Thursday, 22 May 2025
สุทินคลังแสง

‘สุทิน’ พบ ‘สุกำพล’ ขอคำแนะนำคุมกลาโหม เผย!! กองทัพพร้อมปรับลดกำลังพล แต่ต้องไม่กระทบต่อศักยภาพ

(4 ก.ย. 66) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านสุวรรณทัต จังหวัดปทุมธานี เพื่อพูดคุยขอคำแนะนำในการทำงานร่วมกับกองทัพ โดยนายสุทินได้นำพวงมาลัยดอกมะลิมามอบให้ พล.อ.อ.สุกำพล ก่อนเข้าไปภายในบ้าน

ระหว่างการหารือ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พลเรือนแท้ ๆ มาคุมกระทรวงกลาโหม นายสุทินได้ตอบว่า มาทำงานตรงนี้เลือกไม่ได้ จึงอยากจะขอคำแนะนำ เพราะพลเรือนแม้จะศึกษามามาก แต่ก็ไม่สู้คนที่ทำมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นรัฐมนตรี จึงต้องมาขอคำแนะนำ ซึ่งพล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่มาขอคำแนะนำ เพราะบางคนอยากทำก็ทำเลย ทำไปแล้วผิดก็ไปเลย

ภายหลังการพูดคุย นายสุทินกล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้มาหาอดีตรัฐมนตรีได้ทั้งความรู้และสิ่งที่สำคัญคือกำลังใจ ซึ่ง พล.อ.อ.สุกำพลได้ให้ความเชื่อมั่นและคำแนะนำ เรื่องการลำดับความสำคัญในการบริหาร การวางตัวต่อกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ให้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์มาก

ส่วนกำหนดการเข้ากระทรวงกลาโหม นายสุทินกล่าวว่ายังไม่ได้กำหนด ต้องไปหารือกับที่ประชุมของพรรคเพื่อไทยก่อน และอาจจะต้องรอความชัดเจนหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา คาดว่าจะเป็นช่วงหลังวันที่ 11 ก.ย.

นายสุทินกล่าวอีกว่า การเดินสายพบผู้นำเหล่าทัพก่อนหน้านี้เป็นไปด้วยดี ทั้งการพูดคุยแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย ได้เห็นสัญญาณจากกองทัพเองว่า กองทัพเปิดใจกว้างที่จะรับพลเรือน ซึ่งถ้าเราเข้าใจเขาและมีความชัดเจนถึงแนวปฏิบัติต่าง ๆ และเขาเชื่อว่าเราทำเพื่อชาติจริง ๆ กองทัพก็จะไม่มีปัญหา

นายสุทินกล่าวว่า การทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนเองไม่ได้รู้สึกลำบากใจ แต่ก็ไม่ได้ประมาท หมายความว่าจะเข้าไปบริหารแบบไม่เตรียมตัวใด ๆ จะวางใจมากเกินไป คิดว่าเราชำนาญรู้ดีแล้วไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องการรัฐประหารเหมือนที่พรรคเพื่อไทยเคยโดนมาแล้ว เรื่องอย่างนั้นไม่ได้เป็นประเด็นที่ต้องมาคิด

นายสุทินเปิดเผยอีกว่า เรื่องการปรับการเกณฑ์ทหารให้เป็นระบบสมัครใจและงบประมาณกองทัพเกี่ยวกับเรือดำน้ำนั้น ได้มีการพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพไปแล้ววานนี้ (3 ก.ย.) แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งเรื่องการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจทางกองทัพคิดมานานและก็ทำมาอย่างเป็นขั้นตอน เพียงแต่ว่าถ้าจะทำให้รวดเร็วให้ทันกับที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนกองทัพ อย่างไรก็ดี การเกณฑ์ทหารระบบสมัครใจสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนนี้ เมื่อได้พลทหารระบบสมัครใจเต็มจำนวน เดือนเมษายนก็ไม่จำเป็นจะต้องมีการเกณฑ์ทหารอีก

