Monday, 21 April 2025
อร่อยบอกต่อ

‘บ้านตานิด’ ร้านอร่อยชื่อดังริมน้ำเจ้าพระยา กลิ่นอายพื้นบ้าน บรรยากาศดี อาหารเด็ด เดินทางสะดวกทั้งทางเรือ-ทางบก

อยากอร่อยกับเมนูไทยพื้นบ้าน เหมือนที่เคยลิ้มลองในวัยเด็ก สัมผัสบรรยากาศริมน้ำ กลิ่นอายวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อนที่อาศัยการคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก ให้มาที่ ร้านบ้านตานิด ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเดิมคือบ้านพักอาศัยของครอบครัวเจ้าของร้าน อีกทั้งยังเคยเป็นปั๊มน้ำมันเรือทางน้ำ (ปั๊มเชลล์) สมัยที่ยังไม่มีถนนตัดผ่านย่านนี้เลย

การมาร้านบ้านตานิดในปัจจุบันนี้ ยังคงมาได้ทั้งทางเรือส่วนตัวและทางบก จากกรุงเทพฯ ให้ขึ้นทางด่วนขั้นที่ 2 (ศรีรัช) ต่อด้วยทางพิเศษอุดรรัถยาหรือทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด มาลงที่ทางออก ถนนสาย 346 (บางพูน-รังสิต) เลือกไปทาง ปทุมธานี จากนั้นให้ข้ามแม่น้ำมาตามทางในกูเกิลแมพอีก 10 กม. จนเข้าถนนสาย 4004 หรือถนนเทศบาล 1 (ให้ค้นในกูเกิลแมพว่า ร้านบ้านตานิด) ไปสุดทางที่ริมน้ำตรงตำบลกระแชง อำเภอสามโคก ซึ่งจะมีลานจอดกว้างๆ ให้ถามคนโบกได้เลยว่าร้านบ้านตานิดจอดตรงไหน หรือถ้าอยากเห็นบ้านเรือนและชุมชนใกล้ริมน้ำ สามารถลัดเลาะมาตามถนนเส้นเล็กๆ จากตัวจังหวัดปทุมธานีอีกเส้นทางหนึ่งได้ด้วย

ร้านบ้านตานิดอยู่ในบ้านไม้เก่าแก่ทาสีเขียวที่รักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี ส่วนที่นั่งกินข้าวจะอยู่ตรงชานบ้านด้านนอกมีหลังคาคลุมและริมท่าน้ำ ซึ่งจะมีท่าจอดเรือส่วนตัวด้วย โดยก่อนเข้าร้าน ลูกค้าจะต้องถอดรองเท้าและสวมรองเท้าแตะที่จัดไว้ให้เดินเข้าไปอีกที

ก่อนอื่นขอบอกว่ามาร้านบ้านตานิดต้องโทรจองโต๊ะล่วงหน้า เพราะได้รับความนิยมมาก ยิ่งถ้ามาวันสุดสัปดาห์ให้โทรจองก่อนหลายๆ วันเลย

เจ้าของร้านนั้นคือเพื่อนของพี่รอบิ้นรุ่นพี่ของปิ่นโตเถาเล็กเองชื่อว่า พี่มด ซึ่งนำบ้านพักอาศัยของครอบครัวมาทำเป็นร้านอาหาร แต่ก่อนนั้นนอกจากจะเป็นปั๊มน้ำมันเรือแล้ว ยังเป็นร้านขายเครื่องอุปโภคบริโภครวมถึงสินค้าต่างๆ เช่นน้ำมันยาง ชัน ปูนขาวอีกด้วย พอมีการตัดถนนจึงเลิกกิจการเปลี่ยนเป็นบ้านอยู่อาศัยอย่างเดียว

จากนั้นคุณแม่พี่มดก็หันมาทำพริกแกงขายโดยใช้ชื่อว่า บ้านพริกแกง ที่ร้านนี้จึงเก่งเรื่องแกงต่างๆ เพราะทำพริกแกงเอง ใช้วิธีการบดและตำด้วยมือ

