Friday, 23 May 2025
สุริยะ_จึงรุ่งเรืองกิจ

‘สุริยะ’ ลุยต่อ!! ดันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ลั่น!! ก.ย.68 เชื่อมครบทุกสี แง้ม!! กำลังคุย ‘พรบ.ตั๋วร่วม’

(29 เม.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น มั่นใจว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี หรือ ช่วงกันยายน 2568 รถไฟฟ้าทุกสี และทุกสาย จะเข้าร่วมนโยบายทั้งหมด ขณะที่รถไฟฟ้าสีอื่น ๆ ที่อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างและเตรียมก่อสร้าง ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จ หากตนยังคงดำรงอยู่ในตำแหน่งรมว.คมนาคม ขอยืนยันว่าจะผลักดันให้เข้าร่วมนโยบายทั้งหมดเช่นกัน

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นโยบายดังกล่าวนอกจากเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนแล้ว ยังสามารถลดปัญหา PM 2.5 ในขณะนี้ได้อีกด้วย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวได้มีการปรับเปลี่ยนการเดินทางมาใช้รถไฟฟ้าแทน รวมถึงยังแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการจัดเส้นทาง Feeder เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พร้อมคาดว่าภายในระยะ 2-3 เดือนนี้จะเห็นความชัดเจน ซึ่งนอกเหนือจาก ขสมก. แล้ว หากเอกชนรายใดที่มีความพร้อมด้านการให้บริการขนส่ง ก็สามารถเข้าร่วมการจัดเส้นทาง Feeder ได้ ซึ่งแผนระยะสั้นจะผลักดันประมาณ 30 เส้นทาง เพื่อรองรับการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง

ส่วนระยะต่อไป คาดเป็นช่วงปี 2568-2569 จะเพิ่มจำนวนเพิ่มเติม เพื่อรองรับการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเขียว สายสีชมพู และสายสีส้ม และอีก 66 เส้นทางจะดำเนินการในระยะถัดไปตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป

ด้านแผนจัดทำ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ขณะนี้มีการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาถึงหลักการด้านต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสม เบื้องต้นคาดว่าภายในปี 2568 จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังได้เตรียมแผนจัดตั้งกองทุนเพื่อชดเชยผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องจากมาตรการดังกล่าว โดยเม็ดเงินจากกองทุนที่จะนำมาชดเชยนั้นจะมาจากขอรับการสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน การสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล เป็นต้น

'เพื่อไทย' ลั่น!! รถไฟฟ้าต้อง 20 บาททุกสาย ชี้!! นี่คือความกล้าหาญที่พรรคอื่นไม่กล้าทำ

(3 พ.ค.67) ในงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) งานแสดงวิสัยทัศน์ และความคืบหน้าในนโยบายต่าง ๆ พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. กล่าวว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่สมัย 2549 เพราะการเข้าถึงขนส่งสาธารณะเป็นสวัสดิการพื้นฐานของประชาชน วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยทันทีที่เป็นรัฐบาล ไม่ถึงหนึ่งเดือนที่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง วันที่ 16 ตุลาคม 2566 รถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีแดง และสีม่วง ลดค่าบริการลงมาที่ราคา 20 บาท ได้สำเร็จ หลังจากลดค่าโดยสารลงแล้ว ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารสายสีแดงเพิ่มขึ้น 26.62% สายสีแดงเพิ่มขึ้น 14.43%

จากนั้น กระทรวงคมนาคม กางแผนโรดแมป เพื่อดำเนินการให้รถไฟฟ้าทุกเส้นทาง คิดค่าบริการตลอดเส้นทาง ‘20 บาท’ ภายในปี 2568 ผ่านร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมร่าง พ.ร.บ.รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและอื่นๆ โดยสำนักงานขนส่งและนโยบายและแผนการจราจร (สนข.) ดำเนินการ จากราคารถไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 107 บาท หาก พ.ร.บ.ตั๋วร่วมสำเร็จ ประชาชนจะจ่ายเพียง 20 บาท ผ่านการมีกองทุนที่สะสมรายได้จากส่วนอื่น ๆ มาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารแทนประชาชน

“ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เสนอทำราคารถไฟฟ้าให้เหมาะสมกับรายได้ เป็นสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คือความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทยที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นการจัดการระบบการเดินทาง ที่มีสัมปทานหลายเจ้าครั้งใหญ่ อะไรที่เคยติดขัด เป็นอุปสรรค จะถูกคลี่คลาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน”