ส่วนการปรับลดกำลังพล ทางกองทัพเองมีแผนในการดำเนินการอยู่ และมีเป้าหมายว่าปี 2570 ขนาดกองทัพจะเปลี่ยนไป ตนในฐานะรัฐมนตรีก็ต้องให้การสนับสนุนกองทัพไปสู่เป้าหมายนั้น ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่สังคมต้องยอมรับ คือประเทศต้องมีทหาร และกองทัพมีการประเมินจำนวนกำลังพลที่เหมาะสมไว้ ซึ่งยอดกำลังพลตอนนี้มากไป ทางกองทัพก็ยินดีจะปรับลด เพียงแต่จะต้องไม่กระทบกับศักยภาพของกองทัพ

นายสุทินกล่าวอีกว่า สำหรับการจะส่งเสริมให้คนมาสมัครเป็นพลทหารจำนวนมากๆ นั้น ต้องสร้างแรงจูงใจ ซึ่งในความคิดของตนจะต้องทำ 2 อย่าง คือ 1.ปรับสวัสดิการให้ทหาร 2.ปรับทัศนคติเชิงลบของสังคมต่อทหารเกณฑ์ เช่น ผู้ปกครองของพลทหารมักมีภาพจำต่อการฝึกของกองทัพว่ามีความโหดร้ายทารุณ ส่งผลให้พลทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้จะมีกรณีตัวอย่างไม่มาก แต่เรื่องเหล่านี้มักจะเป็นข่าว หรือเงินเดือนที่พลทหารได้รับจริงถูกหักออก ไม่เป็นไปตามที่เสนอไว้ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับความเชื่อ และทำให้ระบบโปร่งใสยิ่งขึ้น

นายสุทินกล่าวได้กล่าวถึงเรื่องการพิจารณาเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำที่สั่งซื้อจากจีนว่า มีทางออกที่ดีอยู่ เพียงแต่ต้องรอความชัดเจนหลังแถลงการนโยบาย คำว่าดีก็คือ กองทัพต้องพอใจ และประชาชนและสังคมรับได้ มีเหตุผลอธิบายได้ และต้องพูดคุยกับกองทัพให้ละเอียด ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน โดยต้องคุยกับ ผบ.ทร.และคณะ ต้องฟังคนที่เขาจะใช้ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะยกเลิกเพื่อเปลี่ยนไปใช้ของชาติอื่นหรือจะเดินหน้า

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีโอกาสจะไปพูดคุยกับ 2 ป. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือไม่ นายสุทินตอบว่า หากมีโอกาสก็อยากเข้าพบ เพราะไม่ได้ถือตนว่าเป็นฝ่ายใด

ทั้งนี้ ในลำดับถัดไป นายสุทินมีกำหนดการเข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และอดีต รมว.กลาโหม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ สว. และ อดีต รอง ผบ.ทบ. ส่วนสายวิชาการ จะมีการหารือกับ นายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการรัฐศาสตร์อาวุโส และ นายปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคง

‘ก้าวไกล’ เสนอ ‘บิ๊กทิน-รบ.ใหม่’ เขย่ากองทัพ หากการันตี ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ พร้อมร่วมมือ

(6 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ เกี่ยวกับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า ขณะนี้สังคมกำลังจับตามอง ทางพรรคก้าวไกลจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ได้ให้อำนาจกองทัพสามารถบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารเข้าเป็นทหารแม้ในยามที่ไม่มีสงคราม ทำให้มีช่องว่าง เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยอดผู้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี น้อยกว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการคือ 90,000 คนต่อปี ทำให้วันนี้ทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่าย เมื่อมีการบังคับคนเข้าไปเกณฑ์ทหาร กระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หรือการทำตามความฝัน การใช้เวลากับครอบครัว ไปจนถึงการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในระดับสังคม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารให้สำเร็จ โดยไม่ให้กระทบภารกิจการรักษาความมั่นคง คือต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพต้องการ หรือลดยอดผี คือ ชื่ออยู่ในทะเบียนแต่ตัวไม่อยู่ในค่ายทหาร ลดทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคง ทบทวนงานบางอย่างตามบริบทภัยความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปขณะเดียวกันต้องเพิ่มยอดสมัครใจในการเกณฑ์ทหาร ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ทั้งค่าตอบแทน ความปลอดภัย โอกาสในความก้าวหน้าของอาชีพ

“การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มี 2 แบบคือ 1.) ลุ้นยกเลิกแบบปีต่อปี ค่อยๆ ลดช่องว่างกำลังพล ตามแผนของกระทรวงกลาโหมปี 2566-70 ที่กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.) ที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ทหาร คือการแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร ปี 2497 ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจ ในการบังคับคนเป็นทหาร ในช่วงไม่มีสงคราม เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเราจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารสำเร็จในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ เพราะสามารถกำหนดได้ในกฎหมาย ทำให้ผู้ที่เกณฑ์ทหารไม่ต้องมาลุ้นปีต่อปีเหมือนการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารแบบแรก ขณะเดียวกันจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้กองทัพปฏิรูปตัวเอง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ก็คงต้องจับตาดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ว่าแนวทางการยกเลิกฯ จะเป็นอย่างไร” นายพริษฐ์ กล่าว 

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าการชี้แจงของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เกี่ยวกับกับเรื่องนี้ ดูจะเป็นแนวทางการยกเลิกฯ แบบที่ 1 ถ้าในที่สุดออกมาเป็นแบบที่ 1 ก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังในแต่ละปีอย่างไรจนเป็นศูนย์ แต่ถ้าเป็นแบบที่ 2 พรรคก้าวไกลยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพราะเราได้ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายรับราชการทหารเข้าสู่สภาฯ แล้ว อยู่ในขั้นตอนการรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่เซ็นรับรองให้สามารถถูกบรรจุในสภาฯ แล้วมีการถกเถียงกัน

เมื่อถามว่านายสุทิน ออกมาระบุยืนยันในเดือน เม.ย.ปีหน้า จะไม่มีการเกณฑ์ทหารแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบที่ 1 มันจะอยู่ในสภาวะที่ต้องลุ้นปีต่อปี ตัวเลขแรกในยอดกำลังพลที่จะลดในแต่ละปี ก็ยังไม่ได้มีการสื่อสารออกมา ถึงแม้ปีหน้าจะสามารถลดให้เหลือศูนย์ได้จริง แต่คงต้องมาลุ้นในปีต่อไปอีกว่า ยอดกองทัพจะมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการรับประกันให้เยาวชนที่ต้องวางแผนชีวิตว่าจะมีความเสี่ยงในการรับการเกณฑ์ทหารหรือไม่

“การปฏิรูปกองทัพต้องมีไอเดียมาจากรัฐบาลพลเรือนที่เป็นกรอบการดำเนินการด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยให้องค์กรนั้นๆทำแผนที่ตัวเองคิดมาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผ่านมาอาจมีกฎหมายบางส่วนที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือพลเรือนเช่น พ.ร.บ.ระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า การตัดสินใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรมว.กลาโหม ที่เป็นตัวแทนของพลเรือน แต่กลับไปอยู่ในอำนาจของสภากลาโหมที่ประกอบไปด้วยข้าราชการทหารเป็นหลัก ทำให้ขัดหลักที่ว่ารัฐบาลพลเรือนควรอยู่เหนือกองทัพ” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านร่วมกัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ที่ผ่านมามีแต่การพูดคุยในพรรคก้าวไกลเป็นหลัก 

‘บิ๊กทิน’ แง้ม!! นายกฯ มีทางออกเรื่อง ‘เครื่องยนต์เรือดำน้ำ’ เชื่อ!! หาจุดที่ยอมรับได้ ‘ไทย - เยอรมัน - จีน’ ไม่หมางใจกัน

