Sunday, 20 April 2025
สำนักนายกรัฐมนตรี

‘พี่อิ๊งค์’ ล้อมวงคุย!! ตอบคำถาม ตัวแทนเยาวชน ที่ตึกสันติไมตรี ย้ำ!! ทำงานไม่เหนื่อย ถึงแม้วันหยุดน้อย เพราะมีกำลังใจที่ดี

(11 ม.ค. 68) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งล้อมวงพูดคุยกับตัวแทนเด็กและเยาวชนโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จากกรุงเทพมหานคร นครปฐม และสมุทรปราการ จำนวน 40 คน และผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จำนวน 6 คน จากภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ประกอบด้วย โรงเรียนอนุบาลสุราษฎร์ธานี โรงเรียนนารีนุกูลอุบลราชธานี โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทยจังหวัดน่าน และโรงเรียนมัธยมพระราชทานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน

นายกฯ กล่าวว่า พี่จบจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เป็นโรงเรียนหญิงล้วน จบแล้วไปต่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 1 ถึงปี 4 และเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ เรียนจบสาขาโรงแรมเพราะว่าที่บ้านทำธุรกิจโรงแรมก็เลยอยากทำต่อ สรุปมาทำการเมืองแทน ความจริงอะไรที่เราแพลนไว้ไม่ได้ตามที่เราแพลนทุกอย่าง คำขวัญวันเด็กถึงได้พูดว่าพร้อมปรับตัวสู่อนาคตวันนี้น้อง ๆ มีคำถามอะไรถามได้เลย

โดยนักเรียนจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ถามนายกฯว่าเหนื่อยหรือเปล่ากับการทำงานในตำแหน่งนายกฯ ซึ่งนายกฯ ตอบว่า คิดว่าทุกตำแหน่งเหนื่อยคนละแบบ ความจริงเป็นนายกฯเหนื่อยแต่เหนื่อยปกติ อาจจะมีวันหยุดน้อยหน่อย เพราะเราหยุดอาจจะโดนว่าก็เลยทำให้ไม่ได้หยุด เป็นนายกฯหยุดอาจจะผิดเล็กน้อย แต่ความจริงไม่เหนื่อยเพราะมีกำลังใจที่ดีเวลาผลงานที่ทำออกไปแล้ว เราทำด้วยความตั้งใจเพราะเราตั้งใจทำ บางคนบอกว่าได้รับประโยชน์มันอิ่มใจ ใจมันฟู สิ่งที่พี่กำลังจะทำเรื่องของทุนการศึกษา ถ้ามีใครได้มีโอกาสในการศึกษาเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้หายเหนื่อย เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจทำงานให้นโยบายออกเยอะๆ ประชาชนได้ประโยชน์เยอะ ก็จะหายเหนื่อย

จากนั้นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนหอวัง เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ถามว่าเป็นผู้นำหญิงที่อายุน้อยที่สุดคิดว่ามันยากหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ทุกอายุมีความสามารถ การเป็นนายกฯอายุน้อยที่สุดสร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย ความจริงแล้วคิดว่าเนื้องานของการทำงานไม่ได้ต่างกับผู้ชาย แน่นอนมันก็ยังมีในเรื่องของความบูลลี่นิดนึงในความที่เราเป็นผู้หญิง อันนี้ถ้าสังคมเปิดกว้างขึ้น โลกเปิดกว้าง มีการพัฒนาตรงนี้มากขึ้น และเข้าใจมากขึ้นคิดว่าตรงนี้จะน้อยลง ซึ่งเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่านักการเมืองหญิงทั่วโลกจะถูกบูลลี่ในเรื่องต่างๆ สมมุติว่าเป็นผู้หญิงทำไมใส่ชุดนี้ ชุดนั้น แต่ผู้ชายใส่ชุดสูทชุดเดียวจบ ก็เลยไม่มีใครสนใจ สิ่งที่ยากคือตรงนี้ เพราะเราเป็นผู้หญิงโดนบูลลี่ในเรื่องนี้ ถามว่าทำอย่างไร เราต้องรู้คุณค่าของตัวเราก่อน ต้องรู้ว่าเรามาทำตรงนี้ เพื่ออะไร มีความตั้งใจอย่างไร เรามีดีอะไรบ้าง เราอยากทำเรื่องดี ๆ ให้ใครบ้าง อันนี้คือสิ่งที่เราตั้งใจ และต้องมีสติเยอะ ๆ คำว่าสติสอนกันมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ ว่าให้มีสติ เราฟังผ่านๆ แต่เมื่อโตขึ้น เมื่อชีวิตมีเรื่องที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น เราก็จะคิดว่าคำนี้มันสำคัญ พี่ขอบอกไว้ก่อน เผื่อโตขึ้นไปจะรู้สึกว่าคำนี้สำคัญมากคือคำว่าสติ