จนกระทั่ง พ.ศ. 2559 พี่มดกับน้องสาวจึงได้ดัดแปลงบ้านเป็นที่พักเล็กๆ สำหรับคนที่จะมาเรียนศิลปะ ขายอาหารเฉพาะคนที่จองมาเท่านั้น เป็นเมนูซึ่งพี่มดชอบกินเองที่บ้านอยู่แล้ว พอมีเพื่อนฝูงลูกค้าบอกต่อเยอะจึงหันมาทำร้านอาหารเป็นหลัก (แทบไม่ได้ทำเรื่องห้องพักแล้ว) นำชื่อวาณิชย์ของคุณพ่อมาตั้งเป็นชื่อร้านบ้านตานิด

ผมชอบของกินร้านนี้มาก เพราะเป็นอาหารไทยพื้นบ้านที่คนกรุงเทพฯรุ่นผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมนูห้ามพลาดมีมากมาย อย่างเช่น ต้มกะทิสายบัวปลาสลิด (240 บาท+) พี่มดบอกว่าเป็นคนไม่ชอบกินปลาทู จึงใส่ปลาสลิดแทน เคล็ดลับความเค็มหอมมาจากการใช้ปลาเค็มแทนกะปิ เมนูนี้ต้องรีบกินตอนร้อนๆ จะอร่อยมาก

ถ้าชอบรสเผ็ดหน่อยให้สั่ง แกงส้มชะอมไหลบัวกุ้งสด (260-320 บาท+) พริกแกงทำเองรสเข้มข้นครบทุกรสเหมือนที่กินตอนเด็กจริงๆ พี่มดจะต้มกุ้งแล้วนำไปบดใส่ในน้ำแกงจนน้ำข้นคลั่ก โดยเลือกใช้กะปิบังดาษจากเมืองตรังหอมอร่อย

อีกเมนูที่สุดยอดมากๆ คือ ผัดสามเหม็น (240-280 บาท+) ผัดวุ้นเส้นใส่ชะอม สะตอ และกระเทียมดอง กลิ่นหอมฟุ้งเป็นพิเศษเพราะมีเคล็ดลับคือจะซอยเครื่องกระเทียม หอมและพริกสดเมื่อลูกค้าสั่งเท่านั้นทุกๆ จาน

ของไม่เผ็ดต้อง พะโล้ไข่เค็ม (220-280 บาท+) อร่อยไม่ซ้ำใคร ใส่เครื่องสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) เยอะๆ และมีอบเชยกับเครื่องยาจีนด้วย ทำรสหวานนำ แต่จะได้ความเค็มอร่อยลงตัวจากไข่เค็มมาผสมกัน ซึ่งต้องซื้อจากเจ้าประจำในตลาด อ.ต.ก.เท่านั้น (ไม่เค็มเกินไป) นำมาต้มค้างคืน

ส่วนผัดผักที่ห้ามพลาดคือ ผักบุ้งไทยผัดกะปิกุ้งกรอบ (220 บาท+) กุ้งทะเลสดกรอบสมชื่อ พี่มดซื้อจากเจ้าประจำที่ตลาดสามโคก ซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อบ่ายขายเย็น และผัดผักบุ้งไทยได้รสชาติถึงใจ เนื่องจากพอผัดเสร็จจะหยอดน้ำพริกกะปิเพิ่มความหอมเข้มอีก 1 ช้อนลงไป

ส่วนถ้าเป็นเครื่องจิ้มต่างๆ ให้สั่ง หลนปลากุเลาหอม (260-340 บาท+) ซึ่งพี่มดทำแบบโบราณใส่ข้าวหมากเพิ่มความหอม โดยจะใช้ทั้งปลากุเลาให้ความหอมและปลาอินทรีให้ความเค็ม นอกจากนี้ ก็มี น้ำพริกกะปิกุ้งสด (280-380 บาท+) อีกเมนูโบราณที่ใส่น้ำพริกกะปิก็คือแกงรัญจวนเนื้อ (260-320 บาท+) ใส่เนื้อน่องลายตุ๋นและแตงโมอ่อนด้วย ไม่กินเนื้อก็มีแกงรัญจวนหมูอีกอย่าง