(7 ก.ย. 66) ที่บ้านพักย่านเกษตร-นวมินทร์ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงจุดยืนของกองทัพเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเมียนมา และการสร้างจุดสมดุลระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจ ว่า ทำงานเรื่องนี้ตนมีคณะทำงานที่กำลังศึกษาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าจุดยืนควรจะเป็นอย่างไร ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหลังจากที่ตนได้เข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหมแล้วคณะทำงานชุดนี้จะสรุปให้ฟังว่าปัญหาเมียนมาจะเอาอย่างไร

เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำ จะเป็นอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า นายกฯ จะมีทางออกที่เหมาะสม และสังคมไม่ผิดหวัง

เมื่อถามว่านายกฯ จะใช้เวทีการประชุมสหประชาชาติ ในการพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ แต่นายกฯ มีทางออกที่ดี

เมื่อถามย้ำว่า มีเรื่องที่เกี่ยวกับกองทัพ เรื่องชายแดน เรื่องเมียนมาหรือไม่ เพราะว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปด้วย นายสุทิน กล่าวว่า ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพบปะกับนานาชาติ เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ เรื่องไหนที่จะแก้ปัญหาได้ ท่านคงทำ

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเจรจากับเยอรมนี ให้ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้กับไทย และเจรจากับจีนหากไม่ใช้เครื่องยนต์ของจีน นายสุทิน บอกว่า ก็เป็นไปได้ซึ่งอาจเป็นแนวทางที่นายกฯ เตรียมไว้ในใจ ซึ่งมีโอกาสเปลี่ยนแปลง ได้หากผู้ใหญ่ระดับรัฐบาลคุยกัน

เมื่อถามว่า จะไม่มีปัญหาระดับประเทศใช่หรือไม่ นายสุทิน ย้ำว่า เราจะทำให้ไม่กระทบ ทั้งจีน เยอรมนี ไทย หากจุดที่พอใจ และกองทัพไม่เสียโอกาส ประเทศชาติไปเสียประโยชน์ พันธมิตรก็ไม่เสียใจ และตนเชื่อว่านายกฯ และ นายปานปรีย์ มหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะหาจุดสมดุล และ โจทก์ที่อยู่ในใจตนก็จะหารือกับนายกฯ เช่นกัน

‘สุทิน’ แจง ยังไม่มีการแต่งตั้งใคร ต้องรอหลังแถลงนโยบายต่อสภาฯ ยืนยัน!! เอกสารที่หลุดตอนนี้เป็นของปลอม และเกิดจากผู้ไม่หวังดี

(10 ก.ย. 66) จากกรณีที่มีเอกสารลับหลุดว่อนเน็ต เรื่อง การแต่งตั้งประธานที่ปรึกษาและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลจำนวน 6 นาย โดยในจำนวนนี้มีชื่อของ นายพายัพ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ดูแลภาคอีสาน น้องชายอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา รมว. กลาโหม และนายพอพงษ์ ชินวัตร บุตรชายนายพายัพ เป็นเลขานุการประจำตัว รมว.กลาโหม

และล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ‘สุทิน คลังแสง’ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า…

ตามที่มีกระแสข่าวว่าผมแต่งตั้งบุคคลรับตำแหน่งต่างๆ นั้น ผมขอเรียนว่า ยังไม่มีการแต่งตั้งหรือเตรียมแต่งตั้งใครเลย เพราะ ณ เวลานี้ผมยังไม่สามารถสั่งราชการได้ เพราะต้องรอกระบวนการตามกฎหมาย คือ ต้องหลังจากการแถลงนโยบายต่อสภาฯ เสร็จสิ้นสมบูรณ์ครับ

พร้อมทั้งยืนยันว่า “เอกสารเรื่องการแต่งตั้งหรือการเตรียมแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ เป็นของปลอมที่เกิดจากผู้ไม่หวังดีครับ”