ต่อมาเด็กนักเรียนจากโรงเรียนราชวินิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ อยากถามนายกฯว่าอะไรคือแรงบันดาลใจของนายกฯ โดยนายกฯ ตอบว่า แรงบันดาลใจมีหลายอย่าง แรงบันดาลใจที่หนึ่ง คือ คุณพ่อพี่เคยเป็นนายกฯเคยทำนโยบายไว้ให้ประเทศชาติ จนถึงทุกวันนี้คือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนฝั่ง นโยบายนี้ยังอยู่ ยังได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่อยากทำนโยบายนี้ ไม่ว่าตัวพี่ไปอยู่ที่ไหน แต่ประโยชน์นี้ยังอยู่ที่ประชาชนอยู่ ถ้าทำได้พี่จะรู้สึกมีความภูมิใจ และรู้สึกว่าเรื่องดีๆยังตกอยู่ที่ประชาชนไม่ว่ามันจะเปลี่ยนไปกี่ยุค กี่สมัยก็ตาม อันนี้คือแรงบันดาลใจแรก ส่วนแรงบันดาลใจที่สอง พี่คิดว่าจากที่เห็นประเทศชาติวุ่นวายแล้วเรามีโอกาสมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ทำเรื่องต่าง ๆ ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ และแรงบันดาลใจที่สาม คือลูก ๆ อย่างน้อย ๆ ในเทอมที่เป็นนายกฯ พี่ได้สร้างสิ่งดี ๆ ไว้ให้กับประเทศ นั่นก็เป็นการเตรียมพร้อมอนาคตส่วนหนึ่งให้กับลูก ๆ ด้วย

จากนั้นเด็กจากโรงเรียนสมาคมพยาบาลไทยจังหวัดน่าน ถามนายกฯว่าได้เห็นพี่อิ๊งค์ทำกับข้าวให้ลูก ๆ กิน คิดว่าพี่อิ๊งค์เป็นแม่ที่ใจดี และมีเมนูอาหารที่จะมาแนะนำพวกหนูหรือไม่ โดยนายกฯ ยิ้มเขินก่อนตอบว่า พี่ตอบเสร็จแล้วไม่ต้องเชิญพี่ไปออกรายการทำอาหารที่ไหน สมัยตอนที่พี่มีลูกคนแรกลูกสาว 4 ขวบตอนนั้นเป็นช่วงโควิด-19 ทำอาหารให้ลูกทานได้ 3 มื้อ เพราะว่าเราอยู่บ้านไปซูเปอร์มาร์เกตเอง ซื้ออาหารทำเอง แต่ว่าลูกยังพูดไม่ได้ก็เลยไม่มีคอมเมนต์ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ แต่พอทานได้อยู่ และเมนูโปรดที่ทำกับลูกคือทำอะไรที่เด็ก ๆ ชอบทาน ที่บ้านปลูกผักปลอดสารพิษให้น้องๆไปเก็บผักและนำมาทอดกรอบ เราเรียกกันง่าย ๆ ในบ้านว่า “บุ้งกรอบ” มันทำง่าย ๆ ก็แค่ผสมแป้งสำเร็จรูปและชุปให้เด็ก ๆ ทอด ซึ่งคนถามว่าไม่กลัวร้อนหรอ ซึ่งเด็กประมาณ 3-4 ขวบ เราบอกเขาได้ อย่าไปห้าม ไปตัดโอกาสเขาทุกอย่าง เขาบอกว่าเด็กอย่าไปตัด แต่ให้เติม ทั้งนี้ ที่ทำเมนูบุ้งกรอบเพราะเด็ก ๆ ชอบทานผักบุ้งทอดกรอบ เมื่อเขาทำเองจะได้มีความภูมิใจในการทอดทีละอัน และอีกเมนูหนึ่งที่ทำง่าย ๆ คือให้ฝึกทอดไข่เจียว ให้เลือกรสชาติที่ชอบ แต่แม่คอยย้ำว่าอย่าเค็มเกินไป แต่จะให้ตนทำเมนูที่ยากมากกว่านี้คงต้องไปเรียน อย่างแกงพะแนง และแกงเขียวหวานแม่ทำไม่เป็น

ต่อจากนั้นนายกฯถ่ายภาพกับนักเรียน Thailand Zero Dropout นักเรียนนอกระบบการศึกษาที่ได้รับการนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง และกลุ่มเยาวชนที่ชนะการแข่งขันกีฬาประเภทจักรยานทรงตัวในรายการแข่ง RSR Runbike Championship in Songkhla ทั้งนี้ตัวแทนนักเรียนได้มอบตุ๊กตาทำมือให้กับนายกฯด้วย