ของไม่เผ็ดมีหลากหลาย เมนูยอดนิยมคือหมูกรอบคั่วพริกเกลือ (280-380 บาท+) ใส่พริกไทยอ่อน คั่วถึงเครื่องพริกขี้หนูหอมๆ อีกทั้ง ปลาเนื้ออ่อนทอดราดกระเทียม (380-480 บาท+) ตัวเล็กๆ ทอดราดน้ำปลาผสมน้ำตาล ซึ่งกระเทียมที่ร้านจะเจียวเอง เวลากินให้จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด เนื้อย่างจิ้มแจ่ว (240-320 บาท+) ใส่มะขามเปียก สันคอหมูย่าง (240-320 บาท+) และ หนำเลี้ยบหมูสับคั่วพริกแห้ง (220-280 บาท+) มีแม้กระทั่ง กุ้งแม่น้ำเผา (สอบถามขนาดและราคาได้เลย) ส่วนเครื่องดื่มถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ให้สั่ง น้ำมะยงชิดปั่น กระท้อนปั่น และ มะม่วงปั่น (145 บาท+ ทุกอย่าง)

ลืมบอกไปว่าที่ร้านบ้านตานิด ถ้ามาวันธรรมดาจะคิดค่าบริการเพิ่ม 5% แต่ถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์จะคิดค่าบริการ 10%

ขอย้ำว่าเนื่องจากร้านบ้านตานิดคือร้านดังที่ได้รับความนิยมมาก ก่อนไปหลายๆ วันต้องโทรไปจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าดีที่สุด มิฉะนั้นอาจจะต้องรอโต๊ะนานเป็นชั่วโมง ร้านบ้าน

ตานิดเปิดบริการตามช่วงมื้ออาหาร กลางวัน 11 โมงครึ่งถึงบ่าย 3 โมง ส่วนมื้อเย็นเปิดตอน 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม หยุดทุกวันอังคาร โทรจองโต๊ะได้ที่ 08-1835-0660

‘หม่าล่า’ เครื่องเทศเผ็ดร้อนสไตล์จีน อร่อยถูกปากคนไทย ฟีเวอร์จนขึ้นแท่นสุดยอดเมนูฮอตฮิต ติดชาร์ตทุกโซเชียล

กระแสความนิยม ‘หม่าล่า’ เครื่องเทศรสเผ็ดชาจากจีน ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสุกี้ ขนมขบเคี้ยว พิซซ่า ในไทย หยิบ ‘หม่าล่า’ มาสร้างสรรค์เป็นเมนูเสิร์ฟให้กับกลุ่มลูกค้ากันอย่างต่อเนื่อง ด้วยรสชาติที่มีลักษณะเฉพาะตัวและเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับคนไทยชอบทานรสเผ็ดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และที่สำคัญแบรนด์ต่าง ๆ ในไทยฟัง ‘เสียงผู้บริโภค’ ในโลกสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่า ทำไมหม่าล่าหม้อไฟ และหม่าล่าสายพานถึงเป็นเมนูยอดนิยมของเหล่าหม่าล่าเลิฟเวอร์

จากการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ที่มีการพูดถึงหม่าล่า ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 11 กันยายน 2566 พบว่า สังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดียมีการพูดถึงหม่าล่ามากถึง 3,697 ข้อความ และ มี Engagement ทั้งหมดจำนวน 315,561 ครั้ง โดยแบ่งได้ดังนี้

- Twitter มีการพูดถึง 2,691 ข้อความ มีจำนวน Engagement 4,875 ครั้ง
- Facebook มีการพูดถึง 455 ข้อความ มีจำนวน Engagement 175,225 ครั้ง
- Instagram มีการพูดถึง 281 ข้อความ มีจำนวน Engagement 95,804ครั้ง
- YouTube มีการพูดถึง 270 ข้อความ มีจำนวน Engagement 39,657 ครั้ง

ทำไมเมนู ‘หม่าล่า’ ถึงเป็นที่นิยม?
ในช่วงปีนี้กระแส ‘หม่าล่าชาบู’ หรือ ‘หม่าล่าสายพาน’ ในประเทศไทยมาแรงมาก ซึ่งหม่าล่าฟีเวอร์นั้นก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงปี 2018 แต่ในปีนั้นเมนูที่ได้รับความนิยมจะเป็น ‘หม่าล่าปิ้งย่างเสียบไม้’ ที่เรามองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ร้านที่ขายเมนูนี้ ซึ่งในช่วงนั้นจุดเริ่มต้นกระแสหม่าล่าก็ได้เกิดขึ้น