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า ภายในปี 2568 ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสาย, พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ต้องสำเร็จ, ลดราคาค่าทางด่วนลงรถเมล์แอร์ EV ต้องสำเร็จ เป้าหมายใหญ่ คือเพิ่มการเข้าถึงขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถส่วนตัว ลดปริมาณรถบนถนน แก้ปัญหารถติด แก้ปัญหาฝุ่น ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสามารถเปิดให้ขยายทางสัญจรทางเท้า ให้ กทม.เป็นเมืองที่เดินได้ เมืองที่เป็นมิตรกับคนทุกกลุ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับขนส่งสาธารณะ ให้เป็น ‘การบริการสาธารณะ’ อย่างแท้จริง

‘สุริยะ’ ยัน!! พร้อมสานต่อโครงการโคล้านตัว เล็งศึกษารายละเอียด-พูดคุยกับกองทุนหมู่บ้าน

(7 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางเข้าทำเนียบในเวลา 08.15 น. โดยขึ้นไปสักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่จะลงมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่และศาลตายาย โดยระหว่างไหว้ บรรยากาศฟ้ามืดครึ้ม มีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ และเมื่อไหว้เสร็จ นายสุริยะได้ก้มลงกราบศาลพระภูมิและศาลตายาย ซึ่งถือเป็นคนแรกที่ก้มลงกราบ 

จากนั้น นายสุริยะให้สัมภาษณ์ว่า งานที่กำกับดูแลส่วนใหญ่ เป็นงานที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยกํากับดูแล

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้ฝากฝังเรื่องอะไรบ้าง นายสุริยะ กล่าวว่า นายกฯ ได้สนับสนุนให้ตนมาทำงานตรงนี้ ขณะเดียวกัน ก็จะมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่ตนดูแลเพิ่มเติม ซึ่งนายกฯ ได้ให้กำลังใจ และแบ่งเวลาดูแลงานที่ตนรับผิดชอบ ให้เกิดประสิทธิภาพ และผลประโยชน์กับประชาชน

เมื่อถามว่า ภายหลังจากรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือ เมื่อนายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจ ก็ต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถให้เต็มที่ ทำงานเหมือนนายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ต้องทำอย่างนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในการทำงาน

เมื่อถามว่า งานของกระทรวงคมนาคมก็เยอะอยู่แล้ว เมื่อมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเพิ่มเข้ามา ก็ไม่น่ามีปัญหา ใช่หรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเราเป็นนักบริหารที่ดี ก็สามารถบริหารจัดการไปได้ งานในกระทรวงก็มีปลัดฯ ช่วยงานอยู่ ส่วนงานของรองนายกรัฐมนตรี ก็มีเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ช่วยเหลืออยู่

เมื่อถามว่า จะต้องสานต่อโครงการโคล้านตัวที่ต้องสานงานต่อจากนายสมศักดิ์หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเข้าไปดูรายละเอียดว่าจะเดินหน้าอย่างไร และจะต้องมีการพูดคุยกับกองทุนหมู่บ้านอีกครั้ง 

เมื่อถามว่า จะกำกับดูแลในส่วนของสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) ด้วยหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า ในส่วนรายละเอียด ต้องรอให้มีการสั่งการอย่างเป็นทางการ ซึ่งต้องให้นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตนจะต้องรับผิดชอบส่วนใดบ้าง ต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้ง

'สุริยะ' โต้ปม 'ฐากร' อ้าง!! 'ขรก.คมนาคม' เรียกรับส่วย 'ผู้รับเหมา-ข้าราชการ' ยัน!! 'ข้อมูลไม่ชัดเจน-ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง' แต่ถ้าพบผิดจริง ฟันไม่เลี้ยง

(5 มิ.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ได้กล่าวอ้างถึงมีข้าราชการระดับสูง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมฯ หนึ่ง ในสังกัดกระทรวงคมนาคม เรียกรับผลประโยชน์จากผู้รับเหมาที่ชนะประมูลในอัตราร้อยละ 12 จากมูลค่างานทั้งหมด พร้อมทั้งสั่งการให้ผู้อำนวยการระดับสำนักแต่ละพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ โดยแต่ละพื้นที่จะต้องส่งผลประโยชน์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2567 อย่างน้อยมูลค่า 20 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเรียกรับผลประโยชน์รวม 1,000 ล้านบาท นั้น 