ขณะที่บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีเด็ก ๆ ขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นนายกฯ

รัฐบาล เชิญชวน!! ประชาชน ร่วมงานพระราชพิธีสมมงคล เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 14 ม.ค. นี้

(12 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ (สลค.) แจ้งการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งที่ 2 จากเดิมในวันอังคารที่ 14 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ในเวลา 10.00 น. เนื่องด้วยในวันที่ 14 มกราคม รัฐบาลได้จัดงาน ‘พระราชพิธีสมมงคล’ (สะ-มะ-มง-คล) โดยนายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ ‘พระราชพิธีสมมงคล’ ซึ่งรัฐบาลได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล พระชนมายุเท่ากับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันที่ 14 มกราคม 2568

นายจิรายุ กล่าวว่า ในส่วนของกิจกรรม ประกอบด้วย 7 กิจกรรม ดังนี้ 1.พิธีสืบพระชะตาหลวง ณ สวนสราญรมย์ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-20 มกราคม 2568 2.การบูรณปฏิสังขรณ์ วัดสังกัสรัตนคีรี จ.อุทัยธานี 3.การจัดแสดงโขนเรื่อง รามเกียรติ์ ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพมหานคร ในวันที่อังคารที่ 14 มกราคม 2568

4.การจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ 5.การจัดพิธีทางศาสนาและกิจกรรมถวายพระราชกุศล ณ ศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 6.การจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และเจริญจิตตภาวนา ถวายพระราชกุศล และ 7.การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรุงเทพมหานคร

“วันที่ 14 มกราคมนี้ นับเป็นโอกาสมหามงคลสมัยพิเศษ เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมายุได้ 26,469 วัน เป็นวันสมมงคล (สะ–มะ-มง-คล) เท่ากับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญในครั้งนี้” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย

‘โฆษกรัฐบาล’ ยัน!! สถานบันเทิงครบวงจร ไม่ได้เน้น ‘กาสิโน’ ยก!! ‘สิงคโปร์’ สร้าง ‘มารีน่าเบย์’ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้คึกคัก

(18 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ ‘เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า’ ว่า ในเรื่องของสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ซึ่งเวลาออกกฎหมายจะต้องผ่านคณะรัฐมนตรี ก็ได้มีการพิจารณา 3 ประเด็นหลักคือ 1. รับทราบรายงานที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าในแต่ละปีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอื่นๆ มีสถิติการจับกุมการพนันผิดกฎหมายทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก 2. แม้มีการจับกุมการพนันออนไลน์ใต้ดินจำนวนมาก แต่พบว่ามีเงินไหลไปนอกประเทศจำนวนมาก และ 3.มีการจัดทำสถานบันเทิงครบวงจรจำนวนมาก รอบๆ ประเทศไทย และประเทศอื่นๆ

“ที่สำคัญเราไม่ได้เห็นว่า ทำไมต่างประเทศเขาทำแล้วเราต้องทำ แต่ถ้าเราไม่ทำเราก็จะควบคุมอะไรไม่ได้ ธุรกิจใต้ดิน ธุรกิจค้ามนุษย์ การจ้างงานไม่อยู่ในระบบ เงินทองไหลออกนอกประเทศ เกิดความวุ่นวายขายปลาช่อนกันเยอะแยะมากมายตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมาเพราะฉะนั้นการทำสถานบันเทิงครบวงจรนั้น จึงไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องของกาสิโนอย่างเดียว แต่หมายความถึงสถานที่ท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง อ่าวมารีน่าเบย์ ประเทศสิงคโปร์ สมัยก่อนคนไปสิงคโปร์ ก็ไปเที่ยวสวนนก ไปเดินแถวถนนออชาร์ด เหมือนสุขุมวิทบ้านเรา เดินชอปปิงร้อนก็ร้อน ไม่มีอะไรจะเที่ยว ก็ทำมารีน่าเบย์ ขึ้นมา มีทั้งสปอร์ต คอมเพล็กซ์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีจุดถ่ายรูป มีโรงแรมที่พัก และมีกาสิโนเพียง 10%”