‘สุทิน’ ชี้ การยุบ ‘กอ.รมน.’ มีปัจจัยหลายอย่างต้องพิจารณา คนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่ต้องดูความเป็นจริงด้วย

(2 พ.ย. 66) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาเรียกร้องให้ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่าคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ แต่การจะยุบต้องประเมินปัจจัยหลายๆ อย่าง บางเรื่องพูดได้แต่บางเรื่องก็เปิดเผยข้อมูลไม่ได้ เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่เมื่อมาเป็นแล้ว ก็ต้องมาดูความเป็นไปได้อีกทีว่าทํายากแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับโครงสร้างกำลังพลของกองทัพ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวกำลังสรุปมาให้เป็นระยะๆ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนการสรุปแนวทางว่าจะปรับอย่างไร เพราะฉะนั้นยังไม่เห็นแนวทางการปรับลดอย่างเป็นรูปธรรม เพราะยังไม่มีการปฏิบัติ ทั้งนี้ ตามแผนเดิมที่กองทัพได้ทำมาคือปรับตามแผนราชการที่ทำไว้ คาดว่าปี 2570 จะสามารถปรับกำลังพลได้เยอะ และจะมีการเพิ่มมาตราการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดแบบใหม่ น่าจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้พลทหารที่ไม่ใช่สายหลักเข้าสู่ระบบเยอะ และจะทำให้กำลังพลลดลงมาก

เมื่อถามว่า มีเป้าหมายที่จะทำให้กำลังพลลดลงเท่าไหร่ นายสุทิน กล่าวว่า ตัวเลขยังไม่ชัดเจน กำลังทำอยู่ แต่ยืนยันว่าลดลงเยอะ ในปี 2570 เชื่อว่ากำลังพลโดยเฉพาะระดับนายพล จะลดลงไม่น้อยกว่า 20-30% ขณะเดียวกันก็ต้องคำนวณงบประมาณที่จะไปใช้ในการจ่ายให้กับผู้ที่ขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด กับเงินที่จะใช้หากกำลังพลขออยู่ต่อ ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าการจ่ายให้กำลังพลที่เกษียณก่อนกำหนดจะคุ้มกว่า จะช่วยให้ทั้งงบประมาณและกําลังพลลดลง

ถามว่า เมื่อกำลังพลลดลงแล้ว ภารกิจของกองทัพจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมีการปรับตามบริบทเดิม โดยเฉพาะภัยคุกคามใหม่

เมื่อถามถึงนโยบายการเกณฑ์ทหาร หรือการรับสมัครทหารทางออนไลน์ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) เป็นการรายงานตัวรอบแรกของทหารที่สมัครใจ พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว พบว่าปีนี้มีการสมัครมากขึ้น ซึ่งจากที่ผ่านมาจะพบว่าเมื่อถึงวันรายงานตัวมีคนเปลี่ยนใจเยอะ แต่ปีนี้ไม่มี ทั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนตัวเลขเท่าไหร่ ต้องรอให้จบโครงการแล้วจะสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี และขอฝากไปยังลูกหลานเยาวชนที่เดิมคิดว่า 2 ปีที่เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์จะเป็นการเสียโอกาส เป็นการสะดุดชีวิต แต่วันนี้เรากำลังทำให้เป็น 2 ปีแห่งการเพิ่มโอกาสของชีวิต เมื่อทุกคนเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์แล้วจะได้รับโอกาสใหม่ๆ และดีๆ ซึ่งทางกองทัพกำลังเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากที่เอาคนมาฝึกทหารมาเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะเติมการพัฒนาทุกมิติ รวมถึงการซ้อมรบและการศึกษา คนที่มาเป็นทหารเกณฑ์ในสมัยนี้จะสามารถเรียนต่อได้ และจบพร้อมกับผู้อื่นที่ไม่ได้มาเป็นทหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้วิชาทหารโอนมาเป็นหน่วยกิตใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้มีระบบเรียนออนไลน์ที่สามารถใช้เทียบวุฒิได้ เพราะฉะนั้นใครกำลังศึกษาอยู่ก็สามารถเรียนต่อได้เลยแม้ต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ เมื่อถามอีกว่า ทางกองทัพจะประสานกับทางมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ได้มีการคุยไว้แล้ว และจะทําเอ็มโอยูกับทบวงมหาวิทยาลัย โดยจะเริ่มนำร่องบางแห่งก่อน และจะพยายามให้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะขณะนี้สถาบันการศึกษาก็ต้องการนักศึกษา และผู้ที่มาเป็นทหารเกณฑ์ ก็มีโอกาสที่จะเป็นข้าราชการประจำมากขึ้น