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม พร้อมเปิดรับฟังทุกปัญหาและข้อร้องเรียน หรือเบาะแสต่างๆ เพื่อนำมาพิจารณาและค้นหาข้อเท็จจริง ส่วนจากการกล่าวอ้างดังกล่าว ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่ในฐานะที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต้องขอขอบคุณสำหรับข้อมูล ซึ่งจะนำข้อมูลที่ได้รับมานั้น ไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้นโยบายสำคัญไว้ต่อรัฐมนตรีและข้าราชการทุกคนทุกหน่วยงานว่า ต้องไม่มีการทุจริต และต้องดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยยึดประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง 

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่นายฐากร กล่าวอ้างมานั้น มีหลายประเด็นที่ยังเป็นข้อสังเกต คือ นายฐากร เคยทำหน้าที่อยู่ในสำนักงบประมาณกว่า 17 - 18 ปี และยังเคยดำเนินงานในกระทรวงคมนาคมในยุคนั้นด้วย และจากที่ระบุว่า ในสมัยนั้น มีการเรียกเก็บส่วยอย่างที่กล่าวว่า คือ ข้าราชการร้อยละ 6 นักการเมืองร้อยละ 6 แต่ทำไมไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น และเหตุใดจึงไม่ออกมาเผยความจริงต่อสาธารณชน 

นอกจากนี้ ในประเด็นที่นายฐากร ระบุว่า ผู้อำนวยการสำนักทางหลวง และผู้อำนวยการเขตทางหลวง รวม 2 คน ซึ่งนายฐากร เคยดำเนินงานในกระทรวงคมนาคม ควรรู้ว่า ทั้ง 2 ตำแหน่งดังกล่าว เป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงมองว่าหลายสิ่งที่ระบุและกล่าวอ้างมานั้น ยังไม่ตรงข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน กรณีที่มีผู้อำนวยการสำนักทางหลวงไปร้องเรียนที่พรรคไทยสร้างไทยนั้น โดยตนต้องการให้ผู้อำนวยการสำนักทางหลวงท่านดังกล่าว มาชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์อย่างไร และหากเป็นความจริง ตนจะสั่งปลดอธิบดีกรมทางหลวงในทันที

“เมื่อนายกรัฐมนตรีให้นโยบายมา ก็ได้กำชับไปตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวงคมนาคม ยันอธิบดี ซึ่งท่านปลัดกระทรวงก็ช่วยสอดส่องเรื่องนี้ด้วย เรื่องของพฤติกรรมทุจริตที่รัฐบาลนี้รับไม่ได้ พร้อมระบุว่าบุคคลในหน่วยงานภายใต้สังกัดที่ผมดูแลอยู่ คงจะคุมทุกคนไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามีพฤติกรรมที่ส่งมาและมีข้อมูลชัดเจน ผมก็คงไม่ปล่อยไว้ ต้องมีการดำเนินการ ขณะเดียวกันก็อยากให้คนที่กล่าวหา คิดถึงขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงานก็จะเสียกำลังใจ ถ้าไปกล่าวหาแล้วไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน” นายสุริยะ กล่าว

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า จากกรณีที่นายฐากรกล่าวหามานั้น จะไปดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง และพร้อมชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากปฏิบัติตามนโยบายนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากกรณีดังกล่าว ถูกหยิบยกมาในการอภิปรายพิจารณางบประมาณฯ นั้น ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหา และเชื่อว่า สามารถชี้แจงได้ อีกทั้ง ตนยังได้สั่งการตั้งแต่ระดับปลัดกระทรวง ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้

'นายกฯ' ส่งไม้ต่อ 'สุริยะ' เตรียมพร้อมรับท่องเที่ยว ช่วงไตรมาส 4 ผุดเส้นทางรถไฟเที่ยวพิเศษ เจาะกลุ่มมุ่ง 'วัฒนธรรม-ธรรมชาติ'

(5 มิ.ย.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง หารือร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หลังจากออกมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวแล้ว ได้เตรียมพร้อมเรื่องการเดินทางต่อ โดยบ่ายวันเดียวกันนี้ มีการหารือหลายเรื่อง โดยเรื่องแรกหารือกับทั้งกระทรวงคมนาคม การท่าอากาศยานไทย (AOT), การบินไทย, เวียตเจ็ทแอร์ไลน์ และการรถไฟฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วง Low Season เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องบริหารทั้งจำนวนเครื่องบิน และเที่ยวบินให้เพียงพอ รวมไปถึงให้ทาง AOT เตรียมพร้อมรองรับสายการบิน ตลอดจนนักท่องเที่ยว นักเดินทางที่เพิ่มขึ้นด้วย