นายจิรายุ ยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้เราต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทยเดินทางมา 10-20 ปี แล้วสิ่งเหล่านี้กลายเป็นสภาพปัญหามากมาย หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนจากนี้ จะต้องส่งเรื่องไปยังรัฐสภา เพื่อบรรจุวาระรับหลักการ ซึ่งจะมีการอภิปรายของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ว่าตกลงแล้วจะเอากฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ซึ่งถ้ารับหลักการก็ต้องตั้งกรรมการวิสามัญ ซึ่งมีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ที่จะมาร่วมกันพิจารณารายละเอียดรายมาตราว่า จะเขียนกติกาอย่างไร จะให้คนไทยเข้าได้หรือไม่ หากเข้าได้ควรจะเป็นลักษณะอย่างไร หรือหากเข้าไม่ได้ควรจะเป็นลักษณะอย่างไร ดูเรื่องผลกระทบต่างๆ เงินทองจะเป็นแบบไหน อย่างไร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน และถ้าอยู่ในกรอบนั้น แล้วลงมติวาระ 3 ก่อนจะส่งต่อไปที่สมาชิกวุฒิสภา จากนั้นก็ส่งกลับมาที่รัฐสภาแล้วประกาศใช้ นี่คือสิ่งที่ที่จะต้องลงรายละเอียด ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยอีก 6 เดือน

‘แพทองธาร’ นำคณะ!! บินดาวอส ประชุม ‘World Economic Forum’ โชว์!! วิสัยทัศน์รัฐบาล ย้ำ!! ศักยภาพประเทศไทย ขับเคลื่อนไปสู่ยุคดิจิทัล

(19 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 (WEF Annual Meeting 2025: WEF AM25) ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค. 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส

โดยมีผู้แทนรัฐบาลไทยที่ได้รับเชิญและร่วมคณะ ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ

การประชุม WEF AM25 จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 55 ภายใต้หัวข้อหลัก “Collaboration for the Intelligent Age” เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงให้เกิดคุณประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการค้าการลงทุน ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ในบริบทของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันที่สลับซับซ้อนและท้าทาย

โดยนายกฯ จะใช้เวที WEF แสดงวิสัยทัศน์และนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยที่จะขับเคลื่อนไปสู่ยุคดิจิทัล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และขยายโอกาสของภาคเอกชนไทยในตลาดโลก

เนื่องจากการประชุม WEF นับเป็นเวทีที่มีอิทธิพลสูงมากต่อความตระหนักรู้ของสาธารณชนและสื่อมวลชนชั้นนำระดับโลก ทั้งยังจะมีการพบหารือทวิภาคีกับระหว่างผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ องค์การระหว่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของโลก โดยเฉพาะจากภูมิภาคยุโรป

ทั้งนี้นายกฯ จะเดินทางจากไทย ในวันที่20 ม.ค.นี้ ถึงท่าอากาศยานนครซูริก สมาพันธรัฐสวิส ในจันทร์ที่ 20 ม.ค. เวลา 14.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ซึ่งเวลาที่นครซูริกช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) และจะปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันที่ 20-25 ม.ค. 2568 และจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันเสาร์ที่ 25 ม.ค.

ระวัง!! ‘มนต์รักออนไลน์’ ในช่วงวันวาเลนไทน์ รวม 8 ข้อยอดฮิต จากมิจฉาชีพ

(9 ก.พ. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงเดือนแห่งความรักและช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ รัฐบาลห่วงใยประชาชนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้รัก และหลอกลวงให้สูญเสียเงิน ผ่านสื่อออนไลน์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมทั้งจากข้อความผ่านSMS  เป็นต้น  โดยขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า หากมีการเชิญชวนให้โหลดแอปพลิเคชัน เล่นเกมผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงหากต้องการซื้อช่อดอกไม้จากร้านค้าออนไลน์ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ขอให้ตรวจสอบแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และร้านดอกไม้ที่น่าเชื่อถือ ก่อนจะชำระเงินหรือโอนเงินไปยังปลายทาง เพื่อป้องกันความเสียหายในการชำระเงินไปยังบัญชีของมิจฉาชีพ

นายอนุกูล กล่าวว่า ปัจจุบันการกระทำผิดบนสื่อออนไลน์ของมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้รัฐบาลได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการเฝ้าระวัง ติดตาม และป้องกันการกระทำผิดของมิจฉาชีพผ่านสื่อออนไลน์อย่างเข้มงวด รวมถึงเฝ้าระวังและติดตามกลโกงของสื่อรักผ่านออนไลน์ หรือ Romance Scam ซึ่งเป็นการหลอกให้รัก เพื่อหวังแสวงหาผลประโยชน์จากความเชื่อใจของเหยื่อ สำหรับกลอุบายของมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงมักจะมาด้วยกลอุบาย ดังต่อไปนี้ 

1. หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล  
2. หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ตโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี 
3. หลอกให้รัก ให้ถ่ายรูปลับส่วนตัว แล้วแบล็กเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์ แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ 
4. มิจฉาชีพที่เป็นชาวต่างชาติจะทำทีมาจีบและให้ความหวังว่าอยากจะมาแต่งงานที่เมืองไทย และส่งทรัพย์สินให้ แต่ต้องชำระเงินค่าภาษีก่อน และขอให้ท่านช่วยชำระภาษีให้ก่อน  
5. มิจฉาชีพแสดงตัวว่าได้รับมรดกเป็นเงินมหาศาล แต่ต้องชำระภาษีมรดก ขอให้ท่านช่วยชำระภาษี 
6. ป่วยหนัก แต่ประกันยังเบิกจ่ายไม่ได้ 
7. ส่งของรางวัลราคาแพงมาให้ แต่ติดอยู่ที่ด่านตรวจ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน ขอให้ท่านโอนเงินเพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมรางวัลก่อน และ 
8. เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติที่จะมาลงทุน แต่ต้องการให้ร่วมทุนด้วย 

“รัฐบาลย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักรู้เท่าทัน ภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพ อย่าหลงเชื่อ หากท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์มิจฉาชีพ หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ต่าง ๆ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ทางสายด่วนโทร 1212 ตลอด 24 ชั่วโมง หากโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 และสามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)” นายอนุกูล กล่าวทิ้งท้าย

รัฐบาล ปลื้ม!! นักท่องเที่ยว แน่นเมือง ‘เบตง’ เตรียมดัน!! ซอฟต์พาวเวอร์อาหาร วัฒนธรรมขึ้นชื่อ

(16 ก.พ. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสวัสดิการของกองทัพฯ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังข้อมูล เพื่อนำเสนอก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จังหวัดสงขลา ในวันอังคารนี้

โดยวันนี้(อาทิตย์16กพ.)ได้เดินทางเข้ารับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะที่บริเวณชายแดน ไทย-มาเลเซีย และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยได้พบปะกับผู้แทนของภาคเอกชน ส่วนราชการด้านความมั่นคงและผู้แทนของปกครองท้องถิ่นและผู้แทนของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในการพัฒนาพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการท่องเที่ยวชายแดนไทย- มาเลเซีย ซึ่งพบว่าชาวอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ขอให้รัฐบาลพิจารณาสนับสนุนให้มีสายการบินพาณิชย์มาลงที่สนามบินเบตงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากยกเลิกเที่ยวบินมาเบตงตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งทั้งผู้โดยสารและ สินค้า

ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปในพื้นที่อำเภอเบตง พบว่าเป็นไปด้วยความคึกคัก ธุรกิจห้างร้าน เปิดกันอย่างคึกคัก ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเบตงมีความสงบมากว่า 11 ปีที่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ จนวันนี้ เบตง เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกว่าร้อยละ 95% เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากทุกวัน

ทั้งนี้ชาวเบตงอยากให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ ร่วมกับอำเภอเบตง จัดกิจกรรมท่องเที่ยวสำคัญในช่วงเทศกาลต่างๆของอำเภอเบตง รวมทั้งอยากให้สนับสนุนเรื่องศิลปะวัฒนธรรม และซอฟพาวเวอร์ท้องถิ่น ทั้งอาหารชื่อดังที่น่าสนใจ เช่น ข้าวมันไก่เบตง ติ่มซำ อาหารประเภทปลาที่ขึ้นชื่อแห่งเดียวอย่างเมนู ”ปลานิล สายน้ำไหล “อันเป็นของดีของเบตง รวมทั้งกิจกรรม ประเพณีสำคัญของพื้นถิ่น อันเป็นวิถีชีวิตของชาวไทยและชาวจีนมาเลเซียในอดีต นอกจากนี้ อำเภอเบตงได้รายงานว่า สกายวอล์คแห่งใหม่ในอำเภอเบตงที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 05:00 น. ไปจนถึง 10:00 น. มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวเต็มเกือบทุกวัน ซึ่งถือว่าเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอำเภอ ชึ่งชาวเบตงฝากเชิญชวนมาเที่ยวที่เบตงแล้วจะหลงรักเบตง

นายจิรายุ กล่าวว่าทั้งนี้ ตนจะสรุปรายงานการลงพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

รัฐบาล เผย!! ท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่เกาะสมุย เสร็จตามกำหนดปี 75 แน่ ย้ำ!! ให้ความสำคัญ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว

(9 มี.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาการบริหารจัดการพื้นที่ฝั่งอ่าวไทยในจังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช  สุราษฎร์ธานี   ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลาเมื่อเดือนที่ผ่านมาในเรื่องการพัฒนาท่าเรือเพื่อเพิ่มจุดท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสงขลาและจังหวัดในฝั่งอ่าวไทย