โดยร้านที่ปลุกกระแสหม่าล่าฟีเวอร์นั่นก็คือ ‘Hai Di Lao’ ร้านหม่าล่าหม้อไฟชื่อดังจากประเทศจีนที่เข้ามาเปิดสาขาที่ประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน  และจากการเข้ามาของร้าน Hai Di Lao ทำให้ตลาดร้านอาหารในประเทศไทยมีเมนูที่นำหม่าล่าเข้ามาเป็นส่วนประกอบและก็ยังมีร้านหม่าล่าหม้อไฟใหม่ ๆ เข้ามาลงเล่นในตลาดอีกด้วย

‘The Sine Cafe’ คาเฟ่ร่วมสมัย ไม่ทิ้งความเป็นไทย จ.นครปฐม อิ่มอร่อยกับเมนูไทยแบบโฮมเมด พร้อมบรรยากาศสบายๆ ในสวน

ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศสวนอันร่มรื่น ได้ผ่อนคลายกับความเป็นธรรมชาติ และยังได้ลิ้มรสชาติเมนูอาหารไทยอร่อยๆ ชวนมาที่นี่เลย ‘The Sine Cafe’ ที่อยู่ใน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

‘The Sine Cafe’ (เดอะ ซายน์ คาเฟ่) คาเฟ่สวยแนวไทยร่วมสมัย ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นยุคสมัยใหม่ และยุคสมัยโบราณช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ท่ามกลางบรรยากาศสวนนั่งสบาย มีทั้งมุมนั่งในร้าน มุมนั่งในสวนริมสระน้ำ ให้เลือกนั่งได้ตามชอบ

และหากว่าเข้ามาที่นี่แล้ว ก็จะได้พบกับเรือนไทยโบราณ ‘เรือนไทยภิรมย์ภัชน์’ ที่มีอายุกว่าร้อยปี และถูกนำมาบูรณะใหม่ ภายในเรือนถูกประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ยุโรปแนววินเทจ บางชิ้นมีอายุกว่าร้อยปี และมีมุมอื่นๆ ให้ผู้เยี่ยมชมได้เข้ามาถ่ายรูปได้

สำหรับอาหารของที่นี่ จะเน้นสไตล์โฮมเมด ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่ทางร้านสืบทอดมาจากคุณทวด วัตถุดิบบางชนิด ทางร้านได้ปรุงขึ้นมาเองเพื่อควบคุมคุณภาพและรสชาติให้ได้มาตรฐาน โดยที่นี่มีทั้งอาหารไทย อาหารไทยโบราณ ขนมไทยหากินยาก อาหารตะวันตก และเครื่องดื่มหลากหลาย ที่จะเสิร์ฟความอร่อยให้กับทุกคนทั้งครอบครัว

เริ่มต้นมื้ออร่อยกันด้วยเมนูไทยโบราณ ‘ปลาแห้งแตงโม’ เพิ่มความสดชื่นจากแตงโมหวานฉ่ำ โรยหน้าด้วยปลาแห้งที่ทำจากเนื้อปลาช่อน ผสมกับน้ำตาล เหลือ และหอมเจียว จานนี้กินแล้วสดชื่นคลายร้อนมากๆ

จานซิกเนเจอร์ของร้านที่ชวนกินคือ ‘ไข่เคย S Garden’ เป็นเมนูง่ายๆ ที่ทำกินกันในครอบครัว แล้วขยายมาสู่การเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลองชิมความอร่อย เมนูนี้ทำจากกะปิกุ้งเคยแท้ ผัดกับเครื่องแกงและไข่ไก่ บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และผักสด

‘ข้าวยำภิรมย์ภัชน์’ อีกจานชวนชิม สีสันสวยงาม มีผักหลากหลายชนิด เสิร์ฟพร้อมข้าวยสวยสีเหลืองจากขมิ้น และสีม่วงจากดอกอัญชัน คลุกเคล้ากับน้ำบูดูปรุงสุกรสชาติกลมกล่อม และยังเพิ่มความหอมมันด้วยมะพร้าวคั่วใหม่ๆ

ต่อด้วย ‘แกงเขียวหวานปลากรายไข่เค็มภิรมย์ภัชน์’ เมนูอร่อยที่ทางร้านทำลูกชิ้นปลากรายเอง ด้านในเป็นไส้ไข่แดงเค็ม เข้าคู่กันกับน้ำแกงเขียวหวานรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟแบบเป็นเซตคู่กับเส้นหมี่ขาวลวก