"ผมได้สั่งการให้การรถไฟฯ เพิ่มเส้นทางการเดินรถไฟใหม่ ๆ ตลอดจนจัดรถไฟเที่ยวพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางสายวัฒนธรรมของไทย หรือการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เสน่ห์ของการเดินทางโดยรถไฟน่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกเยอะเลยครับ" นายกฯ กล่าว

'สุริยะ' แง้มข่าวดี 'ดูไบ พอร์ต เวิลด์' สนลุยแลนด์บริดจ์-ปธ.จ่อบินมาดูงานเอง พร้อมเผย!! หากร่างกม.แล้วเสร็จ เปิดประมูลโครงการได้ปลายปี 68 

(6 มิ.ย.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า ได้เข้าพบหารือกับบริษัทประธานบริษัท 'ดูไบ พอร์ต เวิลด์' ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลก มีธุรกิจเรือเดินสมุทรถึง 1,700 ลำ และบริหารท่าเรือในหลาย 10 ประเทศ   ซึ่งบริษัทดังกล่าวแสดงความสนใจที่อยากมาลงทุนในประเทศไทย โดยจะเดินทางมาประเทศไทยภายในเดือนนี้ ขณะนี้กำลังเคลียร์ตารางงานอยู่ 

ส่วนความพร้อมของประเทศไทยในโครงการนี้ยืนยันว่า ในแง่การศึกษาเบื้องต้นค่อนข้างชัดเจนว่ามีประโยชน์ต่อการลงทุนในประเทศไทย โดยดูจากการที่มีบริษัทในต่างประเทศที่รัฐบาลได้ชักชวนก็ให้ความสนใจ แต่โครงการนี้สำคัญที่สุด คือภาคเอกชน ที่จะตัดสินใจในการลงทุน ว่าโครงการนี้จะเดินต่อไปได้หรือไม่ แต่เท่าที่พูดคุยบริษัทชั้นนำ จากกรุงโรม อิตาลี, ดูไบ และจีน มีบริษัทชั้นนำให้ความสนใจในโครงการนี้ จึงมั่นใจว่าโครงการนี้เกิดขึ้นแน่   

ทั้งนี้การเดินสายโรดโชว์แต่ละประเทศถือว่าสิ้นสุดแล้ว และเตรียมความคิดเห็นที่เดินทางไปแต่ละประเทศ มาลงในรายละเอียด ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. หรือ ร่างกฎหมายแลนด์บริดจ์ ก่อนนำเสนอสู่ ครม. และนำเข้าสู่สภาได้ในสมัยประชุมสภาสามัญนี้  

ทั้งนี้นายสุริยะ ยืนยัน เมื่อ ร่างกฎหมายแลนด์บริดจ์ แล้วเสร็จ จะสามารถเปิดประมูลโครงการได้ ในปลายปี 2568 

‘สุริยะ’ กำชับทุกหน่วยงานเตรียมแผนรับรอง นทท. ไตรมาส 4 เล็งเพิ่ม ‘เที่ยวบินและเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติ-วัฒนธรรม’

(10 มิ.ย.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำแผนรองรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2567 หรือไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ สอดรับกับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ที่คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

*AOT คาด มิ.ย.-พ.ย.ผู้โดยสารทะลุ 60 ล้านคน

นายสุริยะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. ไปดำเนินการจัดเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบิน และเที่ยวบินให้เพียงพอต่อผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ ครอบคลุมผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศที่เดินทางผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

จากการรายงานของ ทอท. พบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออก 6 ท่าอากาศยานรวม 9,503,475 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.08% และมีจำนวนเที่ยวบิน 61,435 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.90% ขณะเดียวกัน ทอท. ยังได้คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมจำนวน 60.3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 380,000 เที่ยวบิน ดังนั้น เชื่อว่า ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยว จึงมีแนวโน้มสูงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ ทอท. จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตาม ทอท. ยังได้รายงานว่า ล่าสุด ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการติดตั้ง และทดลองใช้เครื่อง Automated Border Channel (ABC) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการตรวจหนังสือเดินทางให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นครับ โดยระยะแรกได้ติดตั้งไว้ ณ บริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกระหว่างประเทศ โซน 2 จำนวน 13 เครื่อง