ทั้งนี้ คณะฯได้ติดตามการพัฒนา การให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ที่ใช้บริการท่าเรืออำเภอดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ที่ขนคนและยานพาหนะซึ่งผู้แทนกรมเจ้าท่ายืนยันว่ายังมีความพร้อมและเพียงพอในการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวไปยังเกาะสมุยซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากฝั่งอันดามัน เช่น จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต ที่สามารถเดินทางข้ามฝั่งมาเที่ยวที่ฝั่งอ่าวไทยบริเวณท่าเรือดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนมาก

ส่วนที่อำเภอเกาะสมุย โครงการจัดทำท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งคาดว่าเริ่มก่อสร้างในเร็ววันนี้จะแล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายในการศึกษาจัดทำจุดจอดเรือเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งตะวันออกของอ่าวไทยโดยเฉพาะจุดท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาต่อเนื่องมายังเกาะสมุย สุราษฯ เพื่อเพิ่มจุดและเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวในฝั่งอ่าวไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายทะเลฝั่งอ่าวไทยของภาคใต้ 

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้ติดตามผลการดำเนินงานการจัดการน้ำเสีย บนเกาะสมุย และความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่ห้องประชุมมุกสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนายชัชชัย มณี ปลัดอำเภอเกาะสมุย รักษาราชการแทนนายอำเภอเกาะสมุย  นายสิทธิศักดิ์ ยิ่งเชิดสุข นายช่างโยธาชำนาญงาน ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการคุณภาพน้ำเสียของเทศบาลนครเกาะสมุย และรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่เกาะสมุย  ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม โดยนายอดูลย์ ระลึกมูล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเกาะสมุย ได้รายงานความพร้อมในการดำเนินการว่าเป็นไปตามกำหนดการที่รัฐบาลได้มอบหมาย

“ รัฐบาลให้ความสำคัญ กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในภาคใต้ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการท่องเที่ยวและการเพิ่มประสิทธิภาพของตำรวจท่องเที่ยว และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของการจัดทำแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติในภูมิภาคอาเซียนซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถใช้เรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางจากสิงคโปร์เข้าสู่สงขลาผ่านมายังสุราษฎร์ธานีเกาะสมุย ไปยังพัทยาและประเทศต่างๆทางฝั่งตะวันออกได้”

สำหรับโครงการท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่นี้ การดำเนินงาน เป็นไปตามเป้าหมายคาดว่าในปี 2572 จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ และจะแล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งจะเป็นการสร้างช่องทางการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางด้วยเรือสำราญระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น

ส่วนการบริหารจัดการน้ำเสียในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยแม้ว่าองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการเองแต่ก็ยังมีงบประมาณไม่เพียงพอ ในที่ประชุมได้ประสานกับองค์การจัดการน้ำเสียกระทรวงมหาดไทยให้ร่วมกันดำเนินการเพื่อจัดทำบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ต่อไป

ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาในพื้นที่เกาะสมุยซึ่งพบว่ามีปริมาณความต้องการมากกว่าน้ำที่ส่งทางท่อจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาที่เกาะสมุย  ที่ประชุมได้ขอให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาเพิ่มเติมท่อส่งน้ำเพื่อให้เกาะสมุยมีน้ำประปาใช้ได้เพียงพอโดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น

ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พลตำรวจตรี ภพพล จักกะพาก ที่ดูแลพื้นที่ 22 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่าปัญหาของเกาะสมุยและเกาะพะงันส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีมากกว่าที่พักบนเกาะพะงันทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปงานสำคัญคือฟูมูนปาร์ตี้แบบไปกลับทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ทั้งนี้ได้ร่วมมือกับกรมเจ้าท่าในการกวดขันตรวจเรือโดยเฉพาะสัญญาณไฟและอุปกรณ์ชูชีพในเรือให้พร้อมตลอดเวลาซึ่งในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการตรวจสารเสพติดต่อผู้ขับขี่เรือระหว่างเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น คณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ดูความคืบหน้าของโครงการบริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงามซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอไปประมาณ 15 กิโลเมตร โดยพบว่าปัจจุบันไม่มีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่  อยู่ระหว่างขั้นตอนการมอบเงินที่ได้จากการเวนคืนที่ดินเพื่อจัดสร้างท่าเรือดังกล่าว ได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

'ภูเก็ต' ยืนหนึ่งเมืองทำเงินสูงสุดกวาดรายได้ 4.9 แสนล้าน รัฐเร่งเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ หวังดัน GDP ไทยโตต่อเนื่อง

เมื่อวานนี้ (9 มี.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาการบริหารจัดการพื้นที่ฝั่งอ่าวไทยในจังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดสงขลาเมื่อเดือนที่ผ่านมาในเรื่องการพัฒนาท่าเรือเพื่อเพิ่มจุดท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสงขลาและจังหวัดในฝั่งอ่าวไทย