‘เพื่อไทย’ ไม่ยุบ!! ‘กอ.รมน.’ ได้ใจ ‘สูงวัย-ชนชั้นกลาง’ เหตุ!! รำคาญพรรคส้มเต็มที ส่วนพี่ๆ กองทัพอ้าแขนโอบกอด

สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง แม้จะดูเหมือนยังวนลูป แต่หากส่องกล้องดีๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว… กลางสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ติดภารกิจไม่ได้มาขยับ ช่วงสุดสัปดาห์นี้เลยขอหยิบโน่นนิดนี่หน่อย มาเมาท์มอยเอาใจคอการเมือง

เรื่องแรก - แม้จะยังไม่ค่อยแจ่มชัดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่สังเกตให้ดีช่วงหลังๆ ภาษากาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ดูมีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้น พูดจาช้าลง มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือมากว่าเดิม หนำซ้ำยังได้ใจคนสูงวัยและชนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพ กรณีประกาศเปรี้ยง… ไม่ยุบ กอ.รมน. สวนทางพรรคก้าวไกล… ไม่ใช่เพราะ กอ.รมน.ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรมาก แต่ชาวบ้านเขาน่าจะรำคาญก้าวไกลที่เอะอะก็จะยุบไปหมด…

มองให้ลึกลงไป… ห้วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยกับกองทัพสมานสมัครรักใคร่กันเป็นพิเศษ… ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็น เพื่อไทยเองก็สารภาพบาปผ่าน ‘ฯพณฯ คลังแสง’ แล้วว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะรู้ว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ เพราะอะไร… ส่วนกองทัพก็มีความอ่อนตัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าไม่ล้มเจ้า ไม่โกงบ้านกินเมืองกันแบบมูมมาม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะใช้อภิสิทธิ์นอนชั้น 14 ก็นอนไป กองทัพไม่ยุ่งด้วย… แถมตอบสนองนโยบายในฐานะเครื่องมือของรัฐฯ

เรื่องที่สอง - เกี่ยวโยงกับความมั่นคง แม้จะยังไม่เสนอ ครม.ในวันอังคารที่ 7 พ.ย.นี้ แต่ค่อนข้างลงตัวแล้วว่า จะมีการโอนย้าย ‘พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์’ รอง ผบ.ตร. เตรียมทหารรุ่น 24 ข้ามห้วยไปรับตำแหน่งระดับ 11 ก่อนเกษียณ… คือ ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำให้ท่านรองเลขา สมช. อย่าง ‘ฉัตรชัย บางชวด’ ต้องรอคั่วปลายปีหน้า… ไม่เป็นไร รอได้ เพราะเกษียณปี 2570

ที่น่าจับตามากกว่า เลขา สมช.คนใหม่ คือ หาก พล.ต.อ.รอย ลุกจาก รอง ผบ.ตร.จริง... รอง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งต้องมาจากอาวุโสเป็นหลัก ก็หนีไม่พ้น ‘พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข’ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณปี 2568 