*รฟท. เพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรม-ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สั่งการให้จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟ ทั้งเส้นปกติและขบวนพิเศษ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมแผนฯ โดยในเบื้องต้น จะเพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรมของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย

จากก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการในหลายเส้นทาง ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในรูปแบบไปเช้า-เย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เช่น ขบวนรถไฟนำเที่ยวน้ำตกไทรโยค, ขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์, ขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจัดรถขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยว ไปเช้า-เย็นกลับในวันสำคัญต่าง ๆ

*รฟม.เตรียมขบวนรถเสริม-ช่องทางพิเศษ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมขบวนรถไฟฟ้าและสถานีของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู และสายสีเหลือง เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นได้เตรียมขบวนรถเสริมให้บริการในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น พร้อมทั้ง จัดเตรียมช่องทางพิเศษสำหรับจำหน่ายเหรียญโดยสาร เตรียมไว้ในสถานีที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

“ผมขอยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแล พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และทุกการคมนาคมต้องมีความปลอดภัยในระดับสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยหากทุกหน่วยงานฯ มีความคืบหน้าของแผนรองรับการท่องเที่ยวสำหรับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว จะดำเนินการรายงานต่อประชาชนให้ทราบโดยทันที” นายสุริยะ กล่าว

‘สุริยะ’ เร่งดัน ‘พ.ร.บ.ตั๋วร่วม’ ใช้ภายในปี 68 พร้อมสานต่อนโยบาย รฟฟ. 20 บาท ตลอดสาย

(13 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (คนต.) ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาโดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม

นายสุริยะ เปิดเผยว่า ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมที่ผ่านมา และผลการศึกษาโครงการศึกษาจัดทำแผนการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร (สนข.) โดยผลการศึกษาด้านนโยบายและแผนได้กรอบแนวทางและข้อเสนอแนะโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วม สำหรับระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โครงสร้างค่าโดยสารร่วมและส่วนลดค่าโดยสารการเดินทางข้ามระบบ และอัตราค่าธรรมเนียมทางการเงินในระบบตั๋วร่วม แผนปฏิบัติการด้านการกำกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม แผนการลงทุนและการพัฒนาระบบตั๋วร่วม แผนพัฒนาระบบฐานข้อมูลการเดินทางและค่าโดยสาร แผนและแนวทางการติดตามประเมินผล

นายสุริยะ กล่าวต่อไปว่า สำหรับด้านกฎหมายได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนแผนดังกล่าวให้ไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงผลักดันร่าง พ.ร.บ. ฯ ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ในระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยให้ สนข. เร่งรัดการเสนอร่าง พ.ร.บ. ฯ เพื่อกระทรวงคมนาคมพิจารณานำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในปี 2568 พร้อมทั้งให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน การพัฒนาและการส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม รวมถึงการส่งเสริมและอุดหนุนประชาชนผู้ใช้บริการระบบตั๋วร่วมให้สามารถใช้ระบบขนส่งด้วยความสะดวก โดยมีต้นทุนการเดินทางที่สมเหตุสมผล ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนลดข้อจำกัดจากสัญญาสัมปทานเดิม

ทั้งนี้ นายสุริยะ เผยว่า ได้มอบหมายให้ สนข. กรมการขนส่งทางราง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ดำเนินการออกประกาศที่เกี่ยวข้อง ภายหลังจาก พ.ร.บ. ฯ มีผลใช้บังคับแล้ว เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรม

สำหรับร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ประกอบด้วย 7 หมวด และบทเฉพาะกาล (45 มาตรา) ดังนี้
การกำหนดคำนิยาม (มาตรา 1 - 4)
-หมวด 1 คณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม (มาตรา 5 - 13)
-หมวด 2 การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (มาตรา 14 - 23)
-หมวด 3 การดำเนินงานในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม (มาตรา 24)
-หมวด 4 อัตราค่าโดยสารร่วม (มาตรา 25 - 28)
-หมวด 5 กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม (มาตรา 29 - 34)
-หมวด 6 การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาต (มาตรา 35 - 36)
-หมวด 7 โทษทางปกครอง (มาตรา 37 - 40)
-บทเฉพาะกาล (มาตรา 41 - 45)

“กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าการเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วนั้น จะสามารถสนับสนุนการดำเนินงานการพัฒนาและส่งเสริมเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมภายในเดือนมีนาคม 2569 ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถใช้ระบบขนส่งมวลชนด้วยความสะดวก มีต้นทุนการเดินทางที่สมเหตุสมผล ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างยั่งยืน เพื่อความอุดมสุขของประชาชนอย่างแท้จริง” นายสุริยะ กล่าว 

‘สุริยะ’ มอบ ‘ทางหลวงชนบท’ พัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย รับนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยว 'เมืองรอง' ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน

(14 มิ.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้เตรียมพร้อมแผนรองรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมในทุกมิติให้มีความปลอดภัยในระดับสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย

ซึ่งนายสุริยะ ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) พัฒนาและยกระดับมาตรฐานทางหลวงชนบท สำหรับการสนับสนุนการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบัน ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทย (Thailand Riviera) ถนนทางหลวงชนบทสายแยก ทล.4002 (กม. ที่ 13+100) - บ้านแหลมสันติ (ตอนที่ 2) อำเภอหลังสวน และละแม จังหวัดชุมพร เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรแล้ว โดยจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างเป็นรูปธรรม ให้ประชาชนสามารถเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น หาดตะวันฉาย หาดละแม ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยอย่างยั่งยืน ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทาง โดยมีจุดเริ่มต้น กม. ที่ 19+891 อยู่บนถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4019 เชื่อมต่อกับ ทล.4002 (ช่วง กม. ที่ 13+100) ด้านขวาทาง ห่างจากปากน้ำหลังสวน 1.5 กิโลเมตร (กม.) ไปสิ้นสุด กม. ที่ 26+644 ห่างจากหาดละแม 1.5 กม. ผ่านมหาวิทยาลัยแม่โจ้ - ชุมพร บริเวณหมู่ที่ 5 บ้านแหลมสันติ ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร รวมระยะทาง 6.753 กม. ก่อสร้างเป็นถนนลาดยางแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีต กว้าง 7 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2.5 เมตร พร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง เครื่องหมายจราจร สิ่งอำนวยความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้เส้นทาง ใช้งบประมาณก่อสร้างรวม 105.440 ล้านบาท 

ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้พัฒนาเส้นทางเพื่อสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงถนนสายรองจากถนนสายหลักเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรม ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจในเมืองรอง อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางได้อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง

‘มาดามแป้ง-เจ ชนาธิป’ รับมอบเงินอัดฉีดจาก ‘สุริยะ’ 3 ล้านบาท หลังเปิดบ้านชนะสิงคโปร์ 3-1 พร้อมขอบคุณที่สนับสนุนช้างศึก

(17 มิ.ย.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ตัวแทนนักฟุตบอลทีมชาติไทย เข้ารับเงินอัดฉีด จาก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 3 ล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคม จากเกมที่ ช้างศึก เปิดบ้านชนะ สิงคโปร์ 3-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2  

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทย นำโดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อัดฉีด ทัพช้างศึก อยู่แล้วในทุกเกม แต้มละ 1 ล้าน แต่ในเกมเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์ มีความสำคัญ คือ ชี้ชะตาเข้ารอบคัดบอลโลก รอบ 3 ทำให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมตรี อัดฉีดส่วนตัวเพิ่มเติมลูกละ 1 ล้านบาท แบ่งเป็นประตูละ 5 แสนบาท และ แอสซิสต์ละ 5 แสนบาท รวม 3 ลูก เป็นเงิน 3 ล้านบาท

‘มาดามแป้ง’ นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จนมาถึง รองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โดย แป้ง ต้องขอบคุณแทนทีมงานสตาฟโค้ช และนักกีฬา ที่ทุกคนเล็งเห็นถึงความสำคัญ ความเสียสละ และ ความมุ่งมั่นเพื่อทีมชาติไทย ซึ่งแม้ว่าเรายังเสียดายที่ไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 3 ด้วยเงื่อนไขขาดอีกแค่ประตูเดียว แต่อย่างน้อยแป้งเชื่อว่า นี่เป็นนิมิตรหมายอันดีของฟุตบอลไทย ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐฯ”

ทั้งนี้โปรแกรมต่อไป ทีมชาติไทย เตรียมลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง 2 นัด ในช่วง ฟีฟ่า เดย์ ระหว่างวันที่ 2-10 กันยายน 2567


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top