ทั้งนี้ คณะฯได้ติดตามการพัฒนา การให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ที่ใช้บริการท่าเรืออำเภอดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ที่ขนคนและยานพาหนะซึ่งผู้แทนกรมเจ้าท่ายืนยันว่ายังมีความพร้อมและเพียงพอในการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวไปยังเกาะสมุยซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่รับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากฝั่งอันดามัน เช่น จังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต ที่สามารถเดินทางข้ามฝั่งมาเที่ยวที่ฝั่งอ่าวไทยบริเวณท่าเรือดังกล่าวนี้ เป็นจำนวนมาก

ส่วนที่อำเภอเกาะสมุย โครงการจัดทำท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ซึ่งคาดว่าเริ่มก่อสร้างในเร็ววันนี้จะแล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายในการศึกษาจัดทำจุดจอดเรือเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวฝั่งตะวันออกของอ่าวไทยโดยเฉพาะจุดท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาต่อเนื่องมายังเกาะสมุย สุราษฎร์ฯ เพื่อเพิ่มจุดและเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวในฝั่งอ่าวไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายทะเลฝั่งอ่าวไทยของภาคใต้ 

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้ติดตามผลการดำเนินงานการจัดการน้ำเสีย บนเกาะสมุย และความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่ห้องประชุมมุกสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนายชัชชัย มณี ปลัดอำเภอเกาะสมุย รักษาราชการแทนนายอำเภอเกาะสมุย นายสิทธิศักดิ์ ยิ่งเชิดสุข นายช่างโยธาชำนาญงาน ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการคุณภาพน้ำเสียของเทศบาลนครเกาะสมุย และรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ ที่เกาะสมุย ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม โดยนายอดูลย์ ระลึกมูล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเกาะสมุย ได้รายงานความพร้อมในการดำเนินการว่าเป็นไปตามกำหนดการที่รัฐบาลได้มอบหมาย

“รัฐบาลให้ความสำคัญ กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในภาคใต้ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการท่องเที่ยวและการเพิ่มประสิทธิภาพของตำรวจท่องเที่ยว และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของการจัดทำแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติในภูมิภาคอาเซียนซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถใช้เรือสำราญขนาดใหญ่เดินทางจากสิงคโปร์เข้าสู่สงขลาผ่านมายังสุราษฎร์ธานีเกาะสมุย ไปยังพัทยาและประเทศต่างๆทางฝั่งตะวันออกได้”

สำหรับโครงการท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่นี้ การดำเนินงาน เป็นไปตามเป้าหมายคาดว่าในปี 2572 จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ และจะแล้วเสร็จในปี 2575 ซึ่งจะเป็นการสร้างช่องทางการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางด้วยเรือสำราญระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น

ส่วนการบริหารจัดการน้ำเสียในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยแม้ว่าองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการเองแต่ก็ยังมีงบประมาณไม่เพียงพอ ในที่ประชุมได้ประสานกับองค์การจัดการน้ำเสียกระทรวงมหาดไทยให้ร่วมกันดำเนินการเพื่อจัดทำบ่อบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ต่อไป

ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาในพื้นที่เกาะสมุยซึ่งพบว่ามีปริมาณความต้องการมากกว่าน้ำที่ส่งทางท่อจากจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาที่เกาะสมุย  ที่ประชุมได้ขอให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาเพิ่มเติมท่อส่งน้ำเพื่อให้เกาะสมุยมีน้ำประปาใช้ได้เพียงพอโดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น

ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พลตำรวจตรี ภพพล จักกะพาก ที่ดูแลพื้นที่ 22 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่าปัญหาของเกาะสมุยและเกาะพะงันส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มีมากกว่าที่พักบนเกาะพะงันทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปงานสำคัญคือฟูมูนปาร์ตี้แบบไปกลับทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ทั้งนี้ได้ร่วมมือกับกรมเจ้าท่าในการกวดขันตรวจเรือโดยเฉพาะสัญญาณไฟและอุปกรณ์ชูชีพในเรือให้พร้อมตลอดเวลาซึ่งในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการตรวจสารเสพติดต่อผู้ขับขี่เรือระหว่างเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น คณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ดูความคืบหน้าของโครงการบริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงามซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอไปประมาณ 15 กิโลเมตร โดยพบว่าปัจจุบันไม่มีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่  อยู่ระหว่างขั้นตอนการมอบเงินที่ได้จากการเวนคืนที่ดินเพื่อจัดสร้างท่าเรือดังกล่าว ได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

รัฐบาลไทย วอน!! นานาประเทศเข้าใจ การแก้ไขปัญหา ส่ง ‘อุยกูร์’ กลับ ขอให้มั่นใจ ทำตามสิทธิมนุษยชนเต็มที่

