงานไทย 2 ราย

รายแรกทราบชื่อคือ นายประสบโชค แสวงแก้ว มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อปี 2556 และมีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 186.75 บาท จากนั้นได้เข้าไปทำงานที่เมืองไทจงต่อมาหลบหนีไปทำงานกับนายจ้างอย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565

รายที่ 2 นายกิตติศักดิ์ ผิวอ่อน มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดศรีษะเกษ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพอยู่ 260.40 บาท

ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 ราย รายแรก นายศตวรรษ เติมประชุม มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีเงินสมทบกรณีชราภาพ 4,633 บาท และรายที่ 2 น.ส.พรนภา กลางสุโพธิ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดบึงกาฬ ไม่เคยมีสถานะเป็นผู้ประกันตนมาก่อน

และจากการตรวจสอบของกรมการจัดหางานทั้ง 4 รายไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกระทรวงการต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานจะได้ประสานความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ผมได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา ศรีษะเกษ และบึงกาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูมิลำเนาของแรงงานไทยทั้ง 4 รายดังกล่าว ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจพร้อมแจ้งข้อมูลขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้ญาติทราบเพื่อดูแลอำนวยความสะดวกในการประสานกระทรวงการต่างประเทศว่าจะนำศพแรงงานกลับประเทศไทยอย่างไร

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้แรงงานไทยที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศ ขอให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมี 5 วิธี ได้แก่ กรมการจัดหางานจัดส่ง บริษัทจัดหางานจัดส่ง นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงานต่างประเทศ และคนหางานแจ้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง จึงขอแจ้งเตือนไปยังคนหางานที่ประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าหลงเชื่อนายหน้า และสมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จะได้รับสิทธิประโยชน์การคุ้มครอง หากประสบอันตราย เสียชีวิต พิการ ทุพพลภาพ หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ

ขณะที่ นางประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงไทเป ยังได้กล่าวเน้นย้ำว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวไทยจะเดินทางเข้าไต้หวันโดยใช้ฟรีวีซ่า แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองในการทำงาน จึงขอให้แรงงานไทยที่จะไปทำงานในไต้หวันไปทำงานด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฎหมายและผ่านกรมการจัดหางาน เพราะเมื่อประสบเหตุที่ไม่คาดคิดเช่นนี้จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายด้วย