อีกจานอร่อยที่ต้องชิม ‘ผัดหมี่กระเฉดมันกุ้งห่อไข่ทองคำ’ เป็นเส้นหมี่ผัดกับมันกุ้งเข้มข้น ผักกระเฉด และกุ้งสดตัวโต เพิ่มความพิเศษด้วยการห่อไข่นุ่มๆ

สลับมาชิมเมนูไทยฟิวชั่น ‘โรตีแกงสุวรรณภูมิ’ เป็นโรตีแผ่นเหนียวนุ่ม มาพร้อมกับแกงกะทิที่มีส่วนผสมระหว่างเครื่องแกงมัสมั่นและแกงเชียวหวาน กลายเป็นเครื่องแกงสีเหลืองทอง และยังมีเนื้อไก่นุ่มๆ ในน้ำแกงให้อร่อยกันด้วย

‘แกงรัญจวน’ อีกหนึ่งแกงโบราณที่มีบันทึกไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 เคล็ดลับของแกงนี้คือจะต้องตำน้ำพริกกะปิรสชาติจัดจ้านครบรส ใส่ลงไปกับน้ำแกงที่ต้มกับเนื้อสัตว์ ซึ่งทางร้านใช้เนื้อหมูอย่างดีมาเคี่ยวจนเปื่อยนุ่ม

นอกจากเมนูอาหารไทยโบราณ และอาหารไทยต่างๆ แล้ว ที่นี่ก็ยังมีเมนูอาหารตะวันตกให้มาลิ้มลองกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น พิซซ่า สปาเก็ตตี ซุป ฯลฯ

และถ้าอิ่มจากของคาวแล้ว มาต่อกันที่ของหวานจานอร่อย ‘ส้มฉุน’ ของหวานโบราณที่ยืนพื้นด้วยลิ้นจี่เป็นหลัก แล้วตามด้วยผลไม้ตามฤดูกาลอื่นๆ นำมาใส่ในน้ำลอยแก้ว บีบน้ำส้มซ่าเพิ่มกลิ่นหอมและความสดชื่น กินแล้วอร่อยคลายร้อน

‘ขนมพระพายนมสด’ อีกหนึ่งขนมไทยโบราณ ที่ทางร้านดัดแปลงจากกะทิมาเป็นนมสดคาราเมล ส่วนตัวขนมนั้นไส้ทำจากถั่วกวนหวานมัน หุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียวเคี้ยวหนึบ

มาถึงแหล่งมะพร้าวน้ำหอมอย่างที่สามพราน ต้องไม่พลาดที่จะชิมเมนูอร่อยจากมะพร้าวอ่อนหวานหอม ‘เค้กมะพร้าวไข่เค็ม’ เนื้อเค้กนุ่มๆ มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าวอ่อน แทรกด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน เสิร์ฟพร้อมกับซอสไข่เค็มหอมมันที่เข้ากันดีมากๆ

ส่วนเครื่องดื่มก็เลือกเป็น ‘S Namhom Latte’ ทางร้านคัดเลือกเมล็ดกาแฟอาราบิก้าอย่างดี ชงผสมกับมะพร้าวน้ำหอม นุ่มละมุน เสิร์ฟคู่เม็ดทองหยอดจิ๋วออนท็อป

มาที่นี่นอกจากจะมาลองลิ้มอาหารไทยอร่อยๆ แล้ว ก็ยังมีที่พัก ‘S Garden View Resort’ ซึ่งเป็นทั้งรีสอร์ทพักสบาย มีสถานที่จัดเลี้ยง งานแต่งงาน งานสัมมนาต่างๆ และยังไม่ไกลจากที่เที่ยวในย่านสามพรานอีกด้วย

ร้าน ‘The Sine Cafe’ ตั้งอยู่ภายใน S Garden View Resort อ.สามพราน จ.นครปฐม เปิดบริการวันพฤหัสบดี-อังคาร (หยุดวันพุธ) โซนคาเฟ่เปิดเวลา 10.00 – 20.30 น. โซนร้านอาหารเปิดเวลา 10.30 – 20.30 น. โทร. 09-5464-6228 Facebook : The Sine Cafe


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top