(16 มี.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะสื่อมวลชน 9 คนจากหลากหลายสำนักทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย รวมทั้งคณะ 25 คน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันอังคารที่ 18 - 20 มีนาคม 2568 ที่มณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยในวันอังคารที่ 18 มีนาคม 2568 เวลา 23.30 น. คณะจะออกเดินทางจากกองบิน 6 ท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงบินโดยจะถึงเมืองคาซือ ในวันพุธที่ 19 มีนาคม เวลาประมาณ 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 1 ชั่วโมง คณะมีกำหนดการเดินทางไปเยี่ยมชาวจีน อุยกูร์ ที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง และร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันพร้อมกับผู้นำท้องถิ่นในช่วงเช้าและบ่าย

สำหรับในวันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2568 คณะจะเดินทางไปมณฑลซินเจียงที่อยู่ห่างไกล และจะเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์บังคับใช้กฎหมายและการจัดการคดีของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง จากนั้นคณะจะเดินทางไปที่มัสยิดอิดกะฮ์ (Id Kah) พูดคุยสนทนากับผู้นำศาสนา และร่วมรับประทานอาหารค่ำกับตัวแทนผู้นำศาสนาในท้องถิ่น ก่อนที่รองนายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง ในเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะเดินทางถึงประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 01.00 น. ณ กองบิน 6 ท่าอากาศยานดอนเมือง

นายจิรายุ กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏในข้อกังวลของนานาอารยประเทศ และให้เข้าใจประเทศไทยถึงการแก้ไขปัญหาซึ่งรัฐบาลไทยได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและมีข้อตกลงสำคัญต่อรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ต้องคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในยุคโลกปัจจุบัน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีสิทธิเสรีภาพ ซึ่งถือว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากถึงขั้นตอนการตรวจสอบรายละเอียดนานหลายเดือนก่อนจะส่ง ชาวจีนอุยกูร์ กลับสู่มาตุภูมิ เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งชาวจีนกลับสู่บ้านเกิดจะต้องได้รับความปลอดภัยและเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรก โดยรัฐบาลไทยจะกำหนดการเดินทางเป็นระยะๆเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศต่อนานาอารยะประเทศต่อไป

‘จิรายุ’ ชวนเที่ยว!! เชียงใหม่ งานสงกรานต์ปี๋ใหม่เมือง ยัน!! ปลอดภัย ไร้ผลกระทบ จากเหตุแผ่นดินไหว

(7 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่พร้อมกับ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีเพียง 3 อาคาร ที่ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป โดยอาคารที่ 1 เป็นอาคารเก่า ‘ดวงกมลคอนโดมิเนียม’ ก่อสร้างมานานมากกว่า 30 ปีเป็นอาคารสูง 8 ชั้น มีจำนวน 102 ห้อง อยู่ที่ตำบล ช้างคลานอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศปิดห้ามใช้อาคารทั้งหมดและได้ใช้เหล็กค้ำยันที่ชั้น 1 มากกว่า 10 จุด เพื่อป้องกันไม่ให้อาคารทรุดเนื่องจากโครงสร้างด้านล่างชั้น 1 บิดงอและมีรอยแตกร้าว โดยฝ่ายโยธาก็จะประสานงานเพื่อดำเนินการให้เจ้าของตึกแก้ไขปรับปรุงต่อไป ส่วนอาคารหลังที่ 2 และ 3 นั้น เป็นอาคารคอนโดมิเนียมสูง 22 ชั้น ซึ่งไม่มีผลกระทบทางโครงสร้าง เป็นเพียงอุปกรณ์ตกแต่งและปูนที่ฉาบแตกร้าว ขณะนี้ จังหวัดได้ให้นิติบุคคลเร่งแก้ไขเนื่องจากผู้อยู่อาศัยทั้งหมดได้ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกชั่วคราว

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ผลกระทบด้านอื่นๆของจังหวัดเชียงใหม่มีน้อยมาก และกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากว่า 5 วันแล้ว สำหรับบรรยากาศต่างๆโดยเฉพาะการท่องเที่ยวของเมืองเชียงใหม่ ทั้งถนนนิมมานฯ ถนนคนเดิน และร้านอาหาร บริเวณรอบคูเมือง ยังคึกคัก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะช่วง เทศกาลสงกรานต์ที่จะเริ่มต้นขึ้นในปลายสัปดาห์นี้

“ยืนยันจังหวัดเชียงใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์เชียงใหม่ หรือ ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ด้วยความวัฒนธรรมและประเพณีที่งดงาม” นายจิรายุ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top