สำหรับ ‘บิ๊กจวบ’ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 นรต.รุ่น 39 เป็นนายตำรวจที่อ่อนตัว วันที่ นช.ทักษิณ กลับบ้านมานอน รพ.ชั้น 14... ‘บิ๊กจวบ’ คือ ผู้รับผิดชอบ ว่ากันว่าอันที่จริงนายใหญ่ชั้น 14 ก็เล็งๆ ที่จะอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่แล้ว… ถ้า ‘บิ๊กจวบ’ ขึ้นรอง ผบ.ตร.ปีหน้า คนที่จะชิง ผบ.ตร.มีถึง 4 คน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์, พล.ต.อ. ธนา ชูวงษ์ และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข

ไม่ต้องถามว่าใครอาวุโสกว่าใคร… เพราะจากรอง ผบ.ตร.เป็น ผบ.ตร.ใช้ทั้งอาวุธและความสามารถผสมกัน แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าของพรรคเพื่อไทยอยากได้ใคร!!

เรื่องที่สาม - แถมท้าย อินเทรนด์กับเขาหน่อย เรื่องการขับ สส.คุกคามทางเพศที่เขาบอกว่า ‘คาวไม่เท่ากัน’ งานนี้พรรคก้าวไกลเสียรังวัดเสียหายหลายแสน… มติที่ออกมาขับ ‘สส.แจ้ ปราจีนฯ’ แต่คาดโทษ ‘สส.ปูอัด จอมทอง’ ถูกวิจารณ์แซดว่า ‘คนไม่เท่ากัน-สองมาตรฐาน’ ตอนหลังดูท่า สส.ปูอัด จอมทอง ที่ว่ากันว่าเส้นใหญ่ไม่ยอมขอโทษผู้เสียหายแบบตรงๆ คงจะถูกขับด้วยในที่สุด… 

พูดถึง ‘ก้าวไกล’ ปลายปีนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะรอดไม่รอด กรณีถือหุ้นสื่อ… ในขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือหนาหูว่า หากพิธาไม่เป็นอะไรไปหรือต้องพ้นจาก สส.ก็เถอะ… โปรดจับตา ดีลการเมืองใหม่ล่าสุด ระหว่าง ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ กับ ‘พิธา’ และน่าจะรวมถึง ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ ที่เพิ่งลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย เมื่อ 27 ต.ค.นี้ด้วย… 

การพบกันของคุณหญิงและคณะกับพิธาที่สหรัฐฯ เมื่อหลายวันก่อน แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจ… ขอบอก!! 

‘สุทิน’ ยัน!! ‘ทหาร’ จะเป็นไม้สองแก้ปัญหาเด็กตีกัน พร้อมช่วยปลูกฝังจิตสำนึก หากเกินกำลังของตำรวจ

(23 พ.ย.66) ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์การแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทว่า มีกลไกระดับล่างที่แก้ไขปัญหากันอยู่ ทั้งระดับกระทรวงและตำรวจ แต่ถ้าเกินกำลังเชื่อว่าทางทหารอาจจะใช้กลไกในเรื่องของกำลังสำรอง หรือนักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ถือเป็นการปลูกฝังจิตสำนึก ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ หากเกินกว่ากำลังตำรวจ ทหารก็รับเหตุได้อยู่แล้ว

'จิรายุ' ชี้กองทัพยุค 'บิ๊กทิน' พัฒนา 'ความมั่นคง' พร้อม 'ความมั่งคั่ง' ทาง ศก. หลัง 'ผบ.ทร.' เผย!! สนามบินอู่ตะเภาพร้อมรองรับ EEC เอื้อ ศก.รุดหน้า

(16 ธ.ค.66) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคตะวันออก อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ว่า นอกจากการตรวจเยี่ยมการฝึกยุทธวิธีของกองทัพเรือ แล้ว รมว.กลาโหม ยังได้ติดตามความคืบหน้า ในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ EEC เพื่อรองรับต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเติบโตในอนาคตอันใกล้นี้

โดย พล.ร.อ.อะดุง พันธ์ุเอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการปรับปรุง สนามบินอู่ตะเภา ได้รายงานว่า เพื่อให้สนามบินแห่งนี้มีความทันสมัยในการรองรับ นักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมากที่เข้ามาท่องเที่ยวในชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และรองรับกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในโครงการ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งจะมีทั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และระบบคมนาคม ทั้งทางอากาศ ทางน้ำและทางบก รวมทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น ในความรับผิดชอบของ กองทัพเรือมี 2 โครงการ คือการพัฒนาและปรับปรุงทั้งอาคารผู้โดยสารและรันเวย์ที่ 2 เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ในปริมาณที่มากขึ้น

ล่าสุด มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยงานจ้างที่ปรึกษาโครงการดำเนินการ ไปถึงขั้นตอนการประกาศเชิญชวน แล้วคาดว่าจะมีการอนุมัติ ในสัปดาห์หน้านี้

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนงานจ้างก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 จะนำเข้าพิจารณากับคณะกรรมการของกองทัพเรือเพื่อขอความเห็นชอบในร่าง TOR ไม่เกิน วันที่ 26 ธันวาคม ปีนี้ เพื่อให้ทันแถลงผลการประชุม คณะกรรมการ EEC ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันดังกล่าว โดยคาดว่าในปีหน้าโครงการนี้จะมีความคืบหน้าในการรองรับภาวะเศรษฐกิจที่จะเติบโตได้

นายจิรายุ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม รมว.กลาโหม ได้กำชับหน่วยงาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้ดำเนินการตอบสนองตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในเรื่องแนวนโยบายพัฒนากองทัพควบคู่ไปกับการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้ทรัพยากรของกองทัพในการสนับสนุน เนื่องจากโลกยุคใหม่ต้องเดินควบคู่ไปพร้อมกันระหว่างความมั่นคงทางการทหาร และความมั่นคงของเศรษฐกิจ เพราะเมื่อเศรษฐกิจมั่งคั่งความมั่นคงของประเทศไทยก็จะมั่นคงตามไปด้วย

‘สุทิน’ ลุยศรีสะเกษ ตรวจเยี่ยมค่ายสุรนารี-เปิดอนุสรณ์สถานพิทักษ์ไทย เล็งพัฒนาพื้นที่การค้า หวังกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 66 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกำลังป้องกันชายแดน ในพื้นที่กองกำลังสุรนารี โดยมี พลตรี พรชัย มาหลิน รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2, พลตรี ณัฏฐ ศรีอินทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี, นายอนุพงค์สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์, พันเอก จิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และผู้บังคับหน่วย พร้อมทั้งส่วนราชการในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ

โดย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังสนาม ฮ.ชั่วคราว โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้น คณะเดินทางไปยังศาลาวัฒนธรรม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรนารี พร้อมทั้งตรวจภูมิประเทศบริเวณจุดตรวจการณ์ผามออีแดง ให้โอวาทและมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่กำลังพลของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดนในพื้นที่ จังหวัดศรีสะเกษ

ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด ‘อนุสรณ์สถานพิทักษ์ไทย’ ซึ่งกองกำลังสุรนารี จัดสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของวีรชน ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อ ในการรักษาประเทศชาติและอธิปไตย ณ ฐานปฏิบัติการฟ้าลั่น อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ต่อมา นายสุทิน และคณะ เดินทางไปยังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของด่านศุลกากรช่องจอม พบปะประชาชนที่มาคอยต้อนรับ พร้อมทั้งรับฟังบรรยายสรุป การส่งเสริมการค้าชายแดนตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ เสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

‘กระทรวงกลาโหม’ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวชุติมา กุมาร เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้านสื่อสารและประชาสัมพันธ์

ประกาศแต่งตั้ง นางสาวชุติมา กุมาร เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้านสื่อสารและประชาสัมพันธ